Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

"แชร์เรื่องราวชีวิตวัยรุ่น!" ในมุมมองของคนที่โชคเข้าข้างตลอด??จนมาถึงวันที่ตกต่ำสุดๆ!?

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่







สวัสดีค่ะผู้อ่านทุกท่าน นี่จะเป็นกระทู้ของเราที่เล่าทุกสิ่งทุกอย่าง รวดเดียวจบในกระทู้นี้
แต่!!!!! ไม่ต้องกังวลว่ามันจะยาว เพราะ?! มันก็ยาวนั่นแหละค่ะ




    ชีวิตวัยรุ่นว่ากันว่ามันเป็นช่วงที่ครบรส เป็นช่วงที่มนุษย์เราจะได้สนุกและเรียนรู้โลกอย่างเต็มที่ ฉะนั้นไม่แปลกที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยเป็นห่วง และกวดขันบุตรหลานอย่างเคร่งครัดมากในช่วงนี้




"แล้วเราก็เป็นวันรุ่นคนนึงที่ทำให้ครอบครัวเครียดที่สุด"
ยังไงน่ะหรอ? เราจะเล่าให้ฟัง......




ตั้งแต่เข้าม.1 เราก็แตกสาว เป็นปกติ เราเรียนในโรงเรียนประจำอำเภอธรรมดาๆ เราไม่ใช่เด็กเก่ง แต่..




โชคดีครั้งที่ 1 : สอบเข้า ม.1 ได้ที่2 จากนักเรียน 300+ (ไม่เคยอ่านหนังสือ ไม่ติว ติดเกาหลี)




เราไม่ใช่คนสวย ไม่ใช่คนที่น่าจับตามอง แต่ไม่รู้ทำไม ครูอิ๊งถึงได้มาทาบทามเราไปแข่งstory telling ทั้งที่เราไม่เคยพูดว่าเราเคยแข่งอะไรบ้าง หรือเราเก่งอังกฤษอะไรเลย 




โชคดีครั้งที่ 2 : ได้ไปสร้างชื่อเสียงให้โรงเรียน และวงศ์ตระกูล(เว่อร์ไป) ด้วยการแข่งขันนี้จนเริ่มมีคนรู้จัก และเป็นลูกรักของครูสายอังกฤษ (รึเปล่า?)




เราชอบเต้น cover มาตั้งแต่ ป.3แล้ว แต่โรงเรียนประถมของเราไม่สนับสนุนศิลปะดนตรี เราเลยไม่มีโอกาสแสดง นอกจากเต้น โอ๊ะ เอา แครอท มาฝาก ตอนอนุบาล
แต่พอมามัธยม เราโชคดีที่มีเพื่อนพี่สาวที่อยู่ To be เขารู้ว่าเราชอบเต้น เลยมาชวน นั่นแหละ...




โชคดีครั้งที่ 3 : มีคนให้โอกาสในการแสดงครั้งแรก ทำให้คนรู้จักมากขึ้น แม้แต่คนนอกโรงเรียน แล้วเราก็เริ่มเข้าสู่การแข่งขันเวทีนอกโรงเรียน และทำช่อง Youtube จนมีผู้ติดตามเป็นหมื่น(เราไม่ได้สร้าง น้องสาวฝาแฝดเราสร้าง และคนที่ดังก็ไม่ใช่เรา เป็นน้องเรา แต่เราได้ผลพ่วง)




และเพราะความสามารถและรักในการเต้นของเรา เราเลยพบเจอทางสว่าง หลังจากที่วิ่งออดิชั่นที่ไหนก็ไม่ผ่าน จนมา ม.6.....




