สอบ SAT ด้วยตัวเองได้ 1460 ในครั้งแรก
สวัสดีค่า ก็จะมาเล่าประสบการณ์สอบ SAT ของตัวเองนะค้า เป็นการอ่านด้วยตัวเองเลยประมาณเดือนกว่าๆ สอบรอบ Oct 2019 นะคะ ได้คะแนนรวม 1460 เลข 800 อังกฤษ 660 ยื่นนิติมธ.อินเตอร์หรือ LL.B. ไปนะคะ ก็จะมาเล่าวิธีที่ตัวเองใช้ติวรวมไปถึงหนงสือต่างๆที่ใช้และเทคนิคที่มีนะคะ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่มาเขียนอะไรยาวๆแบบนี้เลย ถ้ามีอะไรผิดพลาดตรงไหนยังไงก็ขออภัยไว้ด้วย ณ ที่นี้เลยนะคะ
พื้นฐานภาษาอังกฤษ
ก็ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่าเป็นคนที่มีพื้นฐานภาษาอังกฤษพอสมควร เรียน EP มาตั้งแต่เล็กๆ ตอนมัธยมก็อยู่ในห้องกิ้ฟอิ้ง สามารถคุยกับชาวต่างชาติได้ เคยเรียน SAT คอร์สนึงเพราะเพื่อนชวนไปเรียนประมาณ 32 ชั่วโมงช่วงปิดเทอม.3 แต่พอจะสอบจริงไม่มีเวลาลงเรียนและคิดว่าน่าจะพออ่านเองได้เลยตัดสินใจอ่านเอง แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าพื้นฐานแบบน้ีไม่ได้ช่วยในการทำข้อสอบ SAT มากนะคะ เพราะถึงพูดคุยได้อ่านได้แต่ไปเจอ passage ของ SAT ครั้งแรกก็มึนตึ้บอยู่เหมือนกัน ส่วนแกรมม่าก็ผิดถูกไม่รู้ พื้นฐานไม่ได้แน่น ตอนไปทำไรตติ้งก็เหมือนเจเริ่มจาก 0 เหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นคนที่ไม่มีพื้นฐานเลยก็ไม่ใช่ว่าจะได้คะแนนเยอะไม่ได้นะคะ ข้อสอบ SAT เป็นข้อสอบที่ออกแพทเทิร์นซ้ำค่ะ ถ้าเราเข้าใจมันจับทางมันได้ก็จะทำได้ไม่ยากค่า
การเตรียมตัวก่อนติว
ทำไมก่อนจะติวต้องมีการเตรียมตัวด้วย5555555 อันนี้คือเราหมายถึงแบบ หลังจากที่เราตัดสินใจสอบ SAT เราก็ทำการหาข้อมูลของมันก่อนค่ะว่ามีอะไรบ้าง สอบอะไร ส่วนใหญ่คืออ่านกระทู้พวกนี้แหละค่ะ อ่านประสบการณ์ เทคนิคของคนอื่น ทำให้เรามีแรงบันดาลใจและได้วิธีการอ่านที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็เลยเป็นส่วนนึงที่อยากเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะรู้สึกว่ามันอาจเป็นประโยชน์กับคนอื่นได้ และแหล่งการหาข้อมูลสอบอินเตอร์ที่ดีที่สุดแบบคนที่จะสอบอินเตอร์ไม่รู้จักไม่ได้คือ เพจ Learning Cafe และ กลุ่มรวมพลคนสอบอินเตอร์ ของเพจค่ะ เป็นแหล่งรวบรวมคนที่จะสอบข้อสอบอินเตอร์ต่างๆทั้ง SAT, IELTS, GED, BMAT มีการแลกเปลี่ยนความเห็ฯ ให้คำปรึกษากัน ขายหนังสือ บอกข่าวสารกัน และมีแอดมินที่เก่งมากๆและน่ารักใจดีมากๆคอยตอบคำถามของทุกคนอยู่ตลอดด้วยค่ะ ต้องขอบคุณมากๆมา ณ ที่นี้ด้วยเลยนะคะ ถ้าไม่ได้เพจนี้ก็คงทำไม่ได้ขนาดนี้จริงๆ
