Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เล่าเรื่องคณะ GSSE ม.ธรรมศาสตร์ และการพัฒนาของเด็ก Introvert

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

วิทยาลัยโลกคดีศึกษา สาขาโลกคดีศึกษาและการประกอบการเพื่อสังคม (GSSE)

วิทยาลัยนานาชาติที่ต้องการสร้างผู้นำสำหรับศตวรรษที่ 21 ที่กำลังโตขึ้นและเป็นที่สนใจมากขึ้น

สำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่มีไฟแรงในการแก้ปัญหาสังคมในระดับประเทศและนานาชาติ
 

สวัสดีครับน้องๆทุกคน หลังจาก Open House ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อเดือนที่ผ่านมา น้องๆหลายคนคงจะสะดุดตาเห็นป้ายชื่อ “วิทยาลัยโลกคดีศึกษา” และก็คงมีคำถามว่า เอ๊ะ คณะนี้คืออะไรเอ่ย กระทู้นี้ก็จะเป็นอีกกระทู้นึงจากเด็ก GSSE ที่เราจะขอเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ตั้งแต่วันที่เลือก GSSE รวมถึงสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ท้าทายในช่วงที่ผ่านมาครับ

ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนเลย เราชื่อ “ไอซ์” ตอนนี้ก็เรียนอยู่ GSSE ชั้นปีที่ 3 มธ. ศูนย์รังสิตครับ เราเป็น Introvert ไม่ค่อยกล้าพูด พูดถึงตอนช่วงม.ปลายจะชัดเจนมาก จะไม่ค่อยมีตัวตนในสังคมภายนอก พยายามหลีกเลี่ยงคน กลัวแสงแดด 555

ช่วงม.ปลาย เราเป็นเด็กติดเกมคนนึงที่ไม่ค่อยสนอะไรเลย ใช้เวลาว่าง 70-80% กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเลือกทางเดินต่อหลังมัธยมสักเท่าไหร่ แต่รู้ว่าอยากเข้าธรรมศาสตร์ตั้งแต่วัยเด็กครับ เราไม่ได้รู้จัก มธ สักเท่าไหร่นะ แค่อยากเข้าเพราะชอบจากชื่อเฉยๆครับ ไม่มีเหตุผลอื่นจริงๆ

อย่าว่าแต่รู้จัก GSSE มั้ยเลย เรายังไม่รู้เลยว่าตัวเลือกมีอะไรบ้าง พอมาช่วงสิ้นปีนั้นเราถึงมานั่งดูตัวเลือก ตอนนั้นแผนคร่าวๆคือเรียนนิติหรือสถาปัตย์ แต่ไม่ได้มีพื้นฐานมาก่อนนะครับ แค่อยากเข้าเพราะดูมั่นคงและใช้ความ ‘คิดมาก’ (ตอนนั้นสิ่งเดียวที่มั่นใจว่าเรามีเยอะคือการคิดมาก 5555) คือช่วงนั้นค่อนข้างยับเยินครับ ในหัวมีแต่เรื่องเกมตลอดเลย

รู้จัก GSSE เพราะเพื่อนมาบอกต่อครับ ตอนนั้นจับกลุ่มช่วยกันดิ้นรนสอบเข้ามหาลัย และเราก็ตัดสินใจเลือก GSSE เพราะชอบคอนเซ็ปต์ครับ ตอนนั้นที่สามารถรับรู้ได้เกี่ยวกับ GSSE คือเราเรียนเกี่ยวกับปัญหาสังคม เรียนเพื่อพัฒนาโลก จริงๆมันดูกว้างและไม่แน่นอน พ่อกับแม่มีคำถามมากมาย 5555 เราก็ตอบได้บ้างไม่ได้บ้าง เพราะเราก็ไม่ได้เข้าใจ GSSE มากขนาดนั้น แต่เราคิดว่า GSSE มีบางอย่างตรึงความสนใจเราไว้ อย่างการเรียนการสอนที่เป็นภาษาอังกฤษล้วน เราเชื่อว่าเป็นสิ่งสำคัญในอนาคตมากๆครับ และอีกอย่างที่ตรึงความสนใจคือเราเป็นคนคิดมาก จินตนาการเยอะพอควร เราเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยมีโมเม้นความคิดประมาณนี้บ้าง..

