ไม่มีเวลาเขียนคือข้ออ้างของคนไม่จัดสรรเวลาจริงไหมคะ?
ตั้งกระทู้ใหม่
ปล.1 หลังอ่านความเห็นหลายๆ คนแล้ว ได้มุมมองเพิ่มเติมอีกมาก ขอบคุณทุกคนมากนะคะจากใจ เลย
29 ความคิดเห็น
คิดว่าจริงนะ เพราะมีหมอหลายคนเขียนนิยายออกมาได้หลายเล่มต่อเนื่อง
เราไม่ค่อยตันเวลาเขียนวางพลอตได้ยาว ๆ ปัญหาคือมัน การลงมือเขียนนิยายมันยากและเราขี้เกียจมาก ๆ
ความขี้เกียจคืออุปสรรคสำคัญจริงๆ ค่ะ T^T
ไม่ค่ะ แค่เพราะอย่างอื่นสำคัญกว่า ถามว่าถ้าตอนเรียนไม่ตั้งใจเรียนก่อน ต้องมั่นใจมากนะคะว่าจะอยู่ได้ด้วยการเขียน ซึ่งของเราไม่ค่ะ เราเรียนในสายที่ต้องอ่านหนังสือเยอะมาก และต้องไปภาคสนามบ่อยครั้ง ถ้าจะให้ใช้เวลามาสัก 2 ชม.ตามเวลาที่สามารถเขียนงานได้ เราคิดว่าควรเอาไปอ่านกองหนังสือที่ต้องใช้ก่อนดีกว่า สมัยมัธยมเรายังจัดสรรเวลามาเขียนนิยายได้ค่ะ ซึ่งก็เป็นเวลาราว 2 ชม. ต่อวันเหมือนกัน แต่พออุดมศึกษา ขอเอาไปคิดเรื่องรายงานกับวิจัยก่อนนะคะ จะว่าจัดสรรเวลาไม่ได้ก็ช่างเถอะค่ะ พอคิดว่า 24 ชม. เรานอนไปแล้ว 8-10 เรียนแบบเบาๆ 6-8 ชม. วันหยุดไปภาคสนาม นิยายจ้ะ เราห่างกันเถอะ555
จะว่ายังไงดี เหมือนกับเราเลยค่ะ 5555 ตอนมัธยมมันมีเวลาเขียนอะเนอะ เวลาอ่านนิยายก็เยอะด้วย เข้าออกเด็กดีตลอดเลย พอขึ้นมหา'ลัยแล้ว อะไรๆ มันก็เปลี่ยนจนเรารับมือไม่ทัน เครียดมากกับการเรียนแบบใหม่ที่ต้องปรับตัว เห็นด้วยกับคุณเลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เง้อ เราเครียดมากแบบตัวเองแทบไม่ได้เขียนงานเลย ในขณะที่เอ้อ เพื่อน นข.รอบตัวเขายังเขียนงานกันต่อได้ เลยแอบนอยด์ตัวเอง ฮื้ออ
ช่วงแรกเราว่างขนาดสิงบอร์ดก็ได้ นิยายก็มา แต่พอมหา'ลัย ไปจนถึงทำงาน เวลานอนและงานต้องมาก่อนค่ะ เราต้องชั่งน้ำหนักเอาระหว่างอนาคต(ที่มองเห็น)กับความฝัน ความชอบ เราผ่านจุดนอยเลเวลที่เพื่อนนักเขียนไปถึงรางวัล ขายดี งานต่อปีหลายสิบมาแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าเราจำเป็นต้องเหมือนกับเขา ต้องกดดันตัวเองขนาดนั้น ให้หาจุดที่พอดีระหว่างการเรียนกับการเขียนนะคะ ถ้าแบบเรียนมันหนักมากจริงๆ เราห่างกับนิยายสักพักก็ไม่ผิด
อันนี้แชร์ส่วนตัว เราเคยลองเอาเวลาเพียง 2 ชม. ของวันที่เราต้องส่งรายงาน ส่งทีสิสแล้วพรีเซ้นต์ทีสิส แล้วมีสอบเพิ่มอีกวิชา คืนนั้นเราไม่ได้นอน เราเขียนนิยายตอนตีสี่ถึงเช้าๆ เพราะคิดว่าคนอ่านรอเรานานแล้ว เราควรมีอะไรให้บ้างจะได้ไม่โดนด่า นอนไปชม.เดียวเพื่อลุกมาทำสไลด์สำหรับทีสิส เราสอบแบบเหมือนไม่มีสติด้วยซ้ำ
