Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

กว่าจะมาถึงจุดนี้...

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ไม่ใช่กระทู้มีสาระนะจ๊ะ

เพราะเป็นคนไม่มีสาระ หรือจะเรียกว่าไร้สาระก็ได้ คงต้องไปหาต้นสาระมาปลูก เผื่อจะมีสาระกับเขาบ้าง 
จะพูดให้งงเพื่อ??? นั่นดิ...!!

มาๆ มาที่จั่วหัวกันดีกว่า
กว่าจะมาถึงจุดนี้ที่ว่า ไม่ใช่จุดที่ประสบความสำเร็จนะเออ เราหมายถึงจุดที่เขียนแล้วคนอ่านรู้เรื่องน่ะ 555

ไม่รู้ว่าแต่ละคนเป็นกันหรือเปล่า
เขียนแรกๆ มันจะงงๆ หน่อย เรียงลำดับไม่ถูก ไม่รู้ว่าอะไรก่อนหลัง
หลายคนบอกว่าให้เขียนตามนี้เลย ใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร 
โอเค...จัดไป!! สรุป...ผลที่ได้ก็ยังมั่วและงงเหมือนเดิมที่หนึ่ง 55

แต่ละวัน แต่ละเดือนที่ผ่านไป คือการสั่งสมประสบการณ์
กว่าจะมาถึงจุดนี้ที่ว่า เราใช้เวลาเป็นปีๆ เหมือนกัน
แล้วคุณล่ะ ลองย้อนนึกดูสิ กว่าจะมาถึงจุดนี้ใช้เวลานานแค่ไหนกันจ๊ะ



 

แสดงความคิดเห็น

>

18 ความคิดเห็น

varunyanee 27 พ.ค. 62 เวลา 22:28 น. 1

นาน เราสะสมประสบการณ์ยาวนานมาก

จำได้ว่าตอนม.2 เคยแต่งนิยาย ได้เปิดเรื่อง เท่านั้น

ทำกลางเรื่องกับสรุปจบไม่เป็น

แต่ก็อ่านนิยายเรื่อยมานะ เรื่องสั้นเรื่องยาวอ่านหมดแหละ

พอเรียนมหาวิทยาลัย ทำโครงงาน ทำวิจัย มีสอนเรื่องโครงร่าง เรื่องสรุป ....

มันค่อยๆหล่อหลอมมาเรื่อยๆ

อย่างเรื่องสำนวน เมื่อก่อนเราเป็นพรรณา

เดี๋ยวนี้เราแยกนักเขียนที่เรียนมา กับนักเขียนรุ่นใหม่ได้เลย สำนวนมันต่างกัน

ถึงชื่นชมเด็กน้องๆม.ต้น ม.ปลายที่แต่งนิยายทำเงินกันเป็นกอบเป็นกำ

พรสวรรค์สร้างได้ก็จริง แต่ใช้เวลา /นี่นับถือน้องๆเลย ^^

1
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 22:35 น. 1-1

อันนี้เห็นด้วยเลย

นักเขียนหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย หลายคนเขียนได้ดี สำนวนก็ใช่ได้ ถือว่ามีพรสวรรค์มากค่ะ

0
NUMAI-13 27 พ.ค. 62 เวลา 22:28 น. 2

ยัง.. ยังอยู่ในจุดที่งงๆ อยู่ ยิ่งเรื่องล่าสุดยิ่งงง ยิ่งมึน.. ตรงไหนคือความสนุก.. ตรงไหนคือความน่าติดตาม.. ไม่มีค่ะ ไม่เชื่อไปตามอ่านได้..​ ขายของไม่เนียน..​ ไปเรียนมาใหม่

(ชงเอง.. ตบเอง)

9
varunyanee 27 พ.ค. 62 เวลา 22:37 น. 2-2

ภาษาสวย เหมือนอ่านวรรณกรรม /นี่ชม

แต่นิยายออนไลน์ มีเสน่ห์ตรงที่แต่ละตอนที่ลงไป....มันมีอะไรที่น่าติดตาม

จะหวานจนแสบไส้ หรือจะร้องไห้จนตาช้ำ ....ก็ขยี้เข้าไป

อย่าเชื่อเรามากนี่ คหสต.เหมือนกัน /สู้สู้นะ


0
NUMAI-13 27 พ.ค. 62 เวลา 22:49 น. 2-3

ขอบคุณจ้า..​ แอบกระซิบว่า-เรื่องที่กดอ่านน่ะ เนื้อเรื่องมันไม่มีอะไรจริงๆ ความน่าติดตามเลยต่ำ นั่นคือความอยากเขียนเรื่องราวที่มันไม่มีอะไรให้มันมีอะไรขึ้นมา(ล้วนๆ) สาหัสเอาการอยู่.. -เรื่องเนี้ย~

0
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 23:12 น. 2-4

ปกติไม่เคยอ่านฟิคมาก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าจริงๆ การดำเนินเรื่องต้องช้าหรือเร็ว หรือเป็นยังไง


เท่าที่อ่านดู...

