นักเขียนที่ติเตียนหรือวิจารณ์อะไรไม่ได้
ตั้งกระทู้ใหม่
ปล. ไม่ได้ดราม่านะคะ เราแค่สงสัยนิดหน่อย เพราะเป็นคำถามที่คาใจมานานแสนนาน~ นานจนหาคำตอบไม่เจอ เอิ๊กๆ
20 ความคิดเห็น
ก็ได้ครับ นักเขียนคือคนที่เขียนนิยายทุกชนิด
นักเขียนคือผู้เขียนแหละค่ะ แต่บางท่านไม่ได้มาเพื่อรับคำติ ด้วยเหตุที่มาเขียนนั้นต่างกัน บางท่านมาเขียนแค่เล่น ๆ ดังนั้นการชี้บ่งว่านิยายนั้นมีข้อบกพร่องมันอาจจะไปรบกวนอารมณ์ และจิตใจเขาค่ะ หลายครั้งเวลามีคนขอให้วิจารณ์ก็ถามเพื่อความมั่นใจก่อนว่า ติได้ใช่ไหม ตั้งใจเขียนและอยากปรับปรุงใช่ไหม หรือแค่มาเขียนเล่น
เอาเป็นว่าไม่ต้องเป็นนักเขียนก็ได้ ทุกคนมีตาปลา และกับระเบิดหรือ Trigger ส่วนตัวอยู่ค่ะ ซึ่งเราก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่ามันอยู่ที่ตรงไหน
หายไปเสียนานเลย คิดถึงนะเนี่ย ฮ่าๆ สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ หลบไปปั่นนิยายอยู่ค่ะ ตั้งเดดไลน์ให้ไฟลนก้นตัวเองเล่นค่ะ
คนที่เขียนนิยาย บทความ หรืออะไรก็ตามออกมาได้ก็ถือว่าเป็นนักเขียนทั้งนั้นแหละค่ะ แต่ก็แค่ต้องดูว่านักเขียนคนนั้นมีทัศนะคติอย่างไรเท่านั้นเอง คนเรานิสัยไม่เหมือนกัน นักเขียนก็เช่นกันค่ะ
สรุปคือ นักเขียนไม่เหมือนกันทุกคนค่ะ
ร้อยพ่อพันแม่ จะหวังให้ทุกคนเป็นเหมือนกันหมดคงไม่ได้
ก็คนธรรมดาทั่วไปนี่ ไม่ว่าจะนักเขียนหรือนักอ่าน มีชอบหรือไม่ชอบเหมือนกัน
ใช่ว่าทุกคนจะรับฟังทุกสิ่งอย่างได้ ทุกอย่างมันก็ต้องมีขอบเขตและความพอดี
ถ้าอยากวิจารณ์ ก็วิจารณ์ในขอบเขตของตน ถ้าเขาไม่ได้ร้องขอ ก็อย่า…แค่นั้นแหละ
แต่ถ้าร้องขอ ก็ถามไปด้วยว่าเอาระดับไหน ตกลงกันให้ดีทั้งสองฝ่าย แคปหน้าจอไว้ด้วย จะได้มีหลักฐานไว้ยันกัน เหมือนจะนอกเรื่อง^^”
เอาเป็นว่า คนเรานั้นมีหลากหลาย เติบโตมาต่างกัน จะหวังให้เขาเป็นดังใจที่เรานึกไม่ได้
อย่ามองมุมเดียว เอาใจเขามาใส่ใจเรา ลองสมมติตัวเองดูก็ได้ ถ้าฉันเป็นนักเขียน ฉันจะรับได้ไหม
การวิจารณ์ก็คงมีหลายระดับ อยู่ที่ว่าจะวิจารณ์ออกมาแนวไหน เลือกใช้คำพูดที่ดี ก็ดีกับทั้งสองฝ่าย คงเคยเห็นหลายกระทู้แล้วมั้ง บางคนเขาจิตใจอ่อนไหวจนอยากเลิกเขียน เพราะฉะนั้น เอาใจเขามาใส่ใจเราด้วยแค่นั้นแหละ ทั้งสองฝ่ายเลย ทั้งนักเขียนและนักอ่าน
ได้สิครับ การเป็นนักเขียนคือเขียน ไม่เกี่ยวอะไรกับการฟังคำวิจารณ์
guest อีกแล้ว...