เอ่อ ถ้าสิ่งนี้มันมีจริง เป็นไปได้จริง ก็คงดีเนอะ แต่เราจะมีความรู้ความกระตือรือร้นมากพอที่จะทำสิ่งนี้จริงๆหรอ ถ้ามันเป็นไปได้จริง มันก็คงมีมาก่อนแล้วอะเนอะ คนอื่นเก่งกว่าเราตั้งเยอะ

...และในตอนนั้นเราเชื่อว่า GSSE เป็นเวทีที่ยอมรับความหลากหลาย ความแปลกใหม่ มากพอที่จะรองรับความคิดเรื่อยเปื่อยของเราได้ล่ะเนอะ 5555 

พ่อแม่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้เราลองดูครับ 555 เพราะหากเราไม่เลือกคณะนี้ พ่อแม่ก็ตอบให้เราไม่ได้ว่าเราจะเรียนอะไร ตัวเราเองตอบได้ดีที่สุดครับ แต่เราต้องทำให้พ่อแม่มั่นใจว่าเราแน่วแน่กับสิ่งที่เราเลือกจริงๆ

สิ่งที่ทำให้เราตื่นเต้นจริงๆในช่วงนั้นคือการสอบเข้าครับ เพราะว่า GSSE ให้ความสำคัญกับตัวเรามากกว่าตัวเลขบนกระดาษสอบของเรา เค้าอยากรู้ว่าเรามีแนวคิดอย่างไร มีความหวังในเรื่องอะไร ดั้งนั้นการสอบสัมภาษณ์กับการเขียนเรียงความจะเป็นโอกาสที่เราถ่ายทอดความคิดของเราให้ GSSE รับรู้ได้ และที่สำคัญก็คือจะไม่มีเกณฑ์ถูกผิดครับ ดังนั้นการเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุดคือสิ่งสำคัญสำหรับ GSSE ครับ ตอนนั้นเราเลยคิดว่า GSSE จะเป็นที่ที่เราสามารถเรียนเพื่อต่อยอดความคิดตัวเองได้ 

ขอข้ามจากวันที่ได้รับข้อความจาก GSSE ว่าเราได้รับการคัดเลือก มาถึงวันนี้เลยนะครับก็คือเปิดเทอม 2 ของปี 3 แล้ว 55555 ดูเหมือนจะนาน แต่มันก็แค่ 2 ปีกว่าเองเนอะ แต่สิ่งที่เราได้รับในเวลาสั้นๆนี้ เราสามารถพูดได้เต็มปากว่าเราเปลี่ยนไปเยอะครับ และภูมิใจในทิศทางที่ตัวเองเปลี่ยนไปมาก สำหรับน้องๆที่อยากรู้เกี่ยวกับหลักสูตร GSSE หรือสิ่งที่เด็ก GSSE ทำกัน เราแนะนำให้อ่านกระทู้ที่เพื่อนๆพี่ๆและน้องๆ GSSE เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ครับ 


“แนะนำวิทยาลัยโลกคดีศึกษา หรือ School Of Global Studies แบบจัดเต็ม!”
“รีวิวคณะใหม่ธรรมศาสตร์ GSSE”
“เป็นเด็ก GSSE มา 1 ปีต้องเรียนอะไรบ้าง ไปดูกัน"

“(รีวิว) ประสบการณ์ฝึกงานกับ UN ของเด็ก มธ. ปี 2”
"
Have FUN ที่ซานฟรานฯ กับโครงการ Exploring Social Innovation ของ เด็ก GSSE ม.ธรรมศาสตร์"

 

(GSSE Student Award ช่วยเสริมพลังและแรงบันดาลให้นักศึกษาโลกคดี)