เราว่าตัวเองน่าจะเขียนในแนวโรแมนติกจะดีกว่า ภาษาในการบรรยายโอเคเลย สละสลวย เหมาะมากๆ เราว่าเขียนดีกว่าเราอีกนะ ภาษาเราจะออกแนวกระด้าง สลวยฉากเดียวคือฉากนั้น 55

ส่วนที่ต้องแก้ไข คือต้องรู้จักปรับประโยคไม่ให้เยิ่นเย้อมากนัก (เท่านั้นเอง)

0
NUMAI-13 27 พ.ค. 62 เวลา 23:26 น. 2-5

ช่าย..​ มันอาจจะเป็นอยู่ 2 ประเด็นคือ 1.เราพูดจาวกไปวนมาซ้ำที่เดิมกับ.. 2.อาจเพราะเราจะเอาไปเล่นกิลนักเขียนด้วยแหละ.. เลยกดดันตัวเองให้มันได้ตอนนึง 7000 อักษร (จากเดิมที่ตั้งไว้ 5 หน้าต่อหนึ่งตอน พี่คนนึงบอกว่าไม่ใช่จำนวนต่อตอนนะ..​) บางทีเรื่องราวมันหมดก๊อกแล้วก็ปรับโหมดเป็น.. ดันทุรังเขียนให้มันถึง 55

โรแมนติกเขียนยากนะ..​ ฟิลไม่ถึง ก็เขียนไม่ออกง่ะ แต่ก็รู้ตัวเองอีกว่า.. ยังคงเป็นเหมือนกับสองปีก่อนคือ ยังคงกลัว..​ กลัวตัวละครเผชิญกับอุปสรรคปัญหา กลัวสารพัด แม้กระทั่งเขียนให้เป็นคนขี้อิจฉายังไม่กล้าเลย.. แท้จริงแล้วอาจเป็นลักษณะนิสัยของตัวเราเองที่เป็นแบบนี้ก็ได้ (//เด็กน้อยไม่รู้จักโต 55)

0
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 23:43 น. 2-6

เราไม่ค่อยเข้าใจ เรื่องเล่นกิลที่ตัวเองว่า กับตอนหนึ่งต้อง 7000 อักษรอะ


โดยทั่วไป...แต่ละตอนไม่ได้ระบุแน่ชัดว่าจะต้องมีกี่หน้า กี่ตัวอักษร แค่ตัดจบให้ชวนติดตามก็พอ ถ้าไปบีบคั้นตัวเองอย่างนั้น จะทำให้ไปต่อไม่ได้ พอตันก็เกิดอาการท้อขึ้นมา ทางที่ดีปล่อยมันไหลไปตามจินตนาการดีกว่า


จริงๆ งานโรแมนติกมันไม่ยากหรอก แค่เข้าใจผูกพล็อตก็โอแล้ว ภาษาเขียนตัวเองก็ดี น่าจะลองดู เราเชื่อว่าตัวเองทำได้นะ

0
NUMAI-13 27 พ.ค. 62 เวลา 23:59 น. 2-7

จ้า.. ก็คิดอยู่ เพราะตอนล่าสุดที่เขียน รู้ได้เลยว่าไม่ดีเท่าอีกเรื่องนึงที่เขียนไว้ก่อนหน้านี้ เพราะกังวลกับจำนวนคำและพยายามยืดเรื่องราวให้มากพอต่อหนึ่งตอน.. เลยสู้เรื่องนั้นไม่ได้.. เรื่องนั้นที่อยากเขียนจริงๆ ร่างโครงมาแบบสาหัส ใส่ทุกดีเทลที่จำได้(ก็แฟนฟิคชั่นอ่ะ เราเป็นสาวก 55) พยายามเล่าทุกประเด็นที่อยากพูด สุดท้ายแล้ว.. มันออกมาดีเกินความคาดหวังของเรานะ เราชอบฟิลลิ่งแบบนั้น (แต่ก็ไม่ค่อยกลับไปอ่าน เพราะยังคงเฮิร์ทกับเรื่องราวอยู่ดี) งานโรแมนติกเหรอ..​ อืม จะแว่บๆ ไปเขียน (เป็นเรื่องนึงที่เปิดทิ้งไว้นานแล้ว แต่ไม่ยอมเขียนต่อ.. ไม่ยอมร่างโครง..​ เขียนตอนแรกละเขียนต่อไม่ได้ เฮิร์ท!!! 555 <<เป็นบ้าอะไรเนี่ย) กำลังอยากเขียนพวกผจญภัย ทะลุมิติ กึ่งแฟนตาซี (แบบแฟนฟิค) ไม่เคยเขียน.. ไม่รู้้ว่าเขียนได้เปล่า แค่จะเขียน 55 ตัวละครมีแล้ว ฉากมีแล้ว อาวุธครบมือแล้ว(<<จะไปรบกะใคร หา) จุดเริ่มต้นมีแล้ว จุดจบมีแล้ว เหลือโครงเรื่อง.. ข้อมูลซัพพอร์ต.. แล้วก็ลงมือเขียน (อาจเป็นข้ออ้างก็ได้..​ อยากให้เรื่องที่กำลังเขียนจบก่อน เพราะเรารู้.. ว่าต่อให้เรื่องนี้ไม่มีใครชอบเลย อย่างน้อยก็มีอยู่หนึ่งคนที่ชอบมัน.. คือตัวเรา เพราะว่าเราเป็นคนที่รู้ว่ามันจะจบลงยังไงนี่นะ 55)