โชคดีครั้งที่ 4 กราบขอบพระคุณคุณ Gop postcard ที่มาถึงโรงเรียน และให้เกียรติหนูและน้องได้แสดงต่อหน้าพร้อมกับพี่โปรดิวเซอร์อีกคนและศิลปินชื่อดังในตอนนั้น พี่ Lotte แล้วในที่สุดความฝันของหนูก็เป็นจริง ขอบคุณสำหรับการเสนอสัญญาเป็น trainee ค่าย BH Brickhouse ในตอนนั้นนะคะ (ค่ายน้องๆ Red spin, พี่ๆวง Gliss เพลง ถอย และวง DUST )




อ่านมาถึงตอนนี้ทุกคนคงคิดแล้วสิว่า เราเแ็นคนที่โชคดีมากๆ แต่อย่าเพิ่งยิ้มไป เรื่องต่ำๆ อัปรีย์กำลังมา เราจะเผาตัวเองแล้วนะ....




เราโตอายุ17แล้ว เราดื้อมาก เริ่มเก็บตัว ไม่คุยกับพ่อแม่ เริ่มอยากดื่ม อยากเมา (แต่จริงๆดื่มได้แค่ spy 55+) หลังจากนั้นเรากลายเป็นวัยรุ่นสมองตื้น อยากออกจากบ้าน อยากมีชีวิตส่วนตัว เราดื้อกับพ่อแม่มาก โทษพ่อแม่ว่าไม่เคยเข้าใจเรา โทษว่าเป็นความปิดของแม่ที่ทำให้เราเป็นแบบนี้ เพราะแม่ไม่อนุญาตให้เราเซ็นสัญญา ตอนนั้นภาวะทางอารมณ์ของเราแย่มากๆ จนเราเรียนไม่ได้ และในที่สุด....




โชคร้ายครั้งที่ 1 หมอวินิจฉัยเราเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง (ซึ่งจริงมันมีผลมาจากเรื่องราวตอนเราเด็กๆแล้ว แต่เล่าไม่ได้เดี๋ยวยาว) แถมยังมีอาการไบโพลาร์ด้วย เราต้องทานยามากมาย ห้ามหยุดยา! ห้ามลืมทาน! (แต่ก็นะ คนกินยานี้คงเข้าใจ อารมณ์ที่ไม่กินแล้ว ช่างแม่ง เราเลยรักษาไม่หายซะที)




ด้วยความเครียด และเกลียดตัวเอง เราเลยพยายามพาตัวเองเข้าไปในถิ่นที่ต่ำและมืดมน แต่เพราะอาการไบโพลาร์ควบเราจึงมีความกระตือรือร้นหางานพิเศษทำ เพื่อหาเงิน ทีนี้ทั้งจิตใจและร่างกายมันเลยตีกัน2ขั้ว  จิตชั่วอยากไปมั่วสุม ไปเที่ยวกับแฟนที่มองว่าเขาแม่งโคตรเท่ รู้สึกว่าตัวเองโคตรเจ๋ง เก่งเรื่องใช้ชีวิต(เก่งมากกกก ดีนะไม่ติดยา)
ส่วนจิตดีอยากช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ เราเลยขายของออนไลน์ ดึกดื่นไม่นอน กลางวันวิ่งเร่ส่งของ ไปรับของจากตลาดช่องจอม ด้วยจิตที่วอกแวก จิตไม่ปกติอยู่นิดนึง ช่วงนั้นเลย...




โชคร้ายครั้งที่ 2 โดนโกงเงิน ขึ้นโรงพักแจ้งตำรวจแต่ตำรวจ...ยุ่งมั้ง เลยไม่ได้อะไรนอกจากเปลืองค่าปริ้นท์หลักฐาน กับค่าโทรศัพท์ที่โทรนัดตำรวจ และค่านำมันเข้าออกสถานีตำรวจ เราศูนย์เงินไปหลายพัน ไม่ได้อะไรกลับมา ค้องมาโละเสื้อผ้าขาย ไม่ได้แม้ทุนคืน




แม่เริ่มสมเพชร หรือภาษาพ่อแม่เรียกสงสาร แม่บอกว่าไม่ต้องทำอะไรหรอกลูก ไม่ต้องขายของ ไม่ต้องยากทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวก็โดนโกงอีก ขายไปก็ขาดทุน ไม่ได้อะไร เสียสุขภาพ คำพูดของแม่ สำหรับแม่คือความห่วงใย แต่สำหรับเราซึ่งมีปัญหาทางจิตคิดว่ามันคือคำดูถูก!




