Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิวการสอบเข้าเภสัชจุฬาฯใน 6เดือน เน้นอ่านเอง!! หนังสือที่อ่าน+วิธีการเตรียมตัว เทคนิคต่างๆ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีครับ เป็น dek61 ปัจจุบันอยู่เภสัชจุฬาฯปี 2 ครับ บางคนอาจจะพอรู้จักบ้างแล้ว เป็นเจ้าของไอจี @pharmcare.study นะ^^ (ไปติดตามกันได้นะค้าบบ)

สามารถติดตามคอนเทนต์และบทความใน Dek-D อื่น ๆ ได้ที่ 
https://pharmcare-study.carrd.co/
(รวบรวมไว้แล้วครับ)

วันนี้จะมารีวิววิธีการเตรียมตัวสอบ+หนังสือที่ใช้นะครับ (จริงๆสัญญาไว้ว่าจะลงตั้งเเต่ปีที่แล้ว แงงง ;-;) แต่ต้องขอบอกก่อนนะครับว่าอันนี้เป็นวิธีที่เราใช้ อาจจะมีถูก-ผิดบ้าง อยากให้ลองอ่านแล้วหยิบแค่ส่วนที่เป็นประโยชน์กับตัวเราเองมากที่สุดไปใช้น้า

ต้องบอกก่อนว่า เราใช้เวลาเตรียม 6 เดือน เริ่มจาก 0 และอ่านหนังสือเองเป็นหลัก (แต่เวลาเรียนที่โรงเรียนก็คือตั้งใจเรียนนะ) เคยลงคอร์สตะลุยโจทย์ (แต่เรียนแบบเด๋อๆเพราะไม่ค่อยได้เรียนพิเศษ ละสุดท้ายก็เรียนไม่ทันเลยเทคอร์สไป555) ที่สำคัญเราสอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนต่ำสุดนะครับ (54.6582) วิชาเฉพาะเราได้ต่ำกว่ามีนอีกมั้งนะ5555 (ถ้าอยากดูคะแนนตอนสอบเข้า   สามารถไปดูที่ด้านล่างสุดเลยค้าบบ (ที่ไปต่อในคอมเมนต์) แต่ถ้าอยากดูเกรดมหาวิทยาลัยของเราให้ไปดูในไอจีครับ) และที่อยากเสริม คือเรารู้สึกว่าคะแนนสอบเป็นเหมือนตั๋วผ่านจริงๆ เพราะพอในมหาวิทยาลัยทุกคนเหมือนเริ่มต้นใหม่หมดเลย ;w; ดังนั้นไม่อยากให้เครียดเรื่องคะแนนสอบเข้ามากเท่าไหร่น้าพอเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยแล้วอ่า


หลักๆกระทู้นี้ก็มีอยู่ 4 เรื่องนะครับ (ถ้าไม่พอ จะไปต่อในเม้นต์ฮะ)
1. การเตรียมตัว การวางแผน การอ่านหนังสือ
2. เราอ่านหนังสือยังไง
3. เทคนิคการเตรียมตัวแต่ละวิชา + หนังสือที่ใช้
4. เรื่องที่เรียนพิเศษ
5. บทสรุป

-----------------------------------------

1.การเตรียมตัว การวางแผน การอ่านหนังสือ

ก่อนที่เราจะเริ่ม เราอยากให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดก่อนนะ โดยเฉพาะความคิดที่ว่าเราไม่เก่ง ไม่มีทางสอบติดหรอก ไม่ได้มาจากโรงเรียนดังๆ ฯลฯ ถ้าคิดแบบนี้มันก็จะทำไม่ได้อยู่แบบนั้นอ่ะ แต่ถ้าเราเปลี่ยนมาคิดว่าทุกคนก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่ได้แตกต่างกันตรงไหนเลย ถ้าเขาอ่านหนังสือ ทำโจทย์ ฝึกฝนเรื่อยๆแล้วสอบติด เราก็ต้องทำได้เหมือนกันสิ ใช่ม้า เพราะเราเองก็เริ่มจาก 0 เหมือนกัน เขาก็เริ่มจาก 0 เหมือนกัน ทุกคนก็เริ่มจาก 0 เหมือนกัน ไม่มีใครเกิดมาแล้วแซงใครก่อนตั้งเเต่แรกถูกมะ ละถ้าเราขยันอ่าน ขยันฝึกฝนมันก็ต้องสอบติดได้เหมือนกัน :) พยายามหากำลังใจให้ตัวเองเยอะๆ มั่นใจเข้าไว้ สู้ๆ!!

ก่อนอื่นเลยเราจะเริ่มจากการค้นหาตัวเองก่อนครับว่าเราจะเข้าคณะอะไร อย่างเช่นในกรณีนี้เราอยากเข้าคณะเภสัชศาสตร์ เราก็จะลองไปเช็ครายละเอียดดูว่าเข้าคณะเภสัช ต้องสอบอะไรบ้าง ของม.อะไร ละรายละเอียดเป็นยังไง ซึ่งเส้นทางที่เราเลือกคือกสพท+แอดมิชชั่นครับ (ตรงนี้สำคัญมากๆ อยากให้ศึกษาให้ละเอียดนะครับ บางคนสอบได้คะแนนเยอะมากๆ แต่โอเน็ตได้ต่ำกว่า 300 ก็ต้องรอปีหน้าเลยเด้ออออ)

หลังจากนั้นเราก็ลองไปดูคะแนนสูง-ต่ำของปีก่อนๆ แล้วเข้าไปตามเว็บคำนวณคะแนนต่างๆ เช่น https://www.admissionpremium.com/ctms/chart/
https://www.dek-d.com/tcas/calculator/
แล้วลองป้อนคะแนนเล่นๆดู ว่าเอ๊ะ สำหรับเราน่าจะต้องสอบแต่ละวิชาให้ได้เท่าไหร่กันนะถึงจะสอบติด แล้วเอามาตั้งเป็นเป้าหมายว่าเราต้องอ่านหนังสือให้ได้คะแนนเท่านี้ (ซึ่งตรงนี้ยืดหยุ่นมากๆนะครับ แบบพอเราเตรียมตัวไปพักนึงเราก็เออ มันยากไป ;;-;; สุดท้ายเราก็เลยปรับๆโดยพยายามเอาบางวิชามาทดแทน)

