Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แม่กับแฟนเกลียดกัน เครียดมากค่ะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
งือ ช่วยด้วยค่ะ หนูเครียดมากๆ T T แฟนหนูเป็นทอมค่ะ เดิมทีคุณแม่ก็ไม่ชอบเพศที่สามอยู่เป็นทุนเดิม แต่ว่าแฟนหนูคนนี้เป็นทุกอย่างให้ครอบครัวเราเลยค่ะ เป็นคนซื้อของ พี่เลี้ยง แม่บ้าน สอนหนังสือน้องสาวหนู น้องสาวหนูติดเขามากๆ แถมเขาก็ชอบมานอนที่บ้านเราบ่อยๆ (นอนกันหลายคน) ดูแลน้าหนูที่ป่วยอย่างใกล้ชิดและสนิทสนมกับทุกคนดี ดูเหมือนจะแฮปปี้นะคะ แต่ว่า(อย่าหาว่าหนูว่าแม่เลยนะคะ) แม่หนูเป็นคนชอบนินทาคนอื่นๆ ทุกคน แถมนินทาว่าร้ายแบบสุดๆ แฟนหนูเลยเริ่มไม่โอเคกับคุณแม่ และคุณแม่ชอบใช้กำลังตบตีทำร้ายหนู น้อง คุณยาย ให้เขาเห็นอยู่บ่อยๆ ครั้งที่คุณแม่ตีคุณยายแฟนหนูรับไม่ได้เลยหนีขึ้นไปร้องไห้อยู่ข้างบน น้องหนูต้องไปปลอบ หลังจากนั้นพฤติกรรมของแฟนหนูต่อคุณแม่ก็เปลี่ยนไป คุณแม่เริ่มสังเกตพฤติกรรมของแฟนหนู ที่ไม่ค่อยมองหน้า ไม่ค่อยพูด ใช้งานยากขึ้น(เป็นกับแม่แค่คนเดียว) จนเวลาคุณแม่จะใช้เขาไปทำนุ่นนี่ ต้องใช้ผ่านหนู คุณแม่เริ่มไม่พอใจมาก หลังจากนั้นจึงเริ่มด่าแฟนหนูให้หนูฟังบ่อยๆ ทั้งที่จริงและไม่จริง และเอาความลับหรือปัญหาครอบครัวของแฟนหนูไปนินทากับเพื่อนๆ หนูก็สงสารเขา แต่ทำอะไรไม่ได้ เขายิ่งไม่ชอบแม่ไปใหญ่ แต่หนูพยามขอ ให้เขาทำตัวเป็นปกติได้ไหม หนูอยากให้บ้านสงบสุข ไม่อยากให้แม่ไล่เขาออกจากบ้าน เพราะคุณแม่เกลียดคนที่เมินแม่ ไม่ฟังคำสั่งแม่ และคนชักสีหน้าที่สุด เพราะแฟนหนูเป็นคนที่รุ้สึกยังไงจะแสดงออกมาแบบนั้น ไม่สามารถปิดบังความรู้สึกจากใบหน้าได้เลย หนูเลยหนักใจ (ต้องบอกก่อนว่าคุณแม่เป็นคนที่ทุกคนในครอบครัวกลัวที่สุดและไม่กล้าขัดคำสั่งค่ะ แม้กระทั่งคุณยาย แม่สามารถไล่เขาออกได้ง่ายๆโดยไม่สามารถขัดได้)  ตอนนี้ในบ้านอึดอัดมากไป แฟนกับคุณแม่ไม่พูดกันเลย ต่างทำเหมือนอีกคนไม่มีตัวตน เวลาจะถาม จะบอก จะใช้ ต้องผ่านหนู แถมทั้งแฟนทั้งแม่ก็เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ ต่างคนต่างว่าอีกฝ่ายให้หนูฟัง เหมือนหนูเป็นคนกลางซึ่งหนักใจมากค่ะ คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปหนูต้องเลิกกับเขาแน่ หนูอยากให้เขาเข้าใจหนู และกลับมาเป็นปกติ อย่าสนใจอะไรที่ไม่ดีของแม่ให้มองข้ามไป แต่เขาทำไม่ได้ **อีกสาเหตุนึงที่เเม่ยังไม่ระเบิดใส่แฟนหนู เพราะเมื่อก่อนคุณแม่มีลูกน้องเต็มบ้าน(ญาติๆที่มาขออาศัยจึงใช้งานแลก) ทั้งพี่เลี้ยงคนขับรถแม่บ้าน แต่ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว แฟนหนูมาทำหน้าที่พวกนั้นแทนทุกอย่างคุณแม่เลยยังทนอยู่มั้งคะ แต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ดีเลย หนูเครียดทุกวันอยากร้องไห้ แต่ร่องกับใครไม่ได้ แม่ก็ไม่เข้าใจแฟนก็ไม่เข้าใตน้องก็ยังเด็ก หัวจะระเบิดแล้ว T^T

