Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

คำพูดที่ว่า "ไม่เคยมีใครตายเพราะเรียน" เราว่ามันไม่จริง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คำพูดที่ผู้ใหญ่จะพูดเสมอว่า "ไม่เคยมีใครตายเพราะเรียน" จนมันกลายเป็นคำพูดที่ทำให้เราคิดเองว่า "ถ้าเรียนเเละเรียนเก่งเราจะมีชีวิตที่ดีขึ้น เราจะสบาย เราจะมีเงิน" เเล้วมันก็เป็นเพียงความคิดในวัยเด็กจนถึงระดับม.ต้น พอเริ่มม.ปลายเราว่าคำนี้เริ่มไม่จริงละ ยิ่งช่วงจะสอบเช้ามหาลัยนี้คือเครียดมาก มากที่ของเด็กอายุช่วง17-18 เเล้วที่คิดว่า จะมีที่เรียนป่าว สอบติดคณะในฝันป่าว ที่บ้านจะให้ไม่ แล้วก็อีกเยอะ 
เเต่มันก็ไม่เท่าช่วงเรียนมหาลัย เพราะการเรียนจะฆ่าเราให้ตายไปแบบช้าๆ มาน้อยเเต่เริ่มสะสมละมากขึ้นมากขึ้น
1.เริ่มนอนดึกเลยเที่ยงคืน เเล้วต้องตื่นเช้าไปเรียน เป็นเเบบนี้ไปจนเรียนจบ ช่วงไหนสอบคือ ไม่ได้นอน อ่านเสร็จรีบอาบน้ำไปสอบก็มี เพื่อนเราบางคน ไม่เคยนอนดึก จนมีความสามารถนอนตอนเช้าหรือไม่นอนเลย ในช่วงสอบ เเล้วก็คือสอบมันทุกอาทิตย์ สอบแล้วสอบอีก สอบผ่านคือ รอด สอบไม่ผ่าน ก็สอบแก้อีก เรียนมหาลัยเหมือนเราเช่าหอไว้อาบน้ำ แล้วกลับไปเรียนที่มหาลัยต่อ
2 เริ่มกินข้าวไม่ตรงเวลาหรือไม่ได้กิน เพราะบางวันเรียนเลิกบ่ายเลยเที่ยง บางวันตื่นสายเเล้วรีบไปเรียน บางวันเรียนเช้าเกินเช้าแบบแหกขี้ตาหรืออาบน้ำไปนอนต่อในห้องเรียน บางวันเลิกดึกเลิกแบบปิดมหาลัยให้ยามแทนได้เลย วันไหนกินครบ 3 มื้อก็วันนั้นดี มีบุญมากกกกก
3 เริ่มกินกาแฟ กินM100 กินคาราวบ่าว กินจนเหมือนทั้งโรงงานผลิตมาขายเราคนเดียว กินเพื่อให้ไม่ง่วง กินให้ตาแข็ง อ่านหนังสือ ปั่นโปรเจ็ค วิจัย ให้เสร็จทันเวลา กินแบบปีหนึ่งเก็บออกจากห้องเป็นกระสอบ แบบช่วงสอบคือหมด7-11 หายากมากๆ 
4 เริ่มกดดันตัวเอง กดดันว่าต้องผ่าน ต้องได้A(แต่เรื่องAนี้ไม่เคยมีความคิดในหัวเลยขอแค่ไม่ F ก็ดีใจแล้ง5555)  ต้องให้ได้คะเเนนตามที่เราต้องการ แล้วอาจารย์ก็ตัดผ่านแบบโหดร้าย ออกสอบแบบเคยเรียนเรื่องนี้ไปเมื่อไรวะ
5 เริ่มเครียด เครียดเเล้ว--> ปวดหัว--> กินยา --> กินจนติด
(*ยาแก้ปวดนะ) 
6 เริ่มมีโรค เพื่อนบางคนเครียดจนเป็นโรคไปก็มี บางคนก็ป่วยบ่อยขึ้น มีอาการแพ้นู้นนี้ บางคนน้ำหนักลด 

