รู้สึกอย่างไร เมื่อคนอ่านด่าตัวละครที่คุณรัก
ตั้งกระทู้ใหม่
ซึ่งหนึ่งในนั้นมีตัวละครที่เรารักมากอยู่หนึ่งตัว ไม่ได้ร้ายกาจแต่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ตัวละครค่อนข้างเทาและเกิดมาเพียบพร้อม รักใครรักมาก แต่ประสบโชคชะตาที่ตาลปัตรจนเผลอทำร้ายคนที่ตัวเองรักโดยไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็สายไปจนไม่เหลือใคร
หลังจากลงนิยายไปแรกๆ กระแสก็ดีมาก (กระแสด่าตัวละครตัวนี้) ซึ่งส่วนตัวเราเองสงสารมาก จนบางทีก็ร้องไห้ ว่าหากเขาเป็นคนจริงๆ คงกลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวไม่เหลือใครเลย คงโดนบูลลี่หนัก ทั้งที่พื้นฐานแล้ว เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
ในฐานะคนสร้างเขาขึ้นมารู้สึกหดหู่มาก ตัวละครตัวนี้ คงถูกสร้างมาเพื่อชูโรงตัวอื่นๆให้เด่นขึ้นจริงๆ ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดเขาเลยสักนิด ถึงแม้ว่าช่วงหลังเขาจะยอมรับผิดทุกอย่างไว้เองทั้งหมด พยายามแก้ตัวในสิ่งที่ผิดพลาด แต่คนอ่านกลับไม่ได้ให้อภัยเขาเหมือนที่เราตั้งใจไว้
เรารู้สึกหน่วงนะ รู้สึกเหมือนกำลังช่วยดึงคนที่จะตกหน้าผาแต่ช่วยไว้ไม่ได้ ต้องปล่อยให้ตกลงไป
อินมากแหละ555 แต่ก็อยากระบาย มีใครเป็นเหมือนกันบ้างคะ
18 ความคิดเห็น
เพราะนักอ่านรู้แค่เนื้อหาเท่าที่ลงให้อ่าน ไม่เหมือนนักเขียนที่รู้ที่มาที่ไปของตัวละครอย่างถ่องแท้ ไม่มีใครผิดใครถูกเพียงแค่รู้ข้อมูลไม่เท่ากัน นักเขียนก็ทำได้แค่อดทนเขียนสร้างซีนเผยเบื้องหลังตัวละครให้คนอ่านเห็นใจ
แต่ถ้าคนอ่านยังไม่เห็นใจก็ต้องย้อนกลับมาดูตัวนักเขียนแล้วว่าถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้เต็มที่จนนักอ่านอินกับสถานการณ์บีบบังคับของตัวร้ายหรือเปล่า ไม่ก็ย้อนกลับมาดูเหตุผลของการกระทำให้ดีว่ามันมีน้ำหนักมาพอจะขอความเห็นใจจากคนอ่านไหม อีกอย่างนึงคือรีแอคความรู้สึกของตัวร้ายต่อสถานการณ์นั้นก็ค่อนข้างสำคัญค่ะ
เห็นด้วยกับความคิดเห็นนี้มากๆ ค่ะ
คิดว่าย้อนกลับมาอ่านแล้ว เจอความจริงอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยคือความบริสุทธิ์ ความกตัญญู เชื่อคนง่าย ไม่หนักแน่นพอจนถูกหลอกค่ะ เพราะไรท์ปูทางให้เป็นแบบนี้ตัวละครจึงถูกด่าว่าโง่ เลว ต่างๆนานา แต่ทุกการกระทำนั้นหากพิจารณาดีๆเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็ถูกตัดสินไปแล้วตั้งแต่ต้น แก้ไขยากค่ะ สถานการณ์แบบนี้