0
ทิตภากร : กันต์ระพี 28 พ.ค. 62 เวลา 00:10 น. 2-8

ถ้าอย่างนั้นก็เขียนโรแมนติกแฟนตาซีสิ เราก็กำลังจะทำอยู่ อยากลองดูเหมือนกัน แต่คงต้องจบงานที่เขียนอยู่นี่ก่อน

0
NUMAI-13 28 พ.ค. 62 เวลา 00:18 น. 2-9

ฉึก!!.. เรากะไม่จิ้นนะ ไม่รู้ว่าคำว่าโรแมนติกของเราจะเหมือนกันมั้ย แต่เรื่องนี้มัน.. มิตรภาพอ่ะ เพื่อนกัน ก็คงโรแมนติกอยู่มั้ง.. แค่คิดถึงก็ดีต่อใจแล้วล่ะ (^-^ )

0
Evirdkung 27 พ.ค. 62 เวลา 22:34 น. 3

ก็สองเดือนนิดๆ นะยังเป็นเด็กไม่อยู่เลย มีแต่ไฟไม่มประสบการณ์อะไรเท่าไหร ก็เขียนไปเรื่อยๆ มันอาจจะดูเป็นการเขียนที่แย่บ้าง ดูงงบ้างแต่มันก็เป็นอะไรที่สนุกดีเพราะการที่มาเริ่มเขียน เราเป็นคนที่อยากมาเขียนเองโดยที่ไม่มีใครมาบังคับเราเป็นสิ่งที่เราอยากลองทำอย่างแต่จริง


ตอนนี้ก็ยังเขียนแย่อยู่เลย เนื้อเรื่องก็อาจจะดูแย่ไปบ้างแต่ก็คิดว่าเป็นเรื่องทั่วไปที่เด็กใหม่ทุกคนต้องเจอ


การเขียนไม่ใช่เรื่องที่ถนัดของเราเพราะฉะนั้นเราเลยต้องเขียนให้มากกว่าคนอื่นถึงจะพัฒนาตัวเองต่อไปได้ คอยมองคนที่เก่งกว่าอยู่ข้างหลังแต่ก็หวังว่าสักวันเราจะไปถึงฝันที่แต่งนิยายไปเรื่อยๆ แล้วมีคนอ่านแล้วรู้สึกสนุกไปกับมัน


//พล็อตเหมือนพระเอกสักคนที่อยากเป็นนักเขียนนิยายเลยนะ555

2
varunyanee 27 พ.ค. 62 เวลา 22:46 น. 3-1

สำนวนของหนู เป็นสำนวนเด็ก เหมือนอ่านโดเรม่อน //สู้ สู้นะหนูหมั่นเขียนทุกวัน ^^ / ชอบอ่ะ เอาใจช่วยนะ

0
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 22:49 น. 3-2

ชอบตรงที่มุ่งมั่น ไม่ท้อนี่แหละจ้า


พยายามเข้านะ ตั้งเป้าไว้ หาใครเป็นแบบอย่างสักคน พยายามไปให้ถึงเขาให้ได้

เป็นกำลังใจให้จ้า

0
หอยทากกินบะหมี่ 28 พ.ค. 62 เวลา 06:21 น. 4-2

พูดเรื่องจริงนะคะ คือเรามความคิดว่า "ถ้าคุณพูดรู้เรื่อง คุณก็จะเขียนรู้เรื่อง เพราะมันแปลว่าคุณสื่อสารรู้เรื่อง" แต่ตอนนี้เรายังโดนหาว่าพูดจางงๆมึนๆไม่ค่อยรู้เรื่องบ้างอยู่เลย ฮ่าๆ

