ชมเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวสมุทรปราการ
“พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย” (Siamese Fighting Fish Gallery) เป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งหนึ่งในบางกะเจ้าที่จัดแสดงเรื่องราวของปลากัด พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยนี้นับเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับปลากัดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และกลมกลืนกับบรรยากาศของบางกะเจ้า เส้นทางธรรมชาติ และพื้นที่สีเขียวเข้าไว้ด้วยกันได้เป็นอย่างดี
เรียกได้ว่ามาเรียนรู้หายใจเต็มปอดไปพร้อมกับความรู้เลย
นอกจากจะมีโซนอาคารที่จัดแสดงข้อมูลปลากัดไทยอย่างกว้างขวาง มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมสำหรับครอบครัวแล้ว ยังมีคาเฟ่เล็กๆ พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยนี้เหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาบางกะเจ้าอีกแห่งที่น่าจะแวะมาเยี่ยมชม
พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยนี้เหมาะแก่การเป็นสถานที่พักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาบางกะเจ้าอีกแห่งที่น่าจะแวะมาเยี่ยมชม
ทันทีที่มาถึงพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยแห่งนี้ ทุกคนจะสัมผัสได้ถึงความสงบและร่มรื่น สำหรับการเดินทางก็ไม่ยาก มีป้ายบอกทางเห็นได้ชัดเป็นระยะ สามารถเดินทางมาได้หลายวิธี ไม่ว่าจะปั่นจักรยาน นั่งเรือ รถยนต์ หรือรถโดยสารสาธารณะก็มาถึง โดยพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะอยู่ใกล้กับสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ สามารถเข้าชมได้เปิดทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 17.00 น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ส่วนแรกหลังจากเดินไปรับลมริมทะเลให้หายเมื่อยกับการเดินทางสักครู่ สังเกตเรือขนาดใหญ่โดดเด่น ที่เราสามารถขึ้นไปเยี่ยมชมได้อย่างละเอียด โดยไม่เสียค่าบริการใดใดเช่นเดียวกัน ‘เรือหลวงแม่กลอง’ เป็นเรือที่ได้รับพระราชทานนามเรือตามชื่อแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งเป็นแม่น้ำสำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม
การตั้งชื่อเรือหลวง เป็นความภูมิใจอย่างหนึ่งของชาวจังหวัดสมุทรสงคราม เรือลำนี้ถูกใช้งานอย่างเข้มแข็งมาตลอด หากจะพูดถึง เรือหลวงแม่กลองมีประวัติการใช้ราชการยาวนาน โดยเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งคือการจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลายครั้ง เช่นคราวเสด็จพระราชดำเนิน ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ 13 มกราคม 2481 จนไปถึงการทอดพระเนตร การยกพลขึ้นบก ณ หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี ใน 20 พฤศจิกายน 2497 นอกจากนี้เคยจัดเป็นเรืออัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มายังท่าราชวรดิฐ เมื่อ 20 พฤษภาคม 2492 ยิ่งพอทราบประวัติและการเข้าชมสามารถเข้าชมได้แทบทุกส่วนของเรือ ทำให้ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก ดระยะเวลา 58 ปี ซึ่งเป็นเรือรบที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้ทั้งทางการยุทธและเรือฝึกคือเป็นเรือครู
หากจะพูดถึง เรือหลวงแม่กลองมีประวัติการใช้ราชการยาวนาน โดยเหตุการณ์สำคัญครั้งหนึ่งคือการจัดถวายเป็นเรือพระที่นั่ง ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหลายครั้ง เช่นคราวเสด็จพระราชดำเนิน ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อ 13 มกราคม 2481 จนไปถึงการทอดพระเนตร การยกพลขึ้นบก ณ หาดบางแสน จังหวัดชลบุรี ใน 20 พฤศจิกายน 2497 นอกจากนี้เคยจัดเป็นเรืออัญเชิญพระบรมอัฐิพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว มายังท่าราชวรดิฐ เมื่อ 20 พฤษภาคม 2492 ยิ่งพอทราบประวัติและการเข้าชมสามารถเข้าชมได้แทบทุกส่วนของเรือ ทำให้ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก
ส่วนถัดมา พระรูปรัชกาลที่ 5 และป้อมพระจุลจอมเกล้าที่อยู่ด้านหลัง ป้อมมีลักษณะการออกแบบคล้ายกับป้อมปืนแบบตะวันตก โดยทางเดินภายในค่อนข้างจะแคบและเล็กมาก ลักษณะโค้งลงมาทั้งสองข้าง โดยระหว่างทางมีห้องจำนวนมากสำหรับเก็บลูกปืนและอุปกรณ์ทางการทหารและการสงคราม ซึ่งภายในป้อมพระจุลมีความสวยงามโดยบังเอิญทำให้ถ่ายภาพได้ค่อนข้างสวยทีเดียวในจุดต่างๆ
อีกแห่งหนึ่งที่เราอยากจะพาทุกคนไปเที่ยว คุณเคยรู้เบื่อหน่ายต้องรอขึ้นเครื่องบินนานๆ ไหม หรือเวลาที่ไปรอรับคนรักที่สนามบินคุณเคยเบื่อกับสถานที่รอไหม วันนี้อยากจะเสนออีกแห่งที่น่าสนใจ "พิพิธภัณฑ์สุวรรณภูมิ" ที่บอกเล่าเรื่องราว เกี่ยวกับสุวรรณภูมิได้อย่างน่าสนใจ ประกอบกับเทคโนโลยี
จุดเด่นที่เราอยากชวนให้มาสัมผัส คือการเล่าเรื่องภายในพิพิธภัณฑ์ด้วยทีมงานเล็กแห่งนี้ ที่เต็มไปด้วยใจเต็มเปี่ยมในการถ่ายทอดเรื่องราวสนามบินที่สำคัญแห่งนี้ คุณจะสัมผัสถึงการบรรยายที่พร้อมด้วยข้อมูลและความจริงใจ สนามบินที่เสมือนประตูสู่การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจให้คุณได้เรียนรู้ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้บริการฟรี ตั้งแต่เวลา 10.00 - 16.00 น. โดยไม่เสียค่าบริการใดๆ ตั้งอยู่บริเวณ อาคารจอดรถ 3 ชั้น 6 ฝั่งตรงข้ามอาคารผู้โดยสาร
"พิพิธภัณฑ์ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ" แห่งนี้จัดตั้งขึ้นเพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งได้ทรงพระราชทานนามให้แก่ท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยว่า 'ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ' ซึ่งมีความหมายว่า 'แผ่นดินทอง' นอกจากนี้ภายในพิพิธภัณฑ์ได้รวบรวมประวัติความเป็นมาของกิจการการบินในประเทศไทยและรายละเอียดในการก่อสร้าง ทสภ. โดยได้แบ่งเนื้อหาการจัดแสดงนิทรรศการออกเป็น 9 ห้อง ได้แก่ ใต้ฟ้าพระบารมี, แผ่นดินนี้…แผ่นดินทอง, วันเวลาแห่งความสำเร็จ, เส้นทางสู่ความภูมิใจ, 9 มหัศจรรย์สุวรรณภูมิ, อัตลักษณ์ไทยสู่สากล, ศักยภาพระดับโลก, ท่าอากาศยานแห่งรอยยิ้ม และแสงทองส่องทางสู่ปลายฟ้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ในส่วนถัดมาจากชื่อของสุวรรณภูมิดินแดนอันเก่าแก่ มีที่มาอย่างไรนำเสนอผ่านวิดีทัศน์ชิ้นที่สองหลังจากชมทั้งสองชิ้น เจ้าหน้าที่ได้เริ่มบรรยายโดยร้อยเรียงเรื่องราวตั้งแต่กิจการการบินระดับโลกจนมาถึงกิจการบินภายในประเทศที่มีความน่าสนใจมากทีเดียว ต่อมาจะร้อยเรียงเรื่องราวส่วนเริ่มต้นให้เห็นความสำคัญของบทกวีเกี่ยวข้องกับ สนามบินสุวรรณภูมิถือเป็นการเปิดเรื่องราวได้น่าสนใจมาก
มาสู่สนามบินสุวรรณภูมิทั้งในแง่ของการจัดการโดยเฉพาะเรื่องน้ำจนไปถึงผลกระทบเรื่องเสียงที่เกิดขึ้นจนไปถึงแนวทางการจัดการ สะท้อนให้เห็นความรับผิดชอบ ซึ่งบ้างครั้งเรื่องเหล่านี้ เราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน รายละเอียดเล็กน้อยก็ทำให้เรารู้จักสนามบินในมุมที่มีความรู้สึกมากขึ้น การนำเสนอผ่านแบบจำลองสนามบินทำให้เห็นภาพชัดเจน ถึงตำแหน่งของสนามบิน หรืออย่างหากคุณเคยมาสนามบินคุณจะพบว่า มีการแทรกอัตลักษณ์บางอย่างของไทยผ่านของตกแต่ง งานศิลปะหลายชิ้น ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้รวบรวมเอาไว้ อธิบายอย่างละเอียด ซึ่งนอกจากนี้ในเรื่องของโครงสร้างขนาดทุกอย่างในพื้นที่สนามบินยังแฝงความหมายไปสู่เลขเก้า ซึ่งน่าทึ่งอย่างยิ่งถึงความหมายที่แฝงเอาไว้ในการออกแบบสนามบิน
แสดงความคิดเห็น