หลังจากได้ข้อมูลคร่าวๆแล้วก็มาวางแผนคร่าวว่าจะต้องติวอะไรบ้าง จะทำยังไงให้ทันในเวลาที่มีประมาณเดือนกว่า สิ่งที่เราคิดไว้คร่าวๆก็คือทำแยกเรื่องทั้งไรติ่ง รีดดิ่ง และเลข แล้วจึงค่อยลุยโจทย์ไปเรื่อยๆ ก็เลยเริ่มหาหนังสือแนะนำค่ะ ซึ่งก็ได้จากเพจ Learning Cafe นี่แหละ แล้วก็หาซื้อมือ 2 จากในเพจเลย มีอะไรบ้างจะไปบอกตามขั้นตอนการอ่านนะคะ
ภาพรวมการเตรียมตัวอ่าน
เราเริ่มติวถ้าจำไม่ผิดคือช่วงหลังสอบกลางภาคของโรงเรียนค่ะ ประมาณเดือนกันยา ช่วงนั้นเรามีกิจกรรมที่โรงเรียนที่มีซ้อมเยอะมาก คือช่วงเปิดเทอมวันธรรมดาก็มีซ้อมหลังเลิกเรียนถึงทุ่ม+++ เสาร์อาทิตย์ก็ซ้อมเกือบทั้งวันอล้วแต่อาทิตย์ ปิดเทอมก็มีซ้อมเต็มวันบ้างครึ่งวันบ้างแล้วแต่วันค่ะ แต่ปิดเทอมไม่กี่วันก็สอบแล้ว ส่วนใหญ่เลยต้องตั้งใจตอนเปิดเทอม มันก็ต้องตั้งใจไม่หน่อยเลย คือกลับถึงบ้านแระมาณ 2-3ทุ่มก็ต้องรีบอาบน้ำทำการบ้านของโรงเรียนให้เสร็จแล้วจึงเริ่มอ่าน ส่วนใหญ่จะพยายามนอนด่อนเที่ยงคืน ส่วนช่วงปิดเทอมซ้อมสายหน่อยก็จะอ่านถึงเป็นตีเลยบ้าง
การเตรียมตัวเราให้ 2 แหล่งควบคู่กันไปคืออ่านในหนังสือและ Khan Academy หนังสือคือค่อยๆทำไปให้จบทีละเล่ม ส่วน Khan Acaedmy คือพอเราล็อกอินเข้าปเค้าจะมีถามว่าเราจะสอบวันไหน จะอ่านวันไหนบ้าง วันละกี่นาที เราก็ใส่เป้าหมายของเราเข้าไป ถ้าจำไม่ผิดเราลงไปประมาณว่าทำ 2ทุ่ม-2ทุ่มครึ่งทุกวนั้น มันก็จะมีเมลเด้งมาทุกวัน แต่ละวันมันก็จะเตรียมแบบฝึกหัดมาให้ โฟกัสแต่ละเรื่อง เช่น Subject-verb agreement ของไรตติ้ง, การจับใจความสำหรับรีดดิ้ง, เลขยกกำลังสำหรับเลข และก็จะมีแถบพลังแสดงความเก่งของเราในด้านต่างๆ ทำให้เรารู้ว่าเรายังอ่อนกสิลไหน ต้องฝึกสกิลไหนให้มาก
สรุป อ่านวันละครึ่งชั่วโมง-2ชั่วโมงแล้วแต่ความเหนื่อย เวลา การบ้านโรงเรียน ทุกวันคือจะทำ
-
Khan Academy ตามที่เค้ากำหนดให้(ที่เรากำหนดไว้ตั้งแต่แรก)ให้เสร็จ ถ้ายังรู้สึกสนุกอยากทำต่อก็ทำต่อไปเรื่อยๆ โดย Khan Academy จะเป็นการสุ่มมาให้ทำทุกแบบทุกวัน ไม่เหมือนหนังสือที่ทำไปทีละเรื่อง
-
ทำในหนังสืออีก 1-2 บท ตามที่ไหวและเวลาที่มี
-
ท่องศัพท์โดยการหาศัพท์ที่ใช้บ่อยมาส่ในแอพ Quizlet และเล่นตอนไปตอนอยู่บนรถไฟฟ้ากลับบ้าน
-
จับเวลาทำข้อสอบจริงในเล่มหนาของ College Board ที่มี 8 ชุดหาวันที่ว่างๆ ทำห่างๆกันเพื่อดูพัฒนาการตัวเอง ดูว่าข้อที่ผิดเป็นเรื่องอะไรผิดเพราะไม่เข้าใจหรือแค่ไม่รอบคอบ แล้วกลับไปย้ำเรื่องที่ผิดให้แม่น