นิยายอัพไปไม่มีการตอบสนองใดๆ แต่เราอดนอน เราเหนื่อย อันนี้เห็นชัดเจนค่ะว่าเราเสียแม้จะแค่ 2 ชม. ก็ตาม
มันแล้วแต่คนเพราะสภาพร่างกายและการทำงานของแต่ละคนไม่เท่ากัน บางคนทำงาน 8 ชม. ต้องพัก 8 ชม. แต่บางคนนอนน้อยไม่เป็นปัญหา อายุก็มีส่วน
อย่างเราพอแก่ตัวลงร่างกายมันไม่อึด ถึก ทนเท่าเมื่อก่อน ใครจะว่าไรก็เชิญ เราถนอมสุขภาพตัวเองไว้ รักษาสุขภาพจิตดีกว่า
จริงด้วย ข้อนี้ก็สำคัญ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละคนอีกทีด้วย เราไม่ควรเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นจริงๆ เวลาของแต่ละคนไม่เท่ากัน ง่าา ขอบคุณมากๆ นะคะ
เป็นกำลังใจให้จขกทนะคะ เราเองก็มีปัญหานี้เหมือนกัน พอเรียนมหาวิทยาลัยแล้วรู้สึกว่าต้องอ่านหนังสือกับทำความเข้าใจเยอะมาก เราเรียนคณะที่เรียนหนัก ท่องจำเยอะ อ่านเยอะด้วยแหละ บางทีก็เอียนตัวหนังสือไปเลย
ต่อให้วันไหนมีเวลาสองสามชม.ที่ว่าง แต่ด้วยตัวเราเองเป็นคนที่ใช้เวลาบิ้วนาน เวลาที่นั่งเขียนก็นาน ไม่ใช่พยายามเก็บทีละสองสามย่อหน้าต่อวันก็ได้ เขียนทีก็ต้องรวดเดียวเลยค่ะ ช่วงพยายามปิดต้นฉบับเรื่องแรกคือทรมานมากๆ นั่งตั้งแต่หกโมงเย็นยันตีสี่ก็มีแล้วตื่นเช้าไปเข้าแลป ตอนนี้คิดว่าไม่กล้าทำแล้ว ได้นิยายมาแลกเกรดนะคะ5555 ที่อยากบอกคือถ้าช่วงไหนรู้สึกสบายใจจริงๆ ค่อยเขียนจะดีกว่า อย่าฝืนตัวเองหรือคิดว่าจัดการเวลาไม่เป็นเลย
หรืออีกวิธีถ้าอยากเขียนจริงๆ ที่เราพยายามทำอยู่ ก็คือเขียนพล็อตแบบละเอียดแล้วแจกแจงไปเลยว่าแต่ละตอนมีใคร ทำอะไร ที่ไหน อย่างไร เวลาห่างไปมาทวนตรงนี้จะได้เข้าใจง่ายๆ เขียนได้ตรงประเด็น ภาษาสำนวนหรืออารมณ์ร่วมก็ลดไปก่อน ไม่สวยก็ได้ขอให้ได้งาน แล้วค่อยรอรีไรท์อีกที ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องทนกับฟีดแบคที่งานดรอปลงด้วยเช่นกัน
อืม งานมันดรอปเราก็ต้องยอมรับแหละเนอะ อย่างว่าเราก็ต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพของตัวเองด้วยเหมือนกัน เราทำอยู่นะคะ วางโครงและลงรายละเอียดไปบ้างแล้วแหละ ตอนนี้ขึ้นอยู่กับฝีมืออะเนอะ ขอบคุณมากๆ นะคะ
ทางนี้เองก็เจอปัญหาลงงานเขียนไม่สม่ำเสมอเหมือนกัน เพราะช่วงนั้นสอบค่อนข้างถี่ จะเอาเวลาเตรียมตัวสอบมาลงงานเขียนก็ดูแย่ไปหน่อย เลยพักการอัพตอนใหม่เอาไว้ ค่อยๆ เขียนสะสมไปเรื่อยๆ จนจบแล้วทยอยลงวันละตอนสองตอน ให้นักอ่านได้อ่านแบบต่อเนื่อง ระหว่างลงเราก็เอาตอนที่ยังไม่เผยแพร่มาเกลาสำนวนไปก่อนได้
