Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

มาระบาย/แชร์ประสบการณ์ โดนบุลลี่ หรือปัญหาครอบครัวกันครับ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

                เริ่มจากของผมเลยละกันนะครับ ผมเคยตั้งกระทู้ระบายแบบไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ใจความของตัวเอง เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน เพราะในตอนนั้น ผมไม่สามารถตั้งสติและกลับไปอ่านทวนได้อีกรอบจริง ๆ พิมพ์ไปร้องไห้ไป 

กระทู้ที่ว่า 
https://www.dek-d.com/board/view/3931289/

                ปัญหาแรกของผมที่เกิดขึ้น เริ่มต้นจาก ผม... ไม่ใช่ลูกจริง ๆของเขาทั้งคู่ครับ เป็นลูกของน้องแม่(บุญธรรม)ที่เขาไม่สามารถเลี้ยงผมได้ และ พ่อแม่บุญธรรมเองก็พยายามปิดเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ วลีที่ว่าความลับไม่มีในโลก มันเป็นความจริง ผมรับรู้ความจริงเมื่อสองปีที่แล้ว ตอนที่อยู่ม.4 จากพี่สาวแท้ ๆที่ซัพพอร์ตผม เป็นที่ปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ  รู้จากพ่อจริง ๆที่พยายามติดต่อผมแต่ไม่สามารถพาผมไปเลี้ยงดูได้ เพราะ ด้วยเนื่องจาก พ่อแม่บุญธรรมกลุ่มนี้อาจไม่ยอม
ง่าย ๆ (ปกติแล้ว กับครอบครัวปัจจุบัน ผมพี่คนโต มีน้องสาวอีกคน ที่เป็นลูกจริง ๆ ก็มีลำเอียงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการศึกษา เรื่องต่าง ๆแต่ก็ไม่เอะใจ อันที่จริง ผมกับน้องก็สนิทกันระดับนึงเลยแหละ และเหมือนจะรับรู้เรื่องราวแต่ไม่กล้าที่จะบอกกับผม) และปัจจุบัน พ่อแท้ ๆก็เสียไปเมื่อปีที่แล้วหลังคำอวยพรสุดท้ายในวันเกิดของผมไม่กี่เดือน ทั้งที่ไม่ตื่นเต้นกับวันเกิดตัวเองแท้ ๆ แต่คำอวยพรสุดท้ายนั้นทำให้ผมน้ำตาไหลหลังจากวางสายไป และน้ำตาไหลอีกรอบหนึ่งตอนที่ท่านเสียไปแล้ว

                ที่ผ่านมา ผมก็ใช้ชีวิตแบบ ... ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ ก็เริ่มมีปัญหาช่วงม.3 ปลาย ๆผมเองที่อยากเข้าเรียนม.ปลาย ก็เถียงกันอยู่พักใหญ่ เพราะเขาอยากส่งไปอาชีวะ (แต่ว่า น้องสาวทางบ้านสนับสนุนให้เรียนหมอผมก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ว่า ทำไม) ทำไงได้ ความรั้นของตนเองอาจจะทำลายตัวผมเองก็ได้ แต่นั้นมา ค่าเทอม ค่ากิน ก็... ถอนหายใจ
แต่ก็สู้ เพราะ จะยอมแพ้ไม่ได้ ต้องเรียนให้จบ และพยายามเก็บเงินและทำพาร์ทไทม์ แม้จะโดนเหน็บแนมบ้าง แต่ผมไม่ได้สนครับ เหนื่อยไหม ก็เหนื่อย แต่ให้ทำอะไรได้เล่า นอกจากงานพาร์ทไทม์งานบ้านก็ยังต้องทำ เพราะพ่อแม่ไม่ค่อยอยู่บ้านสักเท่าไหร่

                อีกเรื่องนึงที่อยากกล่าวถึง คือพ่อแม่บุญธรรม ไม่ค่อยเป็นที่พึ่งพิงทางใจสำหรับเราเท่าไหร่ เวลามีปัญหา หรือต้องการที่ปรึกษา เราก็ปรึกษาเขาไม่ได้ เราไม่สามารถแสดงความอ่อนแอของตนเองให้เขาทั้งสองรับรู้ได้เลย เพราะเมื่อตอนเด็ก เวลาที่เราร้องไห้ เขาไม่เคยถามเราว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเรา” “เราเป็นอะไร” หรือใครทำอะไรเราให้เราเจ็บ เขามักจะสั่งให้เราหยุดร้องและตีเราเสมอ เราเหนื่อย เมื่อพ่อแม่กลับมาก็ไม่วายที่จะหาเรื่องทะเลาะกับเรา เหนื่อยมากที่เรามีท่าทีไม่โอเค รู้สึกไม่โอเค หรือมีท่าทีซึม เขาก็มักจะตะคอกใส่เราจนสะดุ้งเสมอ