เราเครียดหนัก เครียดจัดเราเลยบำบัดด้วยการไปสัก เราคิดว่ามันก็ดีกว่ากรีดแขนฆ่าตัวตาย และด้วยการดื่มกาแฟจนติดมาก เราดื่มทั้งกาแฟสด กาแฟกระป๋อง วันละ 2 กระป๋องก็มี 
ความรู้ : ผู้ที่ใช้ยารักษาโรคซึมเศร้าให้งดดื่มแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน ห้ามเสพสิ่งเสพติด




แต่เราคือ ติดกาแฟ ไม่กินแล้วจะตาย (เว่อไป) แถมยังแอบแม่ดื่ม spy full moon สเมอร์นอฟ 
ช่วงนั้นเราจำอะไรไม่ค่อยได้ แค่น้องเล่าให้ฟัง เราเหมือนคนผีเข้า มือไม้สั่น ตาแข็ง ตาขวาง ไม่พูดกับใคร ไม่กินข้าว ต้องให้คนป้อนข้าวเป็นเดือน ซึ่ง!!!
คุณพระ เชื่อมั้ย?! เราจำช่วงเวลานั้นไม่ได้เลย!




เราป่วยหนักมากเลยคิดจะหยุดเรียน1ปี ค่อยเข้ามหาลัยปีถัดไปอีก แต่!!!




โชคร้ายครั้งที่ 3 อยู่ๆแม่ก็หวังให้เราเรียนในปีนั้น เราเลยเรียน สอบเข้าได้แบบไม่มีอะไรไปยื่นเลย  ตั้งแต่เข้าไปครั้งแรก เราช็อคประหนึ่งไปเรียน ตปท.ครั้งแรก ทั้งที่มันก็มหาลัยในจังหวัด เราปรับตัวไม่ได้ อาจเพราะเป็นช่วงที่เราเองป่วยๆ หายๆ แล้วก็ความไม่พร้อม และไม่คิดหวังจะเรียนที่นั่น เราเลยทำตัวไม่ถูก ไม่เป็นตัวของตัวเอง จนเรากลายเป็นคนเงียบๆ ไม่มีเพื่อน เดินคนเดียว กินข้าวคนเดียว




ด้วยความที่เราอยู่คนเดียวเลยมีคนที่เขามองมาแล้วโคตรสงสารและสมเพช....




โชคร้ายครั้งที่ 4 เราคบกับรุ่นพี่ในสาขา เขาเป็นคนดีมาก เอาใจใส่และพอรู้ว่าเราแ่วยเขาเลยไม่เคยแยกจากเราเลย จนทำให้เกิดการนินทา ว่ากล่าว สรุปเรากลายเป็นอีเด็ก-เงียบ ติดผู้ บัดสี ทำอะไรไม่ให้เกียรติมหาลัย พี่ๆมาตักเตือนเพียบ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่าความจริงเป็นยังไง อละจะไม่ทีใครรู้ แล้วเราก็จะไม่โทษแฟนเราด้วย สรุป กู-เอง




ด้วยความที่เราเคยถูกมองแบบนั้น และถูกตักเตือน เราเลยคิดมากตามแระสาคนจิตป่วย และกลายเป็นว่ากลัวรุ่นพี่กลัวเพื่อนทุกคนในสาขา จากที่พอทนไปเรียนได้ หลังๆก็เริ่มขาดเรียนเพราะกลัว.... กลัวเชี่ยไรไม่รู้




โชคร้ายครั้งที่ 5 เราเรียนไม่จบปี2 เพิ่งจ่ายค่าเทอมได้1อาทิตย์ก็ลาออก เพราะรู้สึกว่าไม่รอด อยากออกไปตั้งหลักใหม่