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

HQ097 27 พ.ค. 62 เวลา 15:01 น. 1

เท่าที่ผมอ่าน เป็นผมผมก็ทนไม่ได้ครับ จะให้ทำแล้วกลับไปทำตัวเหมือนปกติทั้งๆ ที่เห็นอะไรมากขนาดนี้แล้ว


ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมทุกคนยอมแม่คุณขนาดนั้น ถ้าสิ่งที่คุณเขียนมาเป็นจริง นี่แสดงว่าแม้แต่ยายซึ่งเป็นแม่ของแม่คุณยังคุมลูกตัวเองไม่ได้เลย นี่มันหนักแล้วนะครับ


ความอดทนของคนมีจำกัดนะครับ และจากที่ดูๆ แล้วแฟนคุณน่าจะหมดความอดทนก่อนแม่คุณ เมื่อนั้นระเบิดเวลาทำงานล่ะครับ


วิธีแก้ ลองย้ายออกมาอยู่กับแฟนไหมครับ อย่างน้อยให้คู่กรณีหายไปจากบ้าน อีกฝ่ายน่าจะไม่มารุกรานถึงที่อยู่ใหม่หรอกนะ (แต่ถ้ามารุกรานคุณและแฟนต่อถึงที่อยู่ใหม่นี่ แฟนคุณได้ระเบิดแน่เลย)

7
SilverBag27 28 พ.ค. 62 เวลา 14:39 น. 1-1

พ่อหนูขอไว้ก่อนเสียให้ดูแลแม่ให้ดีค่ะ แม่หนูเป็นโรคประสาทอ่อนๆ ส่วนหนูเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วยิ่งเครียดหนัก หนูออกไปไม่ได้ค่ะแม่คงไม่ยอม เพราะตอนนี้รายได้ที่บ้านมาจากหนูคนเดียว น้องก็ยังประถมอยู่ค่ะ มือแปดด้านจริงๆใช่ไหมล่ะคะ T T

0
SilverBag27 28 พ.ค. 62 เวลา 14:54 น. 1-2

อีกอย่าง ตอนที่มีชีวิตอยู่ ญาติทุกคนรักพ่อมาก ท่านชอบช่วยเหลือทุกคน ญาติๆจึงเกรงใจแม่ด้วยล่ะมั้งคะ และคงยอมเพราะ ญาติๆหนูส่วนใหญ่จะลำบาก และยังต้องขอความช่วยเหลือเรื่องเงินอยู่น่ะค่ะ พูดความจริงแบบไม่สวยหรูนะคะ เพราะหนูต้องการแก้ปีญหาจริงๆ

0
HQ097 28 พ.ค. 62 เวลา 16:08 น. 1-3

- แม่ของคุณได้ไปตรวจหรือเปล่าครับว่าเป็นโรคประสาทประเภทไหน (ถ้าไม่เคยก็ควรตรวจนะ ถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นจริงๆ) และให้แม่รับการรักษาหรือรับยาบ้างสม่ำเสมอเพื่อลดอาการ ไม่งั้นอาการแบบนี้มันจะเป็นหนักขึ้น และกระทบคนรอบข้างหนักขึ้นไปอีก

- ตัวคุณเองที่เป็นโรคซึมเศร้า ก็น่าจะรับยาอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ดีขึ้นด้วย


