แชร์ประสบการณ์อยู่หอกับเพื่อนต่างชาติ ที่ ม.ขอนเเก่น CIEE โครงการสุดคูลที่ทั้งฟรีเเละดีมาก!
สวัสดีครับ ผมชื่อ เก่ง
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าผมเป็นคนหนึ่งที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองจากการดูหนัง ฟังเพลง จนฟังออกพูดได้ก็พยายามหาทุนไปเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศอยู่ตลอด แต่ก็ไม่เคยตัดสินใจสมัครเพราะคิดว่าตัวเองยังไม่เก่งมากพอ จนสอบ ป.ตรี เข้ามาที่ ม.ขอนแก่น (เอกภาษาอังกฤษ) ถึงใน class เรียนเองได้ใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้วเเต่ในใจก็ยังอยากมีเพื่อนต่างชาติไว้ฝึก skill การพูดอยู่ดี ส่วนตัวผมเคยลอง App คุยกับเพื่อนต่างชาติมาหลายอันเเล้ว เเต่มันไม่ค่อยเข้ากับผมเท่าไรเลยเลิกใช้ไป เอาเป็นว่า ช่วงขึ้นปีสอง ผมก็ได้รู้จากเพื่อนในสาขาที่เคยอยู่ชมรมด้วยกันว่าเขาอยู่โครงการที่มีรูมเมทเป็นชาวอเมริกัน ด้วยความอยากพ่นภาษาอังกฤษไฟแลบ ผมก็เลยสมัครตามเพื่อนในเทอมต่อมา
CIEE หรือชื่อเต็มๆว่า Council on International Educational Exchange เป็นโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างประเทศจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่ทำ MOU ร่วมกับมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ CIEE สาขาประเทศไทย ก็ตั้งอยู่ที่บริเวณหลัง มข. โดยนักศึกษาจากสหรัฐอเมริกามาเรียนในประเทศไทยเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สิทธิมนุษยชน สาธารณสุขในเชิงวิชาการ รวมไปจนถึงเรียนรู้ในเรื่องของ ประเพณี วัฒนธรรม เเละความเป็นอยู่ ในทุกๆเทอมโครงการเปิดรับสมัครนักศึกษาไทยระดับปริญตรีทุกชั้นปี ในมหาวิทยาลัยขอนเเก่น เพื่อมาเป็นรูมเมทกับนักศึกษาชาวอเมริกันแบบฟรีๆไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกจากนี้นักศึกษาที่ผ่านการสัมภาษณ์ก็ยังมีโอกาสที่จะเป็นรูมเมทต่อไปเรื่อยๆ ถ้าได้รับการประเมินผลที่ดีจากคู่รูมเมทและโครงการอีกต่างหาก เรียกว่ามีโอกาสอยู่ในโครงการนี้ไปจนเรียนจบได้เลย
ห้องของโครงการเป็นห้องเเอร์ ไมโครเวฟ ตู้เย็นพร้อม..คือดีมาก
จนถึงตอนนี้ในระยะเวลาหนึ่งปีกว่าของการอยู่ในโครงการ ผมมีรูมเมทเป็นชาวอเมริกันทั้งหมด 3 คนครับ แต่ นอกจากรูมเมทตัวเองแล้ว ผมก็ยังมีโอกาสมีเพื่อนเเละ hang out กับเพื่อนนักศึกษาเเลกเปลี่ยนชาวอเมริกันคนอื่นๆด้วยนะ คือไม่ต้องไปถึงอเมริกาก็ได้ฝึกภาษาอังกฤษกันจนเหนื่อย เพราะโครงการนี้ก็เหมือนย้ายอเมริกาขนาดย่อมๆมาอยู่ที่ไทยแล้ว และหอพักในโครงการก็อยู่บริเวณหลังมอ ชื่อหอเกษียณสินธิ์เพลส สะดวก สบาย เดินทางได้ไม่ลำบากเลยต่อให้ไม่มีรถส่วนตัว
รูมเมทคนที่ 1
ห้องมันก็จะดู Real นิดหนึ่งเนอะ