                เรื่องที่ปวดใจคือ พ่อบุญธรรมรับผมไม่ได้ที่เป็นเกย์ เขารู้มานานแล้ว และมักจะพูดคำแรง ๆหรือคำตัดกำลังใจให้ผมฟังเสมอ เขาเป็นคนที่เลือดร้อน พรั้งมือพรั้งปากกับผมอยู่เสมอ ครั้งหนึ่งที่ผมทะเลาะกับเขา คำพูดของผมกล่าวประมาณว่า “ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ไปเล่นยาสูบบุหรี่ พ่ออยากได้แบบนั้นหรอ” และคำพูดจากพ่อ “เออ กูอยากให้-ทำ -ติดคุก-จะได้เป็นผู้ชายไง” การสนทนานั้นเงียบลงทันที หน้าชาจนบอกไม่ถูก และมันก็ฝังใจจนตอนนี้ และก็มีมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องทำร้ายร่างกาย เป็นเรื่องที่ผมเกลียดที่สุด เพราะตอนม.ต้น ผมโดนจากเพื่อนที่โรงเรียนมามากพอแล้ว แม้ปัจจุบันจะไม่โดนเพื่อนรังแกหรือทำร้ายร่างกาย แต่ก็นั่นแหละ ปัจจุบัน เพียงผมเมินหรือไม่พูอะไรเลย(บังคับ) ท่อแป๊บก็มาหาถึงที่ละครับ...

                ผมไม่เคยชินกับเหตุการณ์นี้เลย... ร้องไห้ซุกผ้าห่มทุกครั้ง เจ็บแผลและเจ็บใจมาโดยตลอด กับปัญหานี้ อีกเรื่องหนึ่ง ตอนม.ต้นผมมักจะโดนรังแกบ่อย ๆอาจเพราะผมนิ่งและเนิร์ดเกินไป จนเป็นเป้าโดนแกล้ง พอขึ้นม.ปลาย ก็ไม่เจอเรื่องพวกนี้หรอก แต่ว่า ที่เจอก็คือผมมีเพื่อนน้อย และมีปัญหากับเพื่อนในห้องบ่อย เรื่องไม่เป็นเรื่อง เช่น เวลาที่มีผู้ชายมาชวนผมคุย เพื่อนผู้หญิงหลังห้องก็จะแซวผมตลอดว่าคิดอะไรกับมัน(ผม)หรือเปล่า นั่นก็สาเหตุให้ไม่มีใครกล้าใกล้ผมล่ะมั้ง การแกล้งกันเพียงเล่น ๆ ซึ่งผมไม่เล่น มันก็ไม่ใช่เรื่อง ยิ่งช่วงนี้ ก็มีเรื่อง ๆหนึ่งที่ไม่สามารถบอกได้ เพื่อนในห้องมักบุลลี่ผมด้วยคำพูดคำจา อาจเพราะทำอะไรไม่เหมือนคนอื่น บางคนบอกว่าผมดูพยายามมากเกินไป บางคนเกลียดผมด้วยเรื่องผมดูพยายามไปก็มี แต่ผมไม่สน ผลที่ตามมา ผมมักโดนตัดโอกาสง่าย ๆ แต่ให้ทำยังไงล่ะ พูดอะไร โวยวายอะไรไม่ได้ อีกอย่าง แค่นี้ ก็เพียงพอแล้วอีกไม่กี่เดือนก็หลุดพ้นแต่ เป็นเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน นานจนผมรู้สึกเริ่มเหนื่อยแล้ว กับอะไรหลาย ๆอย่าง...

                สุดท้ายก็ตัวผมเอง พักหลัง หลังจากที่พ่อแท้ ๆเสีย ก็มีปัญหากับที่บ้านบ่อย ผมรู้สึกโดดเดี่ยวมากจนครั้งหนึ่งเอาแต่นอนขดตัว ความรู้สึกอ่อนแอที่อยากกรีดร้องและอยากร้องไห้ออกมาดัง ๆ เริ่มรู้สึกว่า อยากยอมแม้ให้กับโลกใบนี้ อยากมากจริง ๆ อาการแพนิคนี้เองแหละ ที่ทำลายผมเองอีกทางหนึ่ง รู้สึกว่า ทำไม มันเริ่มไร้ความหมายลงเรื่อย ๆ ระบายออกมายังไงก็รู้สึกว่าไม่หมดจริง ๆปีครึ่งที่ผ่านมาแทบจะเป็นจุดที่ดิงลงมามากที่สุดนับจากช่วงก่อน ๆ  จนรู้สึกอยากหนีหายไป แม้แต่สิ่งที่เคยทำแล้วมีความสุข กลับทำไม่ลงเสียอย่างนั้น ทั้งที่รู้ว่าผมพยายามมาตลอด แต่ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกว่าพยายามไปเสียเปล่า

