Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ตายแล้วไปไหน...สี่แยกอาถรรพ์ : มิติลี้ลับสัมผัสสยอง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

 

สี่แยกอาถรรพ์ที่จังหวัดหนึ่งเป็นสุดยอดสี่แยกอาถรรพ์ที่มีรถชนกันตายหลายศพ  รวมไปถึงบริเวณใกล้กับสี่แยกนี้ก็เหมือนกัน     มีอุบัติเหตุบ่อยซ้ำซากเป็นอย่างนี้มาเกือบ 40 ปีแล้วจนทางการต้องทำสี่แยกไฟแดง เพื่อให้อุบัติเหตุลดลง

ต้นปีที่ผ่านมาเกิดอุบัติเหตุอีกครั้ง  ป้า “อ่อน” เป็นแม่ค้าขายข้าวแกงที่ตลาดโต้รุ่ง ปกติแกจะขับรถกลับบ้านช่วงประมาณตีหนึ่งกว่า

แต่วันหนึ่งเจอกับอุบัติเหตุ รถกกะบะของป้าอ่อนประสานงาชนกับรถสิบล้อที่บริเวณใกล้กับสี่แยกอาถรรพ์นี้ จนป้าอ่อนตายคาที่ส่วนสามีรอดตายหวุดหวิดแต่บาดเจ็บสาหัสอยู่ที่โรงพยาบาล

  บริเวณที่ป้าอ่อนตายนี้ มีอาคารพาณิชย์ตั้งอยู่ และมีร้านค้าหลายร้าน แต่บางร้านก็ปิดร้างไป ซึ่งทำให้มีห้องว่างอยู่หลายห้อง และมีร้านเสริมสวยชื่อร้าน “เจ๊นก”   มาเปิดใหม่

อาคารนี้ถือว่าเป็นทำเลดี อยู่ใกล้ตลาดและโรงเรียน มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการแน่นร้านตลอด  โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นช่วงปีใหม่มีทั้งแม่บ้าน นักเรียนและข้าราชการเข้าคิวยาว   

มีอยุ่คินหนึ่ง ประมาณตีสอง เจ๊นกกำลังจะหลับ แต่ก็มาสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงแตรรถดังปรี๊ด่ลั่นถนนเสียงเบรคเอี๊ยดยาว ตามมาด้วยเสียงรถชนกันสนั่น

 ด้วยความตกใจ เจ๊นกก็รีบเปิดผ้าม่านดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น ที่น่าแปลกใจคือเจ๊ไม่เจออะไรเลยนอกจากถนนที่เงียบ ลมหนาวพัดแรงที่กระทบกับหน้าต่างไม้กึกกัก เจ๊นกเลยคิดว่าอาจจะฝันไป เสียงที่ได้ยินเมื่อกี๊อาจจะเป็นเสียงหน้าต่างกระทบกันก็ได้ 

  เจ๊นกตาสว่างไปแล้ว แกเลยลุกไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วเตรียมอุปกรณ์แต่งหน้ารอลูกค้า เพราะคืนนี้จะมีลูกค้านัดแต่งหน้าเด็กกิจกรรมกีฬาสีโรงเรียนตอนเช้ามืดพอดี

พอประมาณตีสามกว่าเจ๊นก ก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูเรียกเสียงดัง “ปัง   เจ๊นกจำได้แม่นว่าตัวเองได้ยินเสียงเคาะดังลั่นบ้านถึง  3 ครั้ง เลยตะโกนบอกลูกค้ารอแป๊บนึง เพื่อที่จะลงไปเปิดประตูให้เข้ามารอในร้าน    

 พอลงมาชั้นล่างเพื่อเปิดประตูให้ลูกค้า  เจ๊นกก็ไม่เจอใครแต่จำได้แม่นว่าได้ยินเสียงคนเคาะประตูจริงๆ คิดว่าอาจจะเป็นลูกค้ามาเคาะประตูพอเห็นร้านยังเงียบเลยขับไปซื้อของกินแถวร้านสะดวกซื้อ  

 เจ๊นกเลยเปิดประตูออก และเปิดไฟทิ้งไว้   เผื่อลูกค้ากลับมาจะได้เข้ามารอในร้านเลย และรีบวิ่งขึ้นไปหยิบอุปกรณ์ทำผมที่ชั้นบนก่อน

พอกลับลงมาข้างล่างอีกทีก็มีคุณป้าคนหนึ่ง มานั่งรอที่เก้าอี้ทำผม เจ๊นกเลยรีบมาต้อนรับทักทายและสอบถามว่าใช่คนที่โทรมานัดว่าจะมาแต่งหน้าเช้านี้ไหม

 ป้าไม่ได้ตอบอะไร ด้วยความที่ไม่อยากเซ้าซี๊อะไรมาก ทั้งๆที่แอบคิดในใจว่า ไม่นึกว่าลูกค้าจะมาเช้าขนาดนี้  