เมื่อผ่านการสัมภาษณ์และถูกคัดเลือกเข้ามาเป็นรูมเมท พี่สตาฟในโครงการจะจับคู่รูมเมทกับนักศึกษาอเมริกัน(เพศเดียวกัน) ให้โดยอิงการสังเกตจากรอบการสัมภาษณ์ การตอบคำถาม ความชอบต่างๆ รวมไปถึงทักษะการสื่อสารภาษาอังกฤษเเละความเหมาะสมอื่นๆ สำหรับผมเเล้วรูมเมทอเมริกันทุกคนของผม เราเข้ากันได้ดีไปจนถึงถึงขั้นดีมาก ก่อนเจอนักศึกษารูมเมทของเรา พี่ๆในโครงการจะนัดปฐมนิเทศรูมเมทเก่าและรูมเมทใหม่เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการ หน้าที่ของการเป็นรูมเมทในโครงการ การเตรียมความพร้อมกับวัฒนธรรมใหม่ๆและการทำความเข้าใจเมื่ออยู่กับคนที่มาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน รวมไปถึงการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากรุ่นพี่รูมเมทเก่า และจบการปฐมนิเทศด้วยการแจ้งว่าใครคือรูมเมทอเมริกันของเรา
รูมเมทคนแรกของผมชื่อ คอนเนอร์ (Connor) เขาเรียน Political Science ที่ University of Pennsylvania รัฐ Philadelphia ตอนก่อนเจอกันผมก็ทำป้ายชื่อเเบบเขียนบนกระดาษเอ 4 เหมือนเวลาเราไปรับใครที่สนามบิน มารับเขาที่สำนักงานของโครงการ ในใจคือผมตื่นเต้นมากเพราะว่าเป็นรูมเมทต่างชาติคนเเรกในชีวิต (จริงๆแล้วกลัวว่าเขาจะคุยกับผมไม่รู้เรื่อง) ก่อนจะเเนะนำรูมเมทสองฝ่ายให้รู้จักกันในเทอมนั้น รูมเมทไทยกับรูมเมทฝรั่งก็จะยืนอยู่คนละด้านห่างๆกันหน่อย ก่อนที่พี่สตาฟจะบอกให้เรายกป้ายชื่อขึ้น นายคอนเนอร์ ผู้เป็น hugger นี้ก็พุ่งมากอดผมเลยบอก “Nice to meet you”ส่วนผมก็รับกอดเเบบเกร็งๆ เพราะไม่ชินกับการถูกกอด (ฮ่า ๆ) ขอนับเป็น culture shock แรกของผมนะ เรานึกว่าจะต้อง shake hand เเบบที่เห็นบ่อยๆในหนัง Hollywood เวลาเจอกัน อะไรเเบบนั้นซะอีก
ในเทอมนั้นด้วยตัวผมเองก็ติดเรียนกับกิจกรรรมชมรมค่อนข้างหนัก ในช่วง 4 เดือนที่อยู่ด้วยกันเราเลยจะไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยมาก นอกจากกินข้าวเย็นในรอบๆม.ขอนเเก่น ไปวัดป่า (เพื่อนบอกว่าอยากไปหาความสงบทางด้านจิตใจส่วนผมไปเป็นล่ามเเปลภาษาธรรมให้) แต่เวลากลับมาเจอกันที่ห้องทีไรก็คุยกันทีเป็นชั่วโมงๆ โดยเฉพาะช่วงก่อนนอน ด้วยความที่ คอนเนอร์เขาเรียนสาขาเกี่ยวกับการเมืองและผมเองชอบคุยเรื่องที่จะได้ยินความคิดจากคนอื่น บทสนทนาของเราในช่วงก่อนนอนก็เลยเหมือนเป็นคลาส Speaking Dissusion ไปในตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ศาสนา ความเเตกต่างของประเทศไทยเเละอเมริกา มุมมองของคนไทยต่ออเมริกาหรือมุมมองของอเมริกาต่อเมืองไทยเองก็ตาม
สำหรับผม การอยู่กับรูมเมทอเมริกันคนเเรกสอนให้ผมรู้จักพูดเพื่อตัวเองมากขึ้นเพราะบางครั้งเเล้วตอนที่ผมอยู่กับรูมเมทคนไทย ด้วยกรอบของ ‘ความเกรงใจ’ ทำให้บางครั้งก็มันสะสมจนมากเกินไปจนลำบากตัวเอง เเต่พอได้อยู่กับคนอเมริกัน มีเรื่องอะไรที่เขาทำเเล้วเราไม่สบายใจเวลาอยู่ในห้อง เราก็ต้องพูดกับเขาตรงๆ ตั้งเเต่แรกๆ เขาจะได้เข้าใจชัดเจน
เเละเพราะตอนนั้นผมไม่ได้มีกล้องเเละเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปเป็นทุนเดิม เรื่องน่าเศร้าที่ตามมาที่ผมพึ่งรู้ตัวหลังจากเขากลับคือ ‘อ้าว อยู่ด้วยกัน 4 เดือนมีรูปด้วยกันอยู่ด้วยเเค่รูปเดียว...’
