คิดพล็อตเรื่องนิยายยังไง?
ตั้งกระทู้ใหม่
Charlie D. Nami
5 ธ.ค. 62 เวลา 20:19 น.
2,852
views
20 ความคิดเห็น
ลืมล็อกอิน5555
แอบงงนิดหนึ่ง ว่าชื่อเรื่องมันมาก่อนพล็อตเรื่องได้ยังไง
ปกติ step ของผมจะเป็นอย่างนี้ครับ
แรงบันดาลใจ —> ตัวละครหลัก -> พล็อตเรื่องคร่าวๆ -> ฉากไฮไลท์ -> ตัวละครเสริมที่มีบทสำคัญหน่อย -> ฉากจบ -> ชื่อเรื่อง -> ฉากเริ่ม —> ฉากและตัวละครประกอบอื่นๆตามสถานการณ์
ส่วนใหญ่ถ้าจะมีปัญหา จะมาตันตรงฉากจบนะครับ ถ้านิยายเรื่องไหนคิดฉากจบไม่ได้ หรือจบได้แต่ไม่ค่อยเข้าท่า ผมจะไม่เอาลงเว็บครับ
ได้ครับ หลายคนก็ทำแบบนี้ คือนึกชื่อเก๋ๆ โดนๆได้ก่อน แล้วค่อยมาคิดพล็อตทีหลัง
ต้องหาแรงบันดาลใจก่อนค่ะ5555 บางครั้งเราก็คิดพล็อตจากชื่อเรื่องเหมือนกัน อ่านของคนอื่นเยอะ ๆ แล้วไอเดียบางอย่าางจะผุดขึ้นมาเอง บางครั้งเราชอบเกิดความคิดที่ว่าทำไมนิยายไม่มีแบบนี้บ้างนะ...แล้วเขียนออกมา
โดยส่วนมากเขาคิดเรื่องได้ แต่คิดชื่อเรื่องลำบากกันอ่ะค่ะ
เนื่องจากชื่อเรื่องเหมือนคำอธิบายถึงบ้านที่คุณจะสร้างโดยมีพล็อตเรื่องเป็นดครงสร้างบ้านน่ะค่ะ
เช่น (ยกตัวอย่างจากของตัวเองแล้วกัน ไม่ต้องคิดเยอะ) นิยายเราชื่อว่า 'ปรารถนามิรู้พ่าย' ซึ่งมาจากประโยคเต็ม ๆ ว่า
‘Love is an irresistible desire to be irresistibly desired.’ -- Robert Frost
'รักคือความปรารถนาไม่รู้พ่าย เพื่อให้ได้เป็นที่ปรารถนาไม่รู้จบ'
ทีนี้คุณต้องการเขียนนิยายแนวไหน สำหรับเราก็คือ แนวรักอีโรติก PWP ย่อมาจาก Porn without Plot ที่แปลว่าแจก Sin แจก Porn พล็อตไม่ต้องมี แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องคิดสตอรี่ค่ะว่า ก่อนเขาจะไปป๊ะเท่งป๊ะกันได้นี่มันต้องจูงมือกันกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางกี่อัน หรือวิ่งข้ามเขากี่ลูก
พล็อตคร่าว ๆ นึกถึงโครงสร้างประโยคก็ได้ ประธาน (กริยาช่วย) กริยา กรรม หรืออาจจะมีคำวิเศษณ์ กิริยาวิเศษณ์ ส่วนขยาย ส่วนเติมเต็มก็ได้
การที่คุณจะใส่ว่า พระ-นาง/นายของคุณ มีอาชีพ อายุ สถานะเช่นไร อันนี้คือประธาน
มีกิริยาช่วย หมายถึง ส่วนเติมเต็มหรือรายละเอียดปลีกย่อยในนิยาย
กิริยาหลัก อันนี้คือจุดประสงค์ของนิยายค่ะ เช่นนิยายรักก็คือ ให้รักกัน หรือจะฆ่ากันตาย
และสุดท้ายกรรมของประโยค สิ่งที่พระ-นาง/นาย ของคุณก่อให้เกิดอะไรหรือผลกระทบอะไร เช่น มีลูก ฆ่ากันตายคนเดียว ตายคู่ หรือถือมีดแทงอีกฝ่ายคาไว้แล้วตัดจบให้ผู้อ่านไปคิดเองว่า จะเป็นอย่างไรต่อค่ะ
ถ้าไม่เข้าใจขออภัย เราปิดบทความที่อธิบายละเอียดไปหมดแล้ว
Discovery writing for the win!!!