เจอแบบนี้ ถ้าเป็นเรา เราจะเขียนตอนหนึ่งเป็นของ ตลค ตัวนั้นเลย เกลียดนักก็เจอกันสักตั้ง เอาให้นักอ่านที่ด่าๆๆเห็นว่าในความจริง ในชีวิตจนมันก็มีประเภทนี้อยู่ เขามีความคิด เขามีจิตใจ และในฐานะที่เขาเป็นตัวละคร เขามีจิตวิญญาณของเราอยู่ในนั้น ถึงไม่เด่นเท่าพระนาง แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องกลมกล่อม
คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีนะคะ จะลองทำดู แต่หากคนอ่านจะตัดสินแบบเดิม นั่นก็ขึ้นอยู่กับความจริงที่ว่าเราไม่เก่งพอ หรือต้องพึ่งโชคชะตาแล้วล่ะ555
เราก็รัก ตลค ทุกตัว หลายๆตัวของเราก็ดับเหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับบท รึสถานการณ์ในเรื่องที่ต้องช่วยส่งบ้างในหลายๆครั้ง ในความเทาๆของเขา มันก็มีแว๊บหนึ่งที่ขาว สว่างชนิดที่พระเองนางเอกก็ทำไม่ได้ ลองดูค่ะ
ตอนไรท์เขียนฉากที่ตัวละครต้องเห็นคนที่รักที่สุดตายไป บีบหัวใจมากเลยค่ะ เหมือนกำลังฆ่าตัวละครตัวเองแบบที่ไม่ยอมให้ตาย ฆ่าซ้ำๆจนกว่าจะทนไม่ไหว ต้องทำแบบนี้เพื่อชูตัวละครอีกตัวที่เป็นฮีโร่ให้เด่นขึ้น มานึกย้อนอ่านเห็นคนอ่านหลายคนสะใจ ไรท์แทบพูดไม่ออกเหมือนกัน จนถามตัวเองว่านี่เราเขียนอะไรลงไป
ถ้าบทยังจมอยู่แบบนี้ ต้องฆ่าเพื่อให้อีกตัวเด่นแบบนี้เรื่อยๆ คุณก็จะรู้สึกเหมือนเดิม เรื่องหน้าเอาใหม่ค่ะ วางแผนดีๆ
ซัดแง่ง ล้อเล่น
คงแอบดีใจที่คนอ่านอินล่ะค่ะ
เคยกระทั่งพอเขียนจบตอนแล้วลงท้ายว่าเปิดพื้นที่...เชิญด่าได้เต็มที่เลยค่ะ
เรารู้สึกดีใจที่มีคนอิน
เจอค่ะ นี่เจอกับนางเอกเลย ปกติเราจะเขียนตัวละครออกมาให้คนรักตลอด แม้แต่ตัวโกงก็ด้วย
แต่ล่าสุด ลองเปลี่ยนแนวตัวละครดูบ้าง เริ่มมีคนด่า เราก็อืม ทำใจไว้แล้วแหละ แต่มันก็มีบางจุดที่คนอ่านเข้าใจไม่ตรงกับเรา พอเขาด่าปุ๊บ เราก็กลับไปแก้นะ เพราะรู้สึกว่า ถ้าสื่อได้ตรงกับที่เราต้องการสื่อ เขาจะไม่ว่าตัวละครเราแบบนี้ แต่ก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไร เพราะตัวละครเราค่อนข้างซับซ้อนในแง่จิตใจ
ซึ่งเราก็ต้องเข้าใจอีกว่า ไม่ใช่นักอ่านทุกคนที่จะละเอียดอ่อนในทางความรู้สึก แต่เขาก็คือนักอ่านของเรา เราก็ต้องทำใจยอมรับให้ได้
บางทีคนส่วนมากก็มีลักษณะที่ชอบและไม่ชอบร่วมกันอยู่ค่ะ
อ่านคห. เจ้าของกระทู้แล้วเราคิดว่า
คนอ่านมักเกลียดคนโง่ แต่ไม่เกลียดคนเลวค่ะ
เลวแบบฉลาด(+หล่อ เท่ห์) คนรักคนหลง
เลวแบบโง่ โคตรๆ เกลียด
ถ้าดีแต่โง่ล่ะ (แถม+หล่อ+เท่ห์) โดนด่าอยู่ดีค่ะ!
เอวัง...