รูมเมทคนที่ 2
แซมผู้ชอบกินซาลาเปาเป็นชีวิตจิตใจ
รูมเมทคนที่สองของผมชื่อ เเซม (Samuel) เขาเรียน Environmental Studies ที่ Colorado University Boulder รัฐ Colorado (แต่รัฐที่อยู่จริงๆคือ Michigan) บางครั้งผมก็เรียกเพื่อนว่า ‘บักแซม’ ในรูมเมทอเมริกันสามคนผมสนิทกับทุกคนนะ เเต่ผมรู้สึกว่าผมสนิทและใช้เวลากับแซมเยอะที่สุด อาจจะด้วยความที่ทั้งผมกับเขามีอะไรบางอย่างที่คล้ายกันอยู่เช่น เราสองคนชอบฟังเพลงเหมือนกัน ผมชอบร้องเพลงเวลาอาบน้ำ ส่วนเเซมเนี้ยเขาจะชอบเปิดเพลงตอนเช้าช่วงที่เราเเต่งตัวไปเรียนกันเป็นประจำ บางวันก็มีร้องเพลงกันก่อนออกไปเรียน จนตอนนี้ Playlist เพลงของแซมก็ยังติดหูผมอยู่เพราะเปิดเกือบทุกวัน อีกอย่างหนึ่งก็คือผมกับเเซมชอบดูหนังเหมือนกัน เรื่องที่ได้ไปดูด้วยกันในโรงหนังคือ Avengers Endgame ส่วนเรื่องอื่นก็ดูในคอมหรือผ่านจอโปรเจ็คเตอร์กับเพื่อนรูมเมทไทยและอเมริกันคนอื่น ซึ่งเราก็เรียกว่า ‘Movie Night’ เเต่เรื่องที่ Hit เเละ Hot สุดที่ดูกันก็คือ Season สุดท้ายของ Game Of Throne ผมกับแซมเป็นรูมเมทคู่เดียวที่ชอบเรื่องนี้ด้วยกันเลยคุยกันถูกคอ เรากับเพื่อนอเมริกันอีก 6-7 คนจะรวมตัวกันไปดูเรื่องนี้ด้วยกันอาทิตย์ละตอน เป็นประสบการณ์ดูซี่รี่ย์ภาษาอังกฤษที่ล้อมไปด้วยเพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษ พอดูจบก็มาถกกันเรื่องเนื้อเรื่อง ตัวละครต่อ สนุกไปอีกแบบ
ช่วงสองเดือนสุดท้ายก่อนกลับนายเเซมก็ตัดสินใจอยากเรียนรู้การถ่ายรูปด้วยตัวเอง ผมก็เลยได้พาเขาไปซื้อกล้องฟิล์ม หลังจากนั้นมาเราก็ออกไปถ่ายรูปรอบๆมหาลัยวิทยาลัยด้วยกันอยู่ 2-3 ครั้ง
และคงเป็นเพราะเทอมนั้นผมไม่มีกิจกรรมชมรมเเละคลาสเรียนที่หนักมาก นอกจากเป็นเทอมที่ผมได้ใช้เวลากับรูมเมทตัวเองเยอะเเล้ว ก็ยังได้ใช้เวลากับรูมเมทอเมริกันเเละรูมเมทไทยในโครงการด้วย (จริงๆโครงการไม่ได้บังคับนะว่าเราต้องพาเพื่อนไปเที่ยวไหน เเต่ก็เนอะเขาอุตส่าห์มาอยู่ไทยระยะเวลาสั้นๆ ก็อยากพาทัวร์รอบๆเป็นบางโอกาส) เราก็ไปกันหมดรอบรั้ว มข. ไปกินข้าวตลาดมอ ไปซื้อของตลาดเปิดท้าย เดินชิลล์ๆที่ถนนคนเดินขอนเเก่น ไปจนถึงตลาดต้นตาล หรือเซ็นทรัล เอาซะว่าไปกันจนนึกที่ hang out กันไม่ออก เพราะไปกันเกือบครบหมดเเล้ว
รูมเมทไทยเเละรูมเมทอเมริกัน at หน้าฮ้านหมอลำ
กีฬาสีรูมเมทไทย-รูมเมทอเมริกันเเละสตาฟในโครงการ (สีผม VS อีก 3 สี)
ตอนสงกรานต์พ่อเเม่กับพี่สาวของแซมมาเที่ยวที่ไทย ผมก็เลยเป็นเหมือนไกด์นำเที่ยวขอนเเก่นในตัว
ผมมาเจอกับเเซมที่ร้านเจ๊ไฝ ซึ่งนายเเซมรอ 4- 5 ชั่วโมงกว่าจะได้กิน
