คำพูดที่ว่า "ไม่เคยมีใครตายเพราะเรียน" เราว่ามันไม่จริง
ตั้งกระทู้ใหม่
เเต่มันก็ไม่เท่าช่วงเรียนมหาลัย เพราะการเรียนจะฆ่าเราให้ตายไปแบบช้าๆ มาน้อยเเต่เริ่มสะสมละมากขึ้นมากขึ้น
1.เริ่มนอนดึกเลยเที่ยงคืน เเล้วต้องตื่นเช้าไปเรียน เป็นเเบบนี้ไปจนเรียนจบ ช่วงไหนสอบคือ ไม่ได้นอน อ่านเสร็จรีบอาบน้ำไปสอบก็มี เพื่อนเราบางคน ไม่เคยนอนดึก จนมีความสามารถนอนตอนเช้าหรือไม่นอนเลย ในช่วงสอบ เเล้วก็คือสอบมันทุกอาทิตย์ สอบแล้วสอบอีก สอบผ่านคือ รอด สอบไม่ผ่าน ก็สอบแก้อีก เรียนมหาลัยเหมือนเราเช่าหอไว้อาบน้ำ แล้วกลับไปเรียนที่มหาลัยต่อ
2 เริ่มกินข้าวไม่ตรงเวลาหรือไม่ได้กิน เพราะบางวันเรียนเลิกบ่ายเลยเที่ยง บางวันตื่นสายเเล้วรีบไปเรียน บางวันเรียนเช้าเกินเช้าแบบแหกขี้ตาหรืออาบน้ำไปนอนต่อในห้องเรียน บางวันเลิกดึกเลิกแบบปิดมหาลัยให้ยามแทนได้เลย วันไหนกินครบ 3 มื้อก็วันนั้นดี มีบุญมากกกกก
3 เริ่มกินกาแฟ กินM100 กินคาราวบ่าว กินจนเหมือนทั้งโรงงานผลิตมาขายเราคนเดียว กินเพื่อให้ไม่ง่วง กินให้ตาแข็ง อ่านหนังสือ ปั่นโปรเจ็ค วิจัย ให้เสร็จทันเวลา กินแบบปีหนึ่งเก็บออกจากห้องเป็นกระสอบ แบบช่วงสอบคือหมด7-11 หายากมากๆ
4 เริ่มกดดันตัวเอง กดดันว่าต้องผ่าน ต้องได้A(แต่เรื่องAนี้ไม่เคยมีความคิดในหัวเลยขอแค่ไม่ F ก็ดีใจแล้ง5555) ต้องให้ได้คะเเนนตามที่เราต้องการ แล้วอาจารย์ก็ตัดผ่านแบบโหดร้าย ออกสอบแบบเคยเรียนเรื่องนี้ไปเมื่อไรวะ
5 เริ่มเครียด เครียดเเล้ว--> ปวดหัว--> กินยา --> กินจนติด
(*ยาแก้ปวดนะ)
6 เริ่มมีโรค เพื่อนบางคนเครียดจนเป็นโรคไปก็มี บางคนก็ป่วยบ่อยขึ้น มีอาการแพ้นู้นนี้ บางคนน้ำหนักลด
แล้วไหนใครว่าการเรียนไม่เคยฆ่าใคร แต่การเรียนได้ฆ่าเราให้ตายแบบช้าต่างหาก ไม่ตายเลยทันที ตายโดยที่เราฆ่าตัวเอง
สำหรับเราคือ เราเรียนหนัก สอบทุกอาทิตย์ สอบแบบตัดคะแนนผ่านที่ 60% สอบครั้งหนึ่งแทบตาย แล้วมันก็สะสมมาเรื่อย ทำให้เราน้ำหนักไม่ค่อยขึ้นเลย พอขึ้นไปพอถึงช่วงสอบก็ลดอีก แล้วลดลงกว่าเดิม
เราเป็นคนไม่กินกาแฟไม่กินอะไรเลย แต่ต้องทำยังไงก็ได้ให้อ่านหนังสือให้จบให้รู้เรื่อง ไม่นั้นจะนอนไม่หลับ *อันนี้คือข้อเสียมากๆ บางครั้งอ่านถึงเช้าเเล้ว นอน~2 ชม. แล้วไปสอบ
จนมาอาทิตย์นี้คือ สอบจบ มันจะสอบเนื้อหาทั้งหมดที่เคยเรียนมาตั้งแต่ปี1 แล้วเราพึ่งกลับจากฝึกงาน ก็กดดันตัวเองแบบเเรงมากว่าสอบปกติคือต้องสอบผ่านรอบแรก ไม่สอบแก้นะ อ่านหนังสือแบบมาราทอนมาก อ่านถึงเช้า เป็น 4 วันที่ย่ำแย่มาก อ่านเสร็จ ~ตี2 นอน ตื่น 7 โมงเช้า เริ่มสอบ8.30น. สอบเช้า บ่าย
-ต้องดมยา
-ปวดหัวแต่ไม่ยอมกินยาเพราะกลัวง่วงตอนสอบ
-กินเยอะเเต่ น้ำหนักลด 2 กก.
