เส้นทางผีเฮี้ยน : มิติลี้ลับสัมผัสสยอง
ตั้งกระทู้ใหม่
ตอนขาไป คนขับรถใช้ถนนเส้นทางหลักมุ่งตรงสู่ภาคใต้ แต่ขากลับ “น้าป้อม”คนขับรถกลับเปลี่ยนใจใช้ถนนคนละทาง ให้เหตุผลว่าเป็นเส้นทางลัด
ตอนนั้น หน่อยก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เพราะตาข้างขวากระตุกถี่ เลยขอร้องให้น้าป้อมเปลี่ยนใจขับรถวนกลับแต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายเลยต้องยอมปล่อยเลยตามเลย ไปตามเส้นทางนั้น
ถนนเส้นที่ไปนี้มืดสนิทแทบไม่มีรถสักคัน บริเวณป่าข้างทางมืดมาก มีภูเขาเป็นช่วง นานๆจะเจอรถสวนทางมาสักคัน
วันนั้นหน่อยนั่งหน้าข้างคนขับเพื่อเป็นเพื่อนชวนคุยแก้ง่วง ส่วนทีมงานเริ่มจะหลับกันหมดแล้วเพราะทำงานเพลียแดดทั้งวัน
และสิ่งที่ทำให้หน่อยขนหัวลุกเย็บวาบที่ทั้งตัวก็คือภาพของศาลเก่ากองทิ้งอยู่ตีนเขาเหมือนเดิม ที่วนมาให้เห็นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนเป็นหลักฐานนี้ยืนยันว่าคนขับกำลังโดนบังตา
พอคนขับ ขับเลยศาลมาไม่ถึงร้อยเมตร รอบนี้มีซากรถจิ๊บคล้ายรถทหารจอดอยู่ข้างทาง ยังไม่ทันที่หน่อยจะสังเกตบรรยากาศให้เต็มตา น้าป้อมคนขับเกิดทักไปว่า รถโบราณของใครว่ะ มาจอดทิ้งไว้แถวนี้ เดี๋ยวก็เอาซากกลับไปชั่งกิโลขายที่กรุงเทพฯซะเลย
พูดยังไม่จบ อยู่ดีดีคนขับก็มีอาการสะดุ้งโหยงตกใจสุดขีด จนมือที่บังคับพวงมาลัยพารถแฉลบไปอีกเลน จังหวะเดียวกันกับที่มีรถบรรลุกสวนเลนมาข้างหน้าบีบแตรมาแต่ไกล
หน่อยที่นั่งหน้า เห็นชัดเจน จึงตะโกนสุดเสียงบอกคนขับให้รีบหักพวกมาลัยกลับมาเลนเดิม เสียงแตรรถคันตรงข้ามบีบมาดังสนั่น อีกนิดเดียวรถสองคัน ก็จะพุ่งประสานงากัน เฉียดกันแบบเส้นยาแดงผ่าแปดรอดหวุดหวิด
ทำเอาคนในรถตื่นตกใจแตกตื่นกัน บางคนงัวเงียถามว่าเกิดอะไรขึ้น น้าป้อมเล่าให้ฟังว่าเขาได้ยินเสียงเหมือนเสียงระเบิดดังตู้มมม ทำให้ตกใจคิดว่าน่าจะมีคนวางระเบิดบนถนน ทำให้หลบพลาดขับรถแฉลบไปอีกเลน
แต่ที่น่าขนลุกคือทุกคนในรถยืนยันว่าไม่มีใครได้ยินเสียงเลย มีแค่หน่อยคนเดียวที่หน้าซีดและพูดอะไรไม่ออก เพราะช่วงนั้น หน่อยเห็นผู้ชายบนถนน เพื่อความมั่นใจเลยถามน้าป้อมไปว่าน้าไม่ได้หักหลบคนใช่มั้ย
เพราะหน่อยมองเห็นผู้ชายที่เห็นใส่เสื้อแขนยาวกางเกงสีดำ ยืนทำหน้าบึ้งทะมึนอยู่ตรงกลางถนน ท่าทางเอาเรื่อง พอได้คำตอบจากน้าป้อมว่าไม่ได้เห็นคน หน่อยก็มั่นใจแล้วว่า เธอได้เจอผีหลอก อย่างแน่นอน และถ้าขืนขับรถเส้นทางนี้ต่อไป อาจจะมีอันตรายถึงชีวิตแน่นอน
ในที่สุดก็ตัดสินใจขอให้จอดรถข้างทางเพื่อขอเจรรากับน้าป้อม เพื่อให้แกไหว้พระขอขมา ตั้งจิตอธิฐานถึงพระที่นับถือเพื่อให้ช่วยเปิดทาง และขอร้องให้น้าป้อมสวมสร้อยพระของเธอด้วย
น้าป้อมเองที่เพิ่งเสียขวัญมา ก็ยอมทำตามง่ายดาย และท่องคาถาบทสวดชินบัญชรด้วย หลังสวดจบทั้งสองคนก็ตะลึง เพราะถนนที่มืดสนิทสว่างขึ้นมาทันตา
พอเห็นแบบนั้นทีมงานเร่งให้รีบกลับ น้าป้อมกับรถอย่างมีสติและระมัดระวัง จนในที่สุดก็ผ่านถนนเส้นนั้นมาได้และแวะพักกินข้าวล้างหน้าที่ปั๊มน้ำมัน
เด็กปั๊มก็ตกใจว่าทำไมทุกคนกล้าผ่านถนนเส้นนั้นในช่วงวันโกนแบบนี้ เพราะเจอดีกันเกือบทุกราย บางคันชนต้นไม้ รถบรรทุกบางคันประสานงานกันอยู่บ่อยๆ
พอมักมีคน เห็นคนยืนอยู่กลางถนนเลยหักหลบ เลยชนกับรถที่สวนกัน บางคนได้ยินเสียงระเบิดเหมือนกันจนตกใจเลี้ยวลงข้างทาง คนแถวนั้นไม่มีใครกล้าขับผ่านตอนกลางคืน
หน่อยขนลุกซู่ยังจำภาพผู้ชายหน้าซีดเทาชุดดำได้ติดตา แววตาดวงนั้นสีแดงรู้สึกถึงความอำมหิตผิดมนุษย์ทั่วไป เด็กปั้มยังเล่าอีกว่าผีแถวนั้นอาจจะเป็นโจรคอมมิวนิสต์สมัยก่อนที่ปะทะกับตำรวจ หรืออาจจะเป็นโจรที่โดนกวาดล้างและตายโหงอยู่ที่นั่น
พอกลับมาถึงกรุงเทพฯ หน่อยตั้งใจเลิกเดินทางกลางคืนเด็ดขาด โดยเฉพาะการใช้เส้นทางลัดที่เปลี่ยว ถึงจะรีบแค่ไหนก็ตาม
เพราะถ้าโชคไม่ดีคงต้องเป็นผีข้างถนนผีเฮ๊ยน อย่างผู้ชายคนนั้น ก็ได้
แสดงความคิดเห็น