เพราะอะไร นักเขียนถึงเริ่มเขียนนิยายคะ? ขอเคล็ดลับให้สมองเล่นด้วยค่ะ
ตั้งกระทู้ใหม่
เลยอยากจะถาม ทุกคนที่ผ่านมาเห็นกระทู้นี้ ว่า เพราะอะไร คุณ ถึงเริ่มเขียนนิยาย แล้วถ้าเขียนไม่ออก มีวิธีเรียกแรงบันดาลใจกลับมายังไงบ้างคะ
สำหรับเรา การเริ่มเขียนนิยาย เกิดขึ้นจากการอ่านนิยายค่ะ อ่านแล้วก็รู้สึกขัดใจ ถ้าเราเป็นคนเขียน มันต้องไม่เป็นแบบนี้ ก็เลยลองเขียนนิยาย ที่ตัวเองอ่านแล้วจะชอบ
ส่วนวิธีที่ทำบ่อยที่สุด คือเปลี่ยนจากพิมพ์บนคอมพิวเตอร์ เป็นเขียนลงบนสมุด ทำให้สมองเล่นขึ้นมากเลย แต่ทำบ่อยก็เริ่มกระตุ้นไม่ได้แล้ว
แวะเข้ามาเล่าสู่กันฟังด้วยนะคะ
23 ความคิดเห็น
เริ่มเขียนนิยายเพราะไม่มีนิยายให้อ่าน (+ เปลืองเงินค่านิยายมาก) ก็เลยใช้การเขียน (ที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ) แทน
ส่วนวิธีทำให้มีไฟ...ตอนนี้เราก็ยังทำไม่สำเร็จเหมือนกัน TT_TT (ไม่ได้เขียนมาหลายเดือนแล้ว)
เขียนแก้เครียดค่ะ เริ่มจากอาที่เลี้ยงมาเสียเลยเขียนแก้เครียด ได้นิยายมา 100 ตอน ปีที่แล้วคนในครอบครัวเสีย ได้เรื่องสั้นมา 31 เรื่อง เปิดขายหาเงินค่ากาแฟไป
วิธีทำให้มีไฟ ก็จากข้างบน เครียดมากจะยิ่งเขียนเร็วคนอ่านเห็นเราปั่นแฟนฟิครายวัน แต่เราไปบ่นในทวิตกับหน้าเพจว่าอยู่ในช่วงเครียดเลยปั่นรัวรัว ถ้าคำผิดมากหรือตกหล่นตรงไหนขออภัยด้วย อารมณ์ดีตะกลับมาแก้ใหม่ เรียบเรียงใหม่
ถ้าวิธีทำให้หัวโล่ง ๆ ก่อนเขียนให้นั่งสมาธิสัก 5-10 นาทีหัวจะได้โล่ง ๆ ค่ะ ปิดโซเชียลนะคะ จะได้ไม่รบกวนแล้วก็เขียนไปเลยค่ะ
เจอเม้นทวงรัวๆก็มีไฟค่ะ ไฟลุกพรึ่บ ไหม้ล้าววววววว~!! 555555
เจอเมนต์ทวงจะบอกว่า ช่วงนี้ติดงานค่ะ กองทัพเดินด้วยท้อง หรือโปรดสนับสนุนนักเขียน จะโดเนทหรือช่วยซื้อนิยาย มีน้อยซื้อรายตอน มีมากซื้ออีบุ๊ค
ส่วนใหญ่จะเจอนักอ่านใจดีบอกว่ารอนะคะประมาณนี้มากกว่าจะมาทวงกันค่ะ ยังไม่เจอรุนแรงขนาดที่บอกว่า ไม่อัพนิยายนานคนเขียนตายแล้วหรือ มีนักเขียนท่านหนึ่งบอกในทวิตว่าถ้าเจอเมนต์แบบนี้ลบทั้งทั้งเรื่องค่ะ ก็บันเทิงดี
ผม:ดับสนิท
เขียนเพราะอยากให้คนเข้ามาอ่านนิยายที่เกิดจากจินตนาการของเรา และถ้าเขาชอบจะยิ่งอยากเขียนต่อไปอีกหลายๆ เรื่อง แต่ถ้าไม่มีคนอ่านสักคน วันนั้นก็คงหมดไฟที่จะแต่งจริงๆ
ส่วนวิธีทำให้สมองแล่น คือ หยุดเขียนแล้วหาของกินก่อน กินเสร็จค่อยกลับมาคิด ค่อยๆ เขียน ออกมาแม้จะเขียนด้วยสปีดหอยทากก็ตาม แต่ยังไงก็เขียนจนจบตอนจบเรื่องได้ในสักวันหนึ่ง ส่วนที่ไม่หยุดเขียนแล้วดูหนังดูซีรี่ย์ เล่นเฟส เพราะถ้าดูจะติดมากจนไม่ได้เขียนนิยาย ถึงขั้นดองเป็นเดือนเลยก็มี
พอสมหวังแล้วไฟมอดป่ะคะ ได้เขียนอย่างที่อยากเขียนเลยมีฟีลแบบ...นิพพานแล้วววว ละแล้วซึ่งความมีไฟ 5555
.