ผมใช้วิธีการด้นสดครับ
วิธีการเขียนมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ลองดูก็ไม่เสียหาย หากไม่เวิร์คก็ใช้วิธีอื่นดูครับ
การวางพล็อตไม่จำเป็นเสมอไป(แต่อย่างน้อยก็ต้องรู้ว่ากำลังเขียนเกี่ยวกับอะไร)น่ะครับ
นี่ไม่ใช่แนวคิดที่ผมคิดเอง แต่เป็นแนวคิดที่ได้จากการดู Lecture ของ Brandon Sanderson นักเขียนที่มีผลงานโด่งดังหลายผลงานครับ
ของเรามาชื่อกับนิสัยตัวละคนก่อนเลย แล้วพล็อตคร่าวๆ ก็ค่อยมา จากนั้นชื่อเรื่อง ที่เหลือตามเวรตามกรรมจะคิดออก~
เราเองก็เป็นคนชอบมีชื่อเรื่องก่อน แต่ชื่อเรื่องมักจะสัมพันธ์กับเนื้อหาเลย เช่น "พี่ครับ ผมมารับส่วนบุญ" แค่ชื่อก็รู้แน่ๆ ล่ะว่าจะต้องมีคนและมีผี ลองคิดต่อยอดดูว่า เอ๊ะ ในชื่อเรื่องที่เราคิดได้เนี่ย มันมีอะไรซ่อนเร้นที่เราคิดชื่อนี้ออกมาค่ะ แรงบันดาลใจ สิ่งที่กระตุกให้เราคิดคำนี้ออกมา ทีนี้ก็น่าจะเริ่มมีไอเดีย
แต่ก่อนจะมี Plot สิ่งที่ต้องมาก่อนคือ Theme ค่ะ เพื่อกำหนดทิศทางว่าเราต้องการสื่อหรือบอกเล่าอะไร เป็นแก่นของเรื่อง เรายกตัวอย่างเรื่องที่เขียนล่าสุดแล้วกัน... Theme -> เรื่องของคนกับผีที่ต้องมาเกี่ยวข้องกันแบบขำๆ เล่าเรื่องราวของโลกคู่ขนานอย่างโลกคนเป็นกับโลกคนตาย ต้องการแสดงให้คนรู้สึกว่ามีชีวิตอยู่น่ะมันดีนะ อย่าตายเลย
พอมันมี Theme แล้ว สิ่งที่ควรมีต่อไปถ้าไม่ใช่ Plot (เนื้อเรื่องหลักที่จะพูดถึง) ก็จะเป็นตัวละครค่ะ อย่างใดอย่างหนึ่งก่อนก็ได้ บางคนได้พล็ิอตก่อน แล้วค่อยสร้างตัวละครได้ก็มี ส่วนบางคนสร้างตัวละครขึ้นมาก่อนสักตัวสองตัว และความเป็นตัวละครนั้นจะสร้างปมและเหตุการณ์ตามมาค่ะ ในกรณีเรามีตัวละครและสถานที่ (Setting) บังคับ ปมจุดมุ่งหมายของเรื่องนำพาเหตุการณ์ค่อยตามมาค่ะ พอมีเหตุการณ์เราก็จะนำมาร้อยเรียงเป็นพล็อต เราจะยกตัวอย่างทีละจุดนะ
Character 1 : ชายหนุ่มที่มองเห็นผี และไม่ชอบการเห็นผี มีความฝังใจเรื่องผี อยากให้ผีในบ้านออกไปไวๆ