ถ้าไม่ได้เป็นสายอาชีพจริงๆ จะโทษเรื่องขี้เกียจหรือบริหารเวลาไม่ดีก็โทษได้ไม่ค่อยเต็มปากเท่าไร บางครั้งก็ต้องพึ่งมู้ดเราจริงๆ ถึงจะเขียนออกมาดี ถูกใจ ส่วนวิธีหาแรงบันดาลใจที่ใช้อยู่ก็คือดูหนัง ฟังเพลงใหม่ๆ หรือเที่ยวที่ใหม่ๆ พวกฉากหรือพล็อตต่างๆ บางทีก็ผุดขึ้นมาในระหว่างเดินเที่ยวได้ ปัญหาคือจะเอาไปต่อกับเรื่องเดิมไม่ค่อยได้ ต้องนั่งเกลาหน่อยไม่ก็งอกเป็นเรื่องใหม่ไปเลย 555
ใช่ค่ะ มันชอบงอกเรื่องใหม่ตลอด สุดท้ายก็โยนเข้าไหดองอ่า เก่งเปิดเรื่องมาก แต่ปิดเรื่องนี่ไม่อยากพูดถึงเลย (ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้เปิดเยอะแล้วแหละค่ะ ฮ่าๆ) ปกติเราพยายามอยู่นะคะ พยายามจะเขียนตุนไว้ ยังไม่อัป แต่มันก็ทนไม่ได้ บางทีเขียนๆ ไป กังวลตลอดว่าเขียนงี้ดีไหมเนี่ย มันจะโอเคไหมนะ คนอ่านจะเข้าใจที่เราสื่อหรือเปล่า ช่วงก่อนหน้านี้มักจะคิดแง่นี้ซ้ำๆ เลยค่ะ แต่หลังๆ มานี้เพลาลงบ้างแล้ว ขอบคุณมากน้า
เรื่องอยากรู้ว่างานเขียนเราดีหรือไม่ดีนี่ ปกติจะชอบแคปบางส่วนไปลงในแชทนักเขียนแล้วให้เขาคอมเม้นท์มา ทางนั้นสนใจเข้าร่วมกลุ่มมั้ยคะ?
นอกจากนี้ยังมักจะกระทบกระเทือนง่าย สมมติเจออุปสรรคหรืออะไรที่ทำให้หมดอารมณ์ ก็มักเลือกที่จะพักก่อน ยังไม่ไปต่อ เพราะอยากทุ่มเททุกอย่างให้ผลงานตัวเอง
ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นแบบนั้น บางคนก็มีวินัยบังคับตัวเองได้ บางคนก็ทำไม่ได้ โดยส่วนตัวผมมองว่า “ไม่ผิด” ทั้งคู่ครับ
เพียงแต่..ถ้าทำเป็นอาชีพ ผิดแน่นอนเพราะมีอย่างที่ไหน คนจ้างให้สร้างอะไรซักอย่าง สร้างได้ครึ่งเดียวแล้วบอกหมดอารมณ์ละ ไม่สร้างต่อได้ป่ะ กูอินดี้ 55555
แต่ถ้าคุณทำเป็นงานอดิเรก ผมแนะนำว่า “อย่าเครียด” นักเลยครับ ชีวิตเราก็เครียดพออยู่แล้ว ยังจะหางานอดิเรกที่ตัวเองต้องฝืนใจทำอีกเหรอ
ถ้ากลัวคนอ่านจะผิดหวังที่ต้องรอ ผมแนะนำให้เขียนให้จบก่อน แล้วค่อยทยอยลงครับ หรือถ้ารู้ตัวว่าเป็นคนทนทำอะไรยาวนานไม่รุ่ง ก็ลองเขียนนิยายที่ตอนสั้นลงหน่อย เอาแบบชัวร์ว่าจะเขียนจบดูครับ
แต่ถ้าสมมติมีเรื่องไหนค้างอยู่ อันนี้ก็คงต้องค่อยๆบิ้วอารมณ์เขียนให้จบครับ ผมก็ใช้วิธีนี้ิอยู่ คือจะวางแผนล่วงหน้าเลยว่าวันพรุ่งนี้ว่างนะ ก่อนนอนจะเริ่มร่างพล็อตคร่าวๆก่อน เพื่อที่วันรุ่งขึ้น ตื่นมาเขียนจะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดมาก ลดความยุ่งยากทำให้ใจเราอยากทำมากขึ้น
หวังว่าคำแนะนำจะมีประโยชน์นะครับ สู้ๆเนอะ