0
The number one 27 พ.ค. 62 เวลา 22:42 น. 5

2 ปีครับ แต่ครึ่งปีคือเลิกเพราะหมดไฟ 5555 ถึงยังไงผมก็รู้สึกว่าที่เขียนไปเพราะความรับผิดชอบกับความฝันล้วนๆเลย ถ้าหมดไฟก็รีบหาฟืนก่อนที่มันจะมอด แต่เรื่องเก่าดันหมดไปแล้วน่ะสิ ถถถถถ

3
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 22:54 น. 5-1

ถ้าฟืนหมด ใช้ถ่่านไปฉายตรากบก็ได้ค่ะ 555


เอาจริงๆ นะ เราว่าการเขียนก็เหมือนปั่นจักรยานนั่นแหละ ต่อให้ไม่เขียนเป็นปีๆ ด้วย กลับมาอีกทีก็ยังเขียนได้อยู่ดี จริงๆ นะ

0
Miran/Licht 27 พ.ค. 62 เวลา 23:01 น. 5-2

เราให้ประโยคโดนใจอันหนึ่ง ไปเจอมาจากทวิตเตอร์

https://image.dek-d.com/27/0060/1867/128825917

0
varunyanee 27 พ.ค. 62 เวลา 23:23 น. 5-3

เหมือนเขาถามนิยายทำมือไว้ รบกวนคุณมิรันแล้ว ^^

0
wadarat 27 พ.ค. 62 เวลา 22:50 น. 6

เขียนแฟนฟิคมาเกือบปี ทุกวันนี้ยังใช้คำไม่ค่อยถูกอยู่เลยค่ะ แต่ก็ยังเขียนต่อไปค่ะ

2
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 23:15 น. 6-1

แนะนำว่า...

หาหนังสือแนวที่เขียนมาอ่านเยอะๆ ค่ะ มันเป็นการเก็บประสบการณ์และได้สำนวน รวมทั้งคำต่างๆ มาไว้ใช้ด้วย ส่วนคำไหนไม่แน่ใจ ใช้วิธีเสิร์ชหาในอากู๋ก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเปิดพจนานุกรมให้เสียเวลา ไฟต์ติ้งนะจ๊ะ!!

0
Miran/Licht 27 พ.ค. 62 เวลา 22:51 น. 7

ของเก่าโยนทิ้งไปละกัน นี่ก็พักไปเกือบ 10 ปี ถึงจะกลับมาเขียนได้ราว 2 ปีกว่า ๆ ก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นมือใหม่อยู่เสมอ ตอนกลับมาเขียนแรก ๆ ก็มีสภาพเหมือนคนเพิ่งหัดเขียนทั่วไป แต่ดีที่เราเก็บ exp. มาตลอดช่วงที่พักไป


จนในที่สุดก็กลับมาเขียนให้เป็นภาษาที่คนอ่านแล้วเข้าใจ ไม่ต้องแปลไทยเป็นไทย ด้วย exp. ที่มีทำให้สามารถมองและแยกแยะพอจะโยนประโยคที่ไม่โอเคทิ้ง หรือบทที่มันไม่ make sense ทิ้งได้อย่างมั่นใจโดยไม่ลังเล นอกจากนี้ก็ยังมีสกิลหาข้อมูลจากการที่เราทำงานเป็น R&D ทำให้ฝึกค้นคว้าหาข้อมูลเอง ฝึกการคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง

1
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 23:19 น. 7-1

โห...พัก 10 ปีเลยเหรอคะ

เราเคยพักมา 2 ปีเหมือนกันค่ะ แต่คิดว่าการกลับมาเขียนอีกครั้งน่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะคะ คนเคยเขียนยังไงต้องทำได้ยู่แล้วล่ะน่า ยิ่งตอนนี้คุณมีสกิลในการหาข้อมูล น่าจะอัพเลเวลเร็วกว่าเดิม :)

0
玉兰 (Yulan) 27 พ.ค. 62 เวลา 23:05 น. 8

ถ้าเป็นจุดที่อ่านรู้เรื่องก็ไม่นานค่ะ อาจจะเพราะเราชอบอ่านหนังสืออยู่แล้วก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาตรงส่วนนี้เท่าไหร่ แต่กว่าจะมาถึงจุดที่ไม่โดนคนอ่านติเลยได้ก็หลายเดือนอยู่เหมือนกัน (。・ˇ_ˇ・。)


3
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 23:22 น. 8-1

แสดงว่าเรียนรู้ไว


มองในแง่ดีเข้าไว้ ถ้ามีคนติจะได้มีคอมเม้นท์ไง

เพราะฉะนั้นเขียนให้ถูกติหน่อยก็ได้นะตัวเอง https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-08.png

0
玉兰 (Yulan) 28 พ.ค. 62 เวลา 00:23 น. 8-2

เราว่าเก็บไว้โดนติตอนฝ่าด่านเลยทีเดียวดีกว่าค่ะhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-03.png

0
Bot_00 27 พ.ค. 62 เวลา 23:08 น. 9

เริ่มเขียนรู้เรื่องก็หลังจากพักการเขียนนิยายไปสักสามสี่เดือนค่ะ เริ่มเขียนนิยายตอนม.1ค่ะ ตอนย้อนกลับมาอ่านก็แบบอิหยังวะมากๆ


พล็อตเรียบเรียงไม่โอมากๆ เหมือนคิดอะไรก็ใส่ลงไป แถมคำผิดยังบานเตอะ มันไม่ออกนอกทะเลแต่ว่าเหมือนเรื่องจะดำเนินเร็วไป แต่ยังดีที่มันจบไงล่ะ!!!

