Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวการเตรียมตัวรอบพอร์ตเอกอิ้ง มธ รอบ 1 #dek63

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่



           สวัสดีค่า สำหรับเด็ก 63 แล้ว TCAS รอบ 1 ก็เพิ่งจะประกาศผลไปใช่มั้ยคะ ซึ่งตัวเราเองก็ผ่านสัมภาษณ์มีสิทธิ์เข้าศึกษาต่อคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แล้วค่ะ (ดีใจมากกก ไม่คิดว่าจะทำได้จริงๆ) ด้วยความที่ปีนี้เป็นปีแรกเลยที่เอกอิ้ง มธ เปิดรับรอบ portfolio ทำให้เราไม่มีข้อมูลหรือแนวทางในการเตรียมตัว เลยบนกับตัวเองไว้ค่ะว่าถ้าสอบติดก็จะมาเขียนกระทู้เพื่อเป็นแนวทางให้น้องๆจะได้ไม่เคว้งมากแบบเรา 55555

           โดยในกระทู้นี้เราแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ คือส่วนของตัว portfolio กับตอนสอบสัมภาษณ์ค่ะ รอบพอร์ตจะมีคะแนนทั้งหมด 100 คะแนน (อันนี้เราก็เพิ่งรู้ตอนกำลังจะสัมภาษณ์เลยค่ะ 55555) แบ่งเป็น portfolio 60 คะแนน และสัมภาษณ์ 40 คะแนน ประกอบด้วยคะแนนทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ ทัศนคติ และบุคลิกภาพค่ะ

*อันนี้เป็นเกณฑ์ในการยื่นนะคะ ก่อนยื่นควรเช็กก่อนนะว่าคุณสมบัติครบหรือเปล่า

เช็กเพิ่มเติมที่ https://www.tuadmissions.in.th/

Portfolio
คณะไม่ได้บังคับนะคะว่าต้องทำพอร์ตภาษาอะไร แต่เราเลือกทำเป็นภาษาอังกฤษ (ก็จะยื่นเอกอิ้งนี่นา) เช็ก grammar อะไรให้เรียบร้อยนะคะ ใส่ผลงานทางด้านภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่ม.ต้นเลยค่ะ อย่างของเราก็มีที่ไปแข่ง Spelling Bee ทั้งระดับโรงเรียนและภาคตะวันออก, Creative Poetry + Spontaneous crisis ของ Sri Aman Environmental Youth Leadership Summit (SAEYLS2018) ที่มาเลเซีย, โครงงาน IS ภาคภาษาอังกฤษ แล้วก็ฝึกล่ามแบบพูดพร้อมที่มธนี่แหละ ประมาณนี้ ซึ่งผลงานเราก็ไม่มีอะไรมาก ไม่เคยไปแลกเปลี่ยนด้วยเลยกลัวๆนิดนึง แล้วก็ต้องมี SoP (Statement of Purpose) หรือจดหมายแนะนำตัว เขียนตามหัวข้อที่กำหนดเป็นภาษาอังกฤษ และสิ่งสุดท้ายที่ต้องมีก็คือคะแนน TU-GET (หรือจะยื่น ielts/toefl ก็ได้) ไม่ต่ำกว่า 500 คะแนนน้า เรามีเวลาเตรียมตัวสอบ tu-get เพื่อให้ทันยื่นแค่สองอาทิตย์เอง ยังได้มาเยอะเลย

Interview
วันสัมภาษณ์มาถึงแล้วค่ะ ตื่นเต้น+แพนิกมากๆๆ หลังจากตรวจเอกสารเสร็จก็รอเรียกคิวไปสัมภาษณ์ อาจารย์ก็มาอธิบายการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ว่าจะสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ แต่ละคนจะสัมภาษณ์กันประมาณ 15-20 นาที อาจารย์ที่สัมจะเป็นคนละชุดกับอาจารย์ที่อ่าน Portfolio กับ SoP ของเรา พอเข้าห้องสัมภาษณ์ไปก็ได้ยินเสียงสปีคอิงลิชแบบไฟแลบเลย (ในใจคือ กี้ดดด ชั้นจะรอดมั้ย) เข้าไปถึงก็สวัสดี แนะนำตัวต่างๆ อาจารย์มี 2 ท่านต่อนักเรียน 1 คน ก็เริ่มเปิดประเด็นถามผลงานในพอร์ต เราเคยแข่ง poetry อาจารย์ค่อนข้างให้ความสนใจกับส่วนนี้มากเลย เพราะเราใส่ poem ที่เราเคยแต่งไว้ด้วย ก็อธิบายไปว่าเขียนเกี่ยวกับกับอะไร ต้องการสื่อถึงอะไร แล้วคำถามก็เริ่มพีคขึ้นเรื่อยๆค่ะ จากผลงานก็เริ่มเข้าสู่ปัญหาสังคม คำถามแรกเลยคือ