ปล. ปัญหานี้เป็นปัญหาเรื้อรังที่ผมเห็นมีหลายครอบครัวเป็นกันเหมือนกันครับ และตัวผมเองก็ยังไม่รู้วิธีแก้เลยครับ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ *จะเป็นเพียงแค่คำแนะนำจากประสบการณ์ตรงส่วนตัวที่เคยต้องรับญาติท่านหนึ่งมาดูแลนะครับ แต่การดูแลคนเนี่ยมัน Case by case นะครับ ดังนั้นหากข้อไหนคุณเห็นว่ามันไม่น่าจะทำได้ก็ไม่ต้องทำนะครับ

- สิ่งที่คุณควรทำคือการแยกแบ่งเขตให้ชัดเจนครับ คือผมอยากให้คุณทราบไว้ว่าความน่ากลัวของคนที่เป็นโรคทางประสาทคือยิ่งนานวันเข้า คนที่คอยดูแลเขาหรือคนที่อยู่ใกล้ๆ จะยิ่งสุขภาพจิตแย่ลงไปด้วยเรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการแยกตัว แต่ในเมื่อคุณทำแบบนั้นไม่ได้ งั้นก็แยกเวลาแทนครับ

การแยกเวลาในที่นี้คือ ใน 1 วันเนีึ่ย คุณอาจอยู่บ้านในเวลาหนึ่งๆ และมีอีกเวลาหนึ่งที่คุณจะออกไปข้างนอก (จะอ้างอะไรกับแม่คุณก็แล้วแต่ครับ) และให้คุณเอาเวลาที่อยู่ด้านนอกซึ่งไม่มีแม่คุณมารบกวนหาอะไรที่สงบๆ และผ่อนคลายทำครับ เพราะคุณบอกเองว่าคุณก็เป็นโรคซึมเศร้า แถมยังเป็นคนเดียวที่หาเงินดูแลคนที่บ้านอีก กังนั้นตามลำดับความสำคัญแล้วคุณต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดก่อนจะไปดูแลคนอื่นครับ มันอาจดูเห็นแก่ตัวที่จะทิ้งยายและน้องไว้ที่บ้านที่แม่คุณอยู่ แต่คุณไม่ได้ทิ้ง คุณแค่ออกมาพักฟื้นฟูจิตใจของคุณเอง วิธีนี้คุณอาจออกมากับแฟนคุณก็ได้ครับ เพราะให้คนในบ้านดาวน์ลงคนเดียว(แม่คุณ) มันยังดีกว่าคุณ(หรือแฟนคุณ) ดาวน์ลงไปด้วย

- เมื่อคุณและแฟนคุณมีเวลาสงบๆ ฟื้นฟูสภาพจิตใจทุกวันแล้วเนี่ย อย่างน้อยมันก็เหมือนแบตเตอรี่ที่ได้พักชาร์จบ้างครับ ไม่ใช่ต้องอยู่กับสภาวะแย่ๆ ทั้งวันทุกวัน และพอคุณจิตใจดีขึ้นบ้างแล้ว กำลังใจในการเดินหน้าต่อไปมันจะมีเพิ่มขึ้นครับ (นึกประมาณว่าแบตมือถืออ่ะครับ คุณต้องแบ่งเวลาชาร์จบ้างถูกไหมครับ)

- พยายามสนิทกับอาสาสมัคร (ด้านการแพทย์ อนามัย) แถวบ้านเอาไว้ครับ เผื่อในเคสบางเคสที่น้าของคุณต้องการฉุกเฉินขึ้นมา อย่างน้อยจะได้มีคนมาช่วยดูแลแและช่วยแฟนคุณดูแลได้ด้วยครับ (แต่ต้องคัดกรองคนดีๆ นะครับ อาสาบางคนมาเป็นแค่เพราะโดนดึงมาทำเฉยๆ ก็มี)


ผมพอจะแนะนำได้เท่านี้ครับ ที่จริงมีมากกว่านี้แต่ผมลองคิดดูแล้วมันเป็นเคสที่ไม่น่าตรงและเหมาะสมจะนำไปใช้กับเคสของคุณสักเท่าไหร่ เลยไม่เขียนไว้จะดีกว่า คุณจะได้ไม่สับสนด้วย


ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหากรมสุขภาพจิตก็ได้นะครับ อย่างน้อยเขาน่าจะมีคนที่พร้อมรับฟังได้ real Time มากกว่าในนี้


ปล. ขอให้คุณได้พบกับหนทางแก้ปัญหาที่ดีและได้ผลในเร็ววันและขอให้คุณผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้ด้วยดีนะครับ

0
SilverBag27 28 พ.ค. 62 เวลา 16:24 น. 1-4

โหย ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่บอกว่าคุณแม่เป็นโรคประสาท คุณพ่อเป็นคนบอกค่ะ แต่ไม่มีใครบอกคุณแม่เพราะท่านไม่ยอมรับ แฟนก็พยามปรับเวลาค่ะ แค่มารับไปทำงาน แล้วก็ใช้เวลากันข้างนอก ส่วนน้อง ศุกร์-อาร์ทิตย์ แทบจะไม่ได้อยู่บ้าน น้องจึงชอบวันสุดสัปดาห์เป็นพิเศษ (น้องสาว2คน) แต่ตอนนี้จะมีปัญหาตรงที่ คุณแม่เพิ่งเลิกกับแฟนใหม่ บอกหนูกับน้องว่าห้ามปล่อยแกอยู่คนเดียว ต้องมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ซึ่งหนูบอกว่า หนูกับน้องจะไปนอนด้วย 1 สัปดาห์นะ แฟนหนูก็ต้องทนไปก่อนอาทิตย์นี้ ต่อไปก็คงจะดีขึ้นค่ะ รอหนูอายุครบ 20 หนูจะส่งแกไปเมืองนอก(แกอยากไปอยู่เอง) ส่วนหนู น้อง แฟน จะอยู่ที่นี่ ส่งเงินไปให้คุณแม่ นานๆเจอกัน คิดว่าดีไหมคะ? **อาการของคุณแม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาที่โบสให้คำแนะนำแม่อย่างใกล้ชิดค่ะ แต่ไม่บอกว่าแม่เป็นโรค ** ส่วนหนูน้องแฟนตอนนี้ก็ถือว่ามีคนเข้าใจและปรึกษาได้พอสมควร หนูจะพยามทนไปก่อน ให้เวลาส่วนตัวกับแฟนมากขึ้น อาจจะเป็นทางออกที่ดีใช่ไหมคะ

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

นำรูปถ่าย หรือข้อมูลของผู้อื่น ที่มิได้เป็นบุคคลสาธารณะมาลง โดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม หรือมีลงเบอร์โทรศัพท์/ที่อยู่จริง

HQ097 28 พ.ค. 62 เวลา 22:39 น. 1-6

ตอบคุณ SilverBag27 นะครับ :

- การที่น้องคุณทั้งสองคนชอบวันหยุด อาจเพราะว่าวันหยุดสามารถไปข้างนอกได้ หรือก็คือได้อยู่ห่างจากแม่ครับ *ทีนี้ เด็กที่โตมากับแม่แบบนี้ เขาลึกๆ แล้ว (ที่จริงผมว่าเป็นกันทุกคนแหละครับ แต่จะระดับต่างกันไป) จะต้องการคนที่เข้าใจและความอบอุ่น ผมแนะนำว่าหลังจัดการเรื่องแม่ของคุณเสร็จแล้ว (ซึ่งนั่นก็คงจะช่วยให้อาการซึมเศร้าของคุณดีขึ้นด้วย เพราะสภาพแวดล้อมเริ่มดีขึ้นแล้ว) ผมอยากให้คุณกับแฟนคอยดูแลน้องสาวของคุณทั้งสองให้มากขึ้นด้วยนะครับ เพราะผมกลัว (ผมเป็นคนคิดมาก พอดีเห็นเคสมาเยอะพอสมควร) ผมกลัวว่าน้องคุณอาจไปคบเพื่อนที่ไม่ดีและจะพาไปในทางไม่ดีได้ครับ แม้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ผมไม่อยากให้มันเสี่ยงจะเกิดขึ้น ดังนั้นผมฝากรบกวนคุณช่วยดูแลด้านนี้หลังจัดการเรื่องแม่เสร็จแล้วด้วยนะครับ (ถือว่าผมขอร้องละกัน)

