Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

Domestic violence 1st hand เหตุการณ์จริงกับเด็กที่โตขึ้นมากับความรุนแรงในครอบครัว

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สมัยนี้ความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องที่สังคมไทยไม่ค่อยจะพูดถึงกันนัก ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นคนอารมร้อน อีกฝ่ายหนึ่งมักเลือกที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับและทนอยู่เพื่อลูก จขกทเป็นคนหนึ่งที่โตมากับครอบครัวที่เข้าข่ายอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ค่ะ ใดยส่วนตัวครอบครัวของจขกทถือได้ว่าค่อนข้างมีฐานะ ที่บ้านมีธุรกิจเป็นของตัวเอง ตั้งแต่เด็กได้เข้าเรียนในโรงเรียนนานาชาติมาโดยตลอด ได้รับความรักความอบอุ่นที่เพียงพอจากทั้งคุณพ่อและคุณแม่ ไม่เคยรู้สึกขาดในด้านไหนเลย ฟังดูเป็นเด็กที่เกิดมาในเวลาที่ครอบครัวนั้นพร้อมในทุกๆด้าน แต่ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วชีวิตเราไม่ได้สวยหรูเหมือนที่ใครๆมองเห็น คุณพ่อของจขกทเป็นคนอารมร้อน มีพฤติกรรมรุนแรงทั้งในบ้านและนอกบ้านคล้ายๆคนมีอารมณ์สองขั้ว เวลาอารมณ์ดีก็จะเหมือนคนทั่วๆไป ไม่มีพฤติกรรมใดๆแสดงออก แต่ถ้าโมโหหรือโกรธขึ้นมาเมื่อไหร่ ใครๆก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าใกล้ แม้แต่ตัวจขกทเอง จขกทโตมากับคำขู่ที่ว่า "จะให้ออกไปเรียนโรงเรียนวัด" "ไม่ส่งเรียนแล้วโรงเรียนอินเตอร์พร้อมกับฉากที่คุณพ่อทำร้ายคุณแม่ในหลายๆด้าน จนบางครั้งถึงกับต้องไปจบที่โรงพยาบาล หลายๆครั้งที่คุณพ่อเอามีดหรือปืนมาขู่ เอาขวดแก้วมาปาใส่คุณแม่ พร้อมๆกับการบริภาษคำหยาบไปด้วย เอาไม้กอล์ฟไล่ตี หลายสิ่งหลายครั้งที่เด็กตัวเล็กๆคนนึงจะต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องไม่ให้พ่อตัวเองพลั้งมือทำร้ายแม่ หลายๆครั้งที่เห็นคุณแม่ร้องไห้และยอมทนอยู่เพื่อรอวันที่พร้อมจะเดินออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นซ้ำตั้งแต่จขกทจำความได้ หลายๆครั้งที่คิดว่าไม่อยากกลับบ้าน การไปหาญาติทำให้เรามีความสุขที่สุดและไม่ต้องทนกับเสียพร่ำด่ากรอกหูในทุกๆ วัน            