1
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 23:26 น. 9-1

เป็นทุกคนค่ะ

ถ้าลองได้ย้อนอ่านงานเก่าๆ จะเห็นข้อบกพร่องบานตะเกียง

เราก็เหมือนกัน อ่านแล้วอารมณ์ประมาณ "อืม ห่วยชะมัด!" 555 https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-12.png

0
yurinohanakotoba 27 พ.ค. 62 เวลา 23:15 น. 10

ยิ่งอยู่นานยิ่งรู้สึกเขียนแย่และย่ำอยู่กับที่ เลยกลายเป็นว่ายังไม่ถึงจุดเจ้าของกระทู้ว่าสักที //เปิดเพลง ไกลแค่ไหนคือใกล้ มองหน้าจอ word ที่ว่างเปล่า

1
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 23:31 น. 10-1

หงะ...เศร้าอะ


แนะนำให้หาแรงบันดาลใจ เช่น ดารา นักร้องที่ชอบ เพื่อนหรือรุ่นพี่(ที่แอบชอบ) แฟน กิ๊ก(เพื่อมี) หนุ่มหล่อข้างบ้าน(ที่หมายตาไว้) เจ้านายที่บริษัท เพื่อนร่วมงาน อะไรก็ได้สักอย่างที่พอจะทำให้ไฟลุกท่วม เชื่อเถอะว่าไม่มีการย่ำอยู่กับที่แน่นอน คุณจะอยากเปิด Word ทุกวันๆ เพื่อเขียนถึงเขาhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-06.png

0
Tdeuy 27 พ.ค. 62 เวลา 23:34 น. 11

ยังไงดี ตอบยากจัง อืม แบบตอนยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยจะเขียนบ่อยค่ะ พวกเรียงความ ก็ได้คะแนนทั้งสูงบ้างและเต็มบ้าง เรื่องสั้นเคยเขียนก่อนจบมอหกประมาณสองเรื่อง แล้วก็พวกแต่งกลอนนี่จะบ่อย


ต่อมาเมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเน้นการจดในห้องเรียน เรียกได้ว่า วิชาหนึ่งจดกันทั้งเทอม ก็ได้การเขียนมาจากตรงนี้ด้วยค่ะ แล้วก็ ของเอกเราจะมีสอบอย่างเดียวไม่มีเก็บคะแนน เพราะฉะนั้น การเขียนจึงสำคัญที่สุด และการตอบต้องตอบเป็นขั้นตอนคือการไล่ความผิดแต่ละกระทง เลยได้การจัดลำดับความคิดตรงนี้


เมื่อจบมา ก่อนอื่นติดซีรี่ย์เกาหลีก่อน แล้วค่อยมาจีน แต่ซีรี่ย์จีนมันไม่จบ ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยเริ่มหามาอ่านค่ะ เป็นแนวจีนโบราณ จากนั้นก็ติดหนึบ อ่านมาปีเกือบสองปี อยู่ดี ๆ คิดอยากเขียนขึ้นมาก็เลยเขียนค่ะ


เรื่องแรกก่อนจบได้ขอคำติจากนักอ่าน ซึ่งนั่นทำให้เราต้องเพิ่มบทบรรยายที่มากขึ้นค่ะ จากนั้นเลยเข้าใจแล้วว่าต้องเขียนอย่างไร เลยพอจับทางถูกแล้วค่ะ พอเรื่องต่อมาเลยพบปัญหาแค่บางจุด เช่น เรื่องการใส่เสียง ก็ไปปรับแก้ให้ดีขึ้น


ถามว่า ประสบความสำเร็จหรือไม่ ตาม คหสต คิดว่ามันพัฒนาไปได้เรื่อย ๆ ค่ะ จุดสิ้นสุดคงไม่มี

สรุป สำหรับตัวเรา

1 การจดบรรยายในห้องเรียนถือว่าเป็นการฝึกจัดลำดับความคิด เพราะเราจะจดโดยใช้ mind mapping

2 การเขียนตอบข้อสอบ มันเป็นการฝึกเขียนลำดับก่อนหลังได้อย่างดีค่ะ

3 หลังจากจบก็อ่านนิยายเพื่อดูการดำเนินเรื่อง หรืออะไรก็แล้วแต่

4 เขียนมันออกมา ดูคำติชมแล้วนำมาปรับแก้เพื่อให้งานดีขึ้น

คงประมาณนี้ค่ะ เขียนไปเขียนมาแล้วยาวจัง ^…^

3
ทิตภากร : กันต์ระพี 27 พ.ค. 62 เวลา 23:51 น. 11-1

ใช่...

