Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เตรียมตัวสอบSATยังไงดี ให้รอบเดียวได้คะแนนดีๆ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีจ้า เราคือdek63นะ เราจะมาแนะนำวิธีการเตรียมตัวสอบSATให้คนที่อยากจะเข้ามหาลัยคณะที่ใช้คะแนนSATในการยื่นนะทั้งในหรือตปท หรือใดๆก็ตามตามจุดประสงค์ของแต่ละคน ^^ คะแนนSAT เราได้ 1350 (math 790, verbal 560) สอบไปเมื่อ 5 oct 2019 นะ สอบSATรอบนี้คือรอบเเรกในชีวิตที่สอบเลย เราใช้เวลาเตรียมเฉลี่ยประมาณ 1เดือนเต็ม (อ่านเอง100%ไม่มีกวดวิชาจากที่ไหนเลยแต่ก็ขอคำแนะนำจากพี่เพจlearning cafeอยู่ตลอด) แต่ใน1เดือนนี้คือช่วงปิดเทอมเดือนกันยายนพอดี คือโรงเรียนเราปิดเทอมไวกว่ารร.อื่นเขา เลยมีเวลาทั้งเดือนกันยายนในการเตรียมสอบเลย ที่ได้1350ไม่ใช่มาฟลุ๊คๆ เราอ่านหนังสือหนักเหมือนกัน พูดได้ว่าเกือบทุกลมหายใจเลย ถ้าไม่ใช่เวลากินข้าว อาบน้ำ คืออ่านหนังสือ& ทำข้อสอบตลอดๆ ไม่ขาดสาย ตื่น7.30 นอน ห้าทุ่มกว่าๆเกือบเที่ยงคืน (ช่วงนั้นเครียดมาก เพราะ เราจะเข้าอินเตอร์ เราเพิ่งมาเปลี่ยนทางจากภาคไทยตอนปลายเดือนพฤษภาคมแล้วตอนนั้นไม่รู้ว่ารอบธันวา คะแนนจะออกทันยื่นไหม ดังนั้นรอบoctจึงเป็นรอบแรกเเละรอบสุดท้ายของเราที่จะมีโอกาสได้สอบ เราตั้งนาฬิกาปลุกตอน8โมงก็จริง แต่ความกังวลทำให้เราตื่นช่วง7.30ตลอดเลย ยิ่งใกล้วันสอบยิ่งตื่นไวขึ้นๆ...บางคนอาจจะนึกว่าดีสิได้อ่านหนังสือมากขึ้น แต่จริงๆมันทรมานนะ เหมือนตื่นมาทั้งๆที่ยังรู้สึกเหนื่อยอ่ะ แต่นอนต่อไม่ได้เเล้วจริงๆ)

 
อย่างเเรกก่อนเลย**สำคัญมากๆ** สำหรับใครที่อยากเข้าเรียนมหาลัยคณะอินเตอร์ของที่ไทยเรา แนะนำให้ไปเข้ากลุ่มFacebook ชื่อ รวมพลคนสอบอินเตอร์ by Learning Cafe
มันเป็นกลุ่มปิดนะ แต่ว่าในนั้นมีเพื่อนๆที่จะเข้าภาคอินเตอร์กันเยอะแยะเลย เราสงสัยอะไรสามารถถามคำถามในนั้นได้ ใครรู้เขาก็จะมาช่วยตอบคำถามเรา บางที่รุ่นพี่ก็มาช่วยตอบคำถามที่น้องๆสงสัยเหมือนกัน ชีวิตในการเข้าภาคอินเตอร์ของน้องจะดีขึ้นเเบบสุดๆไปเลยย นอกจากน้องจะไปถามคำถามที่ตัวเองสงสัยในนี้ได้เเล้ว น้องยังซื้อพวกหนังสือเตรียมสอบSATจากในนี้ในราคาถูกๆได้ด้วยนะ มีท้้งหนังสือมือ1,2คละๆปะปนกันไป
ลิ้งตามนี้เลยนะ ใครสนใจกดขอเข้ากลุ่มได้เลย
---------------------------------------------------
Link: https://www.facebook.com/groups/1669234313171472/?multi_permalinks=2717558071672419&comment_id=2718099151618311&notif_id=1578923315431215&notif_t=feedback_reaction_generic
--------------------------------------------------
 
