Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากให้ช่วยสรุปใจความของความเชื่อต่างๆในสังคมไทยค่ะ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
เกี่ยวกับความเชื่อในสังคมไทย มีความเชื่อที่ส่งผลหรือพัวพันอยู่กับอะไรประมาณนี้ค่ะ
อาจจะเคยมีการอธิบาย พูดสิ่งเหล่านี้เยอะแล้ว แต่ยังเป็นที่สงสัยคาใจอยู่ จึงอยากให้ผู้รู้สรุปให้ได้ใจความให้เข้าใจได้ง่ายๆกับเรื่องดังต่อไปนี้ด้วยค่ะ

1.ผีมีจริงไหมค่ะ
2.เทพ เทวดา มีจริงไหมค่ะ
3.ภพภูมิคืออะไรค่ะ
4.ทำบุญอะไรหรือแบบไหนที่จะส่งผลทันทีค่ะ
5.ทำไมถึงเกิดเป็นผู้ชาย/ผู้หญิง/กะเทยค่ะ

ขอบคุณค่ะ



แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

Akitan~ 11 ก.ค. 62 เวลา 19:59 น. 1

พี่ว่าไปถามพระที่วัดน่าจะอธิบายง่ายกว่านะ

ของอย่างนี้มันเป็นความเขื่อ แต่ละคนอาจจะได้ยินมาไม่เหมือนกัน สิ่งที่พูดก็อาจจะไม่เหมือนกันเพราะมันไม่ใข่ fact อะค่ะ ไม่รู้จะอธิบายยังไง

0
Prist 12 ก.ค. 62 เวลา 02:35 น. 2

ผมว่าให้มาสรุปสัก 100 คน

จขกท ก็ไม่ได้ข้อสรุปหรอกครับ... แต่ละคนเชื่อต่างกัน (ตาม คห บน)


และแต่ละความเชื่อที่ต่างกัน ก็หาอะไรที่แน่นอน (วิทยาศาสตร์) มาพิสูจน์ไม่ได้

จึงทำให้ไม่รู้ว่า อันไหนถูก อันไหนผิด มีจริง หรือไม่มีจริง

1
Prist 12 ก.ค. 62 เวลา 02:41 น. 2-1

ุความเชื่อของผมคือ

1 ไม่เชื่อ (แต่ก็กลัวครับ 555)

2 ไม่เชื่อ

3 ไม่เชื่อเรื่องภพภูมิ

4 จากข้อ 3 ทำให้ผมไม่เชื่อเรื่องชาติหน้าครับ // บาปบุญเป็นเรื่อง การกระทำและความน่าจะเป็น

5 ความน่าจะเป็น สิ่งแวดล้อม และพันธุกรรม (อาจจะ)

0
โทโร 12 ก.ค. 62 เวลา 07:19 น. 3

มี

มี

คือระดับชั้นที่จิตอาศัยอยู่หลังตายจากโลก

ได้ทันทีหมด ทำแล้วใจสบายทันทีนั่นคือบุญ

เขาบอกจิตของพรหมลงมากินง้วนดินมั้ง จำไม่ค่อนได้ ส่วนพวกเปลี่ยนเพศ ทำนองนี้เกิดจากหลายอย่างสืบเนื่องกัน เช่นเคยเป็นผู้ชายแล้วไปข่มขืนหญิง ชาติๆต่อๆมาพอได้เป็นมนุษย์ก็จะเป็นหญิงแล้วถูกข่มขืนติดต่อกันหลายชาติ พอหมดกรรมได้เกิดเป็นชาย ถ้าไปข่มขืนหญิงอีก ก็วนเวียนแบบนี้เรื่อยไป จนในที่สุด จิตก็ติดความอยากจากทั้งสองเพศ สับสนปนเปกันไป


ปอลิง มั่วๆเอานะ อ่านเอามันส์

0
White Frangipani 12 ก.ค. 62 เวลา 09:26 น. 4


อยากให้ช่วยสรุปใจความของความเชื่อต่างๆในสังคมไทยค่ะ


สวัสดีค่ะ


เกี่ยวกับความเชื่อในสังคมไทย มีความเชื่อที่ส่งผลหรือพัวพันอยู่กับอะไรประมาณนี้ค่ะ


ตามความเป็นจริงแล้วมาวันนี้มีคนไทยมากมาย ซึ่งก็มีความเชื่อที่แตกต่างกันไปมากมายนะคะ


คือมาวัันนี้ ผู้คนมากมาย อาจจะไม่เชื่อ ไม่ศรัทธาสิ่งที่คล้ายกัน เช่นในเรื่องของศาสนา หรือความเชื่อต่างๆอีกต่อไปแล้วนะคะ