ขั้นตอนการอ่านหนังสือ+หนังสือที่ใช้
-
แยกเรื่อง Writing
ใช้เป็นเล่มนี้ของ College Panda เป็นแยกสกิลไรตติ้งที่เราต้องรู้และเข้าใจทีละเรื่องอธิบ่ายเข้าใจง่าย มีแบบฝึกหัดให้ทำทุกบท มีเฉลยเข้าใจง่าย ทำไปเรื่อยๆจนจบเล่มก็จะเข้าใจข้อสอบไรติ่ง รู้ว่าจะเจอโจทย์แบบไหนบ้างและจะรับมือกับโจทย์แต่ละแบบยังไง เพราะข้อสอบ SAT มักจะมีแต่โจทย์แบบเดิมๆทดสอบเพื่องงเดิม ถ้าเราสามารถรู้ได้ว่าโจทย์แบบนี้ทดสอบเรื่องอะไร ต้องรับมือกับมันยังไง เราก็จะทำได้ แนะนำให้พยายามฝึกสกิลไรตติ้งให้แข็ง ทำให้ได้เยอะๆ เพราะมันได้คะแนนง่ายกว่ารีดดิ้งมากกกและมันทำให้พื้นฐานภาษาอังกฤษของเราแน่นขึ้นด้วย
-
แยกเรื่อง Reading
เล่มนี้ก็จะสอนวิธีการทำข้อสอบรีดดิ้งไปเรื่อยไม่ เริ่มจากจุดเล็กๆไปยังภาพรวม สอนทักษาะหลายอย่างที่ต้องใช้ มีแบบฝึกหัดให้ทำ ก็ทำไปเรื่อยๆจนจบก็จะพอเข้าใจข้อสอบรีดดิ้ง รู้ว่าแต่ละคำถามต้องทำยังไง แต่ก็จะไม่ได้กระจ่างขนาดไรตติ้ง(สำหรับตัวเรานะ) ยังต้องฝึกทำไปเรื่อยๆเยอะๆ
***ระหว่างนี้คือทำ Khan Academy อยู่ตลอด ก็จะได้ลองทำเรื่องที่ยังไม่เจอในหนังสือ***
-
ติวเลข
เล่มนี้ดีมาก มีเป็นข้อสอบ 10 ชุด มีเฉลยละเอียดทุกข้อพร้อมบอกว่าแต่ละข้อคือเรื่องอะไร ตอนแรกเราก็ทำเล่มนี้ไปชุดนึงแล้วดูว่าข้อที่ผิดเป็นเรื่องอะไรบ้าง แล้วไปฝึกทำแยกเรื่องในเล่มต่อไป
ใช้เล่มนี้ทำเรื่องที่ไม่แม่นและไม่เข้าใจ เราไม่ได้ทำทุกบทเพราะจริงๆก็มีพื้นฐานเลขอยู่แล้วเพราะอยู่สายศิลป์คำนวณ เลยทำแค่เรื่องที่ทำไม่ได้จริงๆและฝึกความแม่นยำ เล่มนี้ก็จะมีสอน มีแบบฝึกหัด เทคนิคและมีเฉลยให้
-
หาเทคนิคเพิ่มเติมในแต่ละเรื่อง
เราอ่านหนังสือนี้แต่แบบไม่มีละเอียดมาก ในหนังสือนี้มันก็จะมีเทคนิคต่างๆเพื่อทำให้การสอบง่ายข้ึน มี Drills ให้เป็นเหมือนแบบฝึกหัดเพื่อฝึกสกิลต่างๆเพิ่มอีก แต่คิดว่าถ้าใครไม่มีเวลาก็ไม่ต้องอ่านก็ได้
-
ลุยข้อสอบจริง
เราไม่ได้ซื้อหนังสือรวมข้อสอบอะไรงี้มาเลยแล้วถึงตอนนั้นมันก็ใกล้สอบมากๆๆแล้วเลยไม่ได้ซื้อเพิ่มพอทำในหนังสือต่างๆที่มีเสร็จก็ทำข้อสอบใน Khan Academy เยอะๆเลยในส่วนของ Verbal ส่วนเลขทำใน 10 practices ของแพนด้า ทำไปเรื่อง ดูว่าผิดตรงไหนแล้วก็แก้ไปเรื่อยๆ
เทคนิคการทำข้อสอบ อันนี้คือเป็นเทคนิคที่หาได้ในหนังสือเลยนะแต่เราเอามาสรุปให้ที่คิดว่าสำคัญๆแต่จริงๆมีที่เป็นประโยชน์ในหนังสืออีกเยอะเลย
Reading
-