ถ้าเริ่มเขียนจากความรู้สึกนี้ก็ต้องเติมไฟด้วยการอ่านให้มากขึ้นอีก ยิ่งนิยายที่คนรีวิวปาหมอนอ่ะ สอยมาเลย ให้มันขัดใจสุดๆ หน็อย~ เขียนงี้ได้ไงยะ!? มานี่!!!!
.
บางทีก็มีนะ เขียนถึงฉากที่มโนไว้เสร็จแล้วแบบ เทเลย ถ้างี้ควรเขียนเรื่องสั้นแบบไม่เกิน 100 หน้า A4 จะปลอดภัยกว่า
เริ่มเขียนเพราะว่า เดิมทีเราชอบอ่านนิยายมาก่อน และเป็นพวกไอเดียเยอะอยู่แล้ว เวลาอ่านนิยาย ดูละคร ดูหนัง ชอบคิดเนื้อเรื่องต่อ จนวันนึงมีคนบอกว่าเขียนนิยายสิ ถึงรู้ว่า เออ นั่นสิ เขียนก็ได้นี่นา
เหตุผลคล้ายๆ กันตรงที่ อ่านนิยายคนอื่นมันขัดใจ เลยเขียนเองซะ
แต่เดี๋ยวนี้กลับชอบอ่านนิยายคนอื่นมากกว่า คือนิยายตัวเองมันรู้เรื่องแล้ว อ่านคนอื่นได้ลุ้นก็เลยสนุกกว่าซะงั้น 55555
ถ้าเขียนไม่ออก วิธีหาแรงบันดาลใจเรามีหลายวิธี ทั้งคิดไปเรื่อยๆ ทำอย่างอื่น แล้วก็ อ่านนิยาย ดูหนัง ดูละคร ซีรีส์ ดูๆ ไป เห็นพระนางรักกัน พอฟินๆ กรี๊ดกร๊าดไปพักหนึ่งจะอยากกลับมาเขียนนิยายต่อ
อีกแรงผลักดันสำคัญคือ เมื่อมีคนมาแอดเฟบ คอมเม้นท์ และนิยายขายได้เงิน เป็นแรงผลักดันที่ทรงพลังที่สุดดดดด (ฮาาาาา)
จุดเริ่มต้นที่อยากเขียนนิยาย... ของเราเป็นเพราะอ่าน/เจออะไรในชีวิตจริงก็ชอบเก็บไปคิดต่อ พอถึงจุดที่เเน่นหัวสมองก็ระบายออกด้วยการเล่า แต่เพราะพูดไม่เก่งเลยเลือกที่จะเขียนแทนค่ะ
ช่วงไหนหมดไฟ น่าจะเป็นเพราะอารมณ์อยากเล่าเรื่องมันจางลง เราก็จะหันไปทำอย่างอื่นจนกว่าอารมณ์อยากเล่าจะกลับมา ซึ่งนิยายเเต่ละเรื่องที่เราเขียนจบ วิธีเเก้อาการหมดไฟก็ไม่เหมือนกันอีก อย่างเรื่องที่เขียนอยู่ตอนนี้ก็จะเเก้ด้วยการคุยกับน้องหมา 55555555
ถ้าให้เราแนะนำแบบจริงจัง วิธีคลาสสิกที่สุดเลยคือ อ่านหนังสือ ฟังเพลง ออกกำลังกาย คุยกับคนรอบข้าง โดยเฉพาะคุยกับเพื่อนนักเขียนด้วยกัน วิธีจดในกระดาษเราก็ชอบมากๆๆๆ เพราะเป็นคนชอบเขียนไดอารี่อยู่เเล้ว
ทั้งนี้ทั้งนั้นวิธีแก้ตันของแต่ละคนแต่ละช่วงเวลาอาจจะไม่เหมือนกัน
ในความคิดเรานะคะ เราว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำให้ตัวเองอยู่ในภาวะอิสระ อย่ากดดันมากไป เเล้วความคิดสร้างสรรค์จะวิ่งกลับมาหาเราเองค่ะ ถ้ากวักมือเรียกตรงๆ มันมักจะไม่ค่อยมา เป็นพวกเล่นตัวเก่ง 5555
มาสู้ไปด้วยกันนะคะ >w<v
เพราะอะไร คุณ ถึงเริ่มเขียนนิยาย
- น่าจะเริ่มจากเขียนเพราะอยากเขียนเป็นเหตุผลหลัก พยายามจะเข้าใจตัวเองก็ด้วย จริง ๆ ก็เคยสงสัยว่าเราจะทำตามเป้าหมายได้สักแค่ไหน เราจะหมกมุ่นกับเรื่อง ๆ เดียวได้สักแค่ไหน เพื่อจะได้เก็บความรู้สึกนั้นไปเป็นกำลังใจให้ตัวเองในเรื่องอื่นค่ะ
.