งานเขียนเป็นการเรียนรู้ไม่รู้จบ ไม่มีอะไรเป็นแบบอย่างที่แน่นอน

ทุกวันนี้ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนักเขียน ยังคิดว่าเป็นผู้เขียนที่หัดเขียนอยู่เหมือนกัน


เราก็ติดซีรีย์จีนนะ (มาก) แต่ไม่กล้าเขียนอะ เราว่ามันยาก เพราะเป็นงานไกลตัว ยิ่งจีนโบราณนี่ ยอมรับเลย คนเขียนเก่งและมีความพยายามมาก เพราะงานบางชิ้นต้องหาข้อมูลมาใส่ ภาษาเขียนก็ต้องแบบสลวยมาก เราเป็นพวกเขียนพอลื่นไหลได้เป็นพอ เรื่องหาข้อมูลน่ะเหรอ ไปข้างหน้าก่อน (ขี้เกียจซะ555)

0
Tdeuy 28 พ.ค. 62 เวลา 00:15 น. 11-2

นี่ก็เขียนแบบลื่นไหลไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ 555

แต่คิดว่า ถ้าเขียนบ่อยต้องดีขึ้นอย่างแน่นอนเลยค่ะ

ก็เลยเขียน เขียน แล้วก็เขียน

แต่คิดว่า ถ้าคนอ่านไม่ท้วงติง หรือไม่เม้นว่างง เราก็คิดเข้าข้างตัวเองว่าดีหมดค่ะ 555


0
ทิตภากร : กันต์ระพี 28 พ.ค. 62 เวลา 00:41 น. 11-3

ใช่ๆ ต้องเรียกไฟให้ตัวเองไว้ก่อน

เราก็มีนิยายที่ไม่มีคอมเม้นท์นะ อย่าได้แคร์ รักจะเขียนแล้วนี่นาเนอะhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-13.png

0
สมเหมียว@lesserpanda 28 พ.ค. 62 เวลา 06:41 น. 12

ไม่นะ ไม่เคยต้องใช้คำว่าหัดเขียนอะไร

เขียนแบบนี้มาตั้งแต่แรกเลย

แต่ก็ไม่ได้ว่าตัวเองเลิศเลอ เพอร์เฟค

ไม่อาจเรียกได้เต็มปากว่าพรสวรรค์

เพราะมันก็ต้องใช้ความพยายามมากอยู่เหมือนกัน

อาจจะพยายามน้อยกว่า ดิ้นรน ทุรนทุรายน้อยกว่าคนอื่น


เป็นมีดดาบที่ปลอกและด้ามอาจดูกระเร้อกระรัง แต่แหลมคมตัดเฉือนได้ทุกอย่าง

ภาษาไม่ต้องสวยงามเวิ่นเว้อ แต่เนื้อเรื่องดีพอให้นักอ่านไม่รู้สึกเสียเวลาอ่านก็พอและ55

1
ณริสา 七夕 28 พ.ค. 62 เวลา 07:02 น. 13

เรื่องการเขียนเป็นอะไรที่เราค่อยข้างแย่มากค่ะ


ตั้งแต่สมัยเรียนยันทำงาน แม้กระทั่งตรวจสอบงาน คือจะถูกสอนมาเลยว่าไม่เอาน้ำ เราขอเนื้อๆ ขอตรงประเด็น


นิสัยเวลาอ่านนิยายคือถ้าไม่ใช่พวกนิยายสืบสวน สามก๊กที่ต้องใช้ความคิด เราจะอ่านเอาให้คลายเครียด คืออะไรที่บรรยายความสวยงามเราไม่อ่านค่ะ อ่านถึงการดำเนินเรื่อง


เนื้อเรื่องที่ตัวละครหมั่นไส้กัน เอะอะทะเลาะกัน ดูเร็วๆว่ามีปัญหาอะไร แล้วข้ามไปอ่านตอนนางเอกดำเนินเรื่อง อารมณ์ว่า เรียนก็เหนื่อย ทำงานก็หนักไม่อยากปวดหัวแล้ว ขอเรื่องที่คลายเครียดให้เราอ่านตัวเอกสบาย ๆ เถิดดดด


นิยายที่หน่วง เศร้ามาก เราก็แปะไว้เลยค่ะ ช่วงไหนอยากน้ำตาตกก็จะหยิบมาอ่านค่ะ


ไม่ชอบดูละคร ซีรีย์ค่ะ คือมีชีวิตกับการอ่านแผนงาน และเม้ามอย ฟังเพลง ดูสารคดี ออกกำลังกาย เลี้ยงลูก อ่านหนังสือ(ความรู้รอบตัว) ให้ลูกฟัง


นี่คือข้อเสียยิ่งใหญ่ที่แบบ คนอย่างเราจะมาเขียนนิยาย???????