ภายในเวลาเพียง 2 ปี GSSE ได้มอบหลายๆอย่างให้กับเรา เราเขียนไม่หมดแน่นอน มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นมากมายครับ แต่เราขอ Highlight สิ่งที่เราชอบใน GSSE นะครับ

การเรียนการสอน - การเรียนแบบ Active Learning ทำให้เรามีความกระตือรือร้นในการทำความเข้าใจเนื้อหาที่เราเรียน เราได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนและอาจารย์ ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และได้นึกถึงสิ่งที่เราอาจไม่เคยคิดมาก่อน การเรียนแบบนี้เพิ่มความหลายหลายของมุมมองและแนวคิดต่อสิ่งต่างๆครับ ทำให้เราเปิดรับสิ่งใหม่ๆมากขึ้นด้วยครับ จำนวนนักศึกษาก็พอดีสำหรับอาจารย์ ทุกคนจึงมีส่วนร่วมในห้องเรียนเสมอครับ อีกอย่างที่เราชอบมากๆคือที่เราพูดถึงก่อนหน้านี้ครับ คือการเรียนจะไม่ค่อยมีการวัดความถูกความผิด แต่จะเป็นการระดมหลายๆความคิดจากนักศึกษา ดังนั้นเด็ก GSSE จะเป็นเด็กที่กล้าเสนอความคิด และกล้าตั้งคำถามในสิ่งที่ตัวเองไม่เข้าใจครับ เป็นสิ่งที่สนับสนุนการเรียนรู้ของนักศึกษามากๆ 

ทักษะและแนวคิด - GSSE เป็นหลักสูตรที่มีเป้าหมายในการสร้างเยาวชนที่พร้อมจะเป็นผู้นำในอนาคต เราจะเรียนเกี่ยวกับหลายๆอย่าง สมมุติถ้าถามนักศึกษา GSSE ว่าเรียนอะไร เค้าอาจจะตอบว่า เรียนทุกอย่าง ซึ่งมันก็แปลกแต่จริงครับ เราเรียนหลายๆอย่าง สร้างพื้นฐานที่ดีและนำไปต่อยอดเป้าหมายส่วนตัวได้ เราเรียนเกี่ยวกับ การสื่อสารเชิงโน้มน้าว การวิเคราห์ข้อมูล การระดมไอเดียนวัตกรรม หรือถ้าให้เป็นรายวิชาเฉพาะก็จะเป็น ปรัชญา จิตวิทยา การบริหารจัดการ เศรษฐศาสตร์ กระแสนวัตกรรมระดับภูมิภาคและทั่วโลก มันคือการเรียนเพื่อให้เราเป็นพลโลก (Global Citizen) ที่มีบทบาทในทุกด้านๆครับ จะฝึกให้เราตั้งคำถามเยอะๆ และให้คำตอบที่แน่นอนสำหรับสิ่งที่เรากำลังทำและจะทำในอนาคต นึกถึงคนที่ได้รับผลประโยชน์และผลกระทบจากสิ่งที่เราทำ รวมไปจนถึงความสามารถในการต่อยอดสิ่งที่เราทำและความยั่งยืนของสิ่งที่เราได้ทำครับ

(TU Zero Waste Market อีเว้นท์ตลาดที่เด็ก GSSE และกลุ่มนักศึกษาจากคณะอื่นช่วยกันทำเองเลย 555)
 