Character 2 : ผีหนุ่มความจำเสื่อม ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่มาติดอยู่ในบ้านพระเอก และอยากรู้เพื่อจะได้ไปเกิดสักที
Main Setting : บ้าน
ที่นี่จะเห็น"ปม"แล้วนะคะ ตัวละครสองตัวมีความต้องการต่างกัน แต่มีอย่างหนึ่งที่ชัดเจนคือต้องการที่จะให้ตัวผีนั้นออกไป ในเมื่อคนอยากให้อีกผีไป ทางออกของตัวละครนั้นคือการทำให้ผีออกไป ส่วนผีอาศัยประโยชน์จากคนแน่ๆ โดยรอให้อีกฝ่ายช่วย (แต่จะมีข้อแลกเปลี่ยนไหมอีกเรื่อง)
แน่นอนว่าทีเหลือเราจะต้องเริ่มคิดเพิ่มว่าเอ...ผีควรเป็นแบบไหน อะไรจะทำให้ผีติดบ้าน ติดตัวละครอีกตัว ส่วนสำหรับตัวละครอีกตัวเราก็จะต้องเริ่มคิดว่าจะมีวิธีไหนที่จะทำให้ค้นพบว่าผีเป็นใคร นั่นคือการออกแบบเหตุการณ์หรือ Scene แล้วค่ะ และนำเอา Scene ต่างๆ มาต่อกัน เราก็จะได้ Plot ออกมา จริงๆ หากเราทำงานละเอียดกว่านี้ มันจะมีสิ่งที่เรียกว่า Treatment อีก แต่ตอนนี้เอาแค่คิดออกก่อนเนอะ จริงๆ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ ใช้เวลาเรียบเรียงไปค่ะ ของแบบนี้ต้องอาศัยอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์
ของเรามันจะมีฉากบังคับ อันนั้นคือจริตส่วนตัวที่อยากมี หรือคำพูดที่อยากใช้เพิ่มเติม ก็จะต้องเอาส่วนนี้มาคิดว่าจะยัดลงไปยังไงด้วย และถ้าบางทีเราคิดซีนไม่ออก เราจะไปดึงวัตถุดิบจากคลังสมองรกๆ ของเราที่มักจดอะไรที่คิดออกสั้นๆ เอาไว้มาใช้
ไม่รู้ว่าจะช่วยได้เยอะไหมนะคะ เริ่มร้างความรู้เรื่องโครงสร้างวรรณกรรมล่ะ นาทีนี้เลยวรรณxูไปก่อนนะ 555
ป.ล. เผื่อใครสนใจเรื่องที่ยกตัวอย่างค่ะ https://writer.dek-d.com/gil_mirath/writer/view.php?id=1897045
เราได้แรงบันดาลใจ จากแรปเปอร์คนหนึ่ง นาม Rachyo + เพื่อนเราหน้าคล้ายกับแรปเปอร์คนนี้ เลยใส่ลูกเล่นนิยายให้ฉีกแนวเป็นรักแฟนตาซี
ชื่อเรื่อง : เพลิงนิทรา
แนวรักแฟนตาซี เนื้อเรื่องประมาณว่า นิทรา มีเวทมนตร์หลับใหล เมื่อนอนหลับจะย้อนเวลากลับไปในอดีตและปัจจุบัน มีคนที่ชอบอยู่สองคนคือ มนตราและเภตรา หากเลือกใครไม่ได้ คำสาปจะครอบงำนิทราตลอดไป...