มีประโยชน์มากเลย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีอารมณ์ศิลปินอะไร ที่คุณ จขม.บอกทำให้เราเริ่มคิดในมุมกลับบ้างว่างานเขียนนี่มันก็ศิลปะอย่างหนึ่งนี่เนอะ ลืมได้ไง เราไม่ควรตีตัวเองให้อยู่ภายในกรอบเพียงอย่างเดียว คือแบบเหมือนตัวเองไร้ความผิดชอบด้วยประมาณหนึ่ง ซึ่งปกติเราเป็นคนจริงจังกับทุกอย่าง ไม่ว่าทำอะไรก็อยากให้ออกมาดีสำหรับเราเสมอ นั่นน่าจะเป็นข้อเสียมากๆ เวลาเรามีงานอดิเรกแบบนี้น่ะค่ะ ก็เลยส่งผลให้เราเครียดฮ่าๆ ขอบคุณมากๆ น้า
มีหลายปัจจัยนะคะ แต่ก็แอบคิดเหมือนกันว่า ถ้าลึกๆ รักจะเขียน ต่อให้ยุ่งแค่ไหน ก็จะสามารถปลีกเวลามาเขียนจนได้ แม้มันจะทำให้เหนื่อยสายตัวแทบขาดก็ตาม
แต่ทั้งนี้พอคนเราอายุมากขึ้น เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มีเรื่องงานประจำ เรื่องครอบครัวเข้ามาเกี่ยวข้อง เวลาที่จะมีให้งานเขียนก็อาจจะลดน้อยลงจริงๆ ล่ะค่ะ อย่างบางคนทำงานประจำห้าหกวันต่อสัปดาห์ อาจจะมีเวลาเขียนนิดเดียว บางวันมีอุปสรรคก็เขียนไม่ได้ ตีบตันไปก็มี
อีกอย่างบางทีพออายุมากขึ้น พลังที่จะเขียนก็อาจจะจางหาย ไม่ทุกคนที่จะมีอาการนี้นะคะ (แต่ก็หลายคน)
อย่างตัวเราเอง บางทีเขียนได้ แต่บางทีก็เว้นงานเขียนไปเป็นปีๆ เลยค่ะ พอกลับมาเขียนทีต้องเคาะสนิมจากตัวเยอะๆ เลย
จริงแหละค่ะ เราจะมองแค่ในมุมคนอื่นอย่างเดียวก็ไม่ได้อะเนอะ ปัจจัยรอบตัวของคนเรามีอิทธิพลหรือส่งผลต่อเราแตกต่างกันไปอีก ยิ่งอายุมากขึ้น วัยทำงาน น่าจะยิ่งมีผลเลยแหละ ขอบคุณสำหรับความเห็นนะคะ
สำหรับเรานะเราแต่งเป็นงานอดิเรกอ่ะมันเลยไม่ได้โฟกัสจะต้องให้ทุกอย่างเป้ะๆต้องเขียนออกมาสม่ำเสมอขนาดนั้น
หรือถ้าคุณจะทำเป็นอาชีพการทำงานให้ตรงต่อเวลาและจัดสรรเวลาได้ดีมันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ แต่อย่างว่างานเขียนอะไรพวกนี้มันไม่ใช้งานประเภทที่จะรีดเค้นทุกสิ่งทุกอย่างออกมาได้ทีเดียวด้วยในความคิดส่วนตัวของเรา
เพราะฉะนั้นมันขึ้นอยู่กับเป้าหมายที่คุณจขกท.ตั้งไว้ด้วยค่ะเขียนนิยายเพื่ออะไร งานอดิเรก คลายเครียด หรือเลี้ยงชีพ แรงกดดันมันแตกต่างกันค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็เป็นกำลังใจให้จขกท.นะคะ อาจจะตอบไม่ค่อยตรงคำถามเท่าไหร่แฮะๆ