- หากว่าการที่แม่ของคุณอยากไปอยู่ต่างประเทศเป็นความปรารถนาของแม่คุณเองจริงๆ ผมก็มีข่าวดีและข่าวไม่ดีสักเท่าไหร่บอกคุณไว้นะครับ

--ข่าวดีคือ ที่บ้านคุณจะมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นแน่ๆ และทำให้คุณสามารถโฟกับการอยู่กับแฟน ทำงาน ดูแลน้องสาวและยาย (รวมถึงน้าของคุณ ซึ่งผมไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร เลยต้องเขียนรวมไว้ก่อน เผื่อรักษายาว) และที่สำคัญ มันจะช่วยให้คุณรักษาอาการซึมเศร้าของคุณได้ดีขึ้นด้วยครับ

-- ในส่วนของข่าวร้ายก็คือ ไม่ว่าจะประเทศไหน (เท่าที่ผมรู้นะครับ) การไปอยู่ถาวร หากไม่ได้แต่งงานกับคนประเทศนั้น หรือทำงานอยู่นานๆ (ซึ่งคงไม่ใช่เคสนี้แน่ๆ) หรือลงทุนมูลค่าสูงในประเทศนั้นๆ แม่คุณจะไม่ได้อยู่ต่างประเทศถาวรนะครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้แม่คุณไปอยู่ต่างประเทศก็จริง แต่อาจแค่ไปเที่ยว หรืออาจอยู่ได้ไม่กี่เดือนก็ต้องกลับมาต่อวีซ่า *ผลคือคุณจะมีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากครับ และยิ่งแม่คุณไปแบบนั้นด้วย โอกาาสใช้เงินแหลกลานมีเยอะมาก และคุณก็คงไม่กล้าปฏิเสธการส่งเงินไปด้วย ดังนั้นแล้วผมแนะนำให้คุณเริ่มวาแผนการจัดการเรื่องเงินตั้งแต่วันนี้ไปเลยก็ดีนะครับ เพื่อไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นในอนาคตได้


ต่อไปสำหรับคุณ 'หมูนุ่ม' นะครับ ผมขออนุญาตเรียกคุณว่าคุณบีก็แล้วกันนะครับ

- ใช่ครับ ยาสำหรับแฟนคุณนั้นการทำงานคือมันต้องใช้เวลาครับ ยังไงก็ต้องมีเวลาในการฟื้นตัวและควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย และจากที่ผมอ่านมาทั้งหมดผมขอขอบคุณคุณบีมากนะครับสำหรับการที่คุณเข้าใจแฟนของคุณและพยายามอยู่ดูแลแม้จะเกิดเหตุการณ์มามากมาย เพราะจากประสบการณ์ของผมแล้ว คนเราต้องการคนที่เข้าใจอยู่เคียงข้างครับ การที่คุณอยู่ตรงนั้นทำให้ปัญหาครอบครัวๆ หนึ่งไม่ได้รุนแรงขึ้นไปมากกว่านี้ (ซึ่งมันดีกับสังคมโดยรวมมากครับ)

- คนที่เป็นโรคประสาทแต่ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นนี่ปัญหาหนักอกเลยนะครับ เพราะทาง รพ เองก็ไม่มีสิทธิไปอุ้มพาไปรักษาได้เองด้วย ยังไงก็พยายามต่างคนต่างอยู่ให้ได้มากที่สุดนะครับ อีกฝ่ายจะพูดด่าทอยังไงให้ทำหูทวนลมไปครับ เพราะเขาไม่ยอมรับการรักษา คนนอกอย่างผมก็แนะนำอะไรไม่ได้เหมือนกันครับ


ปล.ยังไงก็ขอให้ทั้งสองคนสู้เข้าไว้นะครับ ให้กำลังใจกันเข้าไว้

0
SilverBag27 29 พ.ค. 62 เวลา 00:51 น. 1-7

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆมากๆเลยนะคะ มันมีประโยชน์สำหรับพวกหนูมากๆ ไม่ต้องห่วงค่ะหนูรักน้องมากกว่าสิ่งใด สบายใจเรื่องนี้ได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ

0