 
แล้วเรื่องที่ทุกคนอยากระบาย คืออะไรหรอครับ ผมรับฟังนะครับ ^^

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

เกย์อักษรฯเอกปรัชญา 23 ก.ค. 62 เวลา 22:16 น. 1

อืม...เป็นชีวิตที่ลำบากแย่เลยจริงๆ เริ่มต้นที่ คุณ... ไม่ใช่ลูกจริง ๆของเขาทั้งคู่ ซึ่งสื่อนัยยะว่าพวกเขาน่าจะไม่มีทางรักคุณเท่ากับพ่อแม่แท้ๆได้ อีกทั้งตลอดการใช้ชีวิตกับพ่อแม่บุญธรรมทำให้คุณต้องมีภาระจัดการกับค่าเทอม ค่ากิน งานพาร์ทไทม์และงานบ้าน ด้วยตัวคุณเองคนเดียว

ซ้ำร้ายพ่อแม่บุญธรรม ไม่ค่อยเป็นที่พึ่งพิงทางใจสำหรับคุณเท่าไหร่ นั่นคือ พวกเขาไม่ค่อยรับฟังแต่กลับทำให้คุณปวดใจสุดๆยิ่งกว่าเดิม ตัวอย่างที่แรงๆชัดๆเลยคือ พ่อบุญธรรมรับคุณไม่ได้ที่เป็นเกย์ แล้วเขาพูดว่า “เออ กูอยากให้-ทำ(ไปเล่นยาสูบบุหรี่) -ติดคุก-จะได้เป็นผู้ชายไง

เมื่อจะหวังพึ่งคนนอกบ้านเช่นเพื่อนที่โรงเรียน คุณกลับถูกบุลลี่ด้วยคำพูดคำจา

ฉะนี้แล้วคุณจึงลงเอยด้วยทัศนคติที่ฟังแล้วสมเหตุสมผลว่า "อยากยอมแพ้ให้กับโลกใบนี้ อยากมากจริงๆ มันเริ่มไร้ความหมายลงเรื่อย ๆ ระบายออกมายังไงก็รู้สึกว่าไม่หมดจริง ๆ


คำอวยพรสุดท้ายจากพ่อแท้ๆในวันเกิดของคุณ เป็นสัญลักษณ์ของความรักและความผิดที่คุณพ่อมีต่อคุณ เพราะว่าคุณพ่อแท้ๆรักคุณแต่กลับแสดงออกมาไม่ได้ หมดประโยชน์ เมื่อต้องจากคุณไปก่อนเวลาอันควร คุณพ่อให้กำเนิดคุณมาในโลกอันโหดร้ายนี้ด้วยความรัก ท่านกระทำผิดต่อคุณโดยการมอบสิ่งที่เรียกว่า"ชีวิต"ให้แก่คุณและกลบเกลื่อนความผิดด้วยคำว่าความรัก คุณพ่อแท้ๆของคุณจึงมอบความรักบนพื้นฐานของความเขลาที่จะเสี่ยง...โดยใช้ชีวิตของคุณเป็นเดิมพัน คำอวยพรวันเกิดจากคุณพ่อแท้ๆที่มีพลังติดตราตรึงจึงไม่ใช่แค่คำอวยพรทั่วๆไป แต่ยังแฝงไว้อีกด้านที่เป็นคำสาปให้คุณต้องมีชีวิตดิ้นรนจากภาวะไม่เที่ยงของสังขารจนกว่าจะตาย พลังของนัยยะแฝงนี้เองที่เปิดห้องจิตใต้สำนึกของคุณ อย่างที่คุณบอกว่า "ทั้งที่ไม่ตื่นเต้นกับวันเกิดตัวเองแท้ ๆ แต่คำอวยพรสุดท้ายนั้นทำให้ผมน้ำตาไหลหลังจากวางสายไป และน้ำตาไหลอีกรอบหนึ่งตอนที่ท่านเสียไปแล้ว" วันเกิดของคุณขนาบขนานไปกับวันตายของคุณพ่อแท้ๆ วันเกิดที่เริ่มความทุกข์และวันตายที่เริ่มความสงบสุข


เราอยากจะร่วมแชร์เรื่องราวของเรากับคุณและคนอื่นๆนะ แต่ในคาแรคเตอร์นี้เราทำไม่ได้เพราะเราใช้ร่างนี้เพื่อขับเคลื่อนทัศนคติมวลชนในโลกโซเชียล เราจึงเปิดเผยจุดอ่อนให้ศัตรูที่เข้ามาอ่านไม่ได้ สิ่งที่เราทำได้จึงมีเพียงแค่ให้การรับฟังและแสดงความเอื้ออาทรให้มากที่สุดเท่านั้น