เสร็จแล้วเราจะไปศึกษาดูว่าแต่ละวิชานั้นเป็นยังไง สอบอะไรบ้าง และที่สำคัญมากๆๆๆ คือ "สถิติข้อสอบย้อนหลัง" นั่นเองง ซึ่งเราสามารถหาได้บนเน็ตเลยเพราะมันจะมีของพวกสถาบันติวต่างๆมาลงอยู่ อันนี้ตัวอย่างของ OpenDurian นะครับ

https://www.opendurian.com/news/what_is_7_math/
ซึ่งมันจะมีลักษณะทำนองนี้เยอะมากๆๆๆ แต่สำหรับพวกวิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษหรือสังคม อาจจะหายากหน่อยเด้อ ซึ่งสำหรับเราแทบไม่ได้หาของวิชาพวกนี้เลย จะไปเน้นหาพวกฟิสิกส์ เคมี ชีวะ คณิต ละก็วิชาเฉพาะแทน

หลังจากนั้นเราเอาข้อมูลพวกนี้มาทำเป็นตารางที่เข้าใจง่าย ประมาณนี้ครับ

https://drive.google.com/file/d/1OXqriFaeM3x-JGTPzRPfO5WCHEHGZYar/view?usp=sharing
(อยากให้ทำเป็นของตัวเองน้าาา ดูอันนี้เป็นตัวอย่างพออ555 แล้วแต่เราจะออกแบบเลยๆๆ)
ทีนี้เราก็จะรู้แล้วว่า ในวิชานี้ บทไหนที่มันคะแนนเยอะ แล้วเราควรอ่านเรื่องไหนก่อนดี เพราะเป้าหมายของเราในตอนนี้คือต้องสอบให้ได้คะแนนตามที่เราตั้งไว้ถูกต้องมั้ยครับบ^^ และที่สำคัญ เราปริ้นตารางอันนี้แปะไว้บนโต๊ะเลยย แล้วจะมาติ้กๆว่าเวลาอ่านเราเก็บบทไหนได้แล้วบ้าง

ทีนี้ก็ได้เวลาแล้วครับ เราก็จะมาแพลนการอ่านหนังสือกัน!! โดยในการอ่านหนังสือเราจะแพลนเป็นระยะยาวไปก่อนเลย สำหรับเราที่เตรียมตัว 6 เดือน เราจัดให้ 4 เดือนแรกเป็นเน้นการอ่านเป็นหลัก (แต่สำหรับวิชาคำนวณต่างๆ ก็คือฝึกทำโจทย์จำสูตรจำทฤษฎีให้เข้าใจเรื่อยๆ) พอมา 2 เดือนก่อนสอบ ก็จะเริ่มงัดเอาข้อสอบย้อนหลังต่างๆมาทำจ้าาา

โดยช่วงปิดเทอม (ตอนนั้นเป็นปิดเทอมขึ้นเทอม 2 ของม.6) เราตั้งเป้าหมายคืออ่าน 8 ชั่วโมงต่อวัน!!! (ซึ่งพออ่านจริงๆ ได้เฉลี่ยแล้วทั้งเดือนแค่วันละ 4-5 ชั่วโมงซึ่งไม่อยากให้ทำตามเน้ออ555) โดยมันจะเป็นการแพลนไปเลยว่าวันนึงจะอ่านอะไรบ้าง เป็นเหมือนตารางเรียนอ่ะ โดยเราจะจัดให้วันนึงมีวิชาคำนวณและท่องจำคละๆกัน มันจะได้ไม่หนักด้านใดด้านหนึ่ง แล้วก็จัดให้มันมีเวลาพักไว้ด้วยเด้อออ สำคัญมาก!!!  (หรือถ้าใครไม่ชอบจัดตารางก็ไม่ต้องจัดก็ได้นะ แต่ก็ต้องระวังเรื่องการอ่านหนังสือ เพราะวิชาไหนที่เราไม่ชอบก็ต้องผลักหรือหาเวลามาอ่านให้ได้ด้วยเหมือนกันนะ ห้ามเท!!! 5555)

**ขอมาเสริมนะค้าบบ จริงๆแล้วในช่วงแรกๆ มันจะมีความขี้เกียจซึ่งอันนี้เป็นทุกคนเลย หรืออีกภาษาก็เหมือนการที่เราหมดไฟในการอ่านหนังสือนั่นเอง ซึ่งวิธีแก้ในกรณีที่เราพึ่งเริ่มอ่านหนังสือ คือค่อยๆตั้งเป้าหมายวันละนิดนะครับ เช่นวันนี้ขอ 1 ชั่วโมงได้มั้ย (ตั้งน้อยๆไว้ก่อน มันจะได้ไม่รู้สึกว่าเยอะที่จะเริ่มอ่าน) แล้วค่อยๆปรับวันละนิด จนได้สุดที่เรารู้สึกว่ามันโอเคฮะ! รวมถึงอ่านเสร็จทุกครั้ง อย่าลืมให้รางวัลตัวเองด้วยการพักผ่อน หรือหาแรงบรรดาลใจมาเป็นกำลังใจให้ตัวเองสม่ำเสมอนะครับ ^^**

ส่วนตอนเปิดเทอม เป้าหมายเราคืออ่านวันละ 2 วิชา (ยกเว้นเสาร์อาทิตย์ที่เป็น 3 วิชา) โดยแต่ละวิชาจะพยายามอ่านให้ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมงนั่นเองจ้าา ซึ่งตอนเปิดเทอมเป็นไปได้ก็อยากให้อ่านหนังสืออิงกับเนื้อหาที่โรงเรียนสอนไปในตัว เราจะได้ทวนหนังสือไว้สอบมิดเทอมหรือไฟนอลของโรงเรียนได้เลย

ทีนี้ในเรื่องของการอ่านหนังสือ เราจะขอแนะนำวิธี pomodoro นั่นเองจ้าา เป็นวิธีการอ่านหนังสือที่เราจะอ่าน 25 นาที แล้วก็พัก 5 นาที (ทำแบบนี้วนไปเรื่อยๆ) สาเหตุที่มีวิธีนี้เพราะสำหรับบางคนจะมีความสามารถที่จะโฟกัสกับการอ่านหนังสือได้แค่ 25 นาทีจริงๆถ้าเกินมันก็จะเหมือนแบบสมงสมองลอยอะไรทำนองนี้5555 (ซึ่งเราเป็นจริงๆ555555) หรือถ้าใครที่รู้สึกว่าตัวเองโฟกัสได้นาน ก็อาจจะปรับเป็น 30-5 หรือ 50-10 ก็ได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีแอพต่างๆมากมายแล้วโดยในตัวที่เราใช้จะเป็น Focus To-do (ซึ่งมีข้อจำกัดอยู่จ้าสำหรับแบบฟรี แต่เอาจริงก็ไม่อยากให้ลงทุนมากนะ อยากให้ลองดูก่อนว่าได้ผลกับเราป่าวละค่อยลงทุน)