ความเห็นของเรา ถ้าได้เรียนศิลปวิจารณ์ หรือวิจารณ์ศิลป์ จะรู้ว่าการวิจารณ์คือการหาความเป็นไปได้ต่างๆในงานศิลปะนั้นๆ ทั้งแง่ดี แง่เสีย แง่มุมใดๆที่ซ่อนเร้นที่แม้แต่คนทำ คนรังสรรค์ คนสร้างสรรค์อย่างศิลปินเองก็ยังนึกไม่ถึง วิจารณ์เสร็จก็จบ ได้เห็นความคิดของคนชมผลงาน จะดีจะร้าย จะเอาไปปรับปรุงต่อหรือไม่พอใจก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเจ้าของผลงาน
ส่วนที่นักเขียนหลายคนไม่พอใจ หัวร้อนและดราม่ายกใหญ่ อาจเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะให้ผลงานที่เขาทำขึ้นจากเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ มีข้อบกพร่อง อย่าลืมนะว่ากว่าผลงานจะสำเร็จได้ ผ่านการคิด ผ่านการวิเคราะห์กลั่นกรองมาแล้วกี่ชั้น ในฐานะที่เป็นนักเขียน เราเองก็เคยโดนติเตียน ต่อว่า ด่าเสียเทเสียมาไม่น้อย ในฐานะนักอ่านเราก็ยิ่งเข้าใจ นักเขียนมีเรื่องอยากจะเล่า จะปังบ้างแป๊กบ้างเป็นไรไป แต่กับหลายคนมันสำคัญกับเขาไง ใจเขาใจเราบ้างก็ดี
No one is perfect
ไม่มีใคร born to be เต็มขั้นหรอกค่ะ
คุณรู้ไหม...นักเขียนรุ่นใหม่หลายคน
เป็นเด็กมัธยม ...เด็กมหาวิทยาลัย
EQไม่เยอะหรอก ....
ชอบที่จะระบาย
ไม่ชอบโดนแม่กะครูด่า.... เป็นเหมือนเขาไหม
คนบ้าอะไร...อยู่ดีๆมาให้ใครไม่รู้ด่า...
นี่แค่ยกตัวอย่างนะคะ..ที่เราหรือใครหลายคนก็เป็น
สังคมความสุข...โลกสวยใส่กันดีสุดค่ะ
เพราะถ้าเราเริ่มไขว้...เริ่มไม่สุขแล้วล่ะ
คำถาม.......เราเป็นใครล่ะ ถึงกล้าไปวิจารณ์เขา...ถ้าจะวิจารณ์...วิจารณ์เป็นจริงเหรอ...ไม่ใช่แค่ตำหนินะ ต้องชี้ให้เป็น เย็นให้มาก
เพราะเราสาดน้ำร้อนใส่กำแพงไง
ทนผลสะท้อนกลับไปเปล่า....