แล้วไหนใครว่าการเรียนไม่เคยฆ่าใคร แต่การเรียนได้ฆ่าเราให้ตายแบบช้าต่างหาก ไม่ตายเลยทันที ตายโดยที่เราฆ่าตัวเอง

สำหรับเราคือ เราเรียนหนัก สอบทุกอาทิตย์ สอบแบบตัดคะแนนผ่านที่ 60% สอบครั้งหนึ่งแทบตาย แล้วมันก็สะสมมาเรื่อย ทำให้เราน้ำหนักไม่ค่อยขึ้นเลย พอขึ้นไปพอถึงช่วงสอบก็ลดอีก แล้วลดลงกว่าเดิม 
เราเป็นคนไม่กินกาแฟไม่กินอะไรเลย แต่ต้องทำยังไงก็ได้ให้อ่านหนังสือให้จบให้รู้เรื่อง ไม่นั้นจะนอนไม่หลับ *อันนี้คือข้อเสียมากๆ บางครั้งอ่านถึงเช้าเเล้ว นอน~2 ชม. แล้วไปสอบ

จนมาอาทิตย์นี้คือ สอบจบ มันจะสอบเนื้อหาทั้งหมดที่เคยเรียนมาตั้งแต่ปี1 แล้วเราพึ่งกลับจากฝึกงาน ก็กดดันตัวเองแบบเเรงมากว่าสอบปกติคือต้องสอบผ่านรอบแรก ไม่สอบแก้นะ อ่านหนังสือแบบมาราทอนมาก อ่านถึงเช้า เป็น 4 วันที่ย่ำแย่มาก อ่านเสร็จ ~ตี2 นอน ตื่น 7 โมงเช้า เริ่มสอบ8.30น. สอบเช้า บ่าย 
-ต้องดมยา 
-ปวดหัวแต่ไม่ยอมกินยาเพราะกลัวง่วงตอนสอบ
-กินเยอะเเต่ น้ำหนักลด 2 กก.
-กินมื้อเช้ากับเย็น ตอนเที่ยงอ่านหนังสือไม่ยอมกินข้าว
-รู้สึกวูบตลอด 
-กินแต่น้ำหวาน วันละ 2 แก้ว
-ป่วยตั้งแต่วันแรก
เเล้วคือในสาขาเหมือนมีแต่ซอมบี้ เพราะทุกคนก็เป็นเหมือนกันหมด ตาลอยๆ งงๆ พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ใช้วิธีพิมพ์ไลน์เอาเวลาจะสื่อสารกัน พอสอบเสร็จใครผ่านก็ได้พัก ใครตกก็แก้อีก
ส่วนเราสอบผ่าน ก็นอน นอนอย่างเดียว นอนทั้งวัน ตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึงเที่ยงของอีกวัน นอนแบบเหมือนไม่เคยนอน ง่วงตลอดเวลา 

สุดท้ายอยากฝากถึงน้อง หรือ คนที่เข้ามาอ่านว่า รักตัวเองให้มากๆ ดูแลสุขภาพให้เยอะๆ กินอาหารดีๆ นอนพักให้เพียงพอ นอนเยอะๆ ดื่มน้ำเยอะๆ
ตอนเรียน สอบไม่ผ่านก็แค่สอบใหม่ แก้ตัวได้อีกรอบ แต่ถ้าเราเป็นอะไรไป ไม่มีขอใหม่มาทดแทนแล้วนะ

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

เด็ก62 15 ก.ค. 62 เวลา 15:22 น. 2

ขอสอบถามได้ไหม คณะที่จขกท เรียนอยู่คืออะไรเหรอครับ เราจะขึ้นปี1ปีนี้สายสุขภาพ เรากลััวเรียนหนักมากจนจะเป็นแบบจขกทอยู่เหมือนกัน

