เบื่อกับชีวิตตัวเอง ตั้งกระทู้ใหม่ ตั้งกระทู้ใหม่ หนูทำอะไรผิดไปหมด พวกเพื่อนข้างห้องเค้าชอบนินทาหนู ด่าหนู และมองคว้อนหนู โดยที่หนูไม่ได้ทำอะไรให้เลย เหมือนอยากจะให้หนูตายๆไปจากโลกใบนี้ซักที แบบนี้หนูก็ไม่มีกำลังใจที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าหนูจะเกิดมาทำไมโดยที่ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆพวกนี้ Chi_no CN 6 ก.พ. 63 เวลา 12:58 น. 0 like 397 views Facebook Twitter รายชื่อผู้ถูกใจกระทู้นี้ คน
พี่ปุ๋ย Community Master 6 ก.พ. 63 เวลา 13:17 น. 1 ใจเย็นก่อนน้าา ฮึบๆ ชีวิตเรามีค่ามากว่าคำนินทาพวกนั้นนะคะ ยิ่งถ้าเราไม่ได้อะไรผิดก็ไม่ต้องไปสนใจค่ะ ปล่อยผ่านเพื่อนพวกนั้นไป เรายิ่งคิดมากใส่ใจมากเราก็ยิ่งเครียดค่ะ พี่ปุ๋ยเชื่อว่าเพื่อนดี ๆ ยังมีอีกเยอะ ยังไงสู้ ๆ น้าา พี่ปุ๋ยเป็นกำลังใจให้ค่ะ 4 1 ถูกใจ 4 ตอบกลับ 1 เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
Shalnark T Diabolus 6 ก.พ. 63 เวลา 13:32 น. 2 แล้วเค้ามีความสำคัญยังไงต่อชีวิตน้องเหรอครับ? 3 3 ถูกใจ 3 ตอบกลับ 3 เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
Chi_no CN 14 ก.พ. 63 เวลา 21:33 น. 2-1 ตอนแรกๆหนูเคยคิดว่าพวกเค้าเป็นเพื่อนที่ดี รักเหมือนเพื่อนสนิท แต่พอมาเจอแบบนี้คือรับไม่ได้เลยค่ะT-T 0 0 ถูกใจ ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ
Shalnark T Diabolus 15 ก.พ. 63 เวลา 21:37 น. 2-2 ไม่ได้พูดถึงในเชิงนามธรรมแบบนั้นครับ ที่กำลังถามให้น้องคิดคือในเชิงที่เป็นรูปธรรม อย่างเช่น หาเงินให้ใช้ ส่งเสียให้เรียน ช่วยคิดช่วยแก้เวลาน้องมีปัญหา คอยเตือนหรือช่วยผลักดันน้องไม่ให้นอกลู่นอกทาง หรืืออะไรที่มันเป็นรูปธรรมแบบนี้ครับ 0 0 ถูกใจ ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ
Chi_no CN 22 ก.พ. 63 เวลา 23:41 น. 2-3 ช่วยแก้ปัญหาเวลามีปัญหาค่ะ 0 0 ถูกใจ ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ
kokhengzero 6 ก.พ. 63 เวลา 14:45 น. 3 ทำอะไรก็ผิดไปหมด ผิดที่ ผิดทาง ให้คิดเสียว่า1. ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อน เรานั้นทำความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นมาน้อย โดยเฉพาะกับพ่อแม่ตัวเอง จึงมีคนเอื้อเฟื้อกับเราน้อย มิตรน้อย ผิดใจง่าย ไม่เกื้อกูลกัน ไม่เป็นที่รักของมิตรสหาย2. ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อน เรานั้นเคยทำเบียดเบียนผู้อื่นไม่ด้วยคำพูดก็ด้วยการกระทำ พูดให้ร้ายคนอื่น นินทาคนอื่น ทำไม่ดีต่อผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียฉิบหาย หรือทำให้เขาเป้นทุกข์ โดยเฉพาะกับพ่อแม่ตัวเอง เช่น พวกชอบเหวี่ยงประมามาณนี้ จึงทำให้ร้อนรนใจอยู่บ่อยๆ ไม่คิดวิเคราะห์ถึงผลสืบต่อดีหรือร้ายก่อนจะทำสิ่งใดๆลงไป3. ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อน เรานั้นมีใจคิดเบียดเบียนข้องขัด ขุ่นเคืองใจกับผู้อื่นเขาอยู่ตลอดเวลา มีใจข้องแวะ ตระหนี่หวงแหน คิดอยากได้อยากผู้อื่น ริษยา คิดร้ายกับผู้อื่น คิดแต่สิ่งไม่ดีต่อผู้อื่นอยู่เป็นปรกติของตน โดยเฉพาะกับพ่อแม่ตัวเอง จึงทำให้มีแต่คนคิดร้ายกับเรา คิดเบียดเบียน คิดทำร้ายเรา คิดไม่ซื่อกับเรา ใจแคบกับเรา ไม่เอื้อเฟื้อเรา ไม่คบเราฉันญาติมิตรทางแก้ไข1. เอื้อเฟื้อให้ทานบ่อยๆ แบ่งปันอยู่ประจำ เห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น เกิดอะไรขึ้นก็ให้อภัยไม่ผูกใจเจ็บแค้นให้เขาเป็นทานบ่อยๆ เอื้อเฟื้อเกื้อกูลช่วยเหลือพ่อแม่อยู่เป็นประจำ เห็นอกเห็นใจพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่มีความสุข ตอนนี้ที่เราทำได้คือรู้จักช่วยงานบ้าน ตั้งใจเรียน เอาความสุขสำเร็จจากผลการเรียนไปฝากให้ท่านภูมิใจ..นี้เรียกทานใหญ่อย่างหนึ่ง2. ไม่พูด ไม่กระทำความเบียดเบียนต่อใคร ไม่นินทาว่าร้ายคนอื่น ไม่พูดหรือทำให้คนอื่นเสื่อมเสีย หรือลำบากเสียใจ โดยเฉพาะกับพ่อแม่ ให้ประพฤติตัวดีอยู่กรอบดีงาม ตั้งใจเรียนให้จบ พูดจาไฟเราะมีสัมมาคารวะ ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่พูดยุแยงตะแครงรั่ว 3. ให้คิดดีต่อผู้อื่น คิดแง่บวก ไม่ผูกใจ ไม่คิดเล็กคิดน้อย รู้จักปล่อย รู้จักวาง ใครเขาทำอย่างไรก็ช่างเขา แค่เราเอื้อเฟื้อ พูดดี ทำดี คิดดีตอบเขาก็พอ โดยเฉพาะกับพ่อกับแม่ของตน แล้วสงบนิ่งบ่อยๆ ทำใจให้นิ่งปล่อยวางเรื่องร้ายๆทั้งปวง อยู่กับความนิ่งว่าง เบาสบาย ความสุขสำเร็จของเราไม่ได้อยู่ที่เพื่อน ก็หากความสุขสำเร็จของเราอยู่ที่เพื่อนแล้ว เราทำให้เพื่อนพอใจ เราไม่อ่านหนังสือ ไม่เรียน เราจะได้เกรด ได้เรียนจบไหม ก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ ดังนั้นความสุขสำเร็จของเราอยู่ที่ตัวเราเอง อย่าเอาความสุขสำเร็จของเราไปผูกขึ้นไว้กับคนอื่น การที่เราตามเขาตลอดโดยที่ตามแล้วไม่มีประโยชน์อื่นใดนอกจากความบันเทิงใจ แสดงว่าเราไม่มีค่าพอ หากตามเขาแล้วชีวิตเราดีขึ้นเรียนดี เกรดดี4. มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จะอยู่คนเดียวนั้นทำได้ยาก ดังนั้น เราต้องอยู่กับเขาโดยฝึกทำความรู้ความเข้าใจเขาว่าเขาเป็นคนแบบไหน