ปัญญา....มืด

[Dekchaijun]

             "ปัญญาเป็นแสงสว่างแห่งชีวิต” หลายคนคงเคยได้ยินประโยคนี้กันจนคุ้นชินแล้วใช่ไหม? แต่สรรพสิ่งบนโลกนี้ล้วนมีสองด้านเสมอ !!! มีแข็งย่อมมีอ่อน มีทุกข์ย่อมมีสุข มีขาวย่อมมีดำ เฉกเช่นปัญญาก็มิได้รับการยกเว้น มีสว่างก็ย่อมมีมืดมิดเป็นธรรมดาของโลกใบนี้ ผมคิดว่ามันอาจเป็นอีกด้านหนึ่งของปัญญาก็ได้ 

           แล้วคำว่า ปัญญา นั้นหมายถึงอะไรกันเล่า? พจนานุกรม ให้ความหมายของคำว่า ปัญญา คือ “ความรอบรู้ ความรู้ทั่ว ความฉลาดที่เกิดจากการเรียนและคิด “ ซึ่งความหมายนี้มันก็อธิบายได้อย่างเข้าใจชัดเจนในตัวมันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่อีกด้านหนึ่งนั้น ปัญญาอันมืดมิด มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?... ผมคิดว่ามันเกิดขึ้นจาก เมื่อคนเราปล่อยให้ความทุกข์กัดกร่อนจิตใจเป็นเวลานานจนเกินไป นานจนแสงสว่างแห่งปัญญาที่เคยมีนั้น มันค่อย ๆ สลัวลง ๆ จนกลายเป็นความมืดบอดของปัญญาในที่สุด มันทำให้เรามืดบอดในการแสวงหาทางออกแห่งทุกข์ มืดบอดในการมองข้ามสิ่งดีๆ ที่ยังคงมีอยู่รอบ ๆ ตัว และมืดบอดในการใช้สติ ซึ่งก่อให้เกิดปัญญาในการแก้ปัญหาต่าง ๆ เชื่อว่าคงมีใครหลายคนในที่นี้ ก็เคยเป็นเช่นนี้เหมือนกันใช่ไหม....

              แต่ถึงกระนั้น ความมืดมิดมันก็มิใช่มีแต่ด้านลบเสมอไป มันก็ยังมีด้านบวกอยู่มิใช่น้อย....เพราะในความมืดนั้น อาจทำให้จิตใจของเราสงบขึ้น ได้มีโอกาสคิดทบทวนกระบวนชีวิต ทบทวนสิ่งที่ผิดที่พลาดในอดีต และอาจได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ ที่เราอาจไม่เคยเห็น เพราะในยามที่จิตใจของเราปกตินั้น แสงสว่างอาจจะบดบังบางสิ่งบางอย่างที่ต้องอาศัยความมืดเท่านั้นจึงจะมองเห็นมัน บางสิ่งบางอย่างที่ว่านั้น อาจเป็นอีกด้านหนึ่งของจิตใจของเราเองก็เป็นได้!! 

                 ฉะนั้น เมื่อเราต้องพบเจอกับความมืดมิดในชีวิต จงอย่ากลัวไปเลย เพราะเพียงแค่เราหลับตาสงบจิต คิดพินิจไตร่ตรองครรลองชีวิตใหม่ จนเมื่อเราลืมตาขึ้นอีกครั้ง แม้จะอยู่ในความมืดมิดเช่นเดิม แต่ใจเราจะเริ่มเห็นแสงสว่างแห่งปัญญาเจิดจ้าขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน 

CR. Beyond The Happiness มุมมองความสุข ของ ดช.จุ่น