1
PA1998 15 ก.ค. 62 เวลา 18:57 น. 2-1

เราว่ามันขึ้นอยู่กับสาขาที่เรียนนะ กับช่วงที่เราปรับตัวนะ เหมือนรุ่นพี่ของเราที่เรียนหลักสูตร 4 ปี(เราเรียนหลักสูตร 2 ปี) ก็โอเคอยู่นะ มีช่วงเวลาปิดเทอม ได้ไปเที่ยว ได้พัก

0
Naty nutt 15 ก.ค. 62 เวลา 15:28 น. 3

ทำไมนึกถึงคณะนึงในสายสุขภาพ เราเรียนสายสุขภาพแต่ก็ไม่ขนาดนี้นะ สงสัยคงเพราะยังไม่ขึ้นปีสูงล่ะมั้ง


เตรียมตัวตายค่ะ ถ้าไม่เรียนแบบถวายชีวิตคงรอดยาก 555555

1
PA1998 15 ก.ค. 62 เวลา 19:02 น. 3-1

คงไม่ขนาดนั้น เเต่เราเรียน 2 ปีทุกอย่างมันเลยมาอัดกันหมดมันก็เลยหนักนิดหนึ่ง+กับเรากดดันตัวเองช่วงสอบด้วย

0
Magical green forest 15 ก.ค. 62 เวลา 16:29 น. 4

เราเคยเห็นกระทู้ จขกท.มาก่อนหน้านี้ล่ะเรายังสงสัยอยู่เลยว่า จขกท.เรียนอะไร มันเป็นสายที่ทำงานในรพ.แต่ไม่ใช่พวกคณะสายวิทย์สุขภาพทั่วไปที่เรียน 4-6 ปีใช่ป่ะ แต่จขกท. เรียนแค่ 2 ปีเอง คือเป็นพวกผู้ช่วยไรงี้เหรอ เพราะเคยเห็นหลักสูตรผู้ช่วยทันตะ เภสัช พยาบาลอะไรแบบนี้ เรียนก็ 2 ปีเอง ใครเข้าใจช่วยตอบทีว่า มันคืออะไร5555


แต่เราเห็นด้วยนะ ที่ทำให้เราตายช้าๆอ่ะ สถานการณ์มันบีบบังคับให้เราต้องทำแบบนั้นอ่ะ ไม่มีใครอยากเจอหรอก แต่เราต้องทำเพราะเราเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เอง ถ้าทำด้วยใจรักมันก็จะเหนื่อยเหมือนกัน แต่แค่เหนื่อยกาย ไม่ได้เหนื่อยใจเท่าไหร่คิดว่านะ


ปล.เราก็เรียนสายสุขภาพนะ อนาคตเตรียมพลีชีพล่ะ5555 ปีสูงๆต้องหนักแน่ๆ เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่เรียนสายสุขภาพนะ5555

4
PA1998 15 ก.ค. 62 เวลา 19:15 น. 4-1

เรียนวิทลัยฯของสถาบันพระบรมราชชนก หลักสูตรที่เราเรียนจะมี 2 ปี คือวุฒิ ปวส. กับ 4ปี คือ วุฒิป.ตรี เเต่เราเรียนหลักสูตร 2 ปี จำนวน 6 เทอม โดยจะเรียน 4 เทอม ฝึกงาน 2 เทอม(ฝึกงานเทอม 1 จะมีเรียนซัมเมอร์ก่อน+ฝึกงานเล็กที่ รพ. 1 เดือน , ฝึกงานเทอม 2 ก็จะไปฝึกตาม รพ. 2 เดือน) ตารางชีวิตก็จะแน่นไปหมด

ก่อนเรียนจบก็จะมีการสอบรวบยอด เนื้อหาตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงเทอมสุดท้าย ถ้าใครสอบไม่ผ่านก็จะได้อยู่เรียนต่อไปเรื่อยๆ+สอบซ่อมไปจนกว่าจะผ่าน