-กินมื้อเช้ากับเย็น ตอนเที่ยงอ่านหนังสือไม่ยอมกินข้าว
-รู้สึกวูบตลอด
-กินแต่น้ำหวาน วันละ 2 แก้ว
-ป่วยตั้งแต่วันแรก
เเล้วคือในสาขาเหมือนมีแต่ซอมบี้ เพราะทุกคนก็เป็นเหมือนกันหมด ตาลอยๆ งงๆ พูดกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ใช้วิธีพิมพ์ไลน์เอาเวลาจะสื่อสารกัน พอสอบเสร็จใครผ่านก็ได้พัก ใครตกก็แก้อีก
ส่วนเราสอบผ่าน ก็นอน นอนอย่างเดียว นอนทั้งวัน ตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึงเที่ยงของอีกวัน นอนแบบเหมือนไม่เคยนอน ง่วงตลอดเวลา
สุดท้ายอยากฝากถึงน้อง หรือ คนที่เข้ามาอ่านว่า รักตัวเองให้มากๆ ดูแลสุขภาพให้เยอะๆ กินอาหารดีๆ นอนพักให้เพียงพอ นอนเยอะๆ ดื่มน้ำเยอะๆ
ตอนเรียน สอบไม่ผ่านก็แค่สอบใหม่ แก้ตัวได้อีกรอบ แต่ถ้าเราเป็นอะไรไป ไม่มีขอใหม่มาทดแทนแล้วนะ
10 ความคิดเห็น
จากที่อ่านมา คนที่ทำร้ายคุณไม่ใช่การเรียนเลยนะ นึกดีๆว่าใครกันแน่ที่ทำร้ายคุณ
ขอสอบถามได้ไหม คณะที่จขกท เรียนอยู่คืออะไรเหรอครับ เราจะขึ้นปี1ปีนี้สายสุขภาพ เรากลััวเรียนหนักมากจนจะเป็นแบบจขกทอยู่เหมือนกัน
เราว่ามันขึ้นอยู่กับสาขาที่เรียนนะ กับช่วงที่เราปรับตัวนะ เหมือนรุ่นพี่ของเราที่เรียนหลักสูตร 4 ปี(เราเรียนหลักสูตร 2 ปี) ก็โอเคอยู่นะ มีช่วงเวลาปิดเทอม ได้ไปเที่ยว ได้พัก
ทำไมนึกถึงคณะนึงในสายสุขภาพ เราเรียนสายสุขภาพแต่ก็ไม่ขนาดนี้นะ สงสัยคงเพราะยังไม่ขึ้นปีสูงล่ะมั้ง
เตรียมตัวตายค่ะ ถ้าไม่เรียนแบบถวายชีวิตคงรอดยาก 555555
คงไม่ขนาดนั้น เเต่เราเรียน 2 ปีทุกอย่างมันเลยมาอัดกันหมดมันก็เลยหนักนิดหนึ่ง+กับเรากดดันตัวเองช่วงสอบด้วย
เราเคยเห็นกระทู้ จขกท.มาก่อนหน้านี้ล่ะเรายังสงสัยอยู่เลยว่า จขกท.เรียนอะไร มันเป็นสายที่ทำงานในรพ.แต่ไม่ใช่พวกคณะสายวิทย์สุขภาพทั่วไปที่เรียน 4-6 ปีใช่ป่ะ แต่จขกท. เรียนแค่ 2 ปีเอง คือเป็นพวกผู้ช่วยไรงี้เหรอ เพราะเคยเห็นหลักสูตรผู้ช่วยทันตะ เภสัช พยาบาลอะไรแบบนี้ เรียนก็ 2 ปีเอง ใครเข้าใจช่วยตอบทีว่า มันคืออะไร5555
แต่เราเห็นด้วยนะ ที่ทำให้เราตายช้าๆอ่ะ สถานการณ์มันบีบบังคับให้เราต้องทำแบบนั้นอ่ะ ไม่มีใครอยากเจอหรอก แต่เราต้องทำเพราะเราเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เอง ถ้าทำด้วยใจรักมันก็จะเหนื่อยเหมือนกัน แต่แค่เหนื่อยกาย ไม่ได้เหนื่อยใจเท่าไหร่คิดว่านะ
