Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทำงานเขียนต้องรักที่จะเขียน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
     อย่างหัวข้อกระทู้เลยค่ะ จำได้ว่าเลื่อนผ่านแล้วเจอกระทู้นึงที่บอกเอาไว้ว่ายอดวิวลดลงเรื่อยๆควรเขียนต่อไปไหม เราเลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์​ที่มีโอกาส​ได้พูดคุยขอคำปรึกษา​จากนักเขียนท่านนึงซึ่งมีชื่อเสียงมากๆในวงการนักเขียนต้องบอกก่อนเราไม่ได้เด่นหรือดังหรือมีผู้ติดตามขนาดนั้นเราก็ถือว่าเป็นหน้าใหม่ของการเขียนนิยายเลยเหมือนกันแต่แค่อยากมาแชร์ประสบการณ์​ที่ได้พูดคุยกับนักเขียนมืออาชีพเผื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้ใครได้บ้าง
     คำถามแรกที่เราถามตอนได้คุยกับเขาคือ ลงนิยายครั้งแรกแล้วได้ตีพิมพ์​เลยไหม ซึ่งคำตอบที่เขาตอบมาไม่ใช่แค่ได้ตีพิมพ์​หรือไม่ได้แต่เค้าให้ทัศนคติ​ที่เป็นด้านบวกมากๆกับเรานั่นคือเวลาทำงานเขียนอย่าคิดแค่จะได้ตีพิมพ์​หรือมีชื่อเสียงจนโด่งดัง​เพียงแค่งานแรกๆเพราะถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เราหวังเราจะหมดไฟไปได้ง่ายๆซึ่งเค้าก็เล่าให้เราฟังอย่างละเอียด​เลยเหมือนกันถึงจุดเริ่มต้นกว่าจะมามีชื่อเสียงได้เค้าทำทั้งหมดต่อไปเรื่อยๆก็เพราะใจรัก รักที่จะแบ่งปัน​ไอเดียและตัวอักษร​ของตัวเองให้คนอื่นๆได้อ่านถ้าถามว่าหวังมั้ยว่าจะต้องมีคนมาชอบต้องหวังกันเป็นธรรม​ดาแต่อย่าหวังเยอะจนเกินตัวที่ทำอยู่แล้วให้เอาคอมเมนท์​ต่างๆจากคนอ่านมาปรับปรุง​แก้ไขแล้วปรับปรุง​ตัวที่สำคัญไม่ว่าจะคอมเมนท์​ดีหรือไม่ดีก็ต้องรับให้ได้ยอมรับความจริงอย่ามองแค่ในด้านของตัวเองคนเดียวที่สำคัญ​ต้องทำเพราะรักมากกว่าหวังผลจากงานและไอเดียของเรา 
     คำถามที่สองคือกว่าภาษาจะเข้าที่เข้าทางต้องใช้เวลานานแค่ไหน ซึ่งเค้าก็ตอบเรามาด้วยทัศนคติ​ด้านบวกที่ดีมากๆอีกเช่นเคยว่าเรื่องภาษาไม่น่ากังวลเท่าการหมดไฟจากการคาดหวังแล้วเขียน​ไม่จบเอาดื้อๆเพราะภาษาและสำนวนในการเขียนจะเข้าที่เข้าทางก็ต่อเมื่อประสบการณ์​ที่มากขึ้นตามเวลาและงานเขียนแต่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับ​นักเขียน​ออนไลน์​คือคาดหวังเอาไว้เยอะจนเขียน​ไม่จบถ้าเราสามารถเขียน​จนจบได้ก็เท่ากับว่าเราได้ก้าวข้ามจุดที่ยากที่สุดไปได้แล้ว 
     นั่นแหละค่ะถึงดันให้เราเขียนต่อไปเรื่อยๆเพราะเรารู้ว่าเก็บไว้กับตัวเองก็ไม่ได้อะไรอีกอย่างนึงเราเป็นพวกอัพไม่สนยอดวิวอยู่แล้วด้วยเพราะเราทำเพราะรักจริงๆและอีกอย่างถึงจะมีคนติดตามเพียงไม่กี่คนแต่ลองนึกถึงใจเขาใจเราสิ เราติดตามนิยายเรื่องนึงก็เพราะสนใจและอยากรู้จุดจบแต่ถ้าเราเขียนไม่จบก็เท่ากับว่าเราทิ้วพวกเขาไปเพราะฉะนั้นให้คิดถึงกำลังใจ​ดีๆตรงนี้เอาไว้เสมอก่อนที่จะหมดไฟ 
     ที่มาเขียนยาวเหยียด​แบบนี้เผื่อว่าทัศนคติ​ของพี่เค้าที่เราได้พูดคุยด้วยมันอาจจะเป็นกำลังใจให้คนที่กำลัง​ท้อได้นะคะเหมือนที่เรานึกถึงคำพูดของพี่เค้าทุกๆครั้งที่เราท้อ :)​