ซึ่งข้อดีของแอพที่เราใช้ มันจะสามารถแสดงผลเป็นแบบนี้ได้ด้วย ว่าวิชานึงอ่านได้เท่าไหร่ ซึ่งจะสามารถเอาไปใช้ในการวางแผนต่างๆได้ว่าเออ เราอ่านวิชานี้เยอะไปป่าว ควรปรับตารางการอ่านหนังสือมั้ยเดี๋ยวจะไม่ทัน อะไรทำนองนี้ (มีวิธีสอนใช้คร่าวๆในไอจีเราด้วยจ้าา)

แต่!! สิ่งที่สำคัญมากคือเวลาเราจับเวลาอ่ะ เราจะต้องไม่โกงตัวเองนะ ไม่อ่านก็คือหยุดเวลา อย่าโกงว่าเราอ่านได้เยอะ และถ้าเราอ่านแต่สมาธิหรือสติหลุด ก็ห้ามจับต่อเหมือนกัน มันถือว่าเราไม่ได้โฟกัสกับการอ่านหนังสือจริงๆอ่ะ ละตัวเลขมันจะออกมาเยอะจนเราอาจคิดไปเองว่าเราอ่านหนังสือเยอะแล้ว


หรือถ้าใครไม่ชอบใช้แอพ ก็สามารถใช้เป็นตัวแพลนเนอร์กระดาษได้จ้าา ภาพอาจจะแตกนิดหน่อยนะ (ซึ่งตอนสอบเข้า เราใช้แพลนเนอร์งี้นะ55555 ตอนนั้นไม่ได้ใช้แอพเน้อ ส่วนตอนจับเวลา เราไปซื้อนาฬิกาจับเวลา 20-30 บาทมาอ่ะ ที่มันใช้จับเวลาทำอาหาร ซึ่งก็รู้สึกว่าให้อารมณ์คล้ายๆกัน เพราะบางทีถ้าจับในแอพมันก็อาจจะแบบ โทรศัพท์อยู่ใกล้ตัวอ่ะ ก็เสี่ยงที่เราจะหยิบมันมาเล่นอ่ะเนอะ55555)
อันนี้เป็นตัวแพลนเนอร์ที่เราทำเองขึ้นมานะ ตามในรูปเลย https://drive.google.com/file/d/1e3oinyXtpyXRbPNPXQawGL6mKbDKMLNQ/view?usp=sharing

ละก็ขอแทรกเรื่องการทำข้อสอบย้อนหลังนิดนึง นั่นก็คือก่อนทำข้อสอบย้อนหลังเราควรที่จะเก็บเนื้อหาได้ครบก่อน แบบพร้อมไปสอบอ่ะ (ถ้าอ่านไม่ทันแล้วก็เอาแบบคร่าวๆก็ได้เด้อ เพราะก่อนสอบยังไงก็ควรได้ทำข้อสอบย้อนหลัง!!) โดยเราจะปริ้นกระดาษคำตอบมา จำลองการทำข้อสอบย้อนหลังเปรียบเสมือนว่าเป็นสนามจริงเลย! ละก็จับเวลาจ้าา จำลองให้เหมือนการสอบจริง ที่สำคัญอย่าแอบอ่านหนังสือหรือดูโพยด้วย ถ้าเสร็จก่อนเวลาก็เปิดเช็คข้อสอบด้วยว่าพลาดอะไรมั้ยเหมือนสอบจริงๆ พอหมดเวลาก็คือหมดห้ามทำต่อ ละก็มาเปิดเฉลยแล้วนับคะแนนที่เราได้ดู และนั่นจะเป็นคะแนนที่เราจะได้จริงๆเลยถ้าข้อสอบออกแบบนี้ในสนามจริง การทำแบบนี้จะทำให้เราสามารถมาวิเคราะห์ได้ว่าเราพลาดอะไร เราพลาดเรื่องไหน ทำไม่ทัน ประมาท พลาดที่ไม่ได้เปิดทวน หรือทำไม่ได้เพราะไม่รู้จริงๆ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นรอยรั่วที่เราต้องอุดให้ได้ก่อนไปสอบจริงๆจ้าาา ถ้าอันไหนที่พลาดก็ปรับปรุงแก้ไข ถ้าเรื่องไหนเราไม่รู้ก็ไปอ่านบทนั้นให้มากขึ้น ทำโจทย์ ทำแบบฝึกหัด ฯลฯ
อันนี้กระดาษคำตอบที่เราใช้นะ https://drive.google.com/file/d/15GLnbqxhkauJqiJizHgdJZsfMIuGijOe/view?usp=sharing
ส่วนอันนี้คือแบบ 4 ชุดต่อ 1 แผ่น
https://drive.google.com/file/d/1ni8I1Q1-1tg9K6JKQG3Dl6S05EStCUxm/view?usp=sharing

ที่สำคัญเลย ถ้าทำข้อสอบฉบับนั้นแล้ว อยากให้เว้นไปช่วงนึงก่อนค่อยทำซ้ำนะ ให้มันลืมๆไปก่อน แบบ อยากให้ระวังในเรื่องของการทำข้อสอบเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาจนกลายเป็นการจำโจทย์จำช้อยจำวิธีทำไป มันจะทำให้เรามองข้ามเรื่องวิธีการตีโจทย์ให้แตกอ่ะ ถึงอยากให้เก็บเนื้อหาได้ระดับนึงก่อนแล้วค่อยทำข้อสอบย้อนหลังเด้อ (ข้อสอบย้อนหลังมีจำนวนจำกัดด้วย ต้องใช้ให้คุ้มม)

-----------------------------------------

2.เราอ่านหนังสือยังไง?