วันต่อมาก็ผจญภัยนั่งรถตู้จนถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ก่อนจะมาเดินเดินด๊อกแด๊กเที่ยวที่เยาวราชกันวันต่อมา
ฝ่าดงหนังสือและคลื่นความร้อนที่ตลาดจตุจักร
เเวะมากินติ่มซำ--ติ่มซ่ำร้านนี้อร่อยมากจริง ดูจากหน้าแซมได้
เที่ยววันวันสุดท้าย ณ กรุงเก่า อยุธยา
รูมเมทคนที่ 3
โครงการมีทริปสั้นๆให้รูมเมทไทยกับรูมเมทอเมริกันไปเที่ยวเขื่อนอุบลรัตน์ด้วยกัน
โมเองก็ชอบฟังเพลงเหมือนกัน เขาเเนะนำให้ผมฟังเพลงชื่อ Bright ของ Kehlani เนื้อหาเพลงเกี่ยวกับ ’การรักตัวเองเพราะไม่มีใครที่จะสามารถรักคนที่ไม่รักตัวเองได้’ ผมฟังเเล้วชอบมาก เปิดฟังอยู่ซ้ำๆ สำหรับโมเเล้วเขาได้สอนผมให้มองเรื่องราวบางอย่างจากหลายมุมมอง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องศาสนาหรือวัฒนธรรม และเรียนรู้ที่จะรักตัวเองมากขึ้นก่อนที่จะให้คนอื่นมารักเรา
อารมณ์เลือดข้นคนจาง
เเต่ที่รันยาวสุดคือ ‘Movie Night’ ของพวกเรา ผมกับสองสาวแฝดอเมริกัน ไล่ดูเลือดข้นคนจางจนจบ เพราะสาวซอนย่าเธออินมาก ตอนเเรกผมก็จะไม่ได้อินมากนะแต่ดูไปกับเพื่อนเเล้วก็ติดไปกับเพื่อนด้วย พอดูเสร็จเราก็มาคุยกันต่อเรื่องเนื้อเรื่อง ตัวละคร อารมณ์เหมือนวิชาวิเคราะห์ภาพยนตร์ไปในตัว
สำหรับผมเเล้วบทสนทนากับซอนย่าและซาร่า ทำให้ผมเข้าใจถึงมุมมองของครอบครัวที่อพยพไปอยู่ที่อเมริกาว่าเขาต้องเจออุปสรรคอะไรกันบ้าง ทั้งเรื่องของการเหยียดเชื้อชาติที่ยังมีให้เห็นในสังคมกันอยู่ในสังคมที่อเมริกา เเละอีกเรื่องคือเราจะต้องสู้ให้สุดเพื่อความฝันของตัวเอง เหมือนที่ทั้งคู่ที่ก็ไม่ได้มาเเลกเปลี่ยนที่ไทยง่ายๆเพราะเจอกับอุปสรรคในทางด้านการเงินเหมือนกัน
มาส่งเพื่อนที่ บขส ขอนเเก่นไปขึ้นรถไปสนามบิน
ไปดูถ้ำค้างคาวเเละเดินป่าที่ภูผาม่านกัน
พาน้องๆเสี่ยงเซียมซีที่ศาลหลักเมืองขอนแก่น
นำเที่ยววัดพระธาตุหนองแวง
วันบอกลาก่อนไปส่งน้องๆที่สนามบิน
สุดท้ายจากประสบการณ์ของผมที่ได้ใช้เวลากับเพื่อนๆต่างชาติที่ประเทศไทย ผมมองว่ากำแพงของภาษาและความแตกต่างในวัฒนธรรมเป็นเรื่องที่ควรเรียนรู้เเละทำความเข้าใจให้มาก เพราะถึงแม้ทุกคนจะมาจากอเมริกา แต่พวกเขาเองก็มีหลากหลายเชื้อชาติ มีทั้ง ผิวขาว ผิวสี อินเดีย เอเชีย ตะวันออกกลาง ละติน และอื่นๆอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้เเหละที่ทำให้ผมได้มองเห็นมุมมองที่เเตกต่างของพวกเขา ที่ถึงแม้จะเติบโตในอเมริกาเหมือนกันแต่ละคนก็ยังคงมีวัฒธรรมของครอบครัวตัวเองฝังเเน่นอยู่ มันทำให้ผมเรียนรู้เรื่องของความเเตกต่างของวัฒนธรรมได้มากขึ้นไปอีกขั้น
สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับในโครงการสำหรับผมคือการบอกลากับเพื่อนๆชาวอเมริกันหลังจากที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมา จนถึงจุดหนึ่งผมพยายามบอกตัวเองว่าในโลกนี้มีผู้คนตั้งไม่รู้กี่ร้อยล้านคน มีความเป็นไปได้ในเรื่องต่างๆอีกเป็นอนันต์ มันคงมีเหตุผลสักอย่างที่ทำให้คนจากสองฟากโลกมาเป็นรูมเมทกัน หรือได้มากเจอกันในโครงการนี้ ได้ใช้เวลา ได้เรียนรู้จากกันและกัน ได้เป็นอีกส่วนหนึ่งของความทรงจำของอีกฝ่าย โครงการนี้เป็นประสบการณ์ที่ดีมากอีกอย่างในชีวิตมหาวิทยาลัยของผม นอกจากที่ได้เป็นตัวเเทนของประเทศไทยในการบอกเล่าด้านวัฒนธรรม วิถีชีวิต มุมมองความคิดของคนไทย เเละสร้างมิตรภาพกับผู้คนที่มีพื้นฐานวัฒนธรรมที่ต่างกันเเละเรียนรู้จากพวกเขาเเล้ว ผมยังได้เติบโตขึ้นในด้านทักษะของภาษา มุมมองด้านวัฒนธรรมโดยที่ไม่ต้องไปถึงต่างประเทศและอีกหลายสิ่งที่ผมคงเขียนบรรยายออกมากให้เห็นภาพไม่ได้ ดังนั้นหากมีโอกาสผมก็อยากให้ทุกคนลองมาสมัครในโครงการกันนะครับ ^ ^
สนใจอยากสมัคร?
คุณสมบัติ
- เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น กำลังศึกษาในระดับ ป.ตรี คณะใดก็ได้ เพศหญิงและเพศชาย
- สื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับดี
- เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย ชอบเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ
- ชอบช่วยเหลือและชอบเข้าร่วมกิจกรรม
- สามารถย้ายเข้าหอพักในโครงการได้ทันที หลังผ่านการสัมภาษณ์
***เเต่ละเทอมจะเปิดรับสมัครจำนวนรูมเมทไทยเเตกต่างกันออกไป โดยจะมีเทอม Spring (มกราคม-พฤษภาคม) เเละ Fall (สิงหาคม-ธันวาคม) ต้องเช็คดูด้วยนะครับว่าเทอมนั้นๆจะเปิดรับสมัครรึเปล่า ปกติจะรับสมัครก่อนเริ่มเทอมประมาณ 1 เดือน
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/cieekhonkaen/
สอบถามและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/groups/1801582976540749/
วันทำการวันจันทร์-ศุกร์: 9:00 – 17:00
#กระทู้ที่เเล้ว>> แชร์จากเด็กที่เกียจ (ตอนนี้ก็ยังขี้เกียจ) ที่สู้เพื่อเป้าหมายจนสอบติด
2 ความคิดเห็น
เคยร่วมโครงการนี้เหมือนกันค่ะ แต่ไม่ได้เป็นรูมเมต เป็นครูสอนภาษาไทยให้นักเรียนแลกเปลี่ยน สมัยก่อน (20 ปีที่แล้ว) ที่พักจะเป็นคอนโดตรงหลังมอ จำชื่อคอนโดไม่ได้ละ แหะ ๆ
เเบบนี้ โครงการก็มีมานานเลยนะครับ เพื่อนผมมีเเต่บอกว่าเเกอยู่หอฝรั่งเหรอ มีฝรั่งเต็มไปหมด 55555
555 ยาวนานมากค่ะ เมื่อก่อนออฟฟิศ CIEE จะอยู่ที่ตึก R&D
ขอเทคนิคสอบสัมภาษณ์ให้ผ่านได้มั้ยคะ อยากสมัครจริงๆ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?