ชอบความเห็นคุณมากเลยค่ะ เราเองก็โดนเหมือนกันเรื่องตัวละครโง่ไม่โง่เนี่ย 5555 โดยเฉพาะยิ่งเอาประเด็นเป็นคนซื่อหรือขี้สงสารเกินไปใส่ จนต้องแปะตัวแดงหน้านิยายเลยว่าตัวเอกไม่เทพทรู เป็นคนดีและไม่มีนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น พิจารณาก่อนอ่านค่ะ ฮา
คือเราว่าในมุมคนเขียนอย่างเราๆ คำว่า ซื่อ ดี กับ โง่ มันอยู่ใกล้กัน แต่มันก็ไม่เหมือนกัน
แต่พอในมุมคนอ่าน มันเหมือนรีบอ่านรีบตัดสิน พอเห็นคนดีๆ อย่างเช่น ทำอะไรไม่ค่อยเด็ดขาดมัวแต่ห่วงคนนู้นคนนี้ เขาก็สรุปว่า ดี=ซื่อ=โง่ ซึ่งเราว่ามันก็ไม่ใ่ช่ เขาอาจจะฉลาดก็ได้ มันต้องพิจารณาลึกๆ และนานๆ หน่อย แต่ก็นั่นแหละค่ะ เราก็ทำได้แค่เขียนของเราให้ดีที่สุด ส่วนคนอ่านเขาจะคิดยังไงก็คุมไม่ได้อยู่ดี เวลาเจอคอมเม้นท์ด่าก็ ต้องทำใจร่มๆ ตอบกลับด้วยอารมณ์ขัน 5555 ต่อท้ายให้ดูซอฟต์ลง เย้!
โอ้ยยย อยากลุกขึ้นปรบมือดังๆให้ความเห็นนี้เลยค่ะ เรากำลังประสบปัญหานี้อยู่พอดีเลยค่ะ คือตัวเอกที่เป็นคนใจดีถูกมองว่าโง่ แง้ 5555 แต่จริงๆแล้วมันเป็นสถานการณ์ที่ปฏิเสธไม่ได้ เป็นการรักษาน้ำใจ เป็นการทำให้เรื่องราวในตอนนี้ไม่เกิดปัญหา ซึ่งคนอ่านตีความไปแล้วว่าคือความโง่ T T แต่เราก็ต้องยอมรับค่ะว่าบางคนมองต่างกันออกไปจริงๆ หลังจากนี้ก็ต้องระวังในการเลือกสรรคำให้มาก และพยายามใส่รายละเอียดความคิดว่าทำไมถึงต้องทำลงไปเยอะๆเน้นๆ ไม่งั้นคนอ่านที่อ่านผ่านๆรอบเดียวจะจับประเด็นผิด เป็นข้อคิดเตือนใจที่ดีสำหรับคนเขียนเลยค่ะ
คนอ่านยิ่งเยอะความเห็นยิ่งแยะค่ะ เราก็ต้องแยกแยะ ดูว่าอันไหนมันสมเหตุสมผลและควรปรับจริงๆ จะให้ถูกใจ ตรงใจทุกคนไม่ได้หรอก คนอ่านที่ละเอียดลออค่อยๆ อ่าน และเข้าใจตามที่เราต้องการจะสื่อก็มี
ทำเป็นพูดดี เราก็เป็นค่ะ ตามแก้เหมือนกัน ทนไม่ได้ สุดท้ายเป็นไง เขาก็ไม่ได้ชอบมากขึ้นอยู่ดี ถึงได้ช่างมันไปละ 555555
"หากเขาเป็นคนจริงๆ คงกลายเป็นคนที่โดดเดี่ยวไม่เหลือใครเลย คงโดนบูลลี่หนัก ทั้งที่พื้นฐานแล้ว เขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร"
จากคำพูดของคุณ jajung50 ที่คิดสงสารตัวละครนี้ ถ้าเป็นเสือ เสือจะสร้างบทที่มีฉากอย่างที่ว่ามาข้างต้นให้ตัวละครนั้นโดดเดี่ยวจริงๆ (เอาคอมเม้นท์ของนักอ่านมาใส่ในฉากนี้เลยค่ะ) เป็นผลกรรมที่ตัวละครนี้ได้รับ แล้วก็หาบุรุษสักคนหรือเพื่อนสักคนที่มีมุมมองและความคิดอย่างคุณ jajung50 เป็นคนจุดประกายให้คนที่บูลลี่ได้คิด (เอาความคิดของไรท์ใส่เข้าไป) แน่นอนว่าต้องมีการโต้แย้ง ตรงนี้แหละค่ะ ที่จะมีคนที่ยังเกลียดไม่ให้อภัย แต่ก็จะมีคนให้อภัย