**พี่ไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องเข้า ตามใจน้องๆเพื่อนๆได้เลย แต่สำหรับเรา เราคิดว่ามันคือกลุ่มที่ดีมากกลุ่มนึง หาน้ำใจใดๆก็ไม่เจอเท่าหาจากกลุ่มนี้ เจ้าของกลุ่มเขาทุ่มเทมากๆนะ ใครอยากปรึกษาอะไรเกี่ยวกะอินเตอร์ เขารู้เกือหมดอ่ะ**


**ต้องพูดก่อนว่าของเรา เราเรียนภาคไทยสายวิทย์คณิตมา เเล้ววิชาคณิตในข้อสอบSATก็ถือว่าไม่ได้ยากมากสำหรับเรา เราพอมีพื้นฐานมาบ้างจากของภาคไทย (เพราะภาคไทยเรียนลึกมากก) ดังนั้น SAT math อีซี่ในระดับนึงเลย จะมีมายากตรงหาพวกสถิติ อะไรประมาณนี้

**อีกเรื่องคือ ทุกคนต้องลองทำข้อสอบSATอย่างน้อยสัก1ครั้งก่อนที่จะมาเตรียมตัวอ่าน ลองทำในเว็บบKhan Academy หมวดข้อสอบSATอ่ะ มันจะมีpracticeให้แก8อัน แกลองทำสักอัน โดยที่แกต้องรู้ว่ากฏการทำข้อสอบSATมีอะไรบ้าง เช่นแต่ละพาร์ทมีกี่ข้อให้เวลากี่นาที จบreadingพัก...นาที แล้วต่อด้วยwriting&math mo cal พัก...นาที แล้วต่อด้วย math with cal เเล้วสอบเสร็จ ลองจับเวลาทำจริง ตั้งใจทำดู ความรู้ก็เอาเท่าที่หัวตัวเองตอนนั้นมีเเหล่ะ คะแนนจะดีไม่ดียังไงก็ช่าง เพราะแก "ยังไม่ได้เตรียมตัว" แล้วแกจะมาคาดหวังอะไรกับคะแนนที่แกไม่ได้เตรียมตัว แกยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าออกข้อสอบเนื้อหาอะไรบ้าง ดังนั้น ขออย่างนึงนะะ คะแนนออกมายังไง อย่าblameตัวเอง เพราะว่ามันคือคะแนนในระยะจุดเริ่มต้นของแก อย่าเอาตรงนี้มาตัดสินว่าตัวเองทำได้หรือไม่ได้นะ pleaseๆๆ
.
หลังจากที่แกลองทำข้อสอบเเล้ว1ชุด แกจะพอเข้าใจว่าโจทย์มันประมาณนี้เหรอ เราทำตรงไหนไม่ทัน เราผิดอะไรยังไง ได้คะแนนพาร์ทไหนเท่าไหร่ๆ (ในkhan academy มันมีบอกเหตุผลว่าทำไมข้อนั้นๆถึงผิดด้วยนะ ถึงแม้จะไม่ละเอียดมาก บางคำถามตอบเหมือนไม่ควรจะเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถูกหรือผิดก็เหอะ5555 แต่บางข้อนางก็อธิบายได้ดี แล้วเราจะกระจ่างนะ) หลังจากรู้เบื้องต้นตัวเองละ ให้แกประเมินตัวเองว่าชอบพาร์ทไหนมากที่สุด ไล่ลำดับมาเเล้วแพลนซะว่าเราจะเอาคะแนนจะพาร์ทอะไรมาสู้บ้าง ของเราเน้นทำคะแนนSAT ด้วย part writing&math ส่วนreadingอาศัยประสบการณ์ทั้งหมดที่มี(ซึ่งน้อยนิดมากเพราะไม่ค่อยชอบอ่าน 5555) มาช่วยเสริมคะแนน (ถ้าถามว่าเราทำreadingทันไหม ตอบเลยว่าไม่เคยทัน ต้องมั่วอยู่แทบทุกครั้งไปมั่วเป็นพรืด ไม่มีทริคในการมั่ว ใช้ใจนำทางonly 555)
 