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

thepierecipes 15 ก.ย. 62 เวลา 14:39 น. 1

เราย้อนกลับไปดูงานชิ้นแรกที่เราเผยแพร่ในเด็กดี (ไม่นับรวมบทความที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์นั่นนี่) จนถึงตอนนี้ ยอดคนติดตามยังเท่าเดิมคือหกคน ส่วนยอดวิวไม่แตะห้าร้อยดี สี่ร้อยนิดๆ ถามว่าเราท้อมั้ย เราไม่ท้อ ไม่คิดจะหยุดเพราะยอดวิวน้อยด้วย ใจหนึ่งก็คิดว่ามันเป็นแค่เรื่องสั้น อาจไม่ได้รับความนิยอมเท่าเรื่องยาว พอไล่หาเรื่องยาวเรื่องแรกที่ลง ความรู้สึกของเรามันก็เหมือนเดิม ไม่อยากหยุด ไม่อยากถอยเพราะแค่ยอดวิวน้อย เราเป็นหนึ่งคนที่มีเป้าหมายคือการตีพิมพ์ แต่ที่มากไปกว่าการตีพิมพ์คือดูแลเอาใจใส่ในการพัฒนาฝีมือตัวเอง เขียนมาสิบหกเรื่องยังไม่ปังเลยคุณ ยิ่งวงการนี้อยู่ได้ด้วยการมโน มันยิ่งยาก


4
thepierecipes 15 ก.ย. 62 เวลา 15:13 น. 1-2

จะเขียนว่าจิตนาการเดี๋ยวก็ว่าดัดจริตอีก มโนตรงๆเลยดีกว่า

0
sedtaruji 15 ก.ย. 62 เวลา 15:25 น. 1-3

บางทีเขียนว่าอย่างงี้ๆคนอ่านไปโน่นแล้ว


0
ผมเอง 15 ก.ย. 62 เวลา 15:31 น. 2

เดี๋ยวจะมีคนมาโชว์ว่า

ผม เดี๊ยน ดิฉัน ไม่ต้องฝึกเลย ก็เขียนนิยายได้ เชื่อสิ ต้องมี

0
ผมเอง 15 ก.ย. 62 เวลา 15:35 น. 3

ผมรังเกียจที่สุดคือ

นักเขียนที่เขียนนิยายไม่จบ แล้วไปเขียนเรื่องใหม่ต่อ แล้วก็ไม่จบอีก


วนลูปแบบนี้ ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก

ผมชอบที่จะอ่านนิยาย ที่จะเขียนดีหรือไม่ นักเขียนก็ไถ เขียนจนจบ

ผมชอบที่จะดูว่า จุดจบของนิยายจะเป็นอย่างไร

0
SilverPlus 15 ก.ย. 62 เวลา 15:40 น. 4

รักเงินก็ทำได้นะ มันแค่ดูไม่งดงามแค่นั้นเอง

ผมเองก็อยากทำการวิจัยเก็บสถิติเหมือนกันว่า

ระหว่างนักเขียนที่หวังเงิน กับนักเขียนที่รักในการเขียน และอื่น ๆ

ใครจะยืนอยู่บนเส้นทางการเขียนได้นานกว่ากัน

หรือเขียนงานออกมาได้สนุกมากกว่ากัน

หรือสนุกกับงานเขียนมากกว่ากัน มีไฟมากกว่ากัน

เมื่อรู้ข้อมูล จะสามารถตอบได้ชัด ๆ ว่า ต้องมีความคิดแบบใด จึงจะเหมาะกับการเขียนนิยาย