อาจจะเคยมีการอธิบาย พูดสิ่งเหล่านี้เยอะแล้ว

ใช่ค่ะ เคยมีความเชื่อ ความศรัทธา ซึ่งในประเทศไทยนี้ โดยส่วนรวมที่ผ่านมามีการกล่าว หรืออธิบายไว้มากมาย นั้นก็คือปรัชญา แห่งพุทธ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากศาสนาพุทธ ซึ่งคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย ในครั้งหนึ่งเคยมีความศรัทธาในสิ่งเดียวกัน


แต่มาวัันนี้ดูจะมีการเปลี่ยนไปค่ะ


แต่ยังเป็นที่สงสัยคาใจอยู่ จึงอยากให้ผู้รู้สรุปให้ได้ใจความให้เข้าใจได้ง่ายๆกับเรื่องดังต่อไปนี้ด้วยค่ะ


ก่อนอื่น อยากบอกไว้ว่า เจ้าของเม้นต์นี้ก็ไม่ใช่ผู้รู้ได้ทั้งหมดนะคะ หากแต่ในโอกาสที่คุณอยากรู้ ก็จะช่วยอธิบายในวิธีที่เจ้าของเม้นต์เองมีความศรัทธา หรือมีความเชื่อ มีมุมมอง ในเหตุการณ์ที่คุณยกมาถามนี้ ด้วยความเห็น ความเข้าใจที่ตนเองมีอยู่ค่ะ


ซึ่งอาจจะเป็นความเชื่อ ความศรัทธาที่แตกต่าง ก็เป็นได้ค่ะ


1.ผีมีจริงไหมค่ะ


ผีจะมีจริง ในจิตใจของผู้ที่เขาชื่อ เขาศรัทธาค่ะ


หากเขาไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ก็ไม่มีจริงในความรู้สึกของเขาได้เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติค่ะ


เพราะเรื่องแบบนี้แท้จริงเป็นเรื่องของจิตใจ และความเชื่อ ความศรัทธาค่ะ


เพราะเรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่ที่ความเชื่อนะคะ


2.เทพ เทวดา มีจริงไหมค่ะ


เทพ เทวดา ก็มีจริงต่อจิตใจของผู้ที่เขาเชื่อ เขาศรัทธาค่ะ เพราะทั้งหมดนี้เป็นความเชื่อค่ะ

หากเขาไม่เชื่อ ไม่ศรัทธา ก็ไม่มีจริงในความรู้สึกของเขาได้เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติค่ะ

เพราะเรื่องแบบนี้แท้จริงเป็นเรื่องของจิตใจ และความเชื่อ ความศรัทธาค่ะ


3.ภพ ภูมิคืออะไรค่ะ

ภพภูมิคือวัฎจักรของการเวียนว่าย ตาย เกิด

ภพ ภูมิ จะมีจริงต่อเขาได้ ก็ต่อเมื่อเขาผู้นั้นสามารถหาหลักฐานได้ว่าเขาเคยเกิด เคยตายในภพภูมิที่แตกต่าง คือเมื่อเขารู้ได้จริง หรือมีหลักฐานให้กับตัวเขาเองได้ว่าวัฎจักรการเวียนว่าย ตาย และเกิด มีอยู่จริง


หากแต่สำหรับผู้ที่เขาไม่เชื่อ ในความคิด ในจิตใจของเขาก็จะไม่มีอยู่ค่ะ


4.ทำบุญอะไรหรือแบบไหนที่จะส่งผลทันทีค่ะ

การทำบุญ คือการ "สละ" หรือ การให้ การสละ หรือการให้ คือการทำบุญ คือ ไม่ว่าจะเป็นการสละ หรือการให้สิ่งใดก็ตาม


ซึ่งการทำบุญ หรือการสละ หรือการให้นี้ ต้องทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์ด้วยนะคะ(คือทำด้วยการไม่หวังผลตอบแทนใดๆ หากแต่ทำเพราะต้องการทำเท่านั้น) การทำแบบนี้จะเกิดเป็นความรู้สึกที่ดี ปริ่ม อิ่มเอม ปรีดา ในทันที คือความรู้สึกที่ว่าเรียกว่าเป็นสุข หรือเราเรียกอีกชื่อ คือบุญค่ะ


5.ทำไมถึงเกิดเป็นผู้ชาย/ผู้หญิง/กะเทยค่ะ

การเกิด ไม่ว่าจะเป็นหญิง เป็นชาย เป็นเพศที่สาม นั้นเป็นธรรมชาติค่ะ

การเกิดเป็นร่าง หรือสังขาร ไม่เว้นว่าร่างนั้นๆทั้งหญิงหรือชายนั้นเป็นเพียงธรรมชาติ