แม้จะมีคนให้อภัยและเข้าใจสักคนหนึ่ง ก็ถือว่าตัวละครนี้ไม่เดี่ยวดายแล้วค่ะ กำลังจากเพื่อนที่อยู่เคียงข้างจะช่วยให้ตัวละครนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปค่ะ
ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียวค่ะ จะลองสร้างแบบนี้ดู เอาความจริงมาตีแผ่ บางทีตัวละครใหม่ที่เข้าไปอยู่เคียงข้างเขา อาจจะเป็นตัวไรท์เองก็ได้
อาจจะต้องลองใช้คำนี้
"ลูกของคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน"
คนอื่นไม่รักเขาไม่เป็นไร เรารักเขาก็เพียงพอ
อาจจะต้องลองเผยส่วนที่ทำให้เรารัก
ให้คนอ่านเห็นไปในทิศทางเดียวกับเราดู
เราสร้างตัวละครเพื่อนพระเอกคนนึงออกมาค่ะ ซึ่งพื้นฐานแล้วเป็นคนดี แต่ว่าเค้ามีความคิดบางอย่างที่ต้องการผลักดันคนอื่น เลยต้องกระทำการร้ายกาจออกไป
ซึ่งแน่นอนว่า... โดนด่าหนักมากกกก ค่ะ 5555555
เราซึ่งคิดเนื้อเรื่องทั้งหมดรู้มาก่อนแล้วว่าตัวละครนี้ต้องโดนหนักแน่ๆ แต่เนื้อเรื่องมันบีบบังคับให้เราใบ้คนอ่านไม่ได้ ต้องเขียนไปจนสุดทางถึงจะมีตอนเฉลย ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้น ตัวละครนี้ของเราโดนด่าจนพรุนเลยค่ะ 5555
เอาจริงๆเราก็รักตัวละครนี้เหมือนกันเพราะเรารู้จุดประสงค์เค้า แต่ก็ต้องหาวิธี หาจังหวะให้คนอ่านเปลี่ยนใจมารักเขาให้เหมาะๆดีๆค่ะ
ตอนนี้เราปล่อยตอนเฉลยไปแล้ว เป็นตอนที่เราตั้งใจเขียนมากกก ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดี คนอ่านที่เคยด่ากลายเป็นรักตัวละครนี้และเรียกร้องให้ทำตอนพิเศษสำหรับคนๆนี้โดยเฉพาะ ถึงจะติดเหรียญก็จะจ่าย ดีใจมากๆๆๆเลยค่ะ 555
สู้ๆนะคะ ลองคิดในมุมมองคนอ่านเยอะๆ ช่วยได้จริงๆค่ะ
บางคนก็ด่าแล้วก็จากไปเลยก็มีนะ ไม่กลับมาอ่านเหตุผลของตัวละครเลยสักนิด -*-
555 อันนี้ก็จริงๆเลย ด่าแล้วด่าเลย บางทีจนเรารู้สึกแบบ หน่านี๊!!
มีคนเกลียดก็ย่อมมีคนรัก ตัวละครตัวนั้นมีคนรักคือคุณไงคะ เขาไม่ได้โดดเดี่ยวหรอกค่ะ อย่างน้อยก็มีคุณรักและเข้าใจเขาคนนึง แล้วก็ลองมองแง่ดีว่าคนอ่านด่าตัวละครนั้นก็เพราะอินในเนื้อหาไงคะ ลองปรับตามที่หลายๆ ท่านแนะนำก็ได้ค่ะ น่าสนใจหลายความเห็นเลย
ใช่ค่ะ น่าสนใจหลายมุมมองเลยทีเดียว
ตัวละครที่เรารักก็มีหลายมุม คนอ่านอาจจะมองในมุมที่ไม่ตรงกับคนเขียนได้ด้วยหลายสาเหตุ
ไม่ว่าจะเพราะ แนวคิดไม่เหมือนกัน หรือคนเขียนไม่สามารถถ่ายทอดตัวละครนั้นออกมาได้แบบที่ตัวคิดไว้
ความเห็นต่างพวกนี้ก็คือยา
อยู่ที่คนเขียนจะทำให้มันเป็นยาอะไร
ยาบ้า กินเข้าไปแล้วชักดิ้นชักงอ ลงไปฟาดปากกับนักอ่าน
ยาพิษ กินเข้าไปแล้วดับดิ้นหายไปจากวงการนักเขียน
ยาขม กินเข้าไปแล้วมีประโยชน์ พัฒนาตัวเอง ยอมรับรู้มุมมองใหม่ๆ ไม่ติดอยู่ในความคิดเห็นของตัวเองเพียงด้านเดียว
คุณ จขกท อยากได้ยาอะไรครับ?