จัดลำดับความถนัดของตัวเองว่าถนัดอ่าน passage ประเภทไหนสุดจากมากไปน้อยเช่นของเราก็คือ Social science>>Science>>Fiction>>History เริ่มทำจากอันที่ทำได้ที่สุด ทำให้เต็มที่ เทคไทม์กับมัน ทำส่วนที่ทำได้ให้ได้เยอะที่สุด รีดดิ้งคือข้ามเรื่องที่เราไม่ถนัดไปเลย ทิ้งดิ่งไปเลยก็ได้ *มันเป็นหนึ่งในเทคนิคในเล่ม Cracking เรียกว่า letter of the day (LOTD) เค้าให้กาคำตอบเดียวกันทุกครั้งที่เจอข้อที่ทำไม่ได้ การที่เราทำเต็มที่ให้ผิดน้อยที่สุดในส่วนมี่ทำได้แล้วมั่วไปเลยในส่วนที่ทำไม่ได้จะทำให้เราได้คะแนนเยอะกว่ารีบทำส่วนที่ทำได้แล้วพลาดแล้วยังไป struggle ในส่วนที่ทำไม่ได้ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำถูกเยอะแค่ไหนอีก
-
ลากนิ้วหรือปากกาไปด้วยตามที่อ่าน จะช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น
-
ให้ความสำคัญกับประโยคแรกและประโยคสุดท้ายของแต่ละ paragraph เพราะส่วนใหญ่จะเป็น Topic Sentence ซึ่งบอกใตความของย่อหน้านั้น
-
ให้ความสำคัญกับคำเชื่อมต่างๆ
-
ให้ความสำคัญเวลาที่มีสัญลักษณ์ต่างๆโผล่มา เช่น เครื่องหมายคำพูด ขีด เพราะมักจะเป็นส่วนที่สำคัญหรือเป็นการขยายความ
-
ส่วนใหญ่จะมีวิธีทำ 2 แบบคืออ่าน passage ให้เข้าใจแล้วค่อยลุยคำถามกับทำคำถามข้อที่มีบรรทัดหรือย่อหน้าระบุไว้ก่อนแล้วไปอ่านตามนั้นทำให้ไม่ต้องอ่านทั้งหมด ส่วนตัวถนัดแบบแรกมากกว่า แนะนำให้ทำแบบแรกใน passage ที่ถนัด เพราะบางทีถ้าเราเข้าใจเนื้อหาแล้วไปเจอคำถามบางข้อเราจะสามารถตัดช้อยส์ตอบได้เลยโดยที่ไม่ต้องกลับไปอ่าน แต่ถ้า passage ที่ไม่ถนัด อ่านไล้วไม่เข้าใจ ก็ให้ลองทำคำถามก่อน
-
ข้อที่ถามความรู้สึก มุมมองของผู้เขียนส่วนใหญ่จะไม่ใช่ nuetral หรืออะไรที่เป็นกลางหรือรุนแรงจนเกินไป
Writing
-
ต้องแน่ใจว่าเข้าใจทุกเรื่อง ทำเป็นทุกเรื่องแล้วจริงๆ
-
อ่านโจทย์ดีๆ อย่ารีบ โดยเฉพาะพวกข้อ punctuation ให้ดูดีๆ
-
มันจะมีโจทย์พวก Transition หรือ การจัดย่อหน้าใหม่ซึ่งต้องใช้ความเข้าใจในเนื้อหาด้วย อันนี้ต้องตั้งใจอ่านไม่ใช่แค่ข้ามไปในจุดที่มีคำถาม
-
Short=right ส่วนใหญ่ช้อยส์ข้อที่สั้นจะถูกใน SAT โดยเฉพาะข้อที่ถามเกี่ยวกับ tense ปละ redundancy
Math
-
เช่นเดียวกันกับไรตติ้ง ให้แน่ใจว่าเข้าใจ พร้อมรัยมือกับโจทย์ทุกประเภทแล้วจริงๆ
-
อ่านโจทย์ให้ดี แปลโจทย์ให้ถูก
-
เจอข้อยากให้ข้าม ไปทำข้อที่ทำได้ดีกว่าเนื่องจากเววลามีพอดีมาก
-
ฝึกการใช้เครื่องคิดเลขให้ได้เร็วๆ
ประสบการณ์การสอบ
-