ซึ่งในวินาทีนั้น ขณะนั้น ตรงเวลา เสปอร์มตัวนั้นว่ายได้เร็วกว่าตัวอื่นๆ และเขาก็ได้ว่ายเข้าไปปฎิสนธิกับไข่ นั้นเป็นระบบการถือกำเนิดของธรรมชาติ ในการขยายพันธุ์ของคนเราเท่านั้นเองค่ะ


หากแต่ เรื่องของจิตใจ จิตสำนึก หรือจิตใจใต้สำนึก ซึ่งเราเรียกว่าจิตใจ วิญญาณนั้นๆของเขา ซึ่งจะเกิดเป็นคน เป็นบุุคคลิก เป็นผู้ที่มีความรู้สึก เป็นอุปนิสัย อย่างไรนั้น เป็นอีกคนละเริื่องกันค่ะ


หากแต่เรื่องแบบนี้ คือทั้งหมดนี้ เป็นความเชื่อ เป็นความศรัทธา ด้วยเช่นกันว่า เป็นเพราะอะไรในส่วนนั้นจึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน และลึกซึ้งมากมาย และยากยิ่งนักที่จะสามารถบรรยายได้ค่ะ


หรือที่เราจะเปรียบได้ ไม่ต่างจากอจินไตย ซึ่งเป็นอะไรที่ผู้คนธรรมดา หรือผู้ที่ไม่มีพื้นฐานแห่ง ความเชื่อ ความศรัทธา ในการบังเกิดความเชื่อ ความศรัทธาเหล่านี้นั้น ไม่ควรคิดค่ะ


ดังมีคำเตือนไว้ว่า....


อจินไตย แปลว่า สิ่งที่ไม่ควรคิด อจินไตย มาจากคำว่า อะ + จินไตย (พึงคิดพิจารณา) แปลว่า ไม่พึงคิดหริอจำแนกตรรกะลงไปได้ หมายถึง สิ่งที่ไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญของปุถุชน มี 4 อย่างได้แก่

พุทธวิสัย วิสัยแห่งความมหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย

ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของผู้มีฌาน ทั้งมนุษย์ และเทวดา

กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม และวิบากกรรม คือการให้ผลของกรรมที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ

โลกวิสัย วิสัยแห่งโลก คือการมีอยู่ของสวรรค์ นรก และสังสาระวัฏ[1]

ในทางพระพุทธศาสนาไม่แนะนำให้คิดเรื่องอจินไตย เพราะวิสัยปุถุชนไม่อาจเข้าใจได้โดยถูกต้องถ่องแท้ ทั้งเพราะความเข้าใจไม่ได้ในฐานะที่เป็นของลึกซึ้ง เป็นเรื่องทางจิต หรือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหาคำตอบที่สิ้นสุดได้ ถ้าคิดมากจริงจังในการหาคำตอบเหล่านั้นจากการคิดเดาเอาด้วยตรรกะเองจึงอาจกลายเป็นคนบ้าได้ อจินไตยในเรื่องทางจิตจึงเป็นเรื่องที่รู้ได้ด้วยการบรรลุธรรมชั้นสูงเท่านั้น[2]


https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2


ขอบคุณค่ะ


ด้วยความยินดีค่ะ


ปล.การที่คุณจะเข้าใจได้ ให้ดียิ่ง และแตกฉาน เจ้าของเม้นต์นี้แนะนำให้คุณศึกษาปรัชญาแห่งพุทธ ด้วยตัวคุณเองค่ะ


เพราะเหตุที่คุณยกมานี้ มีอธิบายไว้มากมายในพุทธศาสนาค่ะ


เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png



0
creat1st 12 ก.ค. 62 เวลา 17:59 น. 5

1.ผีมีจริงครับ เพราะเจอด้วยตัวเอง

2.เทพ เทวดา มีจริง เพราะเทพหรือเทวดาคือผีเหมือนกัน จริงไหมครับ แค่เรียกต่างกัน

3.ตามความเชื่อทุกศาสนาจะไปสวรรค์และนรก (บังเอิญไหมครับ) ภพภูมินั้นคือสวรรค์และนรก

4.การทำบุญแล้วส่งผลทันทีไม่มีครับ การทำบุญที่แท้จริงคือการทำบุญโดยไม่หวังผลอะไร พระอยากให้คนตักบาตรเพราะพระต้องการแค่อาหารเท่านั้นครับ ถ้าไม่ตักบาตรก็จะไม่มีพระ

5.การเกิดเป็นหญิงหรือชายเป็นข้ามเพศไม่เกี่ยวว่าชาติที่แล้วทำอะไร มันเกี่ยวกับการผสมเชื้อของอสุจิกับรังไข่ ส่วนข้ามเพศอยู่ที่สิ่งแวดล้อม การเลี้ยงดูและมีการวิจัยว่ายีสในร่างกายของมนุษย์ก็มีส่วนครับ