 
หลังจากที่ทุกคนเข้ากลุ่มแล้วก็ลองทำตามที่เราเเนะนำเเล้ว ต่อมาก็เราจะมาเเนะนำหนังสือที่เราว่า มันสำคัญเเละจำเป็นสำหรับเพื่อนๆน้องๆที่จะต้องอ่านกันนะ แบบเป็นหนังสือขั้นพื้นฐานเลยที่ทุกคนควรอ่าน ห้ามพลาดเด็ดขาด หลักๆจะมีอยู่สองเล่มด้วยกันนะ
Image result for sat math panda
1)    SAT MATH PANDA - สำคัญมากในการเตรียมตัวขั้นพื้นฐานใน SAT MATH
เล่มนี้จะเป็นหนังสือที่หนาปึ้กๆเลย คือหนามาก เเต่เนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์ดี อย่างเราตอนจะสอบSATเราปูพื้นฐานตัวเองอีกรอบด้วยหนังสือเล่มนี้เลย อ่านย้ำอีกรอบทั้งเล่มสัก1สัปดาห์ก่อนสอบ แนะนำว่า กรุณาอ่านทุกข้อความทุกตัวอักษรนะ keywordที่สำคัญและจำเป็นก็ ไฮไลท์ไว้ด้วย เข้าใจเลยล่ะว่าเนื้อหามันเยอะมาก! ตัวอักษรรัวๆ มีพวกสมการแทรกนิดหน่อยเอง เราเป็นคนไม่ชอบตัวอักษรเยอะๆเหมือนกัน เราเลยแก้ปัญหาโดยการเอาไฮไลท์มาขีดๆคำที่เราว่าสำคัญ ปย.ที่ในเล่มมันทำตัวหนาเเล้ว เราก็ขีดไฮไลท์สีไปอีก เวลาเปิดดูแบบเร่งรัด เราจะได้อ่านเเต่เนื้อมากขึ้น พวกน้ำๆที่เกริ่นก็จะได้ข้ามๆไป ทำให้อ่านทวนก่อนสอบไวขึ้นเยอะ แต่ถ้าอ่านรอบเเรก แนะนำว่า อ่านทุกตัวนะ ถ้าพยายามอ่านข้ามๆ รีบ มันจะทำให้แกพลาดอะไรบางอย่างสำคัญๆไปก็ได้