หลังจากเราหยุดเรียนชีวิตเราก็กะท่อนกะแท่น ไปมาโคราชเพื่อรับยาทุกๆเดือน  ค้นหาตัวเองว่าอยากเรียนอะไร และพยายามอ่านหนังสือ แต่ก็มีเรื่องดีคือเราหาหนทางหาเงินได้ ด้วยการขายชุดคอสเพลย์ เราเริ่มขายดีมาเรื่อยๆ เริ่มมีออเดอร์ใหญ่ๆเข้ามา แถมมีคนดังอย่างน้อง มินตัน การ์ตูนดิ๊งด่องมาอุดหนุนด้วย พี่ไอซ์ Siam dream ก็เคยมาติดต่อซื้อชุดพละญี่ปุ่น เราโอเคมาก สนุกกับการอยู่ในวงการคอสเพลย์ เจอคนใหม่ๆ เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แล้วเราก็เริ่มมีไฟอีกครั้ง เราเริ่มสมัครออดิชั่นไอดอล ทุกที่ ทุกค่ายที่เขารับสมัคร แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีใครติดต่อมา แค่เราก็ยังสู้ต่อ 
จากเหตุการณ์ทั้งหมดเราคืดว่าเราเป็นคนนึงที่โชคช่วยมาตลอด แต่ชีวิตเรามันไม่โชคดีไปตลอดชีวิต เมื่อถึงวันที่เราไม่เหลืออะไร และอยู่จุดต่ำสุดของชีวิต เราจะต้องเรียนรู้ที่จะลุกขึ้น แล้วสู้เพื่อตัวเอง
จะไม่มีสอบผ่านทั้งๆที่ไม่เคยอ่านหนังสือ จะไม่มีเจ้าของค่ายมายื่นสัญญาทั้งๆที่ไม่เคยคิดสนใจ หรืออยากออดิชั่น ต่อไปนี้มันคือแค่ Action=Reaction
Try hard=be success




เราหวังว่าทุกคนจะได้อะไรไปงบ้างแหละจากเรื่องราวชีวิตของเรา แล้วเรามาดูกันว่าต่อจากนี้ชีวิตเราจะเป็นยังไง "เราจะได้เป็นไอดอลอย่างที่ฝันมั้ย แล้วจะได้เข้ามหาลัยที่ใฝ่ฝันรึเปล่า" 
มาร่วมแชร์ความโชคร้ายและความโชคดีที่เพื่อนๆได้พบเจอกันในช่วงวัยรุ่นกันได้นะคะ บอกให้โลกรู้ ว่า




////เป็นวัยรุ่นมันไม่งาย////




                   เป็นกำลังใจให้คนที่กำลังท้อนะคะ ชีวิตวัยรุ่นไม่ง่าย แต่เราจะผ่านมันไปได้ขอแค่มีสติ และรักตัวเองให้มากๆนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

3 ความคิดเห็น

เชือกดำ 24 ม.ค. 63 เวลา 02:13 น. 2-1

ตัวเองก็เหมือนกันน้าาา ขอให้ประสบความสำเร็จทุกสิ่งนะคะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-01.png

0
ผู้ป่วยคนนึง 22 ม.ค. 63 เวลา 20:26 น. 3

เป็นโรคซึมเศร้าเหมือนกันเลยครับ เเต่ของเรามันพังครืนตั้งเเต่วัยเด็กจนปัจจุบัน อยากรู้จักจัง เป็นเพื่อนกัน

1
เชือกดำ 24 ม.ค. 63 เวลา 02:16 น. 3-1

เราต้องผ่านมันไปให้ได้นะ อย่าสนใจความมืดที่มันพยายามฉุดเรา อย่าให้โรคนี้มันมาทำร้ายเรา ถ้ามันเป็นปีศาจ เราจะเป็นซาตานที่โหดร้ายกว่า เราจะฆ่ามันให้ได้นะคะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-big-09.png

0