แม่กับแฟนเกลียดกัน เครียดมากค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
1 ความคิดเห็น
เท่าที่ผมอ่าน เป็นผมผมก็ทนไม่ได้ครับ จะให้ทำแล้วกลับไปทำตัวเหมือนปกติทั้งๆ ที่เห็นอะไรมากขนาดนี้แล้ว
ที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมทุกคนยอมแม่คุณขนาดนั้น ถ้าสิ่งที่คุณเขียนมาเป็นจริง นี่แสดงว่าแม้แต่ยายซึ่งเป็นแม่ของแม่คุณยังคุมลูกตัวเองไม่ได้เลย นี่มันหนักแล้วนะครับ
ความอดทนของคนมีจำกัดนะครับ และจากที่ดูๆ แล้วแฟนคุณน่าจะหมดความอดทนก่อนแม่คุณ เมื่อนั้นระเบิดเวลาทำงานล่ะครับ
วิธีแก้ ลองย้ายออกมาอยู่กับแฟนไหมครับ อย่างน้อยให้คู่กรณีหายไปจากบ้าน อีกฝ่ายน่าจะไม่มารุกรานถึงที่อยู่ใหม่หรอกนะ (แต่ถ้ามารุกรานคุณและแฟนต่อถึงที่อยู่ใหม่นี่ แฟนคุณได้ระเบิดแน่เลย)
พ่อหนูขอไว้ก่อนเสียให้ดูแลแม่ให้ดีค่ะ แม่หนูเป็นโรคประสาทอ่อนๆ ส่วนหนูเป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้วยิ่งเครียดหนัก หนูออกไปไม่ได้ค่ะแม่คงไม่ยอม เพราะตอนนี้รายได้ที่บ้านมาจากหนูคนเดียว น้องก็ยังประถมอยู่ค่ะ มือแปดด้านจริงๆใช่ไหมล่ะคะ T T
อีกอย่าง ตอนที่มีชีวิตอยู่ ญาติทุกคนรักพ่อมาก ท่านชอบช่วยเหลือทุกคน ญาติๆจึงเกรงใจแม่ด้วยล่ะมั้งคะ และคงยอมเพราะ ญาติๆหนูส่วนใหญ่จะลำบาก และยังต้องขอความช่วยเหลือเรื่องเงินอยู่น่ะค่ะ พูดความจริงแบบไม่สวยหรูนะคะ เพราะหนูต้องการแก้ปีญหาจริงๆ
- แม่ของคุณได้ไปตรวจหรือเปล่าครับว่าเป็นโรคประสาทประเภทไหน (ถ้าไม่เคยก็ควรตรวจนะ ถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นจริงๆ) และให้แม่รับการรักษาหรือรับยาบ้างสม่ำเสมอเพื่อลดอาการ ไม่งั้นอาการแบบนี้มันจะเป็นหนักขึ้น และกระทบคนรอบข้างหนักขึ้นไปอีก
- ตัวคุณเองที่เป็นโรคซึมเศร้า ก็น่าจะรับยาอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้ดีขึ้นด้วย
ปล. ปัญหานี้เป็นปัญหาเรื้อรังที่ผมเห็นมีหลายครอบครัวเป็นกันเหมือนกันครับ และตัวผมเองก็ยังไม่รู้วิธีแก้เลยครับ ดังนั้นสิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ *จะเป็นเพียงแค่คำแนะนำจากประสบการณ์ตรงส่วนตัวที่เคยต้องรับญาติท่านหนึ่งมาดูแลนะครับ แต่การดูแลคนเนี่ยมัน Case by case นะครับ ดังนั้นหากข้อไหนคุณเห็นว่ามันไม่น่าจะทำได้ก็ไม่ต้องทำนะครับ