Q: คุณคิดว่าประเทศไทยประสบปัญหามลพิษอะไรมากที่สุด
A: เราตอบไปอย่างมั่นใจเลยว่า ฝุ่น PM2.5 ค่ะ ! อาจารย์ก็ถามต่อว่า แล้วเราจะแก้ไขปัญหานี้กันยังไง เราเลยตอบว่า มันยากที่จะแก้ไขค่ะ เพราะมันต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกๆคนในหลายๆฝ่าย แต่มันก็สามารถเริ่มได้จากเราค่ะที่จะป้องกันตัวเองจากฝุ่นโดยการใส่แมสก์ก่อนออกจากบ้าน เพราะฝุ่นมันมีขนาดเล็กมาก มันสามารถเข้าสู่ร่างกายเราได้ง่ายมาก ส่งผลต่อระบบหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด ระบบประสาท (เรียนวิทย์-คณิตมาค่ะ งัดศัพท์ทางวิทยาศาสตร์มาให้หมดดด)
Q: การศึกษาไทยมันผลักเราขึ้นหรือดึงเราลง
A: ส่วนตัวหนูคิดว่าทุกอย่างมีข้อดีและข้อเสียค่ะ ข้อดีของการศึกษาไทยที่ผลักเราขึ้นก็คือ เรามีโอกาสได้เจอครูเก่งๆเยอะ แล้วก็มีโอกาสทำกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย แต่ข้อเสียที่ดึงเราลงก็คือเราไม่ค่อยมีความมั่นใจที่จะทำอะไรเท่าไร อาจจะเป็นเพราะว่าเราอยู่แต่ในกรอบ
Q: คุณคิดว่าคนที่เกิดในแต่ละยุคมีความคิดที่แตกต่างกันยังไง มันดีมั้ย
A: แตกต่างกันค่ะ ซึ่งมันก็ดีเพราะความแตกต่างทำให้เกิดความหลากหลาย อย่างเช่น คนในยุค gen B ก็ค่อนข้างต้องการที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิต แต่ถ้าเป็นคนในยุค gen Z อย่างหนูก็แค่อยากมีความสุขในชีวิตค่ะ (อยากบอกว่าเมื่อเช้าก่อนมาสัมภาษณ์นี่เล่น facebook ไปเรื่อยๆ แล้วเจอโพสต์ของธรรมศาสตร์เกี่ยวกับลักษณะนิสัยของคนในแต่ละ gen ก็เลยนั่งอ่านแก้เบื่อ ปรากฏว่าดันเป็นคำถามในการสัมภาษณ์ เพราะงั้นก่อนจะไปสัมที่ไหนก็ลองติดตามข่าวสารของมหาวิทยาลัยนั้นๆนะคะ อาจจะช่วยได้!! 555555)

           ที่เหลือก็เป็นคำถามซอฟท์ๆแล้วค่ะ (จริงๆมีอีก แต่จำได้เท่านี้) เช่น อ่านหนังสือภาษาอังกฤษบ้างหรือเปล่า โตขึ้นอยากเป็นอะไรประมาณนี้ ประทับใจอะไรในธรรมศาสตร์ แล้วก็จบค่ะ อาจารย์บอกว่าจบแล้วไปได้ ในใจนี่แบบคะ?? จบแล้วเหรอ ไวมากกกกเลย จากที่อ่านรีวิวสอบสัมภาษณ์ของคณะต่างๆ อาจารย์จะพูดประมาณว่า มีคำถามมั้ย แต่ของเรานี่ไม่มีเลยค่ะ ไม่เหมือนที่อ่านมาเลย T___T แต่ในเมื่ออาจารย์ไม่ถาม งั้นหนูถามเอง!! ก็ถามไปว่าอาจารย์สอนวิชาอะไรเหรอคะ อาจารย์ก็บอกว่าสอน Translation จริงๆอยากถามต่อว่าหนูจะมีโอกาสผ่านมั้ยคะ แต่ก็เออไม่ถามดีกว่า เพราะอาจารย์นิ่งมากกกกถึงมากที่สุด ทำไมที่อ่านมาในรีวิวมีแต่คนเจออาจารย์เฮฮาๆ ชวนคุย ใจแป้วเลย พอออกจากห้องมาดูนาฬิกา ปรากฏว่าใช้เวลาสัมภาษณ์ไปแค่เกือบๆ 10 นาทีเองค่ะ ใจแป้วกว่าเดิม ไหนอาจารย์ชี้แจงไว้ว่าจะสัม 15-20 นาที นี่ยังไม่ถึง 10 นาทีดีเลยก็เสร็จแล้ว ฮือ เศร้าค่ะ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า you try your best laew T__T แต่สุดท้ายก็ติดเป็น 15 คนสุดท้าย กี้ดดด ขอบคุณอาจารย์ที่เห็นความสามารถและความพยายามในตัวหนูมากๆเลยค่ะ แงงงงง

           สุดท้ายนี้เราขออวยพรให้ทุกๆคนที่มาอ่านกระทู้นี้ให้สอบติดคณะที่อยากได้ มหาลัยที่ชอบ ถ้าตั้งใจยังไงก็ทำได้ สู้ๆน้าทุกคน love you ka eiei

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ttnevermiss 29 เม.ย. 63 เวลา 21:42 น. 4-1

ระเบียบการล่าสุดปี 63 ใช้คะแนนได้แค่ tu-get, ielts, toefl ค่า

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Bell 31 ส.ค. 63 เวลา 10:33 น. 7

พี่คะหนูไม่ค่อยเก่งอังกฤษเลยเวลาพูดจะเขินอายเเล้วพูดติดขัดบางทีก็เงียบเลย เรียนศิลป์-คำนวน หนูควรจะเตรียมตัวยังไงดีคะ

1
ttnevermiss 1 ก.ย. 63 เวลา 12:57 น. 7-1

พยายามฝึกพูดบ่อยๆค่ะ พูดกับตัวเองก็ได้ พูดรีวิววันนี้ รีวิวอาหาร คิด topic แล้วพูดเองวันละเรื่อง ลองฟังเพลงดูหนังแล้วพูดตาม โดยส่วนตัวพี่ฝึกประมาณนี้ค่า

0