ปล.เราก็เรียนสายสุขภาพนะ อนาคตเตรียมพลีชีพล่ะ5555 ปีสูงๆต้องหนักแน่ๆ เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่เรียนสายสุขภาพนะ5555
เรียนวิทลัยฯของสถาบันพระบรมราชชนก หลักสูตรที่เราเรียนจะมี 2 ปี คือวุฒิ ปวส. กับ 4ปี คือ วุฒิป.ตรี เเต่เราเรียนหลักสูตร 2 ปี จำนวน 6 เทอม โดยจะเรียน 4 เทอม ฝึกงาน 2 เทอม(ฝึกงานเทอม 1 จะมีเรียนซัมเมอร์ก่อน+ฝึกงานเล็กที่ รพ. 1 เดือน , ฝึกงานเทอม 2 ก็จะไปฝึกตาม รพ. 2 เดือน) ตารางชีวิตก็จะแน่นไปหมด
ก่อนเรียนจบก็จะมีการสอบรวบยอด เนื้อหาตั้งแต่เริ่มเรียนจนถึงเทอมสุดท้าย ถ้าใครสอบไม่ผ่านก็จะได้อยู่เรียนต่อไปเรื่อยๆ+สอบซ่อมไปจนกว่าจะผ่าน
ก่อนมาเรียนทุกคนก็จะได้ทุนของ สสจ. หรือ โรงพยาบาล ตั้งแต่ก่อนมาเรียน แล้ววันที่เริ่มเรียนจนวันที่เรียนจบ ก็จะเป็นเวลา 2 ปีแบบพอดี
เราพอเข้าใจคร่าวๆล่ะะ ยังไงก็ขอให้จขกท.สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะๆ
แวะมาแท็กมือ สายสุขภาพเหมือนกัน คณะเดียวกันด้วย 555555
ฮรือออ เราต้องรอดค่ะ
เอ้ยย คณะเดียวกันเหรอ555 เรียนที่ไหน เรียนปีไหนแล้วอ่า เราเพิ่งขึ้นปี1 เอง กังวลและตื่นเต้นมาก55555
สิ่งที่ จขกท กล่าวมาคือมุมมองของคนที่ปบ่งเวบาไม่เป็นมากกว่านะครับ จริงๆแล้วการใช้ชีวิตมันต้อง balance ต้องรู้จักช่างมันบ้างทั้งเรียนและทำงาน น้องเลือกที่จะอ่าน อ่าน และอ่านจนไม่รู้ว่าเน้นปริมาณหรือคุณภาพเป็นหลัก จริงๆการแบ่งเวลาให้เป็น เลือกผ่อนคลายตามความเหมาะสม น้องก็สามารถสอบติดหรือประสบความสำเร็จได้เช่นกัน
จขกท ลองเปลี่ยนวิธีการอ่านหนังสือดูมั้ยอ่ะ ลองเปลี่ยนเป็นวิธี อ่านน้อยแต่ได้มาก ดูค่ะ เราเข้าใจจขกทนะคะ เพราะเราเคยผ่านจุดที่พยายามอ่านหนังสือตลอดเวลามาเหมือนกัน ลองเปลี่ยนวิธีดูค่ะ ตั้งใจเรียนในคาบมากๆไม่วอกแวกเลยเราว่าจะได้ประมาณ70%แล้วค่ะ ทวนทันทีในคืนนั้น จดโน้ตสั้นๆวันละประมาณ1ชม. ก็จะเท่ากับว่าเนื้อหาผ่านสมองเราไป3รอบแล้วค่ะ แล้วอีกสิ่งหนึ่งที่อยากให้จขกทมีก็คือ การมีความสุขในการเรียนค่ะ มันอาจจะดูเหมือนทำยาก จะมีความสุขได้ยังไง เนื่อหาเยอะ งานก็แยะใช่มั้ยละค่ะ แต่ทำได้จริงๆค่ะ แล้วร่างกายของจบกทก็จะดีขึ้นด้วยเหมือนที่เค้าว่าใจเป็นนายกายเป็นบ่าวค่ะ สู้ๆนะคะ คณะเราก็เรียนหนักเหมือนกัน เราจะสู้ไปด้วยกันค่ะ!!