ความจริงคือ บังเอิญไปเจอพล็อตที่วางไว้สิบปีก่อนก็เลยมาเขียน อย่าถามถึงเรื่องภาษา...ละไว้ที่เข้าใจกันค่ะ555 (ยังไม่ได้รีไรท์ด้วยค่ะ)


พอเขียนแล้วก็สนุกค่ะ ได้พัฒนาไปด้วย และการอ่านก็เปลี่ยนไป ไปหยิบยืมหนังสือนักเขียนดัง ๆ ของพี่สาวมาอ่าน อ่านแบบละเอียดเลยค่ะ ... แต่ยังต้องเรียนรู้อีกมากค่ะ ถ้าจะเทียบ เรายังเป็นเขียนแบบเด็กอนุบาลอยู่เลยค่ะ


ขอฝากตัวด้วยนะคะ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png

1
ทิตภากร : กันต์ระพี 28 พ.ค. 62 เวลา 23:16 น. 13-1

เขียนเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งไปเองค่ะ มันจะเกินความชำนาญเองโดยไม่รู้ตัว

จริงๆ ภาษาไม่ต้องดีเลิศก็ได้ ขอให้เขียนแล้วรู้สึกสนุก คนอ่านก็จะสัมผัสได้ถึงความสนุกนั้นเองค่ะ ไฟต์ติ้งค่ะhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-07.png

0
ปีศาจหัวโต 28 พ.ค. 62 เวลา 10:12 น. 15

พึ่งเริ่มแต่งเองฮะ ที่ผ่านมาคือเขียนพล็อตล้วน ๆ

(คือเป็นพวกที่แค่คิดก็สนุกแล้ว มองทุกอย่างเป็นภาพเอาในหัว สนุกได้เองละ555)

แต่ครั้นจะเล่าให้คนฟังอย่างเดียวมันก็ไม่ได้ ก็ต้องลองถ่ายทอดเป็นตัวอักษรคงดีกว่า

เพราะวาดภาพกับทำหนังมันใช้เวลา โอกาส ความสามารถเฉพาะตัว

และทุนทรัพย์ ฯลฯ คือใช้หลายอย่างมากกว่าการเขียนน่ะฮะ


พอมาลองเขียนดูมีอาการช็อตอ่ะ แบบแสดงคำบรรยาย คำพูดไม่ถูกเลย

มันไม่ได้ดั่งใจนู่นนี่นั่น คิดว่าตัวเองอ่อนด๋อยเบบี๋หอยสังข์มาก ๆ

แต่ก็ปลอบใจว่าเขียนไปก่อนเดี๋ยวก็หายอ่อนเอง

ลองผิดลองถูกไปเรื่อย คือ เขียนเรื่องแรกโดยที่ไม่เคยลองเขียนมาก่อนเลย

แล้วจะให้ปังเลยก็คงจะดีแท้555 ก็ค่อย ๆ เขียนไปฮะ รอดูผลตอบรับไป ไม่คิดไรมาก

เรื่อย ๆ แต่ต้องสม่ำเสมอ อารมณ์แบบก้าวช้าไม่เป็นไรแต่ต้องไม่หยุดเดิน

2
ทิตภากร : กันต์ระพี 28 พ.ค. 62 เวลา 23:22 น. 15-1

จิ้มเข้าไปดูไม่เจอนิยาย เจอแต่รีวิว

ภาษาที่ใช้ถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อหนังสือเล่มนั้นๆ ก็โอเคนะ คือจิ้มดูอันแรก กับอันสุดท้าย ถือว่าพัฒนาไปเรื่อยๆ เขียนบ่อยๆ เดี๋ยวดีขึ้นเองค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าตอนนี้ไม่ดีนะคะ ดีแล้ว แต่จะดีขึ้นกว่านี้อีก เชื่อดิ

0
ปีศาจหัวโต 29 พ.ค. 62 เวลา 13:55 น. 15-2

เข้าไปดูด้วยเหรอ แหะ ๆ เขิลลล ขอบคุณฮับสำหรับคำแนะนำ //โค้งงง ๆ ๆ

ใช่เลยฮะ :) รู้สึกได้ว่าเดี๋ยวถ้าเขียนไปเรื่อย ๆ เราจะต้องพัฒนาได้สิน่า

นี่ก็ลองผิดลองถูกมาเยอะเลยฮะ ต้องปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ให้มันโอเคขึ้น

พอมองย้อนกลับไปตอนแรก ๆ ไม่เคยคิดที่จะเขียนรีวิวเลยด้วยซ้ำ

ตอนนี้เขียนมาได้ตั้งสิบกว่าตอน แค่นี้ก็ดีใจกับตัวเองมาก ๆ แล้วฮะ

0
มิงาเนะ 28 พ.ค. 62 เวลา 12:55 น. 16

เคยตอบกระทู้หนึ่ง จุดเริ่มของท่าน คือ อะไร!?