เจ๊นกดูหน้าลูกค้าซึ่งใบหน้าค่อนข้างกลมขาวอวบน่าจะแต่งง่าย พอเจ๊นกมองไปในกระจกอีกที กลับรู้สึกว่าหน้าป้าซีดเซียวมากและดูอิดโรยเหมือนคนไม่ได้นอน ในใจก็คิดว่าน่าจะแต่งให้สวยขึ้นง่าย เพราะป้ามีโครงคิ้วและกรอบหน้าดีแต่งแป๊บเดียวก็เสร็จ    

เจ๊นกพยายามจะชวนคุยให้ลูกค้าผ่อนคลายเลยถามว่าบ้านป้าอยู่แถวไหน ป้าเงียบอยู่พักหนึ่งก็ค่อยตอบเสียงที่เจ๊นกรู้สึกว่าเป็นเสียงที่เย็นเข้าไปข้างในว่า

“อยู่แถวหมู่บ้านห่างจากแถวนี้ประมาณ 3-4 กิโลเมตรแต่ว่าช่วงนี้ไม่ไหนไม่ค่อยได้ เพราะไม่รู้ทาง ”

เจ๊นกคิดว่าแกคงเพิ่งย้ายมาอยู่ เพราะไม่เคยเห็นหน้า แกเลยไม่รู้ทาง  ระหว่างที่กำลังจะเตรียมอุปกรณ์ขึ้นโต๊ะ   เจ๊นกก็ได้กลิ่นเหมือนกลิ่นคาวสาบฉุนรุนแรงจนเจ๊นกรู้สึกทนไม่ไหว คิดว่าอาจจะเป็นกลิ่นหนูหรือนกบินมาตายในบ้าน เลยบอกป้าว่าขอวิ่งขึ้นไปเอาสเปรย์ปรับอากาศ

  พอเจ๊นกกลับลงมาที่ชั้นล่าง ก็เห็นว่าป้าลุกหันหลังเดินออกจากร้านไป  ในใจคิดว่าป้าคงโกรธที่ร้านเหม็น หรือทำให้รอนาน  เจ๊นกรีบวิ่งออกไปอธิบายกับลูกค้า

แต่ภาพที่เห็นข้างหน้าทำให้เจ๊นกแทบช็อคเพราะป้าหายแวปไปตรงหน้าประตู และได้ยินเสียงเบรคดังเอี๊ยดลั่นและเสียงรถชนดังสนั่นอยู่หน้าร้าน

เจ๊นกยืนช็อค ขนลุกพรึบตัวเย็บวาบสักพักแขนขาเริ่มอ่อนแรง ตอนนั้นมีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดที่หน้าร้าน ป้าคนหนึ่งร้องตะโกนลงมาจากรถว่า “โอโหวช่างมารอแต่งหน้าฉันแต่เช้าเลย ขยันจริงจริ๊ง”

พอดีกับที่เจ๊นกล้มพับลงไป คนขับรถและป้าคนนั้นรีบลงจากรถจะช่วยกันหายาดมให้ดม และประคองเข้าร้าน ช่วยกันบีบนวดอยู่พักใหญ่จนเจ๊นกได้สติขึ้นมา แต่ก็ไม่ยอมเล่าให้ลูกค้าฟังเพราะว่ากลัวลูกค้าจะกลัวผีไม่กล้าเข้าร้าน แกเลยบอกลูกค้าว่าสงสัยตื่นเช้าไป แล้วแต่งหน้าให้ลูกค้าต่อจนเสร็จ

  หลังจากวันนั้นนั้นเจ๊นกก็ไปถามร้านขายปลาตู้ที่อยู่ติดกันว่าแถวนี้มีคนตายหรือเปล่า

จนได้รู้ความจริงว่ามีป้าขายข้าวแกงขับรถกระบะชนกับรถสิบล้อ พอถามถึงรูปร่างหน้าตาแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นคนเดียวกันอย่างแน่นอน ซึ่งช่วงนี้ใกล้ครบวันเผาแล้ว เจ๊นอกเลยถึงบางอ้อว่า วิญญาณของป้าอ่อนคงอยากจะแต่งหน้าทำสวยเพื่องานศพของตัวเอง

 หลังจากนั้นเจ๊นกก็ทำบุญให้ป้าอ่อน และย้ายไปเปิดร้านใหม่  ยอมทิ้งเงินค่ามัดจำ ดีกว่าที่จะมีลูกค้าเป็นผีมาเข้าร้านอีก

  ที่อาคารพาณิชย์แถวนี้ทุกร้านต้องติดยันต์และกระจกแปดเหลี่ยมไว้ที่หน้าร้าน เชื่อว่าจะเป็นการช่วยป้องกันดวงวิญญาณคนตายโหงที่วนเวียนอยู่ถนนใกล้สี่แยกนี้ หลายคนเจอผีโผล่กลางสี่แยกแล้วหายไป  บางทีเดินวนไปมาอยู่ถนน ต้องทำบุญอุทิศให้เป็นประจำ

 ส่เพราะส่วนใหญ่จะเป็นวิญญาณที่ตายแล้ว แล้วไม่รู้ว่าตัวเอง จะต้องไปไหน

 

 

 

แสดงความคิดเห็น

>