ถ้าผมถูกเรียกว่า "ไอ๊เตี้ย" แล้วรับไม่ได้ ก็ไม่สมควรจะถูกเรียกว่า "คน" สินะ
นักอ่านที่ออกมาวิจารณ์นักเขียนมีอยู่สองประเภทเป็นอย่างน้อย
อยากออกมาด่าเล่นๆ มาดูถูก เพื่อระบายอารมณ์
ไม่ก็ นักอ่านคนนั้นคือ คนที่ชื่นชอบในงานเขียนของเราเเละวิจารณ์ทำความเข้าใจ ตั้งเเต่ต้นยันจบ เพราะรักนิยายของเราจากใจจริง
ถ้าไม่มีนักอ่านก็ไม่มีนักเขียน เเละ ถ้าไม่มีนักเขียนก็ไม่มีนักอ่าน นั่นคือความจริง
เเต่ถ้าอยากเป็นนักอ่านที่อ่านนิยายที่ตัวเองเป็นนักเขียนเฉยๆมันก็อีกเรื่อง
สุดท้ายเเล้ว มันก็ขึ้นกับคุณนั่นเเหล่ะว่าอยากเป็นนักเขียนเเบบไหน
จะเป็นนักอ่านที่พัฒนาตนต่อไปเรื่อยๆโดยใช้คำพูดคำติต่างๆขัดเกลาตนเอง
หรือจะเป็นนักเขียนที่มองทุกอย่างด้วยมุมมองของตัวเอง เเต่งตามใจฉันโดยไม่สนว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม
นักเขียนก็เป็นสิ่งมีชีวิต มีจิตใจ มีความรู้สึก ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ที่จะไม่มีความรู้สึกอะไร หากลองเทียบกับตัวเอง มีคนชมเราก็มีความสุข มีคนด่าว่าเราเราก็ไม่ชอบใจและก็โกรธ มันเป็นธรรมดา
นักเขียนก็เป็นคน ยังต้องกิน ต้องดื่ม ต้องหายใจนะคะ และคนทุกคนไม่ได้เกิดมามีจิตใจเปิดกว้างพร้อมที่จะรับทุกคนติติงว่ากล่าวได้ แม้ว่าสิ่งที่พูดวิจารณ์มานั้นจะเป็นเรื่องจริงก็ตามนะคะ ทุกคนก็ยังต้องการได้ยินในสิ่งที่ตัวเองอยากได้ยินอยู่ดี
มองกลับกัน หากเป็นคุณที่โดนว่าบ้าง มันก็มีบ้างที่ไม่พอใจเหมือนกันใช้ไหมล่ะคะ?
ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่เหมือนกัน
อาชีพแต่ละอาชีพมีเซ็ตความคิดที่เป็นเฉพาะของตน
นักเขียนแต่ละคนมีอุปนิสัยที่แตกต่างกันไป
นี้ยังไม่นับรวมอารมณ์ ที่มีขึ้นมีลงตามสถานการณ์ด้วย เพราะนักเขียนเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง
สรุปคือ ทั้งวิจารณ์ได้ และ วิจารณ์ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละคน และช่วงเวลา
นักเขียนในเด็กดี เหล่านักอ่านจงอวยอย่างเดียวเท่านั้น
ห้ามติเตียน มิฉะนั้น องค์จะลง
ยิ่งถ้าเผลอติแบบแอบแรง จะแห่กันมาเป็นฝูงเลย เหมือนแร้งลง จงอวยไส้แตกซะ
คุณครับ ไส้ผมหายไปแล้ว
สุดยอดเลยค่ะ ตลกมาก ๆ comedy king พูดแบบนี้เอาลูกสาวอิฉันไปเลยค่ะ
เวลาทำอะไรก็ต้องเตรียมใจกับผลทีีเกิดขึ้นนะคะ อย่างที่รู้ว่านักเขียนหลายคนก็เซนซิทีฝ บางคนก็กำลังลองผิดลองถูกอยู่ มันมีความไม่มั่นคงสูงมากๆ ถ้าเราคอมเมนต์ไปแล้วคนเขียนลบนิยายทิ้ง (อันนี้มีคนเจอมาแล้ว) เราจะรับได้มั้ย
เราคิดว่าการคอมเมนต์มันจะดีมากๆ ถ้าเรามองก่อนว่าคนเขียนรับได้แค่ไหน เวลาอ่านๆ ไปน่าจะรู้(มั้ง) ถ้าเขาไม่อยากได้คอมเมนต์ ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องไปยัดเยียดความเห็นเราให้มั้งคะ ก็แค่ส่งยิ้มอ่อนให้แล้วผายมือ เชิญตามสบาย~ ก็น่าจะโอเค