Link : https://writer.dek-d.com/NK_Killer/writer/view.php?id=2029064
ดูเป็นตัวอย่างได้ครับ
เอาพล็อตตามชื่อเรื่องเลย เช่น เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา เนื้อหาก็เกี่ยวกับเจ้าหญิงเจ้าชาย จากนั้นพล็อตมันอาจจะมาเองก็ได้ จินตนาการไปเลยว่าอยากให้เป็นแบบไหน สร้างโลกของตัวเองขึ้นมา
คิดแบบง่ายๆดูสิคะ คุณอยากเล่าเรื่องอะไรให้ผู้ชมรับฟังล่ะ และตอนจบจะเป็นแบบไหน
ทางนี้หยิบสิ่งใกล้ตัวและตัวเองเข้าใจ หรือว่าด้วยเรื่องเก่าเอามาตีความใหม่เป็นพล็อตเรื่องค่ะ
เช่นสโนว์ไวท์คู่กับแอปเปิ้ลสีแดงหรือไม่ก็เจ้าชายและจุมพิตถอนคำสาป แต่ถ้าลองคิดมุมต่างล่ะก็... สโนว์ไวท์กับองุ่นไม่ได้หรอ? ถ้าคนที่จุมพิตไม่ใช่เจ้าชายล่ะ จะเกิดความวายปวงอะไรบ้าง?
กันคิดแบบนี้ก็ได้พล็อตเรื่องใหม่ๆเยอะแยะเลยค่ะ และสิ่งที่ยากสุดก็คือการตั้งชื่อค่ะ ฮ่าๆ
พล็อตแบบคุณน่าสนนะคะ
พล็อตที่ของเราส่วนใหญ่ได้มาจากหนังภาพยนตร์หรือการ์ตูนที่เราเคยอ่านผ่านต่อยอดว่าจะเป็นอย่างไร ถ้ารูปแบบการเดินเรื่องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้--ส่วนชื่อเรื่องค่อยมาคิดที่หลังแต่ส่วนใหญ่...คิดไม่ออกเลยใช้ภาษาอังกฤษที่มีความใกล้เคียงกับพล็อตที่สุด (มั้ง)
คุณถนัดนิยายแนวไหนครับ นิยายมันมีหลายแนวครับ ถ้าแนวนี้ชอบและถนัดจะสามารถคิดได้ง่ายขึ้นครับ บางครั้งเราไม่ต้องคิดออริจินอลเองก็ได้ บางครั้งพล๊อตมาจากรอบตัวของเรา เช่น ข่าว รายการทีวี หนัง และ อนิเมะ ซึ่งเราเอาเรื่องของอนิเมะกับหนัง มาคิดดัดแปลงทำใหม่ให้กลายนิยายอริจินของเราเอง อย่างของผมเป็นนิยายแนวแฟนตาซีผจญภัยซึ่งถ้าสังเกตดีๆพล๊อตแนวจะมาจากอนิเมะครับ พล๊อตนั้น25%จากจินตาการของเรา ส่วนที่เหลือมาจากแรงบันดาจใจรอบตัวครับ
นิยายของผมครับ
https://writer.dek-d.com/james794/writer/view.php?id=2006213
มีแรงบันดาลใจก่อนค่ะ อยากแต่งโทนเรื่องแนวไหนแล้วพล็อตจะมาเอง จากนั้นกำหนดตัวละครหลัก นิสัย,อาชีพ สร้างเหตุจูงใจ/ปมขัดแย้งให้ตัวละครต้องมาข้องเกี่ยวกัน สร้างเรื่องราวให้ตัวละครได้ค้นหา แก้ไข ตัดสินใจหรือเอาชนะ โดยเอานิสัยของตัวละครหลักนั่นแหละมาขับเคลื่อนเนื้อเรื่อง หรือจะใส่ตัวละครอื่นมาเป็นตัวแปรให้เรื่องเดินไปอีกสเต็ป หรือเอาปมของตัวละครหลักนั่นแหละมาขัดแย้งให้เรื่องมันน่าติดตามต่อก็ได้ เราก็ไม่ได้เก่งนะแต่คิดว่าพอจะเป็นแนวทางให้ได้บ้าง อิอิ
สำหรับเราชื่อเรื่องนี่มาทีหลังเลยค่ะ