แต่โดยพื้นฐานแล้ว หากไม่มีไฟ ไม่มีเหตุผลที่จะทำมัน งานเขียนมันก็จะหยุด ไม่สามารถไปต่อได้


แต่ก็อีกนั่นแหละ งานเขียนคืองานศิลปะ มันไม่ใช่งานประจำที่ทำมาหาเลี้ยงชีพ เรื่องอารมณ์ รัก ชอบ หมกหมุ่น จึงมีผลต่องานประเภทนี้มาก

รักที่จะเขียน จึงเป็นทางออกที่ดีของการเขียนนิยาย หากไม่รัก หวังจะเอายอดวิว ก็เขียนได้ แต่ก็ต้องมีระเบียบวิธีคิดของนักเขียนสายนี้ด้วย จะใช้วิธีคิดแบบเดียวกับคนที่รักการเขียนไม่ได้

1
thepierecipes 15 ก.ย. 62 เวลา 18:18 น. 4-1

อาจารย์เราเคยบอกว่า งานเขียนก็คืองานศิลปะที่อุปกรณ์ในการสร้างภาพไม่ใช่พู่กัน ยิ่งนักเขียนคนไหนใช้คำเก่ง ยิ่งประสบผลสำเร็จ เพราะภาพในหัวนักอ่านแต่ละคนที่ได้จากงานเขียนของเราต่างกัน และศิลปินทั้งหลายก็เหมือนหมอ เพราะเรารักษาคนด้วยสุนทรียะ /ทัชใจแรง

0
White Frangipani 15 ก.ย. 62 เวลา 16:58 น. 5


ทำงานเขียนต้องรักที่จะเขียน


.....

........

..............





ที่มาเขียนยาวเหยียด​แบบนี้เผื่อว่าทัศนคติ​ของพี่เค้าที่เราได้พูดคุยด้วยมันอาจจะเป็นกำลังใจให้คนที่กำลัง​ท้อได้นะคะเหมือนที่เรานึกถึงคำพูดของพี่เค้าทุกๆครั้งที่เราท้อ :)​



สวัสดีค่ะ


กระทู้นี้ อ่านออกมาแล้วให้ความรู้สึกว่าคุณพยายามให้กำลังใจ

ให้กับเหล่าเพื่อนๆ นักเขียนนะคะ

(คือ รู้สึกว่าคุณพยายามใส่พลังช่วยเข็นนะคะ)


ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ ความมีนํ้าใจของคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ


อ่านแล้วรู้สึกดีค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


เจ้าของเม้นต์นี้ก็เป็นอีกคนที่รักเขียนค่ะ


แต่ก็ไม่สามารถเขียนได้


จะคิดว่าท้อหรือ ก็ไม่น่าจะใช่


เพราะอาการท้อแท้ กับเจ้าของเม้นต์เป็นปรปักษ์ต่อกันค่ะ


คือไม่ชอบที่จะปล่อยตัวเองให้ท้อแท้ต่ออะไรๆ ง่ายๆ นะ


หากแต่งานเขียนที่ไม่ยอมเดินหน้า อาจจะมีสาเหตุเพราะสาเหตุที่ว่าเคยลองเล่นๆ กับความขี้เกียจนานเกินไป

(เล่นกับความขี้เกียจนั้นไม่ดี จริงด้วยสิ เด็กๆอย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ เกิดเป็นอากาติดที่แก้ไขยากค่ะ หากมีอาการติดนะ)


คือเคยทดลองปล่อยตัวตนของตัวให้ขี้เกียจดูค่ะ และก็เกิดอาการติดความขี้เกียจเขียนขึ้นมาจริงด้วยสิ


คือมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ขี้เกียจ ขี้เกียจเขียน และก็ปล่อยเลยตามเลย ปล่อยให้ตนขี้เกียจ ทั้งที่รักการเขียน