อันนี้เป็นคำถามที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะสงสัยเหมือนกัน ซึ่งอยากจะบอกว่ามันง่ายมากกก ก่อนอื่นเลยเราก็อ่านหนังสือไม่เป็นนะ จนม.4เราได้ค้นพบว่า วิธีการที่ถูกต้องคือมันต้องอ่าน ให้มันจำได้!!  อ่านให้มันเข้าใจและพูดหรือเล่าอธิบายออกมาได้!!   ซึ่งหลังจากนั้นมันเหมือนเป็นการเปิดโลกของเราเลย5555555 ลองนึกเวลาเราอ่านการ์ตูนสิ เราจำได้เพราะอะไร เพราะเราอ่านแล้วมีภาพแล่นอยู่ในหัว อ่านแล้วเข้าใจ เอาไปเม้าเอาไปเล่ากับเพื่อนได้ จำชื่อตัวละครต่างๆได้ ทั้งหมดมันเพราะว่าเราผ่านอะไรแบบนี้บ่อยๆ เราพยายามทำความเข้าใจกับมันเรื่อยๆ ซึ่งการอ่านหนังสือเรียนก็เป้นแบบนั้นเลย แต่!! ติดตรงที่บางทีมันไม่ได้น่าอ่าน (ก็ต้องพยายามทำให้มันน่าอ่านหน่อยนะ แง ;-;)

ในการอ่านหนังสือเรียน เราจะมีเทคนิคนั่นคือพยายามแบ่งให้ได้ว่า ส่วนไหนคือส่วนที่เราต้องจำ ส่วนไหนคือส่วนที่เราต้องทำความเข้าใจ เช่น

เรื่อง การย้อมสีแกรม
สิ่งที่ต้องจำ:  การย้อมเซลล์แบคทีเรีย ถ้าแกรมลบจะติดสีแดงของ Safranin ถ้าแกรมบวกจะติดสีม่วงของ Crystal Violet
สิ่งที่ต้องเข้าใจ:   ก็แกรมบวกเนี่ยชั้น peptidoglycan มันหนาถูกม้าา อี complexๆ ของสีมันเลยออกมาไม่ได้ตอนเราล้างด้วย alcohol แต่พอมาของแกรมลบ มันล้างออกง่ายมากกก  พอมันหลุดออกไปแล้วเอา safranin มาหยดก็เลยติดสีแดง (อันนี้อธิบายแบบย่อๆเฉยๆนะแง จริงๆยาวกว่านี้)

เรื่อง  ฟิสิกส์กลศาสตร์
สิ่งที่ต้องจำ:   กฎนิวตัน  sigma F = 0
สิ่งที่ต้องเข้าใจ  สูตรนี้ประยุกต์ได้เยอะมากกก ใช้ในสภาวะที่มันหยุดนิ่งเป็นหลัก ไม่มีความเร่ง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงความเร็วไรงี้ ละเราก็แตกๆๆแรงได้ โดยผลรวมของแรงมันจะเท่ากับ 0 เสมอ เพราะมันมีกฎอีกกฎทีี่ action = reaction บลาๆๆ

เรื่อง  Electronegativity
สิ่งที่ต้องจำ:  F O CL N Br I S C .... H (จำไปว่า Fossil n brisk)
สิ่งที่ต้องเข้าใจ:  ก็คือความสามารถในการดึง e เข้าหาตัวเอง เรียงจากมากไปน้อย

เรื่อง  การไหลเวียนของเลือดในระบบหัวใจ
สิ่งที่ต้องจำ:    ชื่อห้อง ชื่อเส้นเลือด ชื่อ valve ต่างๆ
สิ่งที่ต้องเข้าใจ:  (อันนี้คือจำเป็นภาพในหัว) มันก็จะไหลจากตรงนี้ๆๆ ผ่าน valve อันนึง ตรงนี้ยัง O2 น้อยอยู่ แล้วเข้าปอดผ่าน valve อันนี้ ฟอกเสร็จไหลกลับมา ตรงนี้ O2 เยอะละ ลงไปอีกห้องผ่าน valve นึง ละออกหัวใจผ่าน valve นึง ละก็ในเรื่องนี้เราจะใส่เงื่อนไขไว้ด้วยว่า ถ้าตรงนี้ด้านซ้าย พลิกมันเป็นขวาด้วยนะ5555555
(แบบคร่าวๆเช่นกันนะอันนี้)

โดยส่วนที่เราต้องจำเนี่ย เป็นส่วนที่แบบ มันต้องท่องไปเลยอ่ะ เช่นสูตร ศัพท์เฉพาะ หรือเทคนิคการจำต่างๆ (ตารางธาตุไรงี้ เราเชื่อว่าทุกคนมีวิธีการจำเป็นของตัวเองนะ5555) เพราะถ้าจำไม่ได้คือจะเดาไม่ได้เลย บางทีอาจเดาจากรากศัพท์ได้ แต่ก็จะยากมากกก    แต่!!!!   ข้อดีคือเราสามารถจำแบบลางๆได้ แต่พอเจอข้อสอบ เราต้องนึกมันให้ออกนะว่าอันนี้คืออะไร เช่น เรื่อง photorecepter ในตาเราคุ้นๆว่ามัน Cๆ อะไรสักอย่างที่รับแสงสีต่างๆได้ พอเราดูช้อยเจอ Cones ก็จะ อ่ออออออ อันนี้แหละ (มันจะคุ้นๆอ่ะ ถ้าเราอ่านมันมาก่อนแล้ว)

ซึ่งในส่วนของการจำเนี่ย มันมีหลายวิธีมากกก (แต่เรานิยมวิธีการอ่านให้มันคุ้นๆมากกว่านะ) แต่ถ้ามันหลีกการจำไม่ได้จริงๆ เช่นศัพท์ภาษาอังกฤษ ก็ต้องท่องจ้าา ถ้าไม่ท่องก็คัด ไม่คัดก็แต่งนิทาน หรือคิดวิธีจำง่ายๆมา หรือวิธีที่แหวกแนวกว่านั้นก็เช่นการทำ Flashcard นั่นเองง
https://quizlet.com/


โดยอันนี้เป็นตัวอย่าง พอเรากดปุ้บ มันก็จะขึ้นความหมายมา (ซึ่งเราสามารถทำการ์ดเองได้นะ มันดีมากๆๆๆ รวมถึงยังมีระบบ Learn อีกด้วย นั่นก็คือถ้าเราจำไม่ได้ มันจะเอาการ์ดอันนั้นวนกลับมาใหม่อีก แต่ถ้าเราจำได้แล้ว มันจะเอาไปเก็บไว้เลย ละค่อยโผล่มาอีกทีตอนหลังๆ)