ก่อนมาเรียนทุกคนก็จะได้ทุนของ สสจ. หรือ โรงพยาบาล ตั้งแต่ก่อนมาเรียน แล้ววันที่เริ่มเรียนจนวันที่เรียนจบ ก็จะเป็นเวลา 2 ปีแบบพอดี

0
Magical green forest 15 ก.ค. 62 เวลา 20:38 น. 4-2

เราพอเข้าใจคร่าวๆล่ะะ ยังไงก็ขอให้จขกท.สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะๆ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-01.png

0
Naty nutt 15 ก.ค. 62 เวลา 23:49 น. 4-3

แวะมาแท็กมือ สายสุขภาพเหมือนกัน คณะเดียวกันด้วย 555555


ฮรือออ เราต้องรอดค่ะ

0
Magical green forest 16 ก.ค. 62 เวลา 06:28 น. 4-4

เอ้ยย คณะเดียวกันเหรอ555 เรียนที่ไหน เรียนปีไหนแล้วอ่า เราเพิ่งขึ้นปี1 เอง กังวลและตื่นเต้นมาก55555

0
M_a_R_c_H 15 ก.ค. 62 เวลา 21:22 น. 5

สิ่งที่ จขกท กล่าวมาคือมุมมองของคนที่ปบ่งเวบาไม่เป็นมากกว่านะครับ จริงๆแล้วการใช้ชีวิตมันต้อง balance ต้องรู้จักช่างมันบ้างทั้งเรียนและทำงาน น้องเลือกที่จะอ่าน อ่าน และอ่านจนไม่รู้ว่าเน้นปริมาณหรือคุณภาพเป็นหลัก จริงๆการแบ่งเวลาให้เป็น เลือกผ่อนคลายตามความเหมาะสม น้องก็สามารถสอบติดหรือประสบความสำเร็จได้เช่นกัน

0
นักศึกษาคนใหม่ 15 ก.ค. 62 เวลา 21:48 น. 6

จขกท ลองเปลี่ยนวิธีการอ่านหนังสือดูมั้ยอ่ะ ลองเปลี่ยนเป็นวิธี อ่านน้อยแต่ได้มาก ดูค่ะ เราเข้าใจจขกทนะคะ เพราะเราเคยผ่านจุดที่พยายามอ่านหนังสือตลอดเวลามาเหมือนกัน ลองเปลี่ยนวิธีดูค่ะ ตั้งใจเรียนในคาบมากๆไม่วอกแวกเลยเราว่าจะได้ประมาณ70%แล้วค่ะ ทวนทันทีในคืนนั้น จดโน้ตสั้นๆวันละประมาณ1ชม. ก็จะเท่ากับว่าเนื้อหาผ่านสมองเราไป3รอบแล้วค่ะ แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้จขกทมีก็คือ การมีความสุขในการเรียนค่ะ มันอาจจะดูเหมือนทำยาก จะมีความสุขได้ยังไง เนื่อหาเยอะ งานก็แยะใช่มั้ยละค่ะ แต่ทำได้จริงๆค่ะ แล้วร่างกายของจบกทก็จะดีขึ้นด้วยเหมือนที่เค้าว่าใจเป็นนายกายเป็นบ่าวค่ะ สู้ๆนะคะ คณะเราก็เรียนหนักเหมือนกัน เราจะสู้ไปด้วยกันค่ะ!!

0
Kggg 16 ก.ค. 62 เวลา 11:25 น. 8

เราว่าอาจจะเกี่ยวกับการอ่านนสหรือเปล่า อ่านให้เป็นค่ะ ไม่ใช่อ่านให้นาน ตั้งใจเรียนในห้องแล้วกลับหอมาทวนเนื้อหาที่เรียนไปในวันนั้นทุกๆวันวันละ1-2ชม.นะคะ ช่วงสอบมาทวนซ้ำของทั้งหมดและทำแบบทดสอบ เราว่ามันน่าจะไม่หนักแบบนี้นะคะลองดูๆ สู้ๆค่ะ