HOW TO ทำ math ให้ได้คะแนนดีๆ - สำหรับเรา mathของSAT ง่ายกว่าข้อสอบไทยเยอะมาก จงภูมิใจซะว่าแกโชคดีที่ได้สอบข้อสอบที่มันง่ายกว่าของไทยมาก ไม่ต้องดริฟ อินทิเกรตให้ปวดหัว ดังนั้น
     (1)ทุ่มเทหมั่นทำโจทย์ให้เยอะนะ ข้อสอบSAT math มันจะไม่ยาก แต่แค่หลอกแกให้ดูเหมือนยาก มันจะมีทริคในการทำโจทย์หลายแบบ **มันเยอะหลายแนวมาก แนะนำให้ไปลองของwarwick institude ที่เขาเเนะแนวhow to ได้ sat math 800 ที่มันติวฟรีอ่ะ เห็นว่ามีอยู่เรื่อยๆนะ ลองลงชื่อเรียนดู แกจะได้ทริคมาเยอะมาก ซึ่งทุกทริค จัดว่าเด็ด**
exทริค1.                                                  2x^2 + 30x + 100
which of the following is equivalent to the expression above?
A) (2x+2)(x+50)
B) (2x+5)(x+20)
C) 2(x+10)(X+5)
HOW TOทำ
 สำหรับหลายคนที่แยกตัวประกอบไม่เก่งก็ตาเเตกเลยใช่มะ คงจะรู้สึกว่าใช้เวลาเยอะเป็นแน่เเท้ในการจะเเก้ข้อนี้เนี่ย บางคนจะแก้ด้วยการอึดถึกทน 'ชั้นจะแยกตัวประกอบ' ก็ตามใจ แต่วิธีที่ง่ายกว่านั้นคือ หาค่าxอะไรก็ได้มาแทนเข้าไป เลขง่ายๆ ไม่ต้องอะไรซับซ้อนเลย เช่น แทน x=1 แทนในโจทย์ และในช้อย ข้อไหนที่คำตอบออกมาเหมือนกันก็คือข้อนั้นล่ะ จากโจทย์นั้น เมื่อแทนx=1มันจะเท่ากับ132 แกแทนx=1 ในข้อ A,B,C จะได้ 204,147,132 ดังนั้น รู้เเล้วใช่มะ ว่าคำตอบคือ ข้อ C ดีๆนี่เองงง ช่วยลดระยะเวลาไปตั้งเยอะ ยัดค่าง่ายๆเข้าไป ค่าอะไรก็ได้ จะ0ก็ได้
       (2) จำให้ได้ว่าตัวแปรในสมการแต่ละอันคืออะไร ยกตัวอย่างเช่น
สมการ y=mx+c แกต้องรู้ว่า y= คำตอบของสมการเมื่อเเทนx เป็นค่าใดๆ
                                     m=ความชัน มันคือ ค่าy/x ดีๆนี่เองล่ะ
                                     c= y-intercept หรือ จุดตัดแกน y คือ เมื่อ x=0  y จะมีค่าเท่าไหร่ในสมการนั้นๆ

สมมติถ้าเขาให้สมการรูปแบบนี้มาเลย เช่น y=2x-5
แกต้องเกทเลยว่า m=2, c=-5 ถ้าโจทยข้อนั้นให้เทียบกับกราฟว่าสมการนี้คือกราฟเส้นใด ดูก่อนเลยว่าช้อยไหนที่เส้นกราฟตัดแกนyที่ตำเเหน่ง-5 บ้าง(เอามาจากค่า c) อย่างงี้เป็นต้น มันจะช่วยลดระยะเวลาแกมากๆ
(3) รู้คำศัพท์เฉพาะของคณิตศาสตร์: โจทย์มันมีคำศัพท์เฉพาะทางของมันอยู่ละ เช่น hypotenuse คืออะไร, adjacent คืออะไร, reciprocal คืออะไร ต้องรู้นะ คำศัพท์พวกนี้เจอได้ในSAT math pandaนี่เเหล่ะ ถึงบอกว่าเล่มนี้ปูพื้ฐานให้ทุกคนหมดเเล้ว