ฮุ้ยยยย เราว่าตรงอยู่นะคะ เอาจริงๆ เรามาตั้งกระทู้เพราะอยากได้ความเห็นเพิ่มเติมจากเพื่อนๆ ด้วย ซึ่งดีใจมากเลยค่ะที่ได้มาอ่านความคิดเห็นของแต่ละคน เราได้มุมมองอะไรอีกเยอะ ไม่เครียดเหมือนเดิมแล้วด้วย ซึ่งคุณ จขม.เหมือนจะพูดในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกันคือเรื่องเป้าหมาย เอาจริงๆ เราก็เพิ่งมาสังเกตตัวเองด้วยว่าเป้าหมายของเรามีส่วนอย่างมากแหละที่ทำให้เรามีแรงกดดัน การเขียนเมื่อก่อนของเรา กับการเขียนของเราในตอนนี้มันต่างกันในตรงนั้นจริงๆ ขอบคุณที่สะกิดให้เราทราบนะคะ
จะมองว่าเป็นข้ออ้างหรือไม่มันก็แล้วแต่คนจะคิดอ่ะนะ แต่โดยส่วนตัวไม่ได้ลำดับความสำคัญของการเขียนนิยายเอาไว้ในส่วนแรก ๆ เราให้ความสำคัญกับงาน(หลัก)และครอบครัวมากกว่า ส่วนงานอดิเรกเราก็มีหลายอย่างนอกการเขียน ดังนั้นก็สลับกันไปแหละค่ะไม่รู้จะเคร่งเครียดไปทำไม
พวกมีงานอดเรกมากมายมาแปะมือค่ะ เขียนเพื่อความสนุกและบันเทิง ถ้ามันไม่บันเทิงไปทำอันที่มันบันเทิงไปก่อน
+1 คร้า ยิ่งช่วงนี้ต้องตามติดสถานการณ์โลกยิ่งไร้อารมณ์เขียนโดยสิ้นเชิง ขอออกกำลังกายคลายเครียดดีกว่า
เราต้องเรียงลำดับความสำคัญของแต่ละอย่าง งืมมม //จริงๆ พอมีการหยุดอยู่บ้านเพื่อลดเชื้อ เลยได้โอกาสแวะมาตั้งกระทู้นี้ ขอบคุณมากๆ นะค้า
ในมุมมองผม ไม่ครับ
อย่างที่ผ่านมา ผมลาขาดการเขียน และไม่ได้เข้าบอร์ด จะสามเดือนได้ เพราะอยู่ ม.6 ว่างคือเป็นอ่านหนังสือ ไหนจะที่ผ่านมาป่วย สภาพจิตใจ ต้องส่งงาน สอบ แอดมิชชั่น ตอนนี้คือเพิ่งได้ว่าง เลยได้มาแตะบอร์ด และแตะ ๆงานเขียนบ้าง
ณ เวลานั้นคือต้องเอาสิ่งสำคัญไว้ก่อนจริง ๆ
เรื่องการจัดสรรเวลา ให้เรียงจากลำดับความสำคัญไว้ก่่อนครับ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ชอบแบ่งเวลาสัก ชม.สองชม.ก่อนนอน เลยเวลานี้แล้ว ขอพักผ่อน ถ้าวันไหนการบ้านเยอะ ทำเลยเวลา ผมเองก็ไม่ค่อยอยากจะฝืนร่างกายให้นอนเลยเที่ยงคืนเป็นต้นไปหรอกครับ เหะ ๆ
โอ้ ขอบคุณมากนะคะ นี่จริงๆ ไม่ได้คิดถึงลำดับความสำคัญมาก่อน เพราะชอบคิดว่าทุกอย่างก็สำคัญพอๆ กัน จนตัวเองมาเครียดเอาทีหลังเนี่ย ฮ่าๆ ถึงจะจัดการเรื่องเรียนได้แล้ว แต่ก็อยากเขียนงานควบคู่ไปด้วยเหมือนกัน ขอบคุณน้าาา
ถ้ามันไม่มีเวลาจริงๆ อย่างอื่นสำคัญกว่าก็ควรไปทำเรื่องที่สำคัญก่อน อย่างเราเมื่อก่อนก็เรียนเสร็จไปทำงานพิเศษต่อ กลับหอมาห้าทุ่มก็ไม่มีหัวจะคิดอะไรแล้ว นานๆครั้งถึงจะแต่งลง พอมันไม่ต่อเนื่องก็หยุดแต่งไปเลย
แต่ถ้ามันมีเวลาแต่ไม่ยอมแต่ง เอาเวลาไปทำอย่างอื่นเช่นเล่นมือถือ ดูซีรี่ อันนี้เราว่าก็ไม่ผิดนะ เวลาเราดูหนัง ฟังเพลง เราถือว่าเป็นการหาแรงบันดาลใจ นักเขียนอย่างเรา แรงบันดาลใจสำคัญมากจริงๆค่ะ