0
psycho_psychic 19 ก.ค. 62 เวลา 01:53 น. 9

เราเชื่อว่าช่วงเวลาที่ทำให้คนเราได้เปรียบเสียเปรียบกันในเรื่องการเรียนมันมีอยู่สองช่วง (ที่พูดเรื่องนี้เพราะดูเธอจะอุทิศร่างกายและวิญญาณให้กับการเรียนมากเป็นพิเศษ)

1. ช่วงแคะขี้หูรอฟังอ.สอนแบบไหนให้มันซึมเข้าสมองมากที่สุด (ปล.ตอนเรียนเราทำตัวเหมือนเพื่อนไม่คบอ่ะ ไม่มีการแจกจ่ายมิตรไมตรีใดๆยกเว้นหลังสอนเสร็จหรืออ.ปล่อยพัก)

2. ช่วง manage การอ่านหนังสืออย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยใช้เวลาน้อยที่สุด


ตัวเราเห็นเรื่องกินเรื่องนอนสำคัญกว่าทุกเรื่อง ขอสารภาพว่าไม่เคยอ่านทบทวนหลังเลิกเรียน แต่ทุกครั้งที่จะสอบ เรานอน 2 ทุ่ม ตื่นมาอ่านตี 3 อาบน้ำแต่งตัว 8 โมง เข้าสอบ 9 โมงเช้า


รู้มั้ยว่าทำไมเราสามารถอ่านได้ 5 ชม.รวดโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามในการท่องจำซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือแม้แต่หยุดพัก มันก็เพราะ... >>>>สมองเราได้พักผ่อนเต็มที่ พร้อมรับเต็มที่

สมองถ้าล้ามันจะเรียนรู้ได้ช้าลง คิดว่าเธอน่าจะรู้อยู่แล้ว


ลองเลือกทางที่ฉลาดกว่าในการจัดการกับชีวิตตัวเองนะ ตารางเวลาของมหาลัย ทำอะไรไม่ได้ก็ช่างมัน แต่เลือกทำสิ่งที่เราสามารถจัดการกับมันได้ ชีวิตจะได้ไม่ทรมาณไปมากกว่านี้

0
poochpk 21 ก.ค. 62 เวลา 21:28 น. 10

เรากลับเห็นว่าความเชื่อของคุณเรื่อง "ถ้าเรียนและเรียนเก่ง คุณจะมีชีวิตที่ดีขึ้น คุณจะสบาย และมีเงิน" นั่นเองต่างหากที่กำลังฆ่าคุณอย่างช้า ๆ

คุณเองกำลังจะจบ ใกล้ถึงเป้าหมายที่อุตส่าห์ทุ่มแรงกายแรงใจสุดตัวในไม่ช้า แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเข้าสู่สนามจริงที่เรียกว่าโลกแห่งการทำงาน คุณอาจจะยังไม่มีชีวิตดีขึ้นและยังไม่สบาย ยังไม่ต้องพูดถึงตัวเงินที่ต้องเก็บหอมรอบริบไปทีละขั้นตามสูตรสำเร็จที่มาพร้อมแนวคิดสำเร็จรูปที่คุณถูกปลูกฝังมา


คุณมาเขียนให้กำลังใจน้อง ๆ เราก็ขอให้กำลังใจคุณบ้าง สงครามของคุณยังไม่จบนะคะ คุณเพิ่งจะจบสนามซ้อมเองค่ะ ขอให้เตรียมกำลังใจและพลังกายให้เข้มแข็งยิ่ง ๆ ขึ้น เพราะคุณจะพบปัญหาและอุปสรรคที่บั่นทอนพลังชีวิตคุณมากต่อมากในโลกแห่งการทำงาน จนอาจจะทำให้คุณนึกถึงประโยค "ไม่มีใครตายเพราะการทำงาน" ก็เป็นได้


ขอพลังจงสถิตกับท่านค่ะ

0