แล้วถ้าเขียนไม่ออก มีวิธีเรียกแรงบันดาลใจกลับมายังไงบ้างคะ
- ปกติจะใช้การวางเป้าหมาย ถ้ามีอะไรที่อยากจะเล่า ก็จะเขียนได้เรื่อย ๆ นะคะ เราว่าถ้าเขียนไม่ออกด้วยเหตุผลกำปั้นทุบดิน (แต่สวยงามและเป็นความจริงที่สุด อิอิ) ว่าไม่มีอารมณ์ จริง ๆ ก็แค่พัก แล้วไปทำอย่างอื่น หายเหนื่อยแล้วมีอะไรที่อยากจะเล่าก็ค่อยกลับมาเขียนต่อ นึกถึงตัวละครในหัวตลอดเวลาก็น่าจะเป็นแนวทางที่ดีเหมือนกันนะคะ จะได้มีอะไรให้โฟกัส และไม่งอกพล็อตใหม่ขึ้นมาอีก
เราเริ่มจากฟิคก่อนเลยค่ะ ฮ่าๆ ตอนนั้นอยู่ประมาณม.ต้นเพิ่งรู้จักรีบอร์นดูไปเรื่อยๆ แล้วคลั่งพรีโม่มากแต่บทคุณท่านน้อยเหลือเกินเหมือนหล่อแล้วค่าตัวแพง เราเลยเอามาแต่งฟิค ตอนนั้นเขียนใส่สมุดได้ 3 เล่มเลยค่ะ 5555 ก็มีคอมนะแต่ก็ไม่รู้ทำไมไม่พิมพ์ลงคอม จากนั้นก็เริ่มเขียนมาเรื่อยๆ มีโปรเจกต์ใหญ่ของตัวเองอยู่ เป็นนิยายลูกรักที่เขียนไม่เคยจบ พล็อตไม่เคยนิ่งมา 6-7 ปีแล้ว เหมือนยิ่งเราเขียนดีขึ้นพล็อตก็ยิ่งยากขึ้น เป็นเกมไล่ตามกัน ตามไม่ทันสักที ฮะๆ...ส่วนเรื่องปลุกไฟในการเขียน เราไม่มีวิธีที่แน่นอนนะคะแต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่มีไฟ ไม่อยากเขียน ต่อให้มีเนื้อเรื่องในหัวเราก็ไม่เขียนค่ะเพราะมันคิดคำอธิบายเนื้อเรื่องไม่ออก เขียนเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกว่าดีเหมือนพยายามเข็นรถที่มีคนเหยียบเบรกตลอดเวลา หงุดหงิดค่ะ เราเลยชอบปล่อย พอรู้สึกอยากเขียนแล้วค่อยกลับมาโดยลบของที่เคยเขียนไว้ก่อนเพราะถ้าเผลออ่านจะกลับมารู้สึกเขียนไม่ออกอีก ความรู้สึกส่วนตัวน่ะค่ะ อีกทางหนึ่งคือไปเอานิยายที่ชอบมาอ่าน พอเจอฝีมือการเขียนคนอื่นมันจะกระตุ้นเราเองค่ะ เวลาเราอ่านจะแทบไม่โฟกัสเนื้อเรื่องเลย เอาแต่คิดถึงเนื้อเรื่องตัวเองจนทนไม่ไหวต้องไปเขียน ประมาณนี้แหละค่าา
เกิดจากความมโนเป็นเรื่องราวก่อน บางทีหานิยายที่ตรงตามความชอบอ่านยาก นานๆทีจะเจอเรื่องถูกใจ ก็เลยแต่งขึ้นมาซะเอง วิธีทำให้หัวแล่นคือ กลับไปเสพแรงบันดาลใจแรกที่ทำให้คิดนิยายเรื่องนั้นได้ แล้วไฟมันก็จะกลับมา
อยากอ่านพล็อตแบบนั้นแบบนี้ แต่ไม่มี ไม่เจอค่ะ ก็เลยเขียนเองเรื่อย ๆ อย่างน้อยเราก็รู้เรื่องล่ะนะ คนอ่านจะรู้เรื่องหรือรู้สึกแบบเราไหม ไม่แน่ใจตาล๊อดดด 555
...เวลาหาแรงบันดาลใจก็ดูคลิปวิดีโอ ฟังเพลง พวกละคร รายการในยูทูป ทำไปเรื่อย ๆ อยากเขียนกะเขียน