ชอบยังไง มักจะทำแบบใด เกลียดยังไง การสังเกตุพิจารณาเพื่อทำความรู้ความเข้าใจนี้จะทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น - แต่ทุกๆคนที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิตจะมีไม่เกินนี้คือ รัก โลภ โกรธ หลง แปรปรวน กลับกลอก คล้อยตาม ต่อต้านสะท้อนกลับ ดังนั้นการจะอยู่ในสังคมได้ก็ต้องเข้าใจในจุดนี้ เมื่อเราดีแล้วโดยทำตาม 3 ข้อข้างต้น เราก็ไม่จำเป็นต้องตามเขา เราจะเป็นจุดเด่นด้วยตัวเอง เป็นที่รักของผู้อื่นเอง ในข้อนี้สิ่งสำคัญคือเข้าใจพ่อแม่ตัวเอง การเข้าใจพ่อแม่นี้ยากนะคนเก่งถึงจะทำได้เพราะเราเป็นลูกเรามักจะเอาแต่ใจกับพ่อแม่ จะสนใจพ่อแม่น้อย ให้ความเข้าใจพ่อแม่น้อย หากเราทำได้เราเก่งแน่นอน นี้ก็เรียกจิตวิทยาอย่างหนึ่งในทางวิทยาศาสตร์ทางจิต เป็น SQ SQ (Social Quotient)บทความนี้ถ้าอ่านเผินๆมันน่าเบื่อไม่ตรงใจ แต่เมื่ออ่านด้วยอาศัยประโยชน์ ก็จะเห็นคุณค่าในกระทู้ที่ตอบนี้มากพอสมควร ก็เหมือนตัวเรานั่นแหละหากทำตัวไร้ค่าไม่หนักแน่นในตนเองก็ต้องหวั่นไหวไหลตามเขาตลอด หากเรามีค่าพอดีพอเขาจะวิ่งมาหาเราเอง เรียกว่ากฏของแรงดึงดูด ธรรมชาติสิ่งที่เด่นกว่าจะดึงดูดทุกอย่างเข้ามา แต่ความเด่นที่ยั่งยืนคือความดี คิดดี พูดดี ทำดีของเรานี้แหละมันยั่งยืนสุดใครพบเจอก็ดีใจอยากคุยด้วยเพราะสบายใจอบอุ่น จากไปก็คิดถึง ความสุขสำเร็จทั้งปวงอยู่ที่เราไม่ได้อยู่ที่ใคร ความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่บุุพการีมีที่เรา ความเป็นผู้ที่ควรรักควรคบหาก็เกิดมีแก่เราในที่นั้นเพราะรู้คุณคนจึงเป็นผู้ควรแก่การได้รับ 2 0 ถูกใจ 2 ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
Gray feather 8 ก.พ. 63 เวลา 21:32 น. 4 จะบอกให้อดทนก็คงไม่ได้ผล 100% เพราะคนเราความอดทนไม่เท่ากันเอาเป็นว่าอยู่เพื่อพัฒนาตนเอง อยู่เพื่อคนในครอบครัวและไม่ได้มีแค่คุณที่พบเจอปัญหานี้ คนที่มีความอดทนน้อยกว่าอาจจะผ่านจุดๆนี้มาได้แล้ว เป็นกำลังใจให้นะคะ 3 0 ถูกใจ 3 ตอบกลับ เมนู แก้ไข แจ้งลบ ปักหมุด
เรียนที่ออสมันยอดมาก! ‘พี่ฟรองซ์’ รีวิวครบทั้งคอร์สภาษา → Diploma → ป.ตรี U. of Canberra → ป.โท UTS Sydney Studyabroad
4 ความคิดเห็น
ใจเย็นก่อนน้าา ฮึบๆ ชีวิตเรามีค่ามากว่าคำนินทาพวกนั้นนะคะ ยิ่งถ้าเราไม่ได้อะไรผิดก็ไม่ต้องไปสนใจค่ะ ปล่อยผ่านเพื่อนพวกนั้นไป เรายิ่งคิดมากใส่ใจมากเราก็ยิ่งเครียดค่ะ พี่ปุ๋ยเชื่อว่าเพื่อนดี ๆ ยังมีอีกเยอะ ยังไงสู้ ๆ น้าา พี่ปุ๋ยเป็นกำลังใจให้ค่ะ
ขอบคุณนะคะ
แล้วเค้ามีความสำคัญยังไงต่อชีวิตน้องเหรอครับ?