การสมัครสอบ เข้าไปใน web college board กรอกธรรมดาเลย เราสมัครช้าตอนสมัครเหลือแค่ที่เชียงใหม่กับถลาง เลยว่าจะลง waiting list ไปก่อน แต่โชคดีวันต่อมาเปิดเข้ามามีที่ Keerapat International School หลุดมาพอดีเลยไปสอบที่นั่น อันนี้แนะนำให้ทุกคนสมัครตั้งแต่เนิ่นๆนะคะจะได้ไม่ต้องหวาดเสียวแบบเรา
-
วันก่อนสอบ เราชะล่าใจมากไม่รีบเตรียมของปริ้นใบสมัคร เครื่องปริ้นที่บ้านก็สีเพี้ยนแต่โชคดีที่ปริ้นขาวดำได้ บัตรประชาชนก็หายอีกเลยเอาพาสปอร์ตไป ก็ไม่มีปัญหาเหมือนกันแต่ก็แอบเสียวๆอยู่เตรียมไปก่อนจะดีกว่านะคะ
-
วันสอบ ก็ตื่นเต้นในระดับนึงแต่ก็ควบคุมไว้ ไปสอบตามเวลาปกติ เค้าก็ให้ฝากโทรศัพท์ในห้องแล้วก็เริ่มทำข้อสอบ เราทำรีดดิ้งไม่ทัน ดิ่งไปอันนึงเลยคือ historical passage ซึ่งก็เป็นตามที่แพลนไว้อยู่อล้วว่าอยากทำส่วนอื่นให้เต็มที่ ไรตติ้งก็พอทำได้ มีข้อที่ไม่มั่นใจบ้าง เลขก็รู้สึกว่าทำได้ มีข้อไม่มั่นใจ+ความรู้ตัวเองว่าเป็นคนสะเพร่า เลยไม่ได้หวังเต็มเท่าไหร่
-
หลังสอบ รู้สึกว่าโอเค ทำได้ คะแนนน่าจะถึงตามที่หวังเพราะก็รู้ตัวจากตอนลุยโจทย์ในช่วงติวแล้วว่าได้คะแนนเท่าไหร่ แล้วตอนทำก็รู้สึกได้ว่าทำได้มากกว่าที่บ้าน อันนี้ก็เลยไม่ได้กังวลมาก วันต่อมาก็จะมีเฉลยมาให้แล้วค่ะจากหลายที่เลย ก็ตอบถูกบ้างๆไม่ถูกบ้าง เฉลยแต่ละที่ก็ไม่ค่อยจะตรงกันหลังๆก็เลยไม่เช็คแล้ว เช็คไปก็ทำอะไรไม่ได้รอดูคะแนนไปเลยดีกว่า จนประกาศคะแนนก็ดีใจมากเพราะมันเกินคาดมากๆ เลขก็เต็มคือช็อคมากเพราะในชีวิตนี้ไม่เคยทำเลขอะไรได้เต็มเลย555555 ก็นั่นแหละค่ะมันก็ดีใจและก็รู้สึกว่าที่พยายาม ที่เหนื่อยมาตลอดมันคุ้มมากๆๆๆๆแล้ว
การให้คะแนนของ SAT
อันนี้คร่าวๆตามที่เข้าใจนะคะ คือการสอบแต่ละรอบเนี่ยการให้คะแนนก็ไม่เหมือนกัน จะมี curve ที่แตกต่างกัน คือเช่นรอบนี้ข้อสอบยาก ผิดข้อนึงหักอาจจะไม่หักเลย ในขณะที่อีกรอบข้อสอบง่ายถ้าผิดข้อนึงจะถูกหักไปเลย 20 คะแนน ตัวเลขไม่แน่นอนนะคะ อันนี้แล้วแต่รอบเลยจริงๆ แค่ตอนที่ไปสอบเรารู้สึกว่าข้อสอบมันง่ายเลยรอบคอบ ตั้งใจทำเป็นพิเศษ เพราะไม่อยากโดนหักคะแนนเยอะค่ะ
สรุปทุกอย่างของการสอบ SAT
-
ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน หาแรงบันดาลใจ
-
วางแผนการอ่านให้ดี ติวจากหลายๆแหล่งใช้วิธีที่หลากหลาย จัดตารางการอ่านให้เหมาะสมกับตัวเอง ไม่หักโหมจนเกินไป
-
เข้าใจข้อสอบว่าโจทย์แบบนี้ต้องการอะไร จะรับมือกับมันยังไง **สำคัญมาก
-
รู้สึกสนุกไปกับมัน
-
ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ที่สุดเท่าที่ได้ รถติด ยืนรอรถไฟฟ้าคือสามารถเติมศัพท์เข้าหัวได้เยอะมากๆ!