เหตุผลหลักที่เริ่มเขียนนิยายก็คือ "ว่าง" ส่วนเหตุผลรองก็คือ "ขัดใจกับนิยายหลาย ๆ เรื่องที่ซื้อมาอ่าน"
วิธีทำให้มีไฟ อืมมม ตอบยากเหมือนกันแฮะ ปกติถ้าเราไม่อยากเขียน หรือไม่มีอารมณ์เขียน เราก็จะไม่เขียนเลย ไม่เคยคิดที่จะหาวิธีอะไรมากระตุ้นด้วย (〃・ิ‿・ิ)ゞ
นักเขียนส่วนใหญ่ก็มาอารมณ์เดียวกับศิลปินที่เป็นนักวาดรูปภาพนั่นแหละครับ ถ้าคุณเคยดูหนังเก่าเรื่อง “แฟนฉัน” คุณจะนึกภาพออกได้ทันทีว่า ทำไมพ่อของนางเอกถึงต้องเรียกอารมณ์ตัวเองมาก่อนถึงจะตัดผมลูกค้าได้
ความหมายก็คือ ถ้าตัวเราไม่มีอารมณ์จะแต่ง ก็พยายามไปหาแรงบันดาลใจครับ ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เดินเที่ยวที่นู่นที่นี่ หรือแม้กระทั่งอ่านนิยาย บางครั้งเราอาจไม่เพียงแค่ได้แรงบันดาลใจมาอย่างเดียว ยังได้แรงฮึดกลับคืนมาอีกด้วย
เริ่มเขียนนิยาย : เหตุผลเดียวกับจขก. เลยค่ะ ^^ และส่วนตัวก็ค่อนข้างเป็นคนที่จิตนาการล้ำเลิศ ชอบเพ้อฝันอยู่ตลอด
วิธีเรียกแรงบันดาลใจกลับมา : อันนี้มันก็แล้วแต่คนอ่ะเนาะ ต่างคนต่างก็มีวิธีเป็นของตัวเอง และสำหรับวิธีของเราคือ #ฟังเพลงแนวเดียวกับนิยายที่แต่งอยู่ แล้วเราก็คิดภาพตามเนื้อเพลงไปเรื่อยๆ จิตนาการว่าคนที่ถูกพูดถึงอยู่ในเพลงนั้นๆคือเราค่ะ
#ไม่รู้ว่าจะมีประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แต่ก็สู้ๆนะคะ ^^
หางานอดิเรกที่ชอบทำ ให้รู้สึกสบายใจค่ะ เช่น ฟังเพลง วาดรูป อ่านหนังสือ ฯลฯ พอสมองปลอดโปร่ง ทีนี้การเขียนนิยายสำหรับเราก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว^^ เราว่าลองหาแรงบันดาลใจสักอย่างในการเขียนนิยายดีไหมค่ะ เช่น ดารา นักเขียนนิยาย น้องสัตว์เลี้ยง ฯลฯ
เราเขียนเพราะต้องการระบายอารมณ์อ่ะค่ะ แต่กลายเป็นว่าเอาอารมณ์มาใส่ในนิยายแทนซะงั้น จากที่เศร้าอยู่แล้วเศร้าหนักกว่าเดิมอีก
จริงๆ ก็แอบเป็นคนชอบดองเหมือนกันค่ะ แต่พอเห็นนักอ่านทวงบ่อยๆ เราจะมีไฟลุกเขียนต่อได้อ่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน สงสัยชอบโดนด่า 5555
เป็นคนชอบคิดฟุ้งซ่านเรื่อยเปื่อย แต่วนอยู่ซ้ำๆ ที่เดิม การเขียนเหมือนได้ขยำก้อนความคิดชุดออกมา แล้วก็เลิกคิดเพราะมีบทสรุปให้อ่านแล้ว
เจอเรื่องใหม่ๆ ก็คิดอีก เพ้อเจ้อวนไปอีก
ปิดไฟ เอาผ้าห่มคลุมโปง พิมพ์นิยายในโทรศัพท์ช่วงตี 2- 8 โมงเช้า พล็อตมาพรึ่บพรับเลยค่ะ555
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?