ต่อไปจะเป็นในส่วนที่ต้องทำความเข้าใจ ซึ่งเป็นส่วนที่สบายมากก เพราะมันไม่ต้องจำสักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะใช้ความเข้าใจล้วนๆเลย โดยถ้าเป็นเรื่องยากๆที่เราอ่านแล้วยังไงก็ไม่เข้าใจ เช่น TCA Cycle ไรงี้ แบบอะไรไม่รู้ยุ่งๆไปหมดเลย ให้เราเอามาทำเป็นมายแมพ ทำเป็นสรุปในแบบของเราเอง ให้เราอ่านแล้วเข้าใจ เป็นภาษาของเราที่เข้าใจ (มันจะเหมือนการที่เราย่อยเนื้อหามาแล้วอ่ะ) หรือถ้าเป็นเรื่องกลศาสตร์ไรงี้ ก็จะทำสรุปไว้ว่าเออมันแตกแรงได้แบบนี้นะ มันแตกแบบนี้ได้เหมือนกัน บลาๆๆ ให้เรากลับมาอ่านแล้วเข้าใจอ่ะ หรือเรื่องฮอร์โมนเช่นร่างกายเราขาดน้ำ ADH ที่ทำหน้าที่ดุดน้ำกลับก็เลยเยอะ ร่างกายจะได้ไม่ขาดน้ำ เพราะถ้าขาดน้ำปริมาณเลือดเราจะน้อยลง น้อยมากๆก็ shock ตายได้ แถมเลือดข้นอีกเลยดึงน้ำออกจากเซลล์เยอะ บลาๆๆๆ

ซึ่งส่วนใหญ่จุดนี้ใช้เวลาทบทวนไม่ค่อยนานเท่าไหร่เลยถ้าเราย่อยเนื้อหามันมาแล้ว แบบถ้าเข้าใจแล้วมันมักจะเข้าใจได้นาน แล้วจะเอาไปโยงนู่นโยงนี้ได้เด้ออออ

-----------------------------------------

3.เทคนิคการเตรียมตัวแต่ละวิชา + หนังสือที่ใช้

ทีนี้จะมาลงรายละเอียดในเรื่องเทคนิคการเรียนการเตรียมตัววิชาต่างๆที่เราใช้และรู้สึกว่าโอเคสำหรับเรา รวมถึงหนังสือด้วย (ยังไงก็ตามอยากให้ลองหาวิธีที่เป็นแนวทางที่เป็นของตัวเองมากที่สุด หรือหนังสือที่เราอ่านแล้วรู้สึกเข้าใจมันได้ง่าย ที่สำคัญอยากให้อ่านให้ครบทุกวิชาที่เรารีวิวไว้นะ!!) 
ปล.พวกเทคนิคจะขีดเส้นใต้ไว้ให้ครับบ

1.วิชาฟิสิกส์

หนังสือที่เราใช้เป็นหลักคือฟิสิกส์ขนมหวานทั้ง 3 เล่ม คือเรารู้สึกว่าหนังสือนี้มันครบมากๆสำหรับเราอ่ะ แบบมันเป็นการเอาเนื้อหา ทฤษฎี สูตรมาให้เราอ่าน ให้เราทำความเข้าใจ เสร็จก็จะมีโจทย์(โดยโจทย์จะเรียงจากง่ายไปยาก) ซึ่งตัวโจทย์ก็จะฝึกให้เราคิดและวิเคราะห์โจทย์เป็น ไม่ได้แบบให้เราจำสูตรไปอ่ะ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันครบมากๆๆๆ โดยเราจะทำสรุปในส่วนเนื้อหา ทฤษฎี สูตรไว้ในสมุดโน๊ตของเรา ไว้เวลาเราลืมอะไรก็จะมาเปิดทวนในนี้ได้จ้าาาา

โดยในวิชานี้สิ่งที่สำคัญสำหรับเรา คือจำ Concept ให้ได้ครับ เพื่อที่ได้สามารถทำโจทย์ได้หลากหลายรูปแบบเด้ออ โดยเราต้องวิเคราะห์โจทย์ให้เป็น ตีโจทย์ให้แตก ไม่ใช่จำๆไปว่าแบบนี้ทำแบบนี้อย่างเดียว แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าทำไมถึงต้องคำนวณแบบนี้กับสถานการณ์แบบนี้   หลังอ่านเสร็จเราก็มาทำข้อสอบย้อนหลังยาวๆเลยจ้าา เพื่อที่จะได้จับแนวข้อสอบได้ (แต่ที่สำคัญอีกคือ วิชานี้ข้อสอบออกแนวเดิมมานานมากถ้าลองดูที่สถิติ เราเลยเทบางบทไปเลยเพราะอ่านไม่ทัน5555)
ปล.อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่เวลาเหลือน้อยมากๆ หรือไม่ชอบหนังสือที่มีโจทย์เยอะเด้อ แต่คหสตเรายังรู้สึกว่าฟิสิกส์เป็นวิชาที่ควรทำโจทย์เยอะๆจ้า

2.วิชาเคมี

สำหรับวิชานี้ เราอาจจะแนะนำให้มากไม่ได้ เพราะเป็นวิชาที่เราอ่อนมากๆ555 สำหรับวิชานี้เราใช้ทั้งหมด 3 เล่ม -เล่มของติวเตอร์พ้อยไว้สำหรับเก็บเนื้อหา ทฤษฎี และพาร์ทท่องจำต่างๆ 
-เล่มสรุปเข้มเคมีคำนวณม.ปลาย เล่มนี้เอาไว้สำหรับเก็บเนื้อหาคำนวณรวมๆ
-เล่ม15พ.ศ. อันนี้เหมือนเป็นเล่มหลักที่ทำให้เราเข้าใจเนื้อหาเลย เพราะแบบด้วยความที่เราอ่อนเคมีมากๆเลยใช้วิธีการทำข้อสอบในเล่ม 15พศ.ไปเรื่อยๆ ตอนแรกๆก็ทำได้น้อยมาก แต่จะมานั่งหาวิธีการทำข้อต่างๆที่เราทำไม่ได้บนเน็ตแทน พอทำบ่อยๆก็รู้สึกว่ามันโอเคขึ้นอยู่นะ

