Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เล่าประสบการณ์ #Dek62 กับการท่องโลก Tcas ของเด็กที่ไม่ค่อยมีสมาธิ และป่วยออดๆแอดๆคนหนึ่ง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ ทุกคน วันนี้เราว่างค่ะ ยังไม่เปิดเทอมเลย(แต่ว่าใกล้ล่ะ555) ตอนแรกลังเลว่าจะเขียนดีไหม ด้วยความเหงาก็ทำให้เรามาเขียนจนได้ค่ะ5555

เราเคยตั้งกระทู้นึงในบอร์ด Tcas ทั่วไป กระทู้นั้นชื่อว่า เล่าประสบการณ์ #Dek62 เพราะสอบไม่ติดคณะที่ชอบตั้งแต่แรก ทำให้ค้นพบว่า จริงๆแล้วเราชอบคณะอะไร(กระทู้หลอกตัวเอง)  ตามลิงค์นี้เลยค่ะ https://www.dek-d.com/board/view/3933257/

ในกระทู้บอกแค่ว่าเราขี้เกียจและไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ค่ะ ลืมบอกว่า ป่วยออดๆแอดๆอีก555 วันนี้เราจะมาขยายความค่ะว่า ตลอดระยะเวลาการอ่านหนังสือและสอบมา เราเผชิญกับอะไรบ้างจนทำให้เราสอบไม่ติดคณะที่ชอบตั้งแต่แรกค่ะ

เราจะเล่าออกเป็น 2 พาร์ทนะคะ

-ช่วงอ่านหนังสือและช่วงสอบค่ะ

-ข้อคิด คำเตือน และคำแนะนำค่ะ



Part 1

เราเป็นเด็กคนหนึ่งที่มีความฝันค่ะ ว่าอยากติดคณะที่ตัวเองชอบ แต่ก็เจออุปสรรคที่ทำให้เราเหนื่อยมากเลยค่ะ คือ เราเป็นคนไม่ค่อยมีสมาธิตอนเรียนและอ่านหนังสือเลยค่ะ(จริงๆมีบ้างค่ะแต่มันไม่พอ555) เราอ่านๆหลุดๆตลอด ถ้าตั้งใจอ่าน 2 ชม. ได้จริงๆประมาณ 30 นาทีเองมั้ง เรามีปัญหาใหญ่มากปัญหานึงค่ะ ที่ไม่ค่อยมีใครเป็นค่ะ คือ เวลาอ่านหนังสือเราจะปวดหัวเกือบทุกครั้งค่ะ เพราะต้องพยายามบังคับสมองตัวเองให้มาโฟกัสกับหนังสือ(สมองเราหลุดไปคิดเรื่องอื่นบ่อยมากๆๆ) จนสมองเราเบลอๆอีก ทำให้อ่านไม่เต็มที่หนักเข้าไปอีก จนเราเหนื่อยและเราก็หยุดพักยาวๆเลยค่ะ เพราะปวดหัวอ่านไม่ไหวแล้ว แต่ต่อให้เราเป็นแบบนี้ เราก็พยายามมาตลอด ไม่เคยท้อเลยค่ะ ในหัวมีแต่คำว่า สู้กับพักค่ะ สำหรับเราแล้วเราต้องอ่าน "มากกว่าคนอืน"  เพียงเพื่อให้เราได้ "เท่ากับคนอื่น"  และเราเชื่อว่าเราต้องติดคณะที่ชอบให้ได้

เราเคยบอกในกระทู้ก่อนหน้าแล้วค่ะ ว่าเราอยากเข้าทันตะ ตอนอ่านหนังสือบอกตัวเองว่า อยากเข้าทันตะ (แห่งหนึ่ง)ค่ะ เพราะเป็นทันตะที่เรียนใกล้บ้านเราค่ะ และเราก็ว่าเป็นที่ที่โอเคด้วย