ตอนแรกๆหนูเคยคิดว่าพวกเค้าเป็นเพื่อนที่ดี รักเหมือนเพื่อนสนิท แต่พอมาเจอแบบนี้คือรับไม่ได้เลยค่ะT-T
ไม่ได้พูดถึงในเชิงนามธรรมแบบนั้นครับ ที่กำลังถามให้น้องคิดคือในเชิงที่เป็นรูปธรรม อย่างเช่น หาเงินให้ใช้ ส่งเสียให้เรียน ช่วยคิดช่วยแก้เวลาน้องมีปัญหา คอยเตือนหรือช่วยผลักดันน้องไม่ให้นอกลู่นอกทาง หรืืออะไรที่มันเป็นรูปธรรมแบบนี้ครับ
ช่วยแก้ปัญหาเวลามีปัญหาค่ะ
ทำอะไรก็ผิดไปหมด ผิดที่ ผิดทาง ให้คิดเสียว่า
1. ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อน เรานั้นทำความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือเกื้อกูลคนอื่นมาน้อย โดยเฉพาะกับพ่อแม่ตัวเอง จึงมีคนเอื้อเฟื้อกับเราน้อย มิตรน้อย ผิดใจง่าย ไม่เกื้อกูลกัน ไม่เป็นที่รักของมิตรสหาย
2. ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อน เรานั้นเคยทำเบียดเบียนผู้อื่นไม่ด้วยคำพูดก็ด้วยการกระทำ พูดให้ร้ายคนอื่น นินทาคนอื่น ทำไม่ดีต่อผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียฉิบหาย หรือทำให้เขาเป้นทุกข์ โดยเฉพาะกับพ่อแม่ตัวเอง เช่น พวกชอบเหวี่ยงประมามาณนี้ จึงทำให้ร้อนรนใจอยู่บ่อยๆ ไม่คิดวิเคราะห์ถึงผลสืบต่อดีหรือร้ายก่อนจะทำสิ่งใดๆลงไป
3. ไม่ชาตินี้ก็ชาติก่อน เรานั้นมีใจคิดเบียดเบียนข้องขัด ขุ่นเคืองใจกับผู้อื่นเขาอยู่ตลอดเวลา มีใจข้องแวะ ตระหนี่หวงแหน คิดอยากได้อยากผู้อื่น ริษยา คิดร้ายกับผู้อื่น คิดแต่สิ่งไม่ดีต่อผู้อื่นอยู่เป็นปรกติของตน โดยเฉพาะกับพ่อแม่ตัวเอง จึงทำให้มีแต่คนคิดร้ายกับเรา คิดเบียดเบียน คิดทำร้ายเรา คิดไม่ซื่อกับเรา ใจแคบกับเรา ไม่เอื้อเฟื้อเรา ไม่คบเราฉันญาติมิตร
ทางแก้ไข
1. เอื้อเฟื้อให้ทานบ่อยๆ แบ่งปันอยู่ประจำ เห็นใจช่วยเหลือผู้อื่น เกิดอะไรขึ้นก็ให้อภัยไม่ผูกใจเจ็บแค้นให้เขาเป็นทานบ่อยๆ เอื้อเฟื้อเกื้อกูลช่วยเหลือพ่อแม่อยู่เป็นประจำ เห็นอกเห็นใจพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่มีความสุข ตอนนี้ที่เราทำได้คือรู้จักช่วยงานบ้าน ตั้งใจเรียน เอาความสุขสำเร็จจากผลการเรียนไปฝากให้ท่านภูมิใจ..นี้เรียกทานใหญ่อย่างหนึ่ง
2. ไม่พูด ไม่กระทำความเบียดเบียนต่อใคร ไม่นินทาว่าร้ายคนอื่น ไม่พูดหรือทำให้คนอื่นเสื่อมเสีย หรือลำบากเสียใจ โดยเฉพาะกับพ่อแม่ ให้ประพฤติตัวดีอยู่กรอบดีงาม ตั้งใจเรียนให้จบ พูดจาไฟเราะมีสัมมาคารวะ ไม่พูดจาหยาบคาย ไม่พูดยุแยงตะแครงรั่ว