3.วิชาชีวะ

หนังสือที่เราใช้คือหนังสือชีวะระยะประชิด(เวอร์ชั่นเก่า พอดีหาหนังสือกับรูปไม่เจอ แงง) + เล่มนกยูง ซึ่งเรารู้สึกว่าทั้งสองเล่มนี้เนื้อหามันขาดๆอยู่ถ้าอ่านเล่มเดียว ตอนแรกเรามีแค่ระยะประชิดละรู้สึกว่าเนื้อหามันไม่ครบเลยไปซื้อนกยูงมา ซึ่งบังเอิญทั้งสองเล่มรวมกันแล้วมีเกือบทุกประเด็นเลยย เราเลยรู้สึกว่าสองเล่มนี้คู่กันแล้วมันดีมากๆ แถม เล่มนกยูงสีกับรูปสวยมากเด้อออ + เราใช้เล่ม15พ.ศ.ด้วย
วิชานี้เราไม่ได้ทำสรุปเนื้อหานะ แต่เราเน้นเป็นการอ่านทวนเรื่อยๆให้เราสามารถตอบได้โดยพูดมันออกมาได้เองเลยอ่ะ โดยหลักๆที่สำคัญอันแรกคือสามารถจำ concept มันได้คร่าวๆ เช่น การไหลเวียนของเลือดในหัวใจนะ มันจะมาตรงนี้ๆๆ ถ้ามีรูปก็คือสามารถวาดหรือโยงได้เลยว่าไหลทิศทางไหน ละหลักสำคัญที่สองคือต้องจำศัพท์เฉพาะได้ เช่น atrium, ventricle ต้องรู้ว่าคืออะไร ถ้าสามารถเขียนหรือพูดขึ้นมาเองได้เลยก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องสามารถนึกออกได้ถ้าเจอในช้อยในข้อสอบ

ละก็วิชานี้ เราจะทำเป็นสรุปข้อสอบแทน นั่นก็คือเวลาทำข้อไหนผิด เราก็จะจดไว้ในสมุดเล่มนึง ไว้มาอ่านทวนก่อนทำข้อสอบฉบับถัดๆไปจ้า จะได้ไม่พลาดซ้ำ + จะทำสรุปเป็นโพสอิทแปะไว้ในสมุดในเรื่องที่ลืมบ่อยๆ (เอาไว้อ่านก่อนเข้าห้องสอบด้วย)

------------------------------------------

อ่านต่อข้างล่าง(ในคอมเมนต์)เลยครับ! ^^

 

แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

apinyatoon44 18 มี.ค. 63 เวลา 15:30 น. 1

ขอบคุณนะคะ หนูเด็ก64กำลังจะเริ่มอ่านหนังสือแต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี ขอบคุณวิธีดีๆของพี่มากเลยค่ะ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-05.png

2
Firebreather 18 มี.ค. 63 เวลา 22:15 น. 2

4.วิชาอังกฤษ

https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159091

สำหรับวิชานี้เราจะใช้ทั้งหมด 5 เล่มหลักๆ ตามรูปเลย

-โดยเล่มแดงเป็นข้อสอบที่เขาทำขึ้นมาให้ใกล้เคียงกับข้อสอบจริงมากที่สุด

-ส่วนเล่มเชฟทำอาหารอันนี้เราเอาไว้เปิดดูเนื้อหาในจุดที่เราไม่เข้าใจ

-ส่วนerror500ข้อ เอาไว้ทบทวนแกรมมาร์พื้นฐานต่างๆ

-เล่มenconceptอันนี้เราได้จากญาติมาฟรี(ซึ่งก็คือข้อสอบย้อนหลังนี่แหละ)

-และเล่มสุดท้ายreading500ข้อ อันนี้สำคัญมากกกก เพราะ9สามัญออก reading เยอะมากกก เป็นเล่มที่มีโจทย์+มีเคล็ดลับต่างๆสอนอยู่ในเล่ม

โดยวิชานี้ต้องบอกก่อนว่าเราเตรียมตัวโดยเน้นการทำโจทย์และท่องศัพท์เป็นหลัก (มันจะมีศัพท์จากข้อสอบให้ไปโหลดอยู่นะของ GAT Community ทำไว้แจกให้เด็กๆ) ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆๆ ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทางเพจเลย ;w;

สาเหตุที่เราเน้นทำโจทย์ นั่นเป็นเพราะว่าวิชาภาษามันต้องใช้อ่ะ มันต้องใช้จริงๆและเราคงหาโอกาสที่จะใช้ได้ยาก + ถ้าไม่ใช้บ่อยๆมันก็จะลืม เราจึงแก้ปัญหาด้วยการทำโจทย์บ่อยๆ ละถ้าทำผิดก็จะย้อนกลับไปอ่านเอาว่าทำไมถึงผิด ผิดเพราะอะไร ฯลฯ ซึ่งเรารู้สึกว่ามันเวิร์คกว่าการอ่านไปเรื่อยๆแบบวิชาชีวะอะไรทำนองนี้ เพราะภาษามันต้องใช้จริงๆ (ถ้าใครพื้นฐานไม่ดี ต้องใช้ความขยันเข้าสู้หน่อยเด้ออ)


5.วิชาภาษาไทย

วิชานี้เราทำข้อสอบย้อนหลังอย่างเดียวเลย + เอาโจทย์พวกเพชรยอดมงกุฎภาษาไทยอะไรแบบนี้มาทำด้วย ซึ่งเราว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ออกแนวเดิมๆตลอดทุกปีนะ อาจจะไม่สามารถแนะนำอะไรได้เท่าไหร่ขอโทษด้วยเด้ออ ส่วนนึงเพราะวิชานี้เนื้อหาเราเอาแต่ของครูที่โรงเรียนมาใช้อย่างเดียวเลย ไม่ค่อยได้ไปหาเพิ่มเติมเท่าไหร่


6.วิชาสังคม

https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159136

วิชานี้ก็อีกวิชาที่เตรียมตัวยากเหมือนกัน แต่สิ่งที่น่ากลัวของวิชานี้คือมันยากมากๆ และคงทำข้อสอบย้อนหลังอย่างเดียวแบบภาษาไทยไม่ได้5555 (แต่ไม่ใช่ว่าไม่ทำเลยนะ ทำข้อสอบย้อนหลังด้วยจะได้ทวนว่าเราลืมบทไหนมั้ย) ละก็เราใช้หนังสือเล่มนี้เลยในการเก็บเนื้อหา โดยวิชานี้เป็นวิชาที่เราเน้นการทำความเข้าใจและท่องจำคล้ายๆชีวะเลย แต่อยากให้ระวังได้ต่ำกว่า 30 เด้ออ แม้น้ำหนักจะน้อยแต่ห้ามเท!!