-
รู้ตัวเองว่าอ่อนด้านไหน พยายามแก้ตรงนั้น
https://www.facebook.com/groups/1669234313171472/?ref=share ไปเข้าเลยยไม่เข้าคือผิดมาก! มันดีจริงๆแบบมากๆจริงๆ
ก็จะประมาณนี้เลยค่า ประสบการณ์กับวิธีการเตรียมตัวคร่าวๆของเรา สุดท้ายก็อยากจะเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ทุกคนสามารถทำอะไรก็ได้อยู่แล้วแค่มีความตั้งใจมากพอ อย่าเอาคำว่าไม่ม่ีเวลา ไม่มีนู่นนี่มาอ้าง ระวังที่ทำมันก็ต้องเหนื่อยอยู่แล้วแต่อยากให้ทุกคนมองข้ามความเหนื่อยตรงนั้นไปก่อน ให้นึกถึงความสุขที่เราจะมีเมื่อทำมันสำเร็จนะคะ ก็หวังว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับทุกคนไม่มากก็น้อย ถ้ามีอะไรผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยอีกทีนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้มากๆนะคะ️️
สวัสดีค่ะ ขออนุญาตมาอัพเดตนะคะ ตอนนี้เราเปิดรับสอนแล้วนะคะ สอนโดยวิธีเดียวกับที่เราอ่านเองเลยคือเริ่มจากแยกเรื่องปูพื้นฐานให้แน่นแล้วค่อยลุยทำโจทย์ มีชีทสรุปให้ค่ะเป็นการสรุปจากหนังสือที่เราใช้เป็นภาษาไทยและหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วย สนใจทักมาสอบถามก่อนได้นะคะ ขอบคุณค่า
5 ความคิดเห็น
ขอบคุณที่มาแชร์ความรู้ให้กันนะค้าา
Khan academyนี่ตั้งgoalยังไงคะตรงไหนหรอคะ
กดเข้าคอร์ส SAT แล้วมันจะมี practice plan setup ให้ทำอะค่า
นี่จะเป็นหนึ่งในไกด์สายลุยเองที่ดีที่สุดอีกอันในปวศ. SAT เลยนะนั่น เป็นสกิลการคราฟกระทู้คร้้งแรกที่ดี + ละเอียดยิ่งนัก ^^ //คารวะ3จอก แต้งหลายๆแทนน้องๆรุ่นต่อๆไปมากๆนะเจ้า และมันอาจลดภาระแชทเพจแอดไปได้ 2 - 3 เปอร์เซ็นต์ก็เป็นได้ 55555
.
ปล. โอ้ Team LLb track 1 สินะ เยี่ยม วันหลังถ้ามีน้องถามอะไรถ้าเจ้าไปเรียนแล้วแอดจะเปิดคาถาอัญเชิญเราให้ 55555 จงไปเรียนให้สนุกนะเออ มีกระไรก็กลิ้งมาเจอกันในกลุ่ม/แชทได้เช่นเดิม แอดสิงในนั้นยาวไป ฟฟฟฟ
.
//แอดdomในอวตารเด็กดี
ขอไอดีไลน์หน่อยได้มั้ยคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?