อ้อ! จริงสิ เราแนะนำให้ จขกท. มาเข้าร่วมกลุ่ม antinatalism กับเราก็ได้นะ แต่ต้องเก่งภาษาอังกฤษระดับนึงอ่านะ เป็นแนวคิดต่อต้านการเกิด และมีมหาเมตตาต่อสรรพชีวิตในโลก ความทุกข์ทรมานเป็นสิ่งที่ประชาชนจำเป็นต้องเข้าใจแจ่มแจ้ง ไม่ปล่อยปละละเลย ซ้ำเติมกัน ต้องยอมรับว่ามันเลวร้ายมากจริงๆ ประชาชนจึงจะมีคุณธรรมแท้จริงจากแก่นภายในใจได้

1
ไป่เฉิน หยางเทียน 23 ก.ค. 62 เวลา 23:07 น. 1-1

ขอบคุณสำหรับการรับฟังนะครับ เพิ่งเจอคำพูดหรือคอมเม้นที่ดูเหมือนเข้าใจสิ่งที่ผมพยายามสื่อจริง ๆ ว่าแต่ กลุ่ม antinatalism ที่ว่า คือเข้าร่วมยังไงหรอครับ

0
สู้ๆ 18 ส.ค. 62 เวลา 08:54 น. 2

สู้ๆนะคะจขกท. เราอ่านแล้วเราร้องไห้ตามเลย โลกภายนอกมันโหดร้ายจริงๆ เราว่าปัญหาเราดูเทียบไม่ติดกับจขกท.เลย เราว่าจขกท.ตั้งใจเรียนหางานดีๆทำละออกจากจุดๆนี้ ตั้งเป้าหมายเอาไว้เพื่อที่วันนึงจะได้ออกมาจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ จขกท.จะมีความสุขมากๆถ้าทำได้ แต่ในตอนนี้เราอยากให้จขกท.สู้ๆ อดทน นะคะ fighting!!!!



ส่วนปัญหาของเราคือ เราพึ่งย้ายรรใหม่ (ม.ปลาย) แล้วเราก็เครียดเรื่องเพื่อน ที่จริงเรามีกลุ่มแล้ว แต่กลุ่มเรามี5คน ทีนี้เราชวนเพื่อนอีกครเข้ากลุ่มเป็น6คน แต่ไปๆมาๆ เพื่อนๆในกลุ่มก็สนิทกะคนที่เราชวนเข้ากลุ่มมากๆ จากตอนแรกในไลน์กลุ่ม5คน(เราลืมชวนคนที่เราชวนเข้ากลุ่มไลน์) มาตอนนี้ พวกเค้าทุกคนตั้งกลุ่มไลน์กัน5คนละไม่ชวนเราเข้า เราสงสัยว่าทำไมคนอื่นไม่ลากคนที่เราชวนเข้ากลุ่มไลน์ที่มีอยู่ แต่สร้างกลุ่มใหม่(ซึ่งเราไม่รู้ว่าใครสร้าง) แล้วจากที่เราสนิททุกคนตอนนี้เปลี่ยนไป ทั้งที่เราไม่ได้ทำไรเลยนะ เราเรียนไม่ค่อยเก่ง แต่เราได้ด้านกีฬา(เป็นนักกีฬารร)ด้านกิจกรรม แต่เราก็มาลองคิดดู หรือเพราะเราไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับคนในกลุ่มบ่อย(ตอนเย็นๆพวกนั้นจะไปหาของกินกัน แถม3คนในกลุามก็อยู่หอ อีก2คนบ้านใกล้ๆ) ส่วนเราตอนเย็นต้องไปซ้อมกีฬาทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ก็ไม่ว่าง ตอนนี้เราเครียดมากแต่เราว่าเราจะปลง แบบอยู่คนเดียวในห้องเรียน เพราะเรามีครอบครัวกีฬาที่เราเล่นอยู่แล้ว เราควรทำแบบนี้ไข่ไหม เห้ออออ มันเครียดจริงๆนะตั้งแต่ปฐม ม.ต้นเราเคยมีเพื่อนเยอะ ยิ่งม.ต้นมีเป็นแกงค์(9คน) สนิทสุดๆ3คน เรารุ้จักคนแทบทั้งรรช่วงม.ต้น(สายกิจกรรม5555) แต่พอขึ้นม.ปลายมาย้ายรรมาแบบคนเดียวเลย มาเจออะไรแบบนี้ ต้องอยู่คนเดียวบ้างไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง เราโครตไม่ชิน ละวันๆก็คิดถึงแต่ตอนม.ต้น เห้ออ

0