ยาบ้านี่ไม่น่าจะใช่ เพราะเป็นคนที่เมินเฉยต่อคอมเม้นต์แรงที่ไม่มีประโยชน์ แต่สนใจคอมเม้นแรงที่ต้องการช่วยเราพัฒนางานจริงๆ ส่วนยาพิษนี่ก็ไม่น่าจะใช่ เพราะยิ่งพิษแรงยิ่งทำให้ทนทานนะ ยาขมนี่ก็น่าจะมีส่วน แต่เหมือนเหตุการณ์นี้จะเป็นการที่เรากินผักขมๆที่มันไม่อร่อยมากกว่า ถามว่ามีประโยชน์ไหม แน่นอนค่ะ ถ้าผ่านจุดนี้ไปได้มันคือที่สุด เลยต้องมองหาวิธีแก้ที่นักเขียนท่านอื่นจัดการกับปัญหานี้อย่างไร เหมือนมีวิธีกินผักขมอย่างไรให้มันกินง่ายมากขึ้นแค่นั้นเอง
คิดว่าเป็นเรื่องปกติ อย่างเราอ่านนิยาย ดูหนังดูละคร ตรงไหนไม่ถูกใจเราก็ติ วิจารณ์ ไปจนดึงอินมากหน่อยก็ด่ามากหน่อย ก็คงไม่ต่างกันถ้าเราอยู่ในฐานะคนเขียนแล้วมีคนชอบหรือไม่ชอบตัวละครที่เราสร้าง ด้วยสตอรี่ที่เราสร้างให้ตัวละครนั้นๆ
เอ่อ แต่บางทีก็มีสะดุ้งบ้างนะ บางคนอินแรงเขาก็ด่าแรง เราก็รู้สึกเหมือนโดนด่าไปด้วย
555 เหมือนถูกด่าเองจริงๆค่ะ บางถ้อยคำรุนแรงมาก แต่เราก็มองว่ามันเป็นเรื่องดีที่คนอ่านอินขนาดนี้ อาจจะมากไป แต่หากมองในมุมมองของคนอ่านที่ไม่ได้สร้างตัวละครขึ้นมาต้องมาเจอกันอะไรแบบนี้มันก็ทำให้อารมณ์ขึ้นเหมือนกัน
มองได้สองอย่าง
คือหนึ่ง เราไม่สามารถควบคุมคำวิจารณ์ของคนอ่านได้ อันนี้เป็นเรื่องปกติที่เป็นกันทั้งโลก ที่ผู้สร้าง ต้องการให้ออกมาอย่างที่ต้องการ แต่คนอ่าน คนดู กลับคิดไปอีกแบบหนึ่ง และเรื่องนี้ก็ซับซ้อน เพราะบางครั้ง หากนิยายหรือเรื่องแต่งดังกล่าว ไปอยู่ในช่วงเวลาหนึ่งในอดีตหรืออนาคต การวิจารณ์ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็ได้
สอง ผู้แต่งวางแผนการเขียนไว้ไม่ดี ต้องยอมรับข้อหนึ่งว่า การแต่งนิยายคืองานศิลปะ ต้องใช้ความคิดความรู้สึกเป็นจำนวนมาก หากเราวางโครงเรื่องไว้ไม่ดี ขาดความต่อเนื่องของอารมณ์ แม้ตอนท้ายเราจะพยายามอย่างมากให้ออกมาดี คนอ่านก็อาจสัมผัสได้อีกแบบก็ได้
แต่โดยส่วนตัว ผมมักจะให้น้ำหนักไปทางคนแต่งมากกว่า เพราะนิยายมันเกิดขึ้นเพราะคนแต่ง ไม่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติ (ที่ยากจะคาดเดา) การที่เราเขียนออกมาแบบใด มันก็จะได้ผลลัพธ์แบบนั้น ที่ผลลัพธ์มันออกมาไม่ได้อย่างหวัง อาจเป็นเพราะเราประมาทไปในหลายจุด ต้องย้อนกลับไปดูว่า ตรงไหนของพล็อต ที่ทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นอย่างที่หวังไว้
อันนี้จริงค่ะ โทษที่ตัวเองก่อนเลยที่ให้อารมณ์ในการแต่งมากไปจนทำให้ไม่ได้ตามเป้าที่วางแผนไว้แต่แรก กลายเป็นผิดพลาดหลายอย่าง จนคนอ่านมองตัวละครในด้านเดียวเกินไป ส่วนตัวพยายามมองให้เป็นบทเรียนค่ะ จะลองเริ่มใหม่ในเรื่องหน้า
มันขึ้นกับการวางปมค่ะ
หากมีเหตุผลมากพอ วางปมมาดี ตอนเฉลยเราจะเห็นใจเขามากค่ะ ไม่ว่าจะร้ายแค่ไหนก็ตาม
// ล่าสุด เซวียหยาง ปรมาจารย์ลัทธิมาร เป็นตัวร้ายที่เราไม่เคยนึกว่าจะเห็นใจได้ ตอนแรกด่ากระจาย แต่สุดท้าย พอเห็นปม ถึงจุดจบจะสมควรกับสิ่งที่เขาทำแล้ว แต่ก็น้ำตาซึมไปเลย
อารมณ์คล้ายเซวียหยางค่ะ แต่นี่ยังไม่ถึงจุดจบคนด่าเพียบ ด่าเสร็จหายไปแล้วไม่รอจุดจบ แง๊!!