7.วิชาคณิตศาสตร์(วิทย์-คณิต)

https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159171

และก็มาถึงวิชานี้ วิชาที่น้ำหนักสูงมากกกกก ต้องบอกก่อนเลยว่าวิชานี้จะคล้ายๆกับฟิสิกส์มากนั่นก็คือต้องทำโจทย์เยอะๆๆ โดยเราใช้หนังสือของพี่ณัฐเป็นหลัก เราเริ่มจากเก็บเนื้อหาในเล่มแดงแล้วสลับกับทำโจทย์ของ syntax (มันจะมีแบบฝึกหัดแยกบทวัดความเข้าใจอยู่ ซึ่งทุกข้อไม่มีข้อไหนที่โจทย์ผิดเลย วัดความเข้าใจเราล้วนๆ ดังนั้นถ้าทำแล้วหาคำตอบในช้อยไม่เจอ แสดงว่าเราทำผิดเด้ออ) โดยเราจะทำเนื้อหาเก็บไว้เป็นเล่มงี้

https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159223

(อันนี้ถ่ายหน้าที่เราเปิดบ่อยมากๆๆมา นั่นคือสูตรตรีโกณที่ต้องจำให้ได้นั่นเอง5555) หลังจากที่เก็บเนื้อหาครบ เราก็ทำโจทย์ยาวๆเลยจ้า หลักๆเราจะเอาโจทย์มาจากเว็บ http://www.rathcenter.com/index.html (ขอบคุณเว็บนี้มากๆนะครับ^^) ซึ่งจะเป็นโจทย์จากข้อสอบแยกไว้เลย โดยเราจะยังไม่ทำของ 9 สามัญนะ จะเก็บไว้ทำท้ายๆ หลังจากนั้นก็ค่อยมาทำเล่มเป้าชมพูของพี่ณัฐ ทำ 15 พ.ศ. แล้วก็ทำข้อสอบ 9 สามัญย้อนหลังค้าบบบ (ละก็ถ้าสมมุติเวลาเราไม่พอ ให้ข้ามมาแตะข้อสอบย้อนหลังเลยนะ อย่ามัวเสียเวลา มันสำคัญมากๆ!! อย่าลืมใช้เทคนิคที่เคยบอกไปด้วยเรื่องสถิติข้อสอบว่าบทไหนออกเยอะ บทไหนออกง่าย ฯลฯ จะได้เก็บและอ่านให้ถูก เพราะอย่าง 15 พ.ศ. บางทีเนื้อหามันเกินจริงๆ)


8.วิชาเฉพาะแพทย์

https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159244

วิชานี้เรางงมากกกก เพราะจริยธรรมได้น้อยมาก55555 ซึ่งเอาเข้าจริงเรารู้สึกว่าสิ่งที่เราเตรียมไปได้มีแค่สองอย่างอ่ะ นั่นคือพาร์ทเชาวน์กับพาร์ทเชื่อมโยง ส่วนพาร์ทจริยธรรมก็อ่านๆไปก็ได้เด้ออ จะได้มีความรู้ว่าเออจริยธรรมแพทย์มันเป็นยังไง เพราะมันก็เอาไปใช้ในสนามสอบจริงได้อยู่นะ โดยเชื่อมโยงเราก็ทำแกทของอ.ขลุ่ยนี่แหละ ในเพจเขามีข้อสอบให้โหลดอยู่ก็โหลดมาฝึกให้หมดเลย ส่วนเชาวน์ก็ทำข้อสอบทำแบบฝึกหัดวนไปวนมานั่นเองง เพราะมันออกแนวเดิมจริงๆ (ซึ่งเราพลาดมากที่ฝึกทำเชาวน์น้อย) ที่สำคัญ อย่าลืมไปหาข้อสอบเชื่อมโยงกสพทย้อนหลังมาทำนะ เพราะกสพทเชื่อมโยงของจริงมันบทความเดียว และไม่มีขีดเส้นใต้ด้วย วัดความประมาทล้วนๆเลย

**สำคัญมาก** วิชาเฉพาะแพทย์ ต้องเตรียมตัวไปนะ ถ้าเทก็จะตกมีนแบบเรานี่แหละ ละแบบมันเป็น 30% เลยอ่ะ มันสำคัญอยู่เหมือนกันเด้อออ


---------------------------------------------


4.เรื่องที่เรียนพิเศษ


ต้องบอกก่อนว่า จริงๆเราเองก็เคยเรียนพิเศษเหมือนกันแต่เรียนแบบสมัยตอนประถมก่อนเข้ามัธยมอ่ะ ละก็แทบไม่ได้อะไรจากการเรียนพิเศษเลย (แต่ส่วนนึงคือตอนนั้นเรารู้สึกไม่ค่อยเห็นความสำคัญด้วยแหละ 55555) อีกรอบก็คือมัธยมต้น แต่ก็เรียนเพราะเพื่อนชวนอ่ะละก็มาเททีหลังอีกอยู่ดี ละก็อีกรอบ!! ก็คือตอนสอบเข้านี่แหละ คือแบบมันลดราคาอ่ะ เป็นคอร์สตลุยโจทย์ 9สามัญเคมี+คณิต ก็เลยเออยอมลงละกันไหนๆก็อ่านไม่ค่อยทันละ ปรากฎ รู้สึกว่าของคณิตเขาให้เนื้อหามาโอเคมากๆ (ตัวหนังสือที่เขาให้มาอ่ะนะ) ส่วนที่ได้จากการเรียนก็โอเคมากๆพอสมควร แต่แบบตอนที่เราไปเรียนคือเราเก็บเนื้อหาคณิตจบไปก่อนแล้วอ่ะ แม้เขาจะสอนเร็ว คือมันเหมือนได้ไปทวน ได้ทำโจทย์เรื่อยๆ แต่สำหรับเคมีคือเละเทะมากเพราะเรายังเก็บเนื้อหาไม่ครบ ละสุดท้ายก็เทคอร์สทั้งสองคอร์สด้วยนะเพราะอยากอ่านเองมากกว่า555555