1 เดือนก่อนสอบเป็นช่วงเวลาที่ขื่นขมมากค่ะ เพราะเราต้องอ่านหนังสือยาวๆ 6-10 ชม.ต่อวัน แต่ได้จริงๆ ประมาณ 3-4 ชม.ได้มั้งคะ(คือนั่งอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสือ 6-10 ชม.เลยค่ะ) เรารู้สึกกดดันมากเลยค่ะตอนนั้น เพราะคะแนนเราที่ทำโจทย์แย่มากๆ บวกกับยังจำได้ไม่เยอะเลยค่ะ สมาธิที่จะจำก็น้อยค่ะ อ่านหลายวิชามาก ก็จะเข้าทันตะนี่นะ วิชาตระกูลวิทย์ทำเราประสาทกินแล้วค่ะ5555 ตอนอยู่โรงเรียนเราอ่านหนังสือแทบตลอดเวลาค่ะ บางทีในคาบวิชาอื่นด้วย555 ไม่ดีเลยค่ะ อย่าทำตามนะ ตอนพักเที่ยงเราก็หนีจากกลุ่มเพื่อนมานั่งอ่านหนังสือในห้องคนเดียวค่ะ ตอนเลิกเรียนเพื่อนๆไปกินขนมหน้าโรงเรียน เราก็ปลีกตัวมาอ่านหนังสือในโรงอาหารค่ะ รอแม่มารับกลับบ้าน ช่วงไปเรียนเราอ่านประมาณ 3 ชม.ต่อวันค่ะ (แต่ได้จริงๆแค่ประมาณ 1 ชม.ได้มั้งคะ)

เดินทางมาถึงช่วงสอบแล้วค่ะ ก่อนสอบ Gat Pat ค่ะ สัปดาห์นั้นเราปวดหัวทั้งสัปดาห์ค่ะ จนต้องกินยาพารา แล้วพักผ่อน แต่เราพักไม่เยอะหรอกค่ะ ตอนช่วงแบบนั้นมันไม่ทันแล้วจริงๆ เลยก็ยังคงปวดหัวอยู่ค่ะ นั่งอยู่ที่โต๊ะนานมาก ได้จริงๆน้อยมากค่ะ และแล้วเราก็เป็นหวัด+ภูมิแพ้อากาศค่ะ เป็นหนักอยู่เหมือนกัน ต้องสั่งน้ำมูก จามตลอดวันค่ะ และช่วงสอบ Gat Pat เราต้องขอกรรมการเอาทิชชู่กับถุงพลาสติกเข้าห้องสอบค่ะ ช่วงเช้าสอบ Gat ค่ะ ก็ยังโอเคอยู่ สั้งน้ำมูกเป็นพักๆค่ะ ตอนบ่ายสอบ Pat 1 ค่ะ แต่แล้วเราดันไปกินของแสลงเข้าค่ะ ตอนแรกแรกๆไม่คิดว่าจะเป็นอะไร แต่มันเป็นค่ะ นอกจากเราจะสั่งน้ำมูกตลอดเวลาแล้ว เรา ไอ จาม คัดจมูก ปวดศรีษะ สำลักเสลดตัวเอง เวียนหัวมาก ทำท่าจะเป็นลม ไข้ขึ้น จนเราทำข้อสอบต่อไม่ได้ค่ะ ต้องดิ่ง Pat 1 แล้วหลับคาโต๊ะเลยค่ะ กลับบ้านมาต้องกินยาฆ่าเชื้อแล้วนอนเลยค่ะ ไม่งั้นมันไม่หาย เพื่อให้พน.ไปสอบ Pat 2 ตอนเช้าต่อค่ะ ซึ่งตอนเช้า อาการก็ดีขึ้นค่ะ แต่ก็ยังมีน้ำมูกอยู่ ก็ทำข้อสอบไปค่ะ

ส่วนช่วงการสอบ O-net ชะตากรรมไม่ต่างกันค่ะอาการทุกอย่างบลาๆ มีน้ำมูกต้องสั่งในห้องสอบอีก  ทั้งกสพท. วิชาสามัญก็ไม่ต่างกันค่ะ แต่โชคดีอย่างน้อยที่ชะตากรรมไม่เหมือน Pat 1 5555