ทุกวันนี้เราตัดปัญหาค่ะ ถึงแม้จะมีคนบอกว่ารับได้ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ เราก็ไม่ตินะคะ เพราะถ้ายังอ่านไม่จบเรื่อง เราต้องยอมรับว่ามันอาจจะมีหลายอย่างที่เรายังไม่รู้จริงเท่าคนเขียน ก็ยังไม่ควรพูดค่ะ คอมเมนต์เต็มที่ก็รอติดตาม
ตราบใดที่นักเขียนไม่ใช่พระพุทธ*ฉันใด
อารมณ์ที่มนุษย์พึงมีก็ไม่หายไปฉันนั้น
*พระพุทธเจ้า
เป็นคนนึงที่เขียนตามอารมณ์และความคิดตัวเอง นิยายคนอ่านน้อย ไม่สนใจ นิยายคนไม่เม้นต์เลย ไม่ใส่ใจ เพราะเราไม่ได้เขียนให้ใครอ่าน เราเขียนไว้เพื่อบันทึกความคิดของเราไว้
//มีครั้งนึง การคอมเมนต์นิยายด้วยความทุเรศ เช่น ฝากนิยายเรื่องอื่นในนิยายเราทั้งๆที่เราไม่ได้รับฝากนิยายใดๆ ซึ่งนั่นบั่นทอนกว่าการเข้ามาอ่านแล้วไม่คอมเมนต์มากๆ
เราไม่ได้ต้องการให้ใครมานั่งวิจารณ์หรือติเตียนนิยายเรา แต่เราต้องการเขียนไว้สำหรับตัวเราเอง มากกว่า
ธรรมดาครับ คนเรามีอีโก้ มากน้อยต่างกัน ก็เลือกเตือนคนที่เตือนได้ครับ ใครเตือนไมไ่ด้ก็ปล่อยผ่าน
ไม่มีใครเพอร์เฟคไปหมดทุกอย่างหรอกค่ะ
คำติเตียนหรือคำวิจารณ์ ก็เหมือนหิน มีด รองเท้าที่ปาใส่เราจากความมืด ฉันท์ใด คำชม คำขอบคุณมธุรสวาจา ก็เหมือนข้าวตอกดอกไม้ที่ได้รับจากผู้อ่านฉันท์นั้น
ใครจะอยากได้ ก้อนหิน มีด รองเท้าคะ?
นักเขียนมีสิทธิ์กางม่านพลัง ขึงตาข่ายดัก ปามาปากลับไม่โกง
ส่วนตัวไม่รับทั้งก้อนหินและดอกไม้ เราชัดเจน ชอบก็อ่าน รักก็เปย์ หาแคร์ไม่
เยี่ยมครับ สตรองมาก
นิยาม-นักเขียน-ของคุณอาจจะไม่ตรงกับนิยามของคนอื่นอีกหลายคน
ดังนั้น การรับคำวิจารณ์ได้อาจจะไม่ใช่นิยาม -นักเขียน-ของคนอื่น
สมมติ มีสักคนแต่งหนังสือเผยแพร่เฉยๆ ไม่เอาเงินไม่เอาชื่อเสียง ใครอยากอ่านก็อ่าน
เขาพอใจจะเห็นคนที่ชอบแนวเดียวกับเขามาอ่านก็พอ
จากนั้นเขาก็นำเสนอสิ่งที่เขาพอใจเสนอต่อไป ไม่สนใจว่าใครจะชอบมันไหม
อย่างนั้น คนๆนี้เป็นนักเขียนไหมล่ะ
ถ้าสำหรับเราเขาเป็นนักเขียนนะ
และเขามีสิทธิเหนือผลงานตัวเอง ที่จะไม่รับฟังคำติด้วยสิ
แล้วย้อนกลับมาที่คนวิจารณ์ เขาทำผิดเหรอที่ติติงออกไป
เราก็ว่าไม่นะ คนรับสารก็มีสิทธิด้านการรับสาร
ถ้าผลงานนั้นตัดสินใจเผยแพร่ออกสู่สาธารณะแล้ว
คนในสังคมมีสิทธิที่จะรู้สึกกับงานของเขา รักได้เกลียดได้
และแสดงความเห็นที่ไม่ล้ำเส้นไม่หยาบคาย ต่องานที่ออกสู่สาธารณะได้
สำหรับเรา คงปล่อยไปนะ นิยายไม่ได้มีเรื่องเดียวในเว็บ เขามั่นใจว่างานเขาดี ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีนะ แต่เกินพอดีก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกลไกเถอะค่ะ เดี๋ยวเจอสอนมวยกันไม่คุ้มซะเปล่า ๆ เสียอารมณ์นำพาไปสู่มาม่าทั้งที่เพิ่งต้นเดือนเอง เราอยู่เฉย ๆ เสพนิยายอย่างสนุกก็พอ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?