Image result for hypotenuseImage result for reciprocal

 
OK? ไปต่อละนะ
 
Related image
               2) SAT GRAMMAR ERICA - สำคัญมากในการเตรียมตัวขั้นพื้นฐานของพาร์ท writing 
พาร์ทwriting เหมือนการทำgrammarภาษาอังกฤษในภาคไทยที่เราทำ แต่มันก็ง่ายกว่าของภาคไทยเยอะเลยสำหรับเรานะ ข้อสอบSAT writingก็มีทริคในการทำเหมือนกัน หัวใจสำคัญคือการที่แกจับจุดได้ว่าโจทย์ข้อนี้ทำลังจะtestแกเรื่องอะไร เรื่องแต่ละเรื่องที่ข้อสอบพาร์ทwritingจะทดสอบ หลักๆมีเขียนอยู่ในหนังสือเล่มนี้หมดเเล้ว เขาจะเเบ่งหัวข้อทที่โจทย์จะเทสให้อ่านเลย เริ่มแรกคือต้องอ่านเนื้อหา หรืออ่านหลักgrammarให้ได้ก่อน จำให้ได้ว่าแบบไหนถูกแบบไหนผิด เช่น he,she,it ตามด้วย is,was,has อะไรแบบนี้ ทุกๆหัวข้อที่เขาสอน จะมีข้อสอบให้หลายข้ออยู่ เพื่อให้แกฝึกสิ่งที่แกอ่านมาก่อนหน้านี้ อ่านเรียงหน้าไปเลย ไม่ต้องมาอ่านเนื้อหาก่อน ข้ามบฝห. ค่อยกลับมาทำทีเดียว ส่วนตัวเราคิดว่าวิธีนี้มันจะทำให้แกลืมเนื้อหาที่แกอ่านมาก่อน เพราะหลักgrammarก็มีไม่ใช่น้อยเลย จงอ่านแล้วทำโจทย์ตามลำดับซะ เขาคิดมาดีเเล้วที่ให้ทำแบบนี้ พออ่านหมด ทำโจทย์หมดทุกหัวข้อ ท้ายสุดจะมีpracticeของพาร์ทwritingมาเลยยย ก็เอาความรู้ทั้งหมดที่อ่านมามาใช้ซะ หลักสำคัญคือพออ่านโจทย์ อ่านช้อย ต้องพอจะรู้ให้ได้ว่าเขากำลังจะทดสอบอะไร มันจะทำให้แกดึงความรู้มาตัดสินใจตอบคำตอบได้ถูกต้องและง่ายขึ้น ไวขึ้นด้วย
ex.ทริค2 
A) a trip of dangerous sort
B) a trip whose nature was dangerous
C)  a trip that was dangerous in itself
D)  a dangerous trip
 รู้ไหมว่าเขากำลังทดสอบเรื่องอะไร ???
คำตอบ หลัก shorter is better ไงล่ะ ใครอ่านerica เล่มนี้ต้องรู้แล้วนะ มันดูง่ายสุดๆเเล้ว
 
ใครยังงงๆ ลองสังเกตแต่ละช้อยนะ ทุกช้อยพูดว่ามันdangerous หมดเลย แต่บางอันก็สั้น บางอันก็ยาว เอาอันไหนดีล่ะ บางทีสำหรับคนที่เคยทำข้อสอบวิชาอังกฤษภาคไทยจะชินใช่มะ ยาวกว่าย่อมดีกว่าเสมอ 5555 แต่ในข้อสอบภาษาอังกฤษ สั้นกระชับ is the best ดังนั้น คำตอบจึงเป็นข้อ D นะ ดู make senseสุดแล้ว

**หนังสือเล่มนี้มันดีจริงๆนะ เข้าใจล่ะ ตัวอักษรมาเป็นพรืดมากกว่าSat mathอีก แต่ยังไงก็ ไฮไลท์ ตัวสำคัญๆไว้นะจ้า หลักสำคัญ หรือสิ่งที่แกอยากเน้นย้ำเพราะลืมบ่อย ก็ขีดๆไป (อย่าขีดไปขีดมาแล้วสรุปว่าขีดทั้งหน้านะ ไม่เอาๆ5555)

