5 สิ่งที่เอกไทย มก. ต่างจากที่อื่น !!
น้อง ๆ หลายคนคงสงสัยใช่ไหมว่า เอกไทย ม.เกษตร แตกต่างจากเอกไทยของม.อื่นอย่างไร และหลักสูตรของเอกไทย ม.เกษตร มีจุดเด่นอะไรบ้าง วันนี้พี่ปันนาและพี่พาทีจะมาตอบข้อสงสัยให้น้อง ๆ เองจ้าาา
ขอเกริ่นก่อนว่า ปัจจุบัน เอกไทย ม.เกษตร ของเรา ใช้หลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทย (ฉบับปรับปรุง) พ.ศ. 2559 ซึ่งมีการปรับปรุงและเพิ่มรายวิชาที่ทันสมัยและเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนมากขึ้น ทำให้มีการ "แบ่งสายการเรียนออกเป็น 2 สายตามความถนัดและความสนใจของผู้เรียน" นั่นก็คือ
สายวิชาการ เน้นศึกษาหลักภาษาไทย ทฤษฎีทางภาษาศาสตร์ และภาษาไทยในบริบทต่าง ๆ เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพในแวดวงวิชาการ เช่น ครู อาจารย์ นักวิชาการ และนักพิสูจน์อักษร เป็นต้น สายวิชาชีพ เน้นฝึกทักษะการสื่อสารภาษาไทย ทั้งฟัง พูด อ่าน เขียน เรียนรู้และวิเคราะห์การใช้ภาษาในสื่อที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสื่อโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อวิทยุและโทรทัศน์ สื่ออินเทอร์เน็ต เพื่อประยุกต์ใช้ในการประกอบอาชีพต่าง ๆ ในอนาคต เช่น นักข่าว บรรณาธิการ คอลัมน์นิสต์ หรือ Content Creator เป็นต้น
วิชาที่สอนภาษาศาสตร์ เช่น วิชาวัจนปฏิบัติศาสตร์ภาษาไทยเบื้องต้น วิชาภาษาไทยถิ่น วิชาภาษาระดับข้อความในภาษาไทยเบื้องต้น และวิชาภาษาไทยในวัฒนธรรมประชานิยม ซึ่งวิชาสุดท้ายนี้ไม่ได้มีเรียนแค่ในห้องเรียนเท่านั้นนะ น้อง ๆ จะได้ออกไปเรียนนอกสถานที่เพื่อสังเกตการใช้ภาษาของผู้คนในปัจจุบัน แถมยังเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้อภิปรายหัวข้อที่ตนสนใจอย่างกว้างขวางเชียวล่ะ วิชาที่สอนทักษะการใช้ภาษา เช่น วิชาการใช้ภาษาไทยในสื่ออินเทอร์เน็ต วิชาการใช้ภาษาไทยในงานโฆษณาและประชาสัมพันธ์ วิชาการใช้ภาษาไทยเพื่อสื่อสารทางธุรกิจ และวิชาการพูดเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ บอกเลยว่าวิชานี้น้อง ๆ จะได้ฝึกพูดพิธีกรในสถานการณ์ต่าง ๆ ทั้งงานพิธีการและงานรื่นเริง เช่น งานวันภาษาไทยแห่งชาติ งานประกวดอ่านออกเสียงร้อยแก้วภาษาไทย สำหรับนิสิตนักศึกษาชาวต่างประเทศ งานเฉลิมพระชนมพรรษา งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส และงานคอนเสิร์ต นอกจากนี้ น้อง ๆ ยังได้ลงมือปฏิบัติจริงด้วยการเขียนบทวิทยุเพื่อนำไปลงเสียงออกอากาศที่สถานีวิทยุ มก. อีกด้วยนะ
รู้หรือเปล่า? เอกไทย ม.เกษตร ไม่ได้เรียนแค่ภาษาไทยเท่านั้นนะ แต่ยังเปิดโอกาสให้น้อง ๆ ได้เลือกเรียนวิชานอกสาขาตามความสนใจของตนเอง ซึ่งวิชานอกสาขาที่รุ่นพี่นิยมเลือกกันก็จะมีดังนี้
กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี กลุ่มวิชามนุษยศาสตร์ เช่น นวัตกรรมการท่องเที่ยว นิเทศศาสตร์ กลุ่มวิชาศึกษาศาสตร์ กลุ่มวิชาสังคมศาสตร์ กลุ่มวิชาบริหารธุรกิจ 
เมื่อน้อง ๆ เรียนจบปีสามแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนต้องทำในช่วงเวลาปิดเทอมก่อนจะขึ้นปีสี่ คือ "การฝึกงานตามที่หลักสูตรกำหนด" ซึ่งจะต้องฝึกงานไม่ต่ำกว่า 400 ชั่วโมง โดยน้อง ๆ สามารถเลือกฝึกงานได้ตามอาชีพที่ตนสนใจ เช่น ครู นักวรรณศิลป์ นักพิสูจน์อักษร นักข่าว Content Creator และ Account Executive เป็นต้น
พี่ปันนาและพี่พาทีรับประกันว่า น้อง ๆ จะได้ใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาตลอด 3 ปี ในการฝึกงานครั้งนี้แน่นอน และที่สำคัญน้อง ๆ จะได้เรียนรู้การทำงานในสายงานที่ตนสนใจ ทั้งยังได้ลงสนามฝึกปฏิบัติจริง ซึ่งจะทำให้น้อง ๆ ได้รู้จักตนเองมากขึ้น เรียกได้ว่า เวลา 400 ชั่วโมง หรือเป็นเวลากว่า 2 เดือนนี้ จะทำให้น้อง ๆ ได้รับประสบการณ์ที่มีคุณค่ามาก ๆ เลย
หลังจากที่น้อง ๆ เลือกสายการเรียนตามความถนัดและความสนใจเมื่อตอนปี 3 แล้ว ในปีสุดท้ายของการเรียน น้อง ๆ ก็จะต้องใช้ความรู้ตลอด 4 ปีเพื่อสร้างเป็นผลงานวิจัยและผลงานสร้างสรรค์
โดยน้อง ๆ ที่เลือกเรียนสายวิชาการก็จะต้องวิเคราะห์และวิจัยการใช้ภาษาไทยในบริบทต่าง ๆ ที่ตนเองสนใจ เพื่อสร้างเป็นผลงานวิจัย เช่น
งานวิจัยกลวิธีทางภาษาที่ใช้เพื่อให้คำปรึกษาปัญหาความรักในรายการ "พุธทอล์ค พุธโทร"
งานวิจัยที่ศึกษาและวิเคราะห์บริบทและการใช้ภาษาในการสร้างอารมณ์ขันของ "พี่เอก Heartrocker"
ส่วนน้อง ๆ ที่เลือกเรียนสายวิชาชีพก็จะต้องนำทักษะทางภาษาไทยมาประยุกต์ใช้เพื่อผลิตเป็นผลงานสร้างสรรค์ เช่น
นวนิยาย ที่จะปลุกความเป็นเกษตรในตัวคุณ "กลิ่นก่อนวันเก่า"
หนังสือภาพแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใน ม.เกษตร "เที่ยวตามใจในม.เกษตร"
วันนี้พี่ปันนาและพี่พาทีไปก่อนนะ กดดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์นี้เลย >> https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=2764828780244257&id=728306123896543
แล้วมาเจอกันใหม่ในกระทู้หน้า สัญญาว่าจะนำความรู้ดี ๆ มาฝากน้อง ๆ แน่นอนนน อดใจรอกันก่อนนะ ~
แสดงความคิดเห็น