จบแล้วสำหรับการสอบค่ะ เรารอผลจนในที่สุดมันก็ออกมาครบค่ะ เราลองคำนวนคะแนนดูแล้ว เราไม่สามารถติดทันตะได้ซักรอบเลยค่ะ วันนั้นร้องไห้ 3 รอบค่ะ พูดอะไรไม่ออกเลย และที่น่าเสียดายคือ ‘Pat 1 เราไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำที่ใช้ยื่นรอบ4ค่ะ’ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นให้ค้นพบคณะที่เราชอบจริงๆค่ะ นั่นคือคณะเภสัชค่ะ แม้เราจะไม่ติดมหาลัยในฝัน(ตัวคณะอยู่ในกทม.ค่ะ) ตอนแรกคะแนนAdmission พอลุ้นได้ บวกนิดๆ อยู่หลายปีค่ะ ตั้งแต่ปี 56  ยกเว้นปี 58 และ 62 นี่แหละค่ะ5555 พอปีนี้เฟ้อแรงๆ ก็หลุดเลยค่ะเรา มาได้เภสัชใกล้บ้านซึ่งเลือกไว้อันดับ 2 ค่ะ

เคยนึกเสียใจนะคะว่า ที่เราพยายามที่ผ่านมามันไม่มีประโยชน์เลยเหรอ ทำให้เราจุกไปหมด ตั้งแต่ไม่ติดทันตะแล้ว แต่รู้ไหมคะ เรามานั่งคิดอีกที มองโลกในแง่ดีและอยู่กับความจริง ถ้าเราติดทันตะ ไม่ใช่คณะที่เราชอบจริงๆ เราจะมาเจอเภสัช คณะที่เราชอบจริงๆเหรอ อย่างน้อยนี่ก็เป็นคณะที่เราชอบจริงๆค่ะ ไม่ใช่นั่งหลอกตัวเองว่าเราเหมาะกับทันตะ

เอาจริงๆเราไม่รู้หรอกว่า พอเข้ามหาลัยไป มันต้องอ่านเยอะแค่ไหน แต่เราก็คงต้องเจอชะตากรรมสมาธิทำเราปวดหัวแบบนี้ต่อไป ไม่รู้สมองเราเป็นอะไร มันไม่เหมือนคนอื่น เหนื่อยมาก เอาจริงๆแอบกังวลว่าจะเรียนไหวรึเปล่ากับสภาพแบบนี้ แต่ก็คงต้องสู้ต่อไปเช่นกันค่ะ เพื่อให้เราสามารถเป็นเภสัชกรที่ดีได้ในอนาคตค่ะ5555



Part 2

พาร์ทนี้ เราจะกล่าวถึงข้อคิด คำแนะนำ คำเตือนที่ได้จากประสบการณ์เรานะคะ

1.ถ้าเรารู้ตัวดีแล้วว่า เราไม่เก่งเหมือนคนอื่น ไม่ได้มีสมาธิเหมือนคนอื่น สิ่งเราควรทำคือ ควรพยายาม ‘มากกว่าคนอื่น’ ค่ะ เพื่อที่เราจะได้สมหวัง

2.สุขภาพสำคัญมากค่ะ เราควรดูแลร่างกายตัวเองให้แข็งแรงเสมอ ออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ค่ะ

3.พยายามเลือกคณะที่เราไหวกับมัน สามารถยอมรับทุกอย่างได้ ถ้าจำเป็นก็ควรจะเป็นคณะที่ชอบจริงๆค่ะ

4.พยายามหาข้อมูลของคณะที่เราอยากเข้าให้ได้มากที่สุด เช่น อ่านหนังสือ ไปงาน Open house เสิร์ชเน็ต บลาๆ เราจะได้มั่นใจกับทางที่เราเลือกมากขึ้น


สุดท้ายที่อยากจะฝากทุกคนที่กำลังอ่านหนังสือเข้ามหาลัยนะคะ อยากให้พยายามให้เต็มที่ค่ะ ฮึดสู้ ท้อได้แต่อย่าถอย แม้ครั้งเดียวอาจจะไม่ได้ 2 ครั้งอาจได้ 3 ครั้งอาจได้ แต่อย่าหยุดพยายามนะคะ ขอให้ประสบความสำเร็จกับเส้นทางที่เลือกทุกคนนะคะ


แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

Magical green forest 17 ก.ค. 62 เวลา 17:17 น. 1-1

จุดเปลี่ยนที่ชอบเภสัชเลยคือ เราอ่านหนังสือ 'Born to be เภสัช'ค่ะ เพิ่งค้นพบตัวเองตอนสมัครรอบ 3 ตามกระทู้ก่อนหน้านั้น ว่าเราหลอกตัวเองว่าชอบทันตะเนื่องด้วยเหตุผลต่างๆค่ะ ส่วนตัวหนังสือเล่มนี้ มันจะบอกเล่าเรื่องราวทุกชั้นปีตลอด 6 ปี ว่าเรียนอะไรบ้าง มีวิชาไหนให้เรียนบ้าง วิชาที่เรียนเกี่ยวกับอะไร ข้อสอบเป็นยังไง แต่ละสาขาไปทำงานอะไรได้บ้าง การต่อโท คำแนะนำเพื่อไปสอบใบประกอบวิชาชีพ

เราไปงานสัปดาห์เภสัชกรรมด้วยค่ะ ในนั้นมีกิจกรรม ให้คำแนะนำการใช้ยา เราก็ไปนั่งสอบถามพี่ๆที่งานค่ะ การทดสอบยา บลาๆ ในนั้นมีใบความรู้เกี่ยวกับเภสัชต่างๆ เช่น การแพ้ยา ปฎิกิริยาระหว่างยา การใช้ยาให้ถูกต้อง ตำรับอาหารเป็นยา เป็นต้นค่ะ เราอ่านหมดทุกใบ เราชอบอ่านค่ะ อ่านแล้วทำให้อยากเรียนเลย ยิ่งทำให้มั่นใจว่าเราชอบจริงๆค่ะ ยาที่บ้านเรามีเยอะค่ะ บางทีซื้อยามาหลอดที่เพิ่งซื้อใหม่ มันจะมีใบเล็กๆใสเข้ามาในกล่องค่ะ เขียนส่วนผสมของตัวยา ผลของยา อาการข้างเคียง และคำเตือนการใช้ยา เราอ่านแล้ว เราชอบค่ะ ยิ่งทำให้เราอยากรู้ว่า ถ้าตัวอื่นๆมันจะเป็นยังไง อยากศึกษาเพิ่มเลยค่ะ

จึงคิดว่า นี่เป็นอาชีพในฝันจริงๆแล้วค่ะ และไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน เราจะฝ่าฟันมันไปให้ได้ค่ะ เพราะเราชอบจริงๆ


0
Ling-gang 17 ก.ค. 62 เวลา 17:15 น. 2

อ่านแล้วแบบเหมือนเห็นตัวเองเลยค่ะ เป็นคนปวดหัวบ่อยเหมือนกัน ปวดหัวง่าย เวลาอ่านบางทีปวดหน่วงตึงๆค่ะ ทำให้สมาธิไม่มา 100% เราไปไม่ถึงคณะในฝันเหมือนกัน แต่ก็ติดที่รองลงมา และมองในแง่บวกว่าอาจจะเข้ากับเรามากกว่า ด้วยเรื่องสุขภาพอะไรด้วย

1
Magical green forest 17 ก.ค. 62 เวลา 17:35 น. 2-1

เข้าใจมากๆเลยค่ะ ฮือออ บางทีก็แอบน้อยใจว่าทำไมเราไม่มีสมาธิเหมือนคนอื่น แม้ว่าจะพยายามก็ยังเอาชนะไม่ได้ แต่ไม่ว่าเราจะเป็นยังไง เราก็ต้องสู้ต่อไปค่ะ ไม่เป็นไรๆ หวังว่าคณะที่เธอติดเหมาะกับเธอนะ เราจะได้เรียนอย่างมีความสุข ถ้ามันไม่ใช่ไม่ไหว ก็ออกมานะคะ อย่าฝืนเลย แล้วทำตามฝันคณะที่ตัวเองชอบจริงๆให้ได้ค่ะ ตอนนี้อาจจะลองเรียนดูไปก่อน ลองศึกษาในเชิงที่ลึกขึ้น เพื่อให้เราแน่ใจคร่าวๆก่อนว่า เราโอเคกับมันไหม และไม่ว่าจะเป็นยังไง ก็ขอให้เธอมีความสุขกับเส้นทางที่เลือกนะ5555

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-big-09.png

0