หลักในการทำ part writing
ของเราเวลาเราทำข้อสอเราจะอ่านโจทย์ก่อนว่ามันอยู่ตรงไหน เเล้วไปอ่านช้อยเพื่อดูว่ามันทดสอบเรื่องอะไรอยู่ อย่างถ้าเป็น ตัวอย่างทริค2 ไม่ต้องอ่านบริบทรอบข้างก็ตอบได้อย่างไว ว่าต้องตอบข้อD แล้วก็ฉลุยไปข้อต่อไปเลย แต่ถ้าโจทย์ถามประมาณว่า อันไหนควรเป็น topic sentence เราจะอ่านปย.ถัดๆมาอย่างรวดเร็วเท่าที่จะทำได้แล้วตอบ (เร็วเเล้วต้องเข้าใจด้วยนะ ใช้speedที่เราต้องเข้าใจด้วย ถ้าอ่านไวเเล้วไม่เกทจะอ่านไปทำไมม เสียเวลาอีกต่างหาก ถ้าตัวเองเป็นคนอ่านช้า ค่อยๆฝึก เราก็อ่านช้าเหมือนกัน ทำไปเรื่อยๆมันจะดีขึ้น) ส่วนถ้าเจอโจทย์เเบบทดสอบเรื่องหลักgrammar แนะนำให้ทด Sบนตัวประธานของปย., S'บนตัวรองประธานของปย(พวกประธานในปย.ขยายไรงี้, Vบนกริยา, V'บนรองกริยา, วงเล็บ() ใช้ตอนที่มันเริ่มประโยคขยาย เช่น
                                                          S  V          S'    V'
I know (that you love me)
เราจะเขียนแบบนี้ตลอดเลย เพื่อจะได้รู้ว่า สมมติถ้าโจทย์ถามหาช่องว่างที่หายไป แกจะได้รู้ว่าช่องว่างที่ขาด คือ SหรือVแล้วเป็น S/Vจริงๆ หรือ S'/V' แกจะได้ใส่คำตอบได้ถูกว่า(สมมติ)นี่คือช่องว่า V แท้ ซึ่งประธานคือตัวนี้ ดังนั้นต้องใช้ประธานเอกพจน์ แบบนี้เป็นต้น

ส่วนพาร์ท reading เป็นทักษะของแต่ละคนจริงๆ ใครอ่านได้ไว เข้าใจไวก็ดีเหมือนกัน แต่สำหรับเรา เราทำตามคำแนะนำของคนที่เคยแนะนำอ่ะนะ ก็คือ ดูว่า ตัวเองถนัดอ่านเรื่องแนวไหน  ให้ลองทำโจทย์ในpracticeของ khan academy ที่บอกนั่นแหล่ะ นอกจากpracticeหลักๆเต็ม3พาร์ท 8ชุด มันมีpractice ย่อยๆด้วยนะ ให้ไปลองทำจากตรงนั้นก่อน มันจะมีบอกอยู่ ของreadingอังกฤษว่าอันนี้คือpassage literature, social science, science หรืออะไรก็ตาม ลองทำดูแล้วก็ลิสไว้ว่าตัวเองถนัดpassageแนวไหนมากสุด(คือแนวที่แกทำได้คะแนนดีที่สุด) เวลาไปสอบจริงๆก็เปิดๆไล่ๆอ่านคร่าวๆดูว่าpassageไหนคืออันที่ตัวเองชอบ แล้วทำซะ!

เรื่องvocab ของreading หรือ writing เราไม่ได้ซีเรียสนะ คำศัพท์มีล้านเเปด จำไม่ได้หมดหรอก แต่ก็มีท่องๆไปบ้างเผื่อได้ใช้ ถ้าเราไม่รู้ว่าคำนี้หมายความว่าไง ก็เดาๆเอาเลยนะ เราเดาเอาอ่ะ
 
***หลังจากที่แกอ่านทั้งสองเล่มเรียบร้อยเเล้ว ให้ทำpracticeใน khan academyต่อ อีก 7อันที่เหลือ อย่างเรา เราทำวันละ1practice แล้วหลังจากทำเสร็จไปฝึกย่อย  ใน khan academyต่อ ทำไปเรื่อยๆวนไปเลย 
เราทำแบบนี้แทบทุกวันเลยก่อนจะถึง 5 oct คือ หนักพอสมควร***