ไม่เป็นไรค่ะ ต้องรอตอนเฉลยปมก่อน ถ้าคนที่ยังตามอ่านอยู่เห็นใจเขาได้ก็ถือว่าคุณประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเฉลยแล้วยังโดนด่าอยู่ อาจจะต้องมาพิจารณาว่าปูเรื่องมาดีพอหรือเปล่า
ที่จริง ถ้าจะให้ดี ระหว่างเรื่องคุณควรใส่อะไรลงไปเพื่อกระตุ้นให้คนอ่านเอะใจว่า เอ๊ะ เรื่องมันอาจไม่ใช่อย่างที่คิด แบบนี้ก็จะช่วยได้มากค่ะ
ก็ให้เขาด่าไปสิ
ตัวละครที่ชอบทำตัวโง่ๆจะได้โดนด่าซะบ้าง
ค่อยๆให้คนอ่านรู้จักตัวละครก็น่าจะพอเเล้ว
1.สร้างตัวละครนอก ตัวละครที่ไม่ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ผ่านมา เเละไม่ได้มีความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น มาเจอกับตัวละครตัวนั้นของคุณ เเล้วจากนั้นค่อยเเสดงทัศนคติต่างๆของตัวละครนั้นของคุณ โดยผู้รับฟังคือตัวละครที่เพิ่งสร้างมาใหม่ ซึ่งตัวละครตัวนั้นจะมีความเป็นกลางสูงกว่าตัวละครอื่นๆ ความคิดเห็นเป็นกลาง นั่นจึงจะทำให้คนอ่านได้ฉุกคิดได้
2.ใช้สถานการณ์ สร้างวีรบุรุษ หรือไม่ก็เฉลยปมเเบบพลิกล็อกเเหกโค้ง ว่าจริงๆเเล้วทำไมตัวละครนั้นถึงทำเเบบนั้น ถ้าคำตอบสมเหตุสมผล ก็จะช่วยเปลี่ยนมุมมองคนอ่านได้เเน่นอน
รู้สึกดีนะ แสดงว่าเขาอิน
จริงๆตอนแรกเราไม่เข้าใจ แต่พอมาลองเป็นคนอ่าน
บางครั้งคือเราแซว แต่มันกลายเป็นแรง
เอาง่ายๆคือ มีคนมาอ่าน คนมาเม้น โอเคแล้ว
เราก็แค่แต่งของเราให้มันดีต่อไป ถ้าเขาให้ปรับปรุงอะไร แล้วเห็นว่าดี ก็ทำ
ถ้าคอมเม้นมาบั่นทอน ก็แค่แต่งให้ดีขึ้น
ตั้งใจแต่ง ใส่ใจ ยังไงมันก็เป็นงานของเรา เรามีหน้าที่แต่ง
ส่วนใครจะรักหรือไม่ เป็นสิทธิ์ของเขา ให้นักอ่านเขาตัดสินใจเอา
ที่สำคัญคือมันคือนิยาย ตัวเราอย่าจมลงไป ต้องแยกอารมณ์ด้วย มันไม่ใช่เรื่องจริง
แต่สิ่งที่สื่อสารออกไปให้กับสาธารณะชนเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะเราอาจทำลายหรือส่งเสริมความคิดของคนๆหนึ่งก็ได้
เราต้องระวัง ในฐานะนักเขียน เราต้องคิดให้ดีทุกครั้งก่อนลง
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?