ปกติพล็อตของเรา จะเกิดจากการดูหนัง อ่านนิยาย แล้วไอเดียปิ๊งแว๊บ เกิดเรื่องที่อยากเล่าขึ้นมา อาจจะเป็นประเด็นปัญหาซักอย่างในสังคม หรือฉากพีค ๆ ซักฉากที่เราอยากเขียน แล้วเราค่อยสร้างตัวละครและเรื่องราวจากจุดนั้นค่ะ
ยกตัวอย่าง
== อยากเขียนเรื่องความแตกต่างและการแบ่งแยกของมนุษย์ >> มีคน 2 ประเภทที่แตกต่างกัน เอาเป็นคนธรรมดา กับคนมีพลังพิเศษแล้วกัน >> พระเอกเป็นผู้มีพลังพิเศษ มีปมคือต้องกลายเป็นหนูทดลองทางการทหาร บลาๆ >>> ปมใหญ่ของเรื่อง ต้องคลี่คลายความขัดแย้งของคนสองกลุ่มให้ได้ >> เพิ่มปมย่อย หาพันธมิตรให้พระเอก ออกแบบตัวร้าย บลา ๆ
== อยากเขียนฉากความรักที่เสียสละ >> ออกแบบตัวละคร >>> ฉากที่อยากเขียนมาก ๆ 1 2 3 4 >>> เอามาเชื่อมเป็นเรื่องราว
ส่วนตัวผมก็เริ่มคิดจากชิื่อเรื่องก่อนแล้วก็จะหาแรงบันบาลใจจากนิยายหลายๆเรื่อง หนัง ละคร หรือแม้แต่การ์ตูน การแต่งหรือเขียนนิยายไม่มีข้อกำจัดในแนวเรื่องและความคิด มันขึ้นอยู่ว่าชื่อเรื่องนั้นควรจะเหมาะกับแนวไหน ควรออกมาเป็นยังไง หรือ ควรจะจบแบบไหนดี
บางทีผมก็มีบางตอนที่แต่งไว้แล้วแต่พอไปอ่านอีกทีความคิดที่ดีกว่ามันก็ผุดขึ้นมาเอง
ยังไงก็ขอให้สู้ๆนะครับ ผมเป็นกำลังใจให้
ถ้านึกไม่ออก ก็ให้ตั้งคำถามขึ้นมาว่า "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..."
เช่น จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแฟนสาวมาเที่ยวที่บ้าน แต่จู๋ตัวเองดันกลายเป็นหัวช้างไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ถ้าได้ชื่อเรื่องแล้ว แสดงว่าคุณรู้แล้วว่าเรื่องนี้จะเขียนเกี่ยวกับอะไร
คำถามต่อมาคือ คุณอยากบอกอะไรกับคนอ่าน และจะให้ใครเล่ามันออกมา
ทีนี้ก็จะได้ตัวละครหลักตัวนึงค่ะ แล้วก็ลองนึกดูว่าตัวละครตัวนี้ต้องนิสัยเป็นยังไง ถึงจะเล่าเรื่องที่คุณอยากเล่าได้
พอได้นิสัยแล้ว ก็ลองนึกต่อไปว่า ตัวละครตัวนั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง อดีตแบบไหนที่หล่อหลอมให้เขาเป็นคนแบบนี้ ทีนี้ตัวละครอื่นๆก็จะตามมามากมาย เขาโตขึ้นในโลกแบบไหน สังคมรอบตัวเป็นยังไง พ่อแม่เป็นใคร มีพี่น้องไหม มีเพื่อนเป็นยังไง
พอถึงตรงนี้คุณก็จะได้ "แกนหลักของเรื่อง" "ตัวละครหลัก" "ฉาก/โลก" และ "ตัวละครเสริม"
ค่อยๆใส่ดีเทลลงไปในตัวละครเสริมด้วยหลักเดียวกัน
ทีนี้...เมื่อตัวละครทั้งหลายมีชีวิตขึ้นมา นิยายก็จะเกิดขึ้นเองค่ะ