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น
อย่าเอาเราเปรียบเทียบกะตัวแกนะ คือพื้นฐาน ความชำนาญ ของเเต่ละคนไม่เท่ากัน
อันนี้คือวิธีที่เราทำไป แล้วมาแนะแนวเป็นแนวทางให้ได้ลอง เผื่อใครสนใจจะลองไปใช้เเล้วได้ผล
เเละที่สำคัญคือ ดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่าหักโหมเกินไป ป่วยตอนสอบคือ ที่เตรียมมาเหมือนพังทลายอ่ะ เราไม่อยากให้พวกเเกพลาดเพราะสิ่งนี้นะ นอนพักผ่อนให้เพียงพอด้วย(ถ้าเป็นไปได้)

สุดท้ายนี้  สู้ๆนะทุกคน
13/1/2563 - วันที่เขียน
เขียนโดย - ซีทะเล

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

Ctalae 19 ก.พ. 63 เวลา 12:06 น. 2-1

part reading ยอมรับเหมือนกันค่ะว่าเราก็ทำไม่ค่อยได้ 5555 สิ่งที่เราอยากแนะนำตามที่เขียนในบทความช่วงท้ายๆก็คือ เราต้องรู้ว่า ตัวเองถนัดอ่านเรื่องแนวไหน passageแบบไหนที่ทำโจทย์เเล้วอ่านเข้าใจ ทำคะแนนได้ดี อย่างของเราเรารู้สึกว่า เราอ่านแบบliterature พอจะเข้าใจ เพราะเหมือนอ่านนิทานพาร์ทนึงของเรื่อง สิ่งที่ยากคือการทำความเข้าใจว่าพาร์ทนั้นๆตัวละครกำลังทำอะไรอยู่, social science, กับ science ก็เป็นอีกสองtopicที่เราพอจะทำได้ มันจะออกเป็นการทดลองนิดนึง เราต้องเข้าใจให้ได้ว่า เขากำลังทดลองเรื่องอะไร ต้องการจะกล่าวอะไรในบทความ เช่น 1.ไม่เห็นด้วยกับคนที่เคยทดลองtopicนี้มาก่อนหน้านี้ 2.เห็นด้วย 3.ต่อยอดการทดลองจากในอดีต บลาๆๆ


***สำคัญของการอ่าน reading คือ ต้องรู้ว่า 'ใคร ทำอะไร เพราะอะไร' โจทย์จะถามอะไรที่ไม่ละเลยไปจากนี้ ***

***พาร์ท vocab ที่มีอยู่ในreading passage ก็ตามประสบการณ์ที่สั่งสมมา ถ้าไม่รู้ก็เอาตามที่ใจอยากตอบ เพราะไม่รู้ก็คือไม่รู้น่ะแหล่ะ 5555***

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Ctalae 5 มี.ค. 63 เวลา 11:15 น. 2-4

ยินดีค่ะ ขอช่องทางการติดต่อหน่อยค่ะ เดี๋ยวจะทักไปหาค่ะ


0
dom9914 16 ม.ค. 63 เวลา 03:04 น. 3

ช่างเป็นการคราฟกระทู้แรกที่อลังการงานสร้างมากๆเจ้า (มันสวยกว่ากระทู้แอดเองจริงๆนะ 55555555) จงแพร่วิชาให้รุ่นน้องๆต่อไปเถิด วงการ SAT จะดีขึ้นถ้าพวกเราไม่กั๊กความรู้ ไม่กั๊กวิชากันล่ะ ^^ #ไปลุยในคณะให้สนุก //แอดdomในอวตารเด็กดี

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

เว็บไซต์ Dek-D.com ขอสงวนสิทธิ์ในการงด โพสต์ข้อความซื้อ/ขาย/แลกเปลี่ยน/โฆษณา สินค้าทุกชนิดในเว็บบอร์ด เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนผู้ใช้งานท่านอื่น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ซื้อขาย / แลกเปลี่ยน คอร์สกวดวิชา กรุณาไปที่ www.dek-d.com/education/tutorcenter