แต่มาวันนี้ มีอาการดีขึ้นจากการขี้เกียจแล้ว และรู้สึกไม่ท้อด้วยค่ะ


แต่ พลังแห่งไฟนี้ ก็เป็นปัญหาด้วยเช่นกันค่ะ


คือไฟแห่งพลังในการเขียนมันริบหรี่ อาจจะมีผลพวงมาจากติดความขี้เกียจไปเสียนาน


คือไฟแห่งการที่จะใส่พลังในเขียนมันไม่สว่างสไวเท่าไรนัก


แต่ภายใต้ ความรู้สึกที่ว่ารัก ที่จะเขียนนั้นยังคงอยู่ค่ะ


หากมีเวลา และโอกาส ก็จะพยายามเดินหน้าเขียนไปเรื่อยๆ ด้วยเช่นกันค่ะ


เม้นต์นี้ เม้นต์เข้ามาร่วมเป็นกำลังใจให้กับคุณเจ้าของกระทู้ และเพื่อนๆ เหล่านักเขียน ในทุกๆดีกรีค่ะ


คือ ทั้งมืออาชีพ ทั้งนักเขียนใหม่ และนักหัดเขียน รวมเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ



ขอบคุณสำหรับกระทู้แห่งธารนํ้าใจ ซึ่งส่งเข้ามาผลักดัน หรือผลักใสเพื่อนๆ ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ นี้ค่ะ


เป็นกำลังใจค่ะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-06.png


ขออนุญาตแนบบทเพลงซึ่งมีความหมายดีๆ และรีวิิว ซึ่งดูแล้วทำให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจ และจุดไฟเพื่อการเขียนได้เป็นอย่างดี


เพลงข้างล่างนี้ด้วยค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-11.png




https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-13.png




1
Som-som024 15 ก.ย. 62 เวลา 18:59 น. 6

ตอนเขียนแรก ๆ มาพร้อมความมั่นใจเต็มกระเป๋า แบบของฉันมันดีมันเริ่ด จากนั้นพอรับคำวิจารณ์ไปก็นอยอ่ะนะ แต่ต้องยอมรับว่า เขาพูดถูก ก็ค่อย ๆ คลานเป็นหอยทากไปแหละบางคนเขาอาจจะใส่สเก็ตก็ต้องเข้าใจหลักความจริงที่ว่า ความสามารถในการเรียนรู้มันต่างกัน

0
lilin4646 15 ก.ย. 62 เวลา 20:44 น. 7

ถ้าเป็นเรื่องอื่นเนี่ย ผมคิดคำให้กำลังใจออกนะ ว่าทำยังไงให้คนที่กำลังท้อรู้สึกดีขึ้น แต่พอเป็นเรื่องงานเขียนแล้วกลับยากเหลือเกิน ผมเป็นหนึ่งในนักเขียนที่โชคดีมากๆ เขียนนิยายเรื่องแรกตอนเกมออนไลน์กำลังบูม เลยได้รวมเล่มตีพิมพ์ แล้วผมได้ทีมงานบรรณาธิการที่ยอดเยี่ยม ซึ่งช่วยให้ผมออกหนังสือได้อย่างต่อเนื่อง ได้ทำโปรเจ็คบ้าๆ ได้สำเร็จ แล้วในช่วงท้ายของสำนักพิมพ์นั่น ผมก็รู้สึกอยากท้าทายตัวเองด้วยการเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเองเลย ทำเองทุกอย่างตั้งแต่ เขียน ทำเล่ม ยันขาย ตรงนี้ก็โชคดีที่ได้ทีมงานเดิมมาช่วยทำ จนผมรู้สึกประสบความสำเร็จ ตอนนี้ผมทนงตัวมากกว่าข้าเก่ง ข้าเทพ มั่นใจในตัวเองสูงมากๆ จนวันหนึ่งที่ สนพ. ที่เคยออกหนังสือให้ผมเลิกทำ ส่วนหนังสือทำมือเองก็ขายไม่ได้เยอะเท่าไหร่ จึงรู้สึกตัวว่าจริงๆ แล้วผมไม่ได้มีอะไรเลยจนช่วง 2 ปีที่แล้วผมคิดจะเลิกเขียนนิยายแล้วด้วยซ้ำครับ จนวันนึงผมถึงรู้สึกตัวว่าต่อให้วันนั้นผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แต่ในมือของผมยังมีปากกาอยู่ เครื่องมือทำมาหากินยังอยู่ครบ ผมกลับหัวทุกอย่างที่ทำใหม่ เริ่มต้นใหม่ คิดใหม่ทุกอย่าง ใครทำอะไรแล้วดีผมจะทำตาม ใครพลาดตรงไหนผมจะเอามาปรับปรุงตัวเอง ใครมอบโอกาสให้ผมจะคว้ามันเอาไว้ วันนี้ก็อย่างที่เห็นแหละครับ ผมกลับมามีโอกาสได้ออกหนังสือกับสำนักพิมพ์อีกรอบ ด้วยเหตุผลที่ว่าผมไม่ยอมแพ้ ในวันที่รู้สึกตัวเองตกต่ำที่สุด คือวันที่ผมกำปากกาในมือแน่นที่สุด ใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อจุดหมายของผม ส่วนหนังสือทำมือก็จะทำต่อไป แต่ปรับกลยุทธ์ใหม่ให้ดีกว่าเดิม ผมบอกไม่ได้ว่าโอกาสของแต่ละคนจะมาถึงเมื่อไหร่ แต่อยากให้กำปากกาในมือของคุณเอาไว้ให้แน่นที่สุด พัฒนาตัวเองให้ดีที่สุด เผื่อวันนึงที่โอกาสมาถึง คุณจะสามารถคว้ามันเอาไว้ได้สำเร็จ สุดท้ายคือถ้าถามว่าผมเขียนหนังสือเพื่ออะไร...ผมตอบได้เต็มปากเลยว่าผมเขียนหนังสือเพื่อเงิน เพราะว่ามีเงินผมจะเขียนหนังสือเป็นอาชีพต่อไปได้เรื่อยๆ สามารถทุ่มเทเวลาและความคิดได้เต็มที่ แล้วทุกเรื่องที่ผมเขียนออกมามันล้วนแต่มีความรู้สึกแฝงเอาไว้อยู่