- สิ่งที่คุณควรทำคือการแยกแบ่งเขตให้ชัดเจนครับ คือผมอยากให้คุณทราบไว้ว่าความน่ากลัวของคนที่เป็นโรคทางประสาทคือยิ่งนานวันเข้า คนที่คอยดูแลเขาหรือคนที่อยู่ใกล้ๆ จะยิ่งสุขภาพจิตแย่ลงไปด้วยเรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการแยกตัว แต่ในเมื่อคุณทำแบบนั้นไม่ได้ งั้นก็แยกเวลาแทนครับ
การแยกเวลาในที่นี้คือ ใน 1 วันเนีึ่ย คุณอาจอยู่บ้านในเวลาหนึ่งๆ และมีอีกเวลาหนึ่งที่คุณจะออกไปข้างนอก (จะอ้างอะไรกับแม่คุณก็แล้วแต่ครับ) และให้คุณเอาเวลาที่อยู่ด้านนอกซึ่งไม่มีแม่คุณมารบกวนหาอะไรที่สงบๆ และผ่อนคลายทำครับ เพราะคุณบอกเองว่าคุณก็เป็นโรคซึมเศร้า แถมยังเป็นคนเดียวที่หาเงินดูแลคนที่บ้านอีก กังนั้นตามลำดับความสำคัญแล้วคุณต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุดก่อนจะไปดูแลคนอื่นครับ มันอาจดูเห็นแก่ตัวที่จะทิ้งยายและน้องไว้ที่บ้านที่แม่คุณอยู่ แต่คุณไม่ได้ทิ้ง คุณแค่ออกมาพักฟื้นฟูจิตใจของคุณเอง วิธีนี้คุณอาจออกมากับแฟนคุณก็ได้ครับ เพราะให้คนในบ้านดาวน์ลงคนเดียว(แม่คุณ) มันยังดีกว่าคุณ(หรือแฟนคุณ) ดาวน์ลงไปด้วย
- เมื่อคุณและแฟนคุณมีเวลาสงบๆ ฟื้นฟูสภาพจิตใจทุกวันแล้วเนี่ย อย่างน้อยมันก็เหมือนแบตเตอรี่ที่ได้พักชาร์จบ้างครับ ไม่ใช่ต้องอยู่กับสภาวะแย่ๆ ทั้งวันทุกวัน และพอคุณจิตใจดีขึ้นบ้างแล้ว กำลังใจในการเดินหน้าต่อไปมันจะมีเพิ่มขึ้นครับ (นึกประมาณว่าแบตมือถืออ่ะครับ คุณต้องแบ่งเวลาชาร์จบ้างถูกไหมครับ)
- พยายามสนิทกับอาสาสมัคร (ด้านการแพทย์ อนามัย) แถวบ้านเอาไว้ครับ เผื่อในเคสบางเคสที่น้าของคุณต้องการฉุกเฉินขึ้นมา อย่างน้อยจะได้มีคนมาช่วยดูแลแและช่วยแฟนคุณดูแลได้ด้วยครับ (แต่ต้องคัดกรองคนดีๆ นะครับ อาสาบางคนมาเป็นแค่เพราะโดนดึงมาทำเฉยๆ ก็มี)
ผมพอจะแนะนำได้เท่านี้ครับ ที่จริงมีมากกว่านี้แต่ผมลองคิดดูแล้วมันเป็นเคสที่ไม่น่าตรงและเหมาะสมจะนำไปใช้กับเคสของคุณสักเท่าไหร่ เลยไม่เขียนไว้จะดีกว่า คุณจะได้ไม่สับสนด้วย
ถ้าไม่ไหวจริงๆ โทรหากรมสุขภาพจิตก็ได้นะครับ อย่างน้อยเขาน่าจะมีคนที่พร้อมรับฟังได้ real Time มากกว่าในนี้
ปล. ขอให้คุณได้พบกับหนทางแก้ปัญหาที่ดีและได้ผลในเร็ววันและขอให้คุณผ่านเหตุการณ์เหล่านี้ไปได้ด้วยดีนะครับ