สภาพแวดล้อมและสังคม - GSSE เป็นสังคมที่หลากหลายครับ มีเด็กไฟแรงจากหลายๆภูมิภาค หลายประเทศ หลายวัฒนธรรม มีมุมมองที่เหมือนกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง แต่ทุกคนมีความตั้งใจในสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ว่าจะเป็นงานต่างๆในคณะ นอกคณะ มีจุดเด่นที่ตัวเองมั่นใจไม่ว่าจะแสดงออกมามากน้อยแค่ไหนก็ตาม เราสามารถพูดได้ว่าเพื่อนๆแต่ละคนมีความเก่ง และนำความแตกต่างมาเติมสังคมนี้ในรั้วมหาวิทยาลัย สังคม GSSE จึงเป็นสังคมที่พร้อมจะยกระดับตัวเราขึ้นให้เป็นคนที่ดีและรอบรู้ครับ คนที่มีขาดความมั่นใจ ขาดความกล้า ก็ค่อยๆสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง คนที่เก่งอยู่แล้ว ก็จะเก่งในแบบที่เป็นประโยชน์และเป็นที่ยอมรับในวงกว้างครับ ทั้งนี้ก็รวมไปถึงชีวิตประจำวันด้วย เราจะมีความรับผิดชอบในหลายๆด้าน ต่อทั้งตัวเราเอง เพื่อน และงาน

(Run2GetherXThammasat2019 มินิมาราธอน โปรเจคที่น้องๆปี 1 ทำร่วมกับกล่องดินสอและ SGS ยังมีน้องกล่มอื่นที่ทำโปรเจคเพื่อสังคมอีกมากมาย เมื่อเทอมที่แล้วครับ ยอดเยี่ยมไปเลยย!)

2 ปีในรั้วมหาลัย ก็มีสิ่งที่ท้าทายและทดสอบตัวเราครับ อย่างเรื่องการปรับตัว สำหรับเราที่เป็นคนไม่เอาไหน ติดเกม ชอบหลีกเลี่ยงความอึดอัดและความกดดัน มันค่อนข้างยากที่จะปรับตัวให้รอดในรั้วมหาลัย รั้วมหาลัยไม่ใช่สิ่งน่ากลัวครับ แต่เราจะต้องรู้จักตัวเอง ต้องมีความรับผิดชอบ สำหรับงานและโปรเจคใน GSSE ด้วยความที่ GSSE เราเรียนหลายอย่าง ใช้หลายๆทักษะผสมผสานกัน ก็จะมีความซับซ้อน มีจำนวนมาก โดยส่วนตัวเราก็ไม่ได้เก่งที่จะรับมืออะไรแบบนั้นมาก่อนครับ แต่การสนับสนุนจากเพื่อนๆและอาจารย์ ทำให้เราปรับตัวโตขึ้นสอดคล้องกับบริบทชีวิตที่ต้องการความเข้มแข็งและความรับผิดชอบที่มากขึ้น ถ้าให้เราพูดในตอนนี้ ก็มีบ่นบ้างครับ งานเยอะ 555 อย่างเทอมล่าสุดอะเยอะมาก ถุงตาห้อยเลยครับ แต่คือมันก็ไม่ใช่สิ่งที่มากดไหล่ของเราไว้ครับ มันเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญ สิ่งที่เป็นการทดสอบตัวเอง เป็นแรงผลักดันตัวเองครับ เราจะมองว่าผลักดันมากกว่ากดดันครับ

เด็ก GSSE จบไปทำงานอะไร? คำตอบของคำถามนี้ก็จะเหมือนคำตอบของ “GSSE เรียนอะไร” เลยครับ ก็คือ ไม่รู้จะเป็นอะไร กับ เป็นได้ทุกอย่าง แต่ถ้าจะตอบพ่อแม่นะครับ  เราสามารถเลือกได้ตามรูปแบบต่างๆ จะทำงานองค์กรระดับโลกก็ได้ จะเปิดธุรกิจเพื่อสังคมของตัวเองก็ได้ จะเป็นผู้นำโครงการพัฒนาชุมชน หรือจะเป็นสิ่งที่เราอยากเป็นตั้งแต่วัยเด็กก็ได้อีกครับ สิ่งที่เราอยากบอกให้รู้ก็คือ GSSE เสริมความสามารถในการเรียนรู้ การตั้งคำถามให้กับตัวเราเองครับ หากเราจะไปเรียนวิชาชีพอื่น เราจะเรียนได้ละเอียดมากขึ้น เราจะเข้าใจมากขึ้น ประกอบการตัดสินใจตัวเองในอนาคต แต่ไม่ว่าเราจะเป็นอะไร ก็มั่นใจได้เลยว่าเราพลิกแพลงสิ่งที่เราทำเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคม ไม่มากก็น้อยครับ