0
12 ก.ค. 62 เวลา 22:12 น. 6

ที่แน่ๆ 'ความเชื่อ' ไม่ได้มีความหมายตรงกับคำว่า 'ความจริง'

1
White Frangipani 21 ก.ค. 62 เวลา 06:26 น. 6-1

ที่แน่ๆ 'ความเชื่อ' ไม่ได้มีความหมายตรงกับคำว่า 'ความจริง'


ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็ไม่แน่เสมอไปนะคะ


สวัสดีค่ะคห.ที่ หก


สิ่งที่คุณไม่รู้ได้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ หรือสิ่งที่คุณไม่สามารถเห็นได้ด้วยตา... อาจจะมีอยู่จริงก็ได้ค่ะ


ขออนุญาตยกตัวอย่างนะคะ เช่น ความรักจริงนะคะ


ความรัก ซึ่งเกิดจากใจของใครสักคน ต่อเขาหรือเธอคนหนึ่ง


คือในที่นี้ ในโลกนี้ ความรักแท้จริงจากใจของคนเรานั้น ก็เป็นธรรมชาติ หรือเป็นความจริง ที่สามารถเกิดขึ้นได้จริงนะคะ


ผู้มีความรัก...และมีให้เขาหรือเธอนั้น หรือให้กับใครคนหนึ่งนั้นมีเกิดขึ้นได้จริงค่ะ


และเขาจะสามารถรู้ได้ผ่านความรู้สึกของเขาเอง...เป็นธรรมดา เป็นธรรมชาติด้วยนะคะ


หากแต่มาวันนี้ ถ้าคุณตั้งใจสังเกตดีๆนะคะ คุณจะเห็น และได้ยินบ่อยๆ ซึ่งหลายๆคนในโลกนี้ มีความเชื่อว่าความรักจริงจากใจของคนเรานั้นไม่มียู่จริง เป็นต้นค่ะ


และในที่สุดก็จะเกิดเป็นผลของการที่หลายๆคน หรือผู้คนมากมายไม่เชื่อว่าเขาถูกรักจริงด้วยใจ ตามมานะคะ


และคนเหล่านี้ก็เกิดความทุกข์ทรมาน มีความรู้สึกว่าตนอกหัก ว่าตนถูกหลอกลวงบ้างหล่ะ ว่าถูกหลอกเล่นบ้างหล่ะ ว่าคนที่ตนรักไม่เห็นคุณค่าบ้างหล่ะ ว่ารักไม่ป็นบ้างหล่ะ


และในที่สุด คนเหล่านี้ก็เกิดความน้อยเนื้อตํ่าใจ โศกเศร้า โศกา และในบางรายน้อยใจมากมาย ถึงขั้นกินยาฆ่าตัวตาย บางรายแขวนคอตายไปเลยก็มีค่ะ


หากแต่ เขาเหล่านี้ไม่เคยมีโอกาสรู้ได้เลยว่าเขาอาจจะถูกรักจริงจากใจ จากใครคนหนึ่ง แต่เขาหรือเธอ ไม่เคยเชื่อว่าความรักจริงจากใจนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้มีสาเหตุมาจาก เพราะเขาไม่เคยศรัทธาว่าความรักมีอยู่จริงไงคะ


ซึ่งแท้จริงแล้ว ความรักก็เป็นเรื่องของจิตใจ และเป็นความจริงที่เกิดขึ้นได้นะคะ


ความรัก หรือ ก็เป็นอีกเรื่องของความเชื่อ ความศรัทธา

(คือเป็นความศรัทธาในตัวตนของคนที่มีรักจริง จึงจะสามารถเกิดขึ้นได้ คือ จะเห็นได้ รู้ได้ เข้าใจได้ และสัมผัสได้ค่ะ)


คือเหตุเช่นนี้ก็ไม่สามารถเห็นได้ผ่านตาเนื้อค่ะ


หากแต่เราสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ ความรู้สึก และด้วยความเชื่อมั่น ศรัทธา ...เราจึงจะสามารถรู้ได้ และเห็นได้ผ่านการกระทำ...ว่าสิ่งนี้มีอยู่จริงค่ะ


บางสิ่ง บางอย่าง ที่คุณไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็น หรือไม่เคยเชื่อ ไม่เคยพบเจอ หากแต่อาจจะมีอยู่จริงก็ได้ค่ะ


เม้นต์นี้ เม้นต์เข้ามาเพียงเพื่อแบ่งปัน...ในสิ่งที่เจ้าของเม้นต์ศรัทธาค่ะ


หากแต่คุณไม่เชื่อ ก็เป็นสิทธิ์ของคุณนะคะ ตามนั้นค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


0