หนังสือน่ะ ถ้าไม่รักมันจริงๆ เราเขียนออกมาไม่ได้หรอกครับ

1
TawanWriter 15 ก.ย. 62 เวลา 22:52 น. 7-1

ใช่ค่ะไม่ว่าจะทำด้วยเหตุผลอะไรสุดท้ายแล้วถ้าไม่รักก็ไม่มีทางทำมันมาเรื่อยๆได้

0
Echo9 16 ก.ย. 62 เวลา 08:40 น. 9

อ่านกระทู้นี้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วคอมเมนต์ไม่ไหว ง่วง เลยมาคอมเมนต์ตอนเช้าแทน คือ อ่านแล้วเหมือนที่ไปคุยกะพี่น้องเพื่อน ๆ ที่เขียนงานด้วยกัน คือ คาดหวังเยอะก็เจ็บเยอะ ลงแล้วต้องปัง ต้องดัง ตีพิมพ์ มีเป้าหมายมันดีค่ะ แต่อย่าคาดหวังเกินกำลังไป อย่างเราก็คาดหวังตีิพิมพ์นะ แล้วก็พยายามมาจนได้ เคล็ดลับตอบแบบไม่กั๊กก็คือ 'เขียน' แล้วแบ่งเวลาไปหาประสบการณ์ อ่านนู้นนี่ นอนพักให้เพียงพอ ทำแบบนี้เรื่อย ๆ สักวันหนึ่งมันจะดีเอง ไม่ว่าจะสั้นหรือยาวนานอะไรแบบนั้น


อย่างเราใช้เวลานานกว่าจะได้มายืนในจุดที่เฮฮามาก เรื่องแรก (ปัจจุบัน) คนอ่านก็พอมีติดที่ว่าเราชอบหายแค่นั้น คือ ยอดคนอ่านลด ก็ทำใจดีกว่า การเขียนมันกำหนดยาก ด้วยเราบังคับใครให้มาอ่านไม่ได้ ต่อให้เขียนอิงกระแสก็ใช่ว่าคนจะอ่านด้วย เป็นแบบนั้นจะเฟลกันซะเปล่า ๆ เขียนอย่างที่ชอบแล้วพัฒนาด้วยเองดีกว่าค่ะ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันนะคะ


0