ผมบอกเลยว่าอยากได้ครับ ผมอยากได้ดวงบนไอดีเพิ่ม เห็นของคนอื่นแล้วมันน่าอิจฉามาก ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง ทำยังไงถึงจะได้ดาวเยอะๆกันละ!? ใช่แล้วนิยายยังไงละ!! คำตอบที่ปรากฎออกมาเป็นแรงผลักดันให้ผมเริ่มต้นสร้างโลกจิตนาการ จาก 1 ดาวที่ไม่มีแต้มต่ออะไรเลย จงมาถึง 4 ดาวปัจจุบันครับ เขียนมา 3 ปี ไม่เคยหยุดพัก ตอนแรกไม่ติดท็อป 100 ด้วยซ้ำไป ปัจจุบันติด 1 ใน 20 อันดับถ้าเขียนตอนใหม่ออกมา 555555+(อ่า!? มันยาวนานจริงๆกับการเขียนแบบไม่หยุดพัก 3 ปี)

3
Miran/Licht 28 พ.ค. 62 เวลา 14:23 น. 16-1

สมันกว่า 10 ก่อนนั้นดาวขึ้นง่ายกว่านี้ค่ะ เราพยายามอยากได้ดาวเพราะอยากได้พื้นที่เก็บรูปค่ะ ตอนนั้นคิดน้อย https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png

ก็เลยพยายามเขียน blog ทุกวันจนมีคนตามด้วยล่ะค่ะ

0
29 พ.ค. 62 เวลา 00:15 น. 16-3

จุดเริ่มมาจากความอิจฉา 555555+

ทที่ติดมีสามหมวด แฟนตาซี กำลังภายใน และอดีต ปัจจุบัน อนาคต ครัับ

0
นัตสึอิโระ1886 28 พ.ค. 62 เวลา 15:03 น. 17

กลับมาเขียนทีไรก็ยังแย่เหมือนเดิม


นิยายที่ลงล่าสุดหลังพักมือมาปีกว่าๆยิ่งแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์การลงนิยายออนไลน์ของตัวเอง มันแย่มากๆจนในหัวมีแต่คำถามเชิงลบ


กว่าจะไปถึงจุดๆนั้น คงอีกนานอ่ะ คงนานพอๆกับคนเขียนลอร์ดออฟเดอะริงค์เลย คือเขียนจบมีคนยอมรับตอนแก่อ่ะ ตอนนี้ feel bad สุดๆ ไม่อยากเขียน อยากลบเรื่องทิ้ง ลืมอดีตให้หมด

1
ทิตภากร : กันต์ระพี 28 พ.ค. 62 เวลา 23:27 น. 17-1

อย่าเพิ่งท้อสิคะ เขียนไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองค่ะ


กรุงโรมยังต้องใช้เวลาสร้างตั้งหลายวัน งานเขียนจะประสบความสำเร็จในวันเดียวได้ยังไง วันนี้อาจไม่ใช่ วันหน้าอาจจะเป็นวันของคุณก็ได้ ถ้ายังไม่ละความพยายาม


ปล. เมื่อก่อนใต้คอมเม้นท์จะมี PS. ของแต่ละคน ของเราเขียนว่า...

"โอกาสมาเยือนเสมอ ถ้าไม่เผลอนอนหลับไม่เสียก่อน"

เพราะฉะนั้นอย่ารอให้โอกาสมาเคาะประตูค่ะ แต่เราต้องวิ่งเข้าไปหาโอกาสนั้น พยายามเข้าค่ะ :)

0
Sherrienne 1 มิ.ย. 62 เวลา 21:51 น. 18

เขียนมาสามสี่เดือนแล้วมาอยู่ในจุดที่จะพักไว้ก่อนหรือจะไปต่อ รู้สึกว่าการเขียนงานเป็นอะไรที่ใช้พลังอย่างมาก ปวดหัวจนต้องกินยาแก้ปวด รื้อแล้วรื้ออีกแก้แล้วแก้อีก รู้สึกว่าบางอย่างมันขาดหายไป ที่เคยคิดได้แล้วปิ้งแล้ว flow มันไม่มาแล้ว

0