       หลายๆครั้งที่คิดว่าครอบครัวของเพื่อนๆดูอบอุ่นก็ทำให้เราอิจฉา แต่เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากการตั้งใจเรียน ทำตัวมีปัญหาให้น้อยที่สุด ทำทุกอย่างที่คุณพ่อต้องการให้ทำแม้ว่ามันจะเป็นการฝีนใจและเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ ในนี้รวมถึงการเรียนพิเศษด้านต่างๆ และเล่นกีฬาตามที่คุณพ่ออยากให้เล่น พูดง่ายๆคือพยายามให้คุณพ่ออารมดีจะได้ไม่โมโหเวลาอยู่ที่บ้านนั่นแหละค่ะ เราหลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับคุณพ่อตามลำพังจากเด็กคนนึงที่รู้อยู่เสมอมาว่าการที่คุณพ่อไม่ค่อยกลับบ้านนั้นมาจากการที่คุณพ่อมีผู้หญิงคนอื่น เรารู้ดีค่ะว่าอะไรเป็นอะไร แต่บางครั้งในการเป็นเด็ก เราอยู่ในสถานะที่เป็นผู้เห็นเหตุการณ์คนนึงเท่านั้น ด้วยสถานะที่เราเป็นเราไม่สามารถพูดกับใครๆได้ การโตมาในสังคมที่สวยหรูมันขัดกับความเป็นไปในครอบครัวอย่างสิ้นเชิง ทุกคนมักจะเห็นเราทำตัวเป็นคนร่าเริงเหมือนไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนในใจ แต่ความจริงแล้วเราสั่งสมความเก็บกดเพิ่มขึ้นมาโดนไม่รู้ตัวโดยที่ไม่มีใครระแวงจนถึงทุกวันนี้ เราถามตัวเองเสมอๆ ว่ามันถูกแล้วเหรอที่เด็กเล็กคนหนึ่งจะต้องโตมากับสภาพแวดล้อมแบบนี้ ในทุกๆคืนเราจะหวาดผวากับเสียก่นด่าจนถึงกลางดึก คอยชำเลืองดูว่าคนในครอบครัวยังไม่มีใครเป็นอะไร ทนมาจนถึงวันหนึ่งที่เราเอ่ยกับคุณแม่ว่า 'ออกจากบ้านนี้กันเถอะ' และเราสองคนก็ได้ออกมาจากบ้านกลางดึกและไม่เคยหันกลับไปอีกเลย จนถึงวันนี้เราและคุณแม่ได้ตัดขาดกับคนๆนั้นโดนสิ้นเชิงแล้วค่ะ เป็นเวลาหลายปีที่ไม่มีเหตุการณ์domestic violence ให้เห็นอีกแล้วในชีวิต ปัจจุบันจขกทก็กำลังเรียนอยู่ในคณะสายวิทยาศาสตร์สุขภาพยอดฮิตแห่งหนึ่ง ในขณะที่ชีวิตกำลังดำเนินต่อไป มีเหตุการณ์หลายๆครั้งๆ หรือบทเรียนในชั้นเรียนหลายๆบทที่ทำให้จขกทเข้าใจและกลับมาหวนคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายในวัยเด็ก จขกทยังโชคดีที่ผู้ปกครองมีความพร้อมและ 'กล้าพอที่จะเดินออกมาและเริ่มต้นใหม่ แม้อาจจะมีจังหวะที่ล้มลุกคลุกคลานบ้าง แต่จขกทก็สามารถเรียนที่โรงเรียนเดิมได้จนจบ กลับมามีชีวิตปกติทั่วไปอย่างที่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งควรมี สุดท้ายอยากจะฝากถึงเด็กทุกคนหรือพ่อแม่ที่อาจจะเคยเจอสถานการณ์คล้ายๆกัน ยังไม่สายที่จะเริ่มต้นใหม่นะคะ หลายๆคนอาจจะคิดว่าลูกตัวเองยังเล็กและตัดสินใจอดทน จขกท.เชื่อว่าเด็กหลายๆคนในครอบครัวแบบนี้โตพอที่จะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้แล้วค่ะ อย่าทนต่อไปให้สุขภาพจิตย่ำแย่ที่สำคัญที่สุดคืออนาคตของลูกคุณค่ะ ถ้าคุณพร้อมแล้วก็เดินออกมาเถอะ อย่าทนต่อไปเลยนะคะ

ปล. อยากให้ตรงนี้เป็นพื้นที่ระบายของใครหลายๆคนที่ยังไม่กล้าพูดออกมา ถึงแม้จขกทได้ผ่านจุดที่แย่ที่สุดมาแล้ว แต่การหวนกลับไปคิดถึงก็เป็นเหมือนการไปสกิดให้แผลนั้นกลับมาเด่นชัดอยู่เรื่อยๆ ทางที่ดีที่สุดก็ควรจะระบายมันออกมาบ้างถูกมั้ยคะ

แสดงความคิดเห็น

>