แต่ในมุมมองเรา เรารู้สึกว่าการเรียนพิเศษมันก็ดี เพราะเขาให้ทริคมาเยอะมาก มันจะเป็นการเก็งข้อสอบในลักษณะที่ว่า ข้อสอบแบบนี้ ออกทุกปี จำไปเลย หรือในเรื่องตรีโกณก็จะมีให้สามเหลี่ยมหรือสูตรเฉพาะอะไรแบบนี้ไปเลย เราจะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาทำในข้อสอบ (ซึ่งปรากฎว่าในปีที่เราสอบมันไม่ออกจ้าา555 ซึ่งถ้าเก็งไม่ตรง เรามองว่าคนอื่นก็จะทำไม่ได้เหมือนกันนะ เพราะก็เก็งมาเหมือนๆกัน เก็งมาคล้ายๆกับตารางสถิติที่บอกให้เตรียมนี่แหละ ดังนั้นเราว่าคนที่จะทำได้ก็คือคนที่เข้าใจมันทั้งหมดจริงๆซึ่งก็เป็นส่วนน้อยนะเราว่า .-.)


เราเลยอยากสรุปว่า การเรียนพิเศษมันก็ดีเหมือนกันนะ มันทำให้เราได้รู้ทริค ได้รู้แนวข้อสอบ มันเหมือนเป็นทางลัดแบบหนึ่งอ่ะ (เป็นทางลัดในส่วนของการเตรียมตัวนี่แหละ แบบเราอาจไม่ต้องมาเตรียมสถิติเป็นตารางอย่างที่บอก) แต่ไม่ว่าจะยังไงเรารู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญคือการที่เราสามารถเข้าใจ concept ของมันและตีโจทย์ได้อยู่ดี ดังนั้นในมุมมองเราจะคล้ายกับพี่คนนึงมากๆที่เป็นไอดอลเราเลยในเรื่องการเรียน นั่นก็คือการเรียนพิเศษมันไม่ได้ must แต่มัน should ในสถานการณ์การแข่งขันแบบนี้


แต่!!! การอ่านเองไม่ได้แปลว่าจะสอบไม่ติด และการเรียนพิเศษก็ไม่ได้จะทำให้เราสอบติดเช่นกันจ้าาา ทั้งหมดอยู่ที่ตัวเราเลยว่าจะทำยังไงให้เข้าใจเนื้อหานั้นและมีความรู้ที่จะไปตบข้อสอบในห้องให้ได้เด้อ


---------------------------------------------


5.บทสรุป

ก็จบไปแล้วสำหรับการรีวิว ซึ่งแน่นอนว่าเส้นทางการมันอาจจะไม่เรียบง่าย มันคงมีล้มบ้างเหนื่อยบ้าง ท้อบ้างแต่มันเป็นเรื่องปกติ เพราะเราว่าสิ่งนึงที่สำคัญมากๆเลยในการทำอะไรก็ตาม คือกำลังใจ ถ้าเราไม่มีกำลังใจ เราจะแรงที่จะไปสู้ได้ยังไง ใช่ม้าาา ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง อย่าลืมพักผ่อนด้วย อย่าหักโหมจนเกินไป รวมถึงหากำลังใจให้ตัวเองเยอะๆ!!! ;w; เช่นการนั่งดูคลิปเกี่ยวกับคณะที่เราอยากเข้า หรือบางคนก็อาจจะให้กำลังใจตัวเองด้วยการกิน หรือจะอ่านบทความหรือดูคลิปของไอดอลตัวเอง ทั้งหมดล้วนเป็นการให้กำลังใจทั้งนั้นเลย (หรือสำหรับเราก็คือเล่นเกมนี่แหละจ้าาา 5555)


ต่อจากนี้ก็สู้ๆนะครับทุกคน เราอยากทิ้งท้ายอีกเรื่องนึงนั่นคือเวลาจะทำอะไรอยากให้ทำให้เต็มที่ เพราะเราจะได้ไม่เสียใจทีหลังเพราะเราได้ทำเต็มที่แล้วเด้ออ (แล้วก็ลองคิดต่อดูหลังทำอะไรเสร็จแล้ว ว่าแบบถ้าเราเต็มที่แล้วได้แบบนี้ ถ้าเราพยายามเข้าไปอีกมันจะขนาดไหน!!)


และสุดท้าย ขอฝากเพลงนี้ไว้ให้กับทุกคนที่กำลังไล่ล่าความฝันหรือกำลังเตรียมตัวสอบเข้าคณะที่อยากเข้าของตัวเองอยู่นะครับ ^^


"ความฝันต้องเกิดหยาดเหงื่อจึงได้มา ใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไปดอกไม้จึงบาน

คำว่าพยายาม ไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ"


ปล.เป็นกระทู้ยาวอันแรก ต้องขออภัยถ้าหากเรียบเรียงดูวนไปวนมาหรืออ่านยาก

จะพยายามมา edit เรื่อยๆนะครับ!! รวมถึงถ้ามีอะไรที่ผิดกฎการตั้งกระทู้ สามารถแจ้งได้นะครับ orz


คะแนนสอบเข้านะครับ

https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159766 https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159767 https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159768 https://image.dek-d.com/27/0534/4596/130159770


2
aumwink 19 มี.ค. 63 เวลา 08:25 น. 2-1

ขอบคุณมากๆนะคะ หนูติดตามพี่อยู่น้า

0

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

Firebreather 4 เม.ย. 63 เวลา 14:34 น. 4-1

อยู่ด้านล่างของคอมเมนต์ที่ปักหมุดไว้เลยครับ หรือสามารถเข้าไปดูได้ทางไอจี @pharmcare.study ฮะ (ถ้าในไอจี จะอยู่ลึกๆหน่อยครับ)

0
Firebreather 14 ต.ค. 63 เวลา 00:51 น. 5-1

ขออภัยที่ตอบช้านะครับ

เรื่องราคาหนังสือพี่ไม่แน่ใจครับเพราะค่อนหลายปีแล้ว แต่แนะนำให้ไปซื้อตอนมีงานหนังสือต่าง ๆ หรือไปซื้อที่ศูนย์หนังสือจุฬา ฯ เพราะราคาจะค่อนข้างถูกครับ

0