เคยไปอบรม ได้ยินตำนานแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น มีอยู่ว่า ใต้ดินจะมีปลาดุกตัวใหญ่ตัวหนึ่ง มีคน (เทพ?) หลายคน ถือค้อนคอยทุบหัวปลาดุก ปลาดุกก็จะดิ้นแล้วจะเกิดแผ่นดินไหว ติ๊ต่างว่า สะกิดใจข้อมูลนี้ อยากเอามาเขียนนิยาย (หรือเรื่องสั้น) เอาไงดี แผ่นดินไหวมันมีมานานแล้ว ปลาดุกตัวนี้คงโดนทุบหัวมาเป็นหมื่น แสน ล้าน ครั้ง สมมติว่า ปลาดุกตัวนี้ มิได้เป็นอมตะ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าปลาดุกตัวนี้ตาย ญี่ปุ่นก็จะไม่มีแผ่นดินไหว ประชานเฮฮารื่นเริง ผ่านไปหลายปีจึงรู้ว่าธรรมชาติสร้างไว้ดีแล้ว แผ่นดินไหวทำให้สภาพแวดล้อม แร่ธาตุในดินลงตัว พอไม่มีแผ่นดินไหวจึงเพาะปลูกไม่ได้ ประชาชนแร้นแค้น จึงมีการประชุมระหว่างมนุษย์ กับเทพถือค้อน ว่าต้องหาทางเอาปลาดุกกลับคืนมา จึงมีการตั้งคณะทูตมนุษย์กับเทพ เดินทางไปชมพูทวีป นำปลาดุกชนิดนี้มาไว้ใต้แผ่นดินญี่ปุ่นเพื่อตีหัวสร้างแผ่นดินไหวสืบต่อไป ----
เอาใหม่ คิดให้ตรงข้าม
สมมติว่า ปลาดุกเป็นอมตะ
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคนถือค้อนใจอ่อนไม่อยากทำร้ายปลาดุก มือค้อนก็ต้องหาวิธีให้ปลาดุกดิ้นขยับตัวโดยไม่ใช้ค้อน เนื่องจากเป็นตำนานญี่ปุ่น ก็อาจหามังงะให้ปลาดุกดู หรือเปิด Tokyo Hot ให้ดู หรือไม่ก็สร้างหุ่นยนต์ปลาดุกซะเลย ---- ึคีย์ตรงนี้คือ สมมติว่า.... จะเกิดอะไรขึ้นถ้า.... ลองตั้งคำถามนี้กับสิ่งที่สะดุดใจดู ย้อนกลับไปที่ชื่อเรื่อง ไปได้ชื่อเรื่องมาอย่างไร ได้มาจากไหน ไปสะกิดอะไรเข้า ลองตั้งคำถามหลาย ๆ แบบดู ตัวช่วยที่น่าสนใจ ลองเสิร์ชหาด้วยคำว่า plot idea, writing promt, plot idea generator อะไรพวกนี้ เป็นเว็บไกด์พล็อตเรื่องให้ไปดัดแปลงต่อยอด บางที่ก็แยกหมวดนิยายให้ ลองดูว่าเข้ากับชื่อเรื่องที่ตั้งไว้มั่งไหม หรือเกิดความคิดต่อยอดได้
คิดเผื่อไปนิดหนึ่ง ถ้าได้พล็อตแล้วลองสรุปนิยายของเราว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรให้เหลือประโยคเดียวในรูปแบบ ตัวละครหลัก/จุดประสงค์/อุปสรรคหรือตัวร้าย เช่น - พ่อมดน้อยพยายามป้องกันการคืนสู่อำนาจของพ่อมดศาสตร์มืด - นักศึกษาโบราณคดีสาวหลุดไปในอดีตแล้วต้องการเอาตัวรอดในแผ่่นดินพระนารายณ์ - หนุ่มยากไร้หลงรักสาวสูงศักดิ์บนเรือเดินสมุทรที่กำลังอัปปาง - ครอบครัวต้องการเอาตัวรอดจากสัตว์ประหลาดที่จับเสียงได้
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?