โหย ขอบคุณมากเลยนะคะ ที่บอกว่าคุณแม่เป็นโรคประสาท คุณพ่อเป็นคนบอกค่ะ แต่ไม่มีใครบอกคุณแม่เพราะท่านไม่ยอมรับ แฟนก็พยามปรับเวลาค่ะ แค่มารับไปทำงาน แล้วก็ใช้เวลากันข้างนอก ส่วนน้อง ศุกร์-อาร์ทิตย์ แทบจะไม่ได้อยู่บ้าน น้องจึงชอบวันสุดสัปดาห์เป็นพิเศษ (น้องสาว2คน) แต่ตอนนี้จะมีปัญหาตรงที่ คุณแม่เพิ่งเลิกกับแฟนใหม่ บอกหนูกับน้องว่าห้ามปล่อยแกอยู่คนเดียว ต้องมีคนอยู่ด้วยตลอดเวลา ซึ่งหนูบอกว่า หนูกับน้องจะไปนอนด้วย 1 สัปดาห์นะ แฟนหนูก็ต้องทนไปก่อนอาทิตย์นี้ ต่อไปก็คงจะดีขึ้นค่ะ รอหนูอายุครบ 20 หนูจะส่งแกไปเมืองนอก(แกอยากไปอยู่เอง) ส่วนหนู น้อง แฟน จะอยู่ที่นี่ ส่งเงินไปให้คุณแม่ นานๆเจอกัน คิดว่าดีไหมคะ? **อาการของคุณแม่มีอาจารย์ที่ปรึกษาที่โบสให้คำแนะนำแม่อย่างใกล้ชิดค่ะ แต่ไม่บอกว่าแม่เป็นโรค ** ส่วนหนูน้องแฟนตอนนี้ก็ถือว่ามีคนเข้าใจและปรึกษาได้พอสมควร หนูจะพยามทนไปก่อน ให้เวลาส่วนตัวกับแฟนมากขึ้น อาจจะเป็นทางออกที่ดีใช่ไหมคะ
ตอบคุณ SilverBag27 นะครับ :
- การที่น้องคุณทั้งสองคนชอบวันหยุด อาจเพราะว่าวันหยุดสามารถไปข้างนอกได้ หรือก็คือได้อยู่ห่างจากแม่ครับ *ทีนี้ เด็กที่โตมากับแม่แบบนี้ เขาลึกๆ แล้ว (ที่จริงผมว่าเป็นกันทุกคนแหละครับ แต่จะระดับต่างกันไป) จะต้องการคนที่เข้าใจและความอบอุ่น ผมแนะนำว่าหลังจัดการเรื่องแม่ของคุณเสร็จแล้ว (ซึ่งนั่นก็คงจะช่วยให้อาการซึมเศร้าของคุณดีขึ้นด้วย เพราะสภาพแวดล้อมเริ่มดีขึ้นแล้ว) ผมอยากให้คุณกับแฟนคอยดูแลน้องสาวของคุณทั้งสองให้มากขึ้นด้วยนะครับ เพราะผมกลัว (ผมเป็นคนคิดมาก พอดีเห็นเคสมาเยอะพอสมควร) ผมกลัวว่าน้องคุณอาจไปคบเพื่อนที่ไม่ดีและจะพาไปในทางไม่ดีได้ครับ แม้มันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ผมไม่อยากให้มันเสี่ยงจะเกิดขึ้น ดังนั้นผมฝากรบกวนคุณช่วยดูแลด้านนี้หลังจัดการเรื่องแม่เสร็จแล้วด้วยนะครับ (ถือว่าผมขอร้องละกัน)
- หากว่าการที่แม่ของคุณอยากไปอยู่ต่างประเทศเป็นความปรารถนาของแม่คุณเองจริงๆ ผมก็มีข่าวดีและข่าวไม่ดีสักเท่าไหร่บอกคุณไว้นะครับ
--ข่าวดีคือ ที่บ้านคุณจะมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นแน่ๆ และทำให้คุณสามารถโฟกับการอยู่กับแฟน ทำงาน ดูแลน้องสาวและยาย (รวมถึงน้าของคุณ ซึ่งผมไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร เลยต้องเขียนรวมไว้ก่อน เผื่อรักษายาว) และที่สำคัญ มันจะช่วยให้คุณรักษาอาการซึมเศร้าของคุณได้ดีขึ้นด้วยครับ