ย้อนไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน มีทางเดินข้างหน้าเรามากมาย เราไม่รู้ว่าเลือกทางเดินไหนแล้วจะไปเจออะไร เราไม่กล้าก้าวไปเพราะกลัวที่จะถอยกลับมาไม่ได้ ในตอนนี้เราก็ยังไม่แน่ใจว่าจะไปทางไหน แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือจากที่เรารู้สึกสับสนกดดัน เรารู้สึกตื่นเต้นในการหาทางเลือกต่อไปมากขึ้น ทางที่เราเป็นคนเลือกเอง และเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์ทางลือกของเรา

(Border Health Summer Course โครงการฤดูร้อนของอาจารย์จาก SGS ร่วมกับ UCEAP โฮสต์นักศึกษาจาก University of California มาลงพื้นที่ศึกษาเกี่ยวกับ Public Health)

เราเปรียบเปรยตัวเราในตอนนั้นเป็นจุดเล็กๆ และมีทางตรงหน้ามากมายให้เราเลือกเดินครับ เรานิยาม GSSE เป็นหลักสูตรที่ไม่ได้กำหนดทางให้เราเลือก แต่เป็นสิ่งที่ขยายจุดเล็กๆที่เป็นตัวเรานั้นให้กว้างขึ้นครอบคลุมทุกทาง เราไม่ต้องมาคาดเดาว่าจะเจออะไรในทางต่างๆ แต่เรามาค้นหาตัวเรา เข้าใจตัวเราให้มากๆ และต่อไปเราสามารถเลือกได้เองในอนาคตว่าจะไปให้ความสำคัญกับทางไหน เราคิดว่าไม่มีใครทำหน้าที่เลือกทางให้เรานอกจากตัวเราเองและตัวเราเท่านั้นครับ และเราคิดว่ายิ่งเราฝืนตอบว่าเราจะไปทำอะไร โดยที่เรายังไม่รู้จักตัวเองมากพอนั้น มันเป็นการปิดกั้นตัวเลือกเราในอนาคตครับ แต่เราก็เข้าใจในเรื่องความแน่นอน เรื่องแบบนี้ก็คงต้องมีความแน่นอนระดับนึงเนอะ เราแค่คิดว่าสิ่งที่เราจะทำได้ดีที่สุดคือสิ่งที่เรากำลังทำอยู่แล้ว หากเรากำลังเรียนอยู่ สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือการเรียนรู้ต่อไปครับ และ GSSE เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเรียนรู้เกี่ยวกับโลก เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและหาจุดที่ตัวเองสามารถเข้าไปมีบทบาทที่สำคัญได้ครับ

ตราบใดที่โลกเรายังมีปัญหาสังคมมากมาย มีพื้นที่รองรับแนวคิดดีๆแปลกใหม่ เด็ก GSSE ทุกคนก็จะมีเป้าหมายต่อไป

หากน้องๆสนใจ GSSE อยากรู้จักโลกคดีให้มากขึ้น สามารถติดต่อผ่านเพจ Facebook ของวิทยาลัยโลกคดีศึกษาได้เลยครับ หรือ เข้าเว็บไซต์ทางการ www.sgs.tu.ac.th หรือ แอดมาคุยเรื่องคณะนี้กันได้เช่นกันครับ LINE ID: suta.icezy 
 

เจอกันที่ GSSE ม.ธรรมศาสตร์นะครับ :D


แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

introvertwold 17 ม.ค. 63 เวลา 19:13 น. 1

ขอถามอะไรหน่อยครับ มันเกี่ยวกับพวกเก็บตัวยังไงครับ ผมไม่รู้สึกว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหนเลยครับ

1
Introvert 29 เม.ย. 63 เวลา 01:01 น. 1-1

ประมาณว่าสังคมการเรียนทำให้น้องเขากล้าแสดงออกไรงี้รึเปล่าคะ

0