แต่ตามหลัก แรงมันดาลใจจะอยู่กับเราไม่นาน เมื่อเรามีแรงบันดาลใจแล้ว สิ่งที่ต้องมีลำดับต่อไปคือวินัยค่ะ เราก็ไม่ถือว่่ามีวินัยนะคะ แต่เราใช้วิธีสร้างภาพออกมาโดยการแคปหน้าจอนิยายแล้วเอามาตัดต่อ5555555 ตัดต่อว่านิยายเราจะมีวิวและคนติดตามเท่านี้ๆ เหมือนบ้านะคะ อารมณ์เหมือนเพ้อฝันอะ555 แต่เราทำเพราะอยากเห็นภาพพวกนั้นจริงๆ พอเราขี้เกียจแต่งใช่ไหม เราก็ไปเปิดภาพดู มันก็จะแบบไม่สิ เราต้องแต่ง อยากให้นิยายมีคนอ่านแบบนี้ๆ มันก็ช่วยกระตุ้นได้ในระดับนึง
อีกอย่างกำลังใจเล็กๆน้อยๆจากนักอ่านก็สำคัญค่ะ แค่คนอ่านมาเม้นก็ดีใจจะแย่แล้ว ดังนั้นพอเวลาเราจะขี้เกียจแต่ง เราจะค่อนข้างแคร์คนที่รอเรามากๆ เลยต้องกลับไปแต่งต่อ ถึงเม้นมันจะน้อยนะคะ แต่มันช่วยได้มากจริงๆ;^; อันนี้พูดจากใจเลย แค่เม้นหนึ่งเม้นมันทำให้เรามีแรงต่อได้หมายตอนจริงๆ
สรุปก็คือวิธีที่เราใช้คือสร้างภาพให้ชัด เอาภาพนั้นไปตั้งเป็นวอลลเปเปอร์หรืออะไรก็ได้ให้เห็นทุกวันค่ะ เพื่อที่จะได้กระตุ้นตัวเอง แล้วก็รักนิยายของตัวเองให้มากๆ ถึงเรื่องที่แต่งจะไม่ดีมาก แต่ขอให้เรารักในตัวละครของเราก็พอค่ะ
สู้ๆฮับ
ฮึบ! ต้องตั้งเป้าหมายที่อยากจะเห็นสินะคะ ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ
ขอตอบในส่วนของหัวกระทู้นะคะว่าไม่จริงเสมอไปค่ะ เวลาของแต่ละคนแตกต่างกันค่ะ ยิ่งอายุมากขึ้นภาระหน้าที่ก็จะเยอะขึ้น จนตารางแน่นถึงขนาดไม่มีเวลานอนเลยก็มีค่ะ จะเจียดเวลามาเขียนนิยายยิ่งยากเข้าไปใหญ่
เพราะงั้นสำหรับงานเขียนเราจัดให้อยู่ในประเภทงานอดิเรกที่ใช้คลายเครียดอย่างหนึ่งค่ะ ถ้าเรามีความสุขที่จะทำ ก็ทำมันต่อไปคิดซะว่าผ่อนคลายสมองจากงานหรือการเรียนก็ได้ค่ะ แต่ถ้าหากไม่ก็ลองหยุดหาอะไรอย่างอื่นทำ เช่น เล่นเกม ดูซีรี่ย์ ดีกว่าค่ะ ไม่จำเป็นว่าต้องบังคับตัวเองว่าต้องทำมันนะ แบบนี้มันดูฝืน ๆ และซีเรียสเปล่า ๆ ค่ะ เลือกทำในสิ่งที่อยากทำ เลือกในสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเราดีกว่าค่ะ เพราะเราไม่ได้ยึดงานเขียนเป็นอาชีพหลัก
แต่ถ้า จขก จะยึดเป็นอาชีพหลัก ส่วนนี้คงต้องทำตารางจัดสรรเวลาใหม่ค่ะ ลองหาหนังสือเกี่ยวกับการจัดสรรเวลาที่มีขายในร้านหนังสือมาอ่านสักเล่ม เผื่อได้เทคนิคดี ๆ ดูก็ได้ค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
ขอบคุณมากๆ นะคะ เมื่อก่อนเราก็ทำเพื่อคลายเครียด แต่ตอนนี้เหมือนเราจะจริงจังเกินไปหน่อย ฮ่าๆ ถ้าเลิกคิดมากได้น่าจะดีขึ้นเยอะเลยค่ะ แงงง
ไม่ใช่แบบนั้นเสมอไปหรอกค่ะ ชีวิตเราแต