-- ในส่วนของข่าวร้ายก็คือ ไม่ว่าจะประเทศไหน (เท่าที่ผมรู้นะครับ) การไปอยู่ถาวร หากไม่ได้แต่งงานกับคนประเทศนั้น หรือทำงานอยู่นานๆ (ซึ่งคงไม่ใช่เคสนี้แน่ๆ) หรือลงทุนมูลค่าสูงในประเทศนั้นๆ แม่คุณจะไม่ได้อยู่ต่างประเทศถาวรนะครับ ซึ่งนั่นหมายความว่า ต่อให้แม่คุณไปอยู่ต่างประเทศก็จริง แต่อาจแค่ไปเที่ยว หรืออาจอยู่ได้ไม่กี่เดือนก็ต้องกลับมาต่อวีซ่า *ผลคือคุณจะมีภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากครับ และยิ่งแม่คุณไปแบบนั้นด้วย โอกาาสใช้เงินแหลกลานมีเยอะมาก และคุณก็คงไม่กล้าปฏิเสธการส่งเงินไปด้วย ดังนั้นแล้วผมแนะนำให้คุณเริ่มวาแผนการจัดการเรื่องเงินตั้งแต่วันนี้ไปเลยก็ดีนะครับ เพื่อไม่ให้ปัญหานี้เกิดขึ้นในอนาคตได้
ต่อไปสำหรับคุณ 'หมูนุ่ม' นะครับ ผมขออนุญาตเรียกคุณว่าคุณบีก็แล้วกันนะครับ
- ใช่ครับ ยาสำหรับแฟนคุณนั้นการทำงานคือมันต้องใช้เวลาครับ ยังไงก็ต้องมีเวลาในการฟื้นตัวและควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีด้วย และจากที่ผมอ่านมาทั้งหมดผมขอขอบคุณคุณบีมากนะครับสำหรับการที่คุณเข้าใจแฟนของคุณและพยายามอยู่ดูแลแม้จะเกิดเหตุการณ์มามากมาย เพราะจากประสบการณ์ของผมแล้ว คนเราต้องการคนที่เข้าใจอยู่เคียงข้างครับ การที่คุณอยู่ตรงนั้นทำให้ปัญหาครอบครัวๆ หนึ่งไม่ได้รุนแรงขึ้นไปมากกว่านี้ (ซึ่งมันดีกับสังคมโดยรวมมากครับ)
- คนที่เป็นโรคประสาทแต่ไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นนี่ปัญหาหนักอกเลยนะครับ เพราะทาง รพ เองก็ไม่มีสิทธิไปอุ้มพาไปรักษาได้เองด้วย ยังไงก็พยายามต่างคนต่างอยู่ให้ได้มากที่สุดนะครับ อีกฝ่ายจะพูดด่าทอยังไงให้ทำหูทวนลมไปครับ เพราะเขาไม่ยอมรับการรักษา คนนอกอย่างผมก็แนะนำอะไรไม่ได้เหมือนกันครับ
ปล.ยังไงก็ขอให้ทั้งสองคนสู้เข้าไว้นะครับ ให้กำลังใจกันเข้าไว้
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆมากๆเลยนะคะ มันมีประโยชน์สำหรับพวกหนูมากๆ ไม่ต้องห่วงค่ะหนูรักน้องมากกว่าสิ่งใด สบายใจเรื่องนี้ได้ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?