3. ให้คิดดีต่อผู้อื่น คิดแง่บวก ไม่ผูกใจ ไม่คิดเล็กคิดน้อย รู้จักปล่อย รู้จักวาง ใครเขาทำอย่างไรก็ช่างเขา แค่เราเอื้อเฟื้อ พูดดี ทำดี คิดดีตอบเขาก็พอ โดยเฉพาะกับพ่อกับแม่ของตน แล้วสงบนิ่งบ่อยๆ ทำใจให้นิ่งปล่อยวางเรื่องร้ายๆทั้งปวง อยู่กับความนิ่งว่าง เบาสบาย ความสุขสำเร็จของเราไม่ได้อยู่ที่เพื่อน ก็หากความสุขสำเร็จของเราอยู่ที่เพื่อนแล้ว เราทำให้เพื่อนพอใจ เราไม่อ่านหนังสือ ไม่เรียน เราจะได้เกรด ได้เรียนจบไหม ก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ ดังนั้นความสุขสำเร็จของเราอยู่ที่ตัวเราเอง อย่าเอาความสุขสำเร็จของเราไปผูกขึ้นไว้กับคนอื่น การที่เราตามเขาตลอดโดยที่ตามแล้วไม่มีประโยชน์อื่นใดนอกจากความบันเทิงใจ แสดงว่าเราไม่มีค่าพอ หากตามเขาแล้วชีวิตเราดีขึ้นเรียนดี เกรดดี
4. มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จะอยู่คนเดียวนั้นทำได้ยาก ดังนั้น เราต้องอยู่กับเขาโดยฝึกทำความรู้ความเข้าใจเขาว่าเขาเป็นคนแบบไหน ชอบยังไง มักจะทำแบบใด เกลียดยังไง การสังเกตุพิจารณาเพื่อทำความรู้ความเข้าใจนี้จะทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น
- แต่ทุกๆคนที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิตจะมีไม่เกินนี้คือ รัก โลภ โกรธ หลง แปรปรวน กลับกลอก คล้อยตาม ต่อต้านสะท้อนกลับ ดังนั้นการจะอยู่ในสังคมได้ก็ต้องเข้าใจในจุดนี้ เมื่อเราดีแล้วโดยทำตาม 3 ข้อข้างต้น เราก็ไม่จำเป็นต้องตามเขา เราจะเป็นจุดเด่นด้วยตัวเอง เป็นที่รักของผู้อื่นเอง ในข้อนี้สิ่งสำคัญคือเข้าใจพ่อแม่ตัวเอง การเข้าใจพ่อแม่นี้ยากนะคนเก่งถึงจะทำได้เพราะเราเป็นลูกเรามักจะเอาแต่ใจกับพ่อแม่ จะสนใจพ่อแม่น้อย ให้ความเข้าใจพ่อแม่น้อย หากเราทำได้เราเก่งแน่นอน นี้ก็เรียกจิตวิทยาอย่างหนึ่งในทางวิทยาศาสตร์ทางจิต เป็น SQ SQ (Social Quotient)
บทความนี้ถ้าอ่านเผินๆมันน่าเบื่อไม่ตรงใจ แต่เมื่ออ่านด้วยอาศัยประโยชน์ ก็จะเห็นคุณค่าในกระทู้ที่ตอบนี้มากพอสมควร ก็เหมือนตัวเรานั่นแหละหากทำตัวไร้ค่าไม่หนักแน่นในตนเองก็ต้องหวั่นไหวไหลตามเขาตลอด หากเรามีค่าพอดีพอเขาจะวิ่งมาหาเราเอง เรียกว่ากฏของแรงดึงดูด ธรรมชาติสิ่งที่เด่นกว่าจะดึงดูดทุกอย่างเข้ามา แต่ความเด่นที่ยั่งยืนคือความดี คิดดี พูดดี ทำดีของเรานี้แหละมันยั่งยืนสุดใครพบเจอก็ดีใจอยากคุยด้วยเพราะสบายใจอบอุ่น จากไปก็คิดถึง ความสุขสำเร็จทั้งปวงอยู่ที่เราไม่ได้อยู่ที่ใคร ความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่บุุพการีมีที่เรา ความเป็นผู้ที่ควรรักควรคบหาก็เกิดมีแก่เราในที่นั้นเพราะรู้คุณคนจึงเป็นผู้ควรแก่การได้รับ
จะบอกให้อดทนก็คงไม่ได้ผล 100% เพราะคนเราความอดทนไม่เท่ากัน
เอาเป็นว่าอยู่เพื่อพัฒนาตนเอง อยู่เพื่อคนในครอบครัว
และไม่ได้มีแค่คุณที่พบเจอปัญหานี้ คนที่มีความอดทนน้อยกว่า
อาจจะผ่านจุดๆนี้มาได้แล้ว เป็นกำลังใจให้นะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?