ขอบคุณค่ะ จะตั้งใจเรียนเลย
เราว่าอาจจะเกี่ยวกับการอ่านนสหรือเปล่า อ่านให้เป็นค่ะ ไม่ใช่อ่านให้นาน ตั้งใจเรียนในห้องแล้วกลับหอมาทวนเนื้อหาที่เรียนไปในวันนั้นทุกๆวันวันละ1-2ชม.นะคะ ช่วงสอบมาทวนซ้ำของทั้งหมดและทำแบบทดสอบ เราว่ามันน่าจะไม่หนักแบบนี้นะคะลองดูๆ สู้ๆค่ะ
เราเชื่อว่าช่วงเวลาที่ทำให้คนเราได้เปรียบเสียเปรียบกันในเรื่องการเรียนมันมีอยู่สองช่วง (ที่พูดเรื่องนี้เพราะดูเธอจะอุทิศร่างกายและวิญญาณให้กับการเรียนมากเป็นพิเศษ)
1. ช่วงแคะขี้หูรอฟังอ.สอนแบบไหนให้มันซึมเข้าสมองมากที่สุด (ปล.ตอนเรียนเราทำตัวเหมือนเพื่อนไม่คบอ่ะ ไม่มีการแจกจ่ายมิตรไมตรีใดๆยกเว้นหลังสอนเสร็จหรืออ.ปล่อยพัก)
2. ช่วง manage การอ่านหนังสืออย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยใช้เวลาน้อยที่สุด
ตัวเราเห็นเรื่องกินเรื่องนอนสำคัญกว่าทุกเรื่อง ขอสารภาพว่าไม่เคยอ่านทบทวนหลังเลิกเรียน แต่ทุกครั้งที่จะสอบ เรานอน 2 ทุ่ม ตื่นมาอ่านตี 3 อาบน้ำแต่งตัว 8 โมง เข้าสอบ 9 โมงเช้า
รู้มั้ยว่าทำไมเราสามารถอ่านได้ 5 ชม.รวดโดยไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามในการท่องจำซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือแม้แต่หยุดพัก มันก็เพราะ... >>>>สมองเราได้พักผ่อนเต็มที่ พร้อมรับเต็มที่
สมองถ้าล้ามันจะเรียนรู้ได้ช้าลง คิดว่าเธอน่าจะรู้อยู่แล้ว
ลองเลือกทางที่ฉลาดกว่าในการจัดการกับชีวิตตัวเองนะ ตารางเวลาของมหาลัย ทำอะไรไม่ได้ก็ช่างมัน แต่เลือกทำสิ่งที่เราสามารถจัดการกับมันได้ ชีวิตจะได้ไม่ทรมาณไปมากกว่านี้
เรากลับเห็นว่าความเชื่อของคุณเรื่อง "ถ้าเรียนและเรียนเก่ง คุณจะมีชีวิตที่ดีขึ้น คุณจะสบาย และมีเงิน" นั่นเองต่างหากที่กำลังฆ่าคุณอย่างช้า ๆ
คุณเองกำลังจะจบ ใกล้ถึงเป้าหมายที่อุตส่าห์ทุ่มแรงกายแรงใจสุดตัวในไม่ช้า แต่นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเข้าสู่สนามจริงที่เรียกว่าโลกแห่งการทำงาน คุณอาจจะยังไม่มีชีวิตดีขึ้นและยังไม่สบาย ยังไม่ต้องพูดถึงตัวเงินที่ต้องเก็บหอมรอบริบไปทีละขั้นตามสูตรสำเร็จที่มาพร้อมแนวคิดสำเร็จรูปที่คุณถูกปลูกฝังมา
คุณมาเขียนให้กำลังใจน้อง ๆ เราก็ขอให้กำลังใจคุณบ้าง สงครามของคุณยังไม่จบนะคะ คุณเพิ่งจะจบสนามซ้อมเองค่ะ ขอให้เตรียมกำลังใจและพลังกายให้เข้มแข็งยิ่ง ๆ ขึ้น เพราะคุณจะพบปัญหาและอุปสรรคที่บั่นทอนพลังชีวิตคุณมากต่อมากในโลกแห่งการทำงาน จนอาจจะทำให้คุณนึกถึงประโยค "ไม่มีใครตายเพราะการทำงาน" ก็เป็นได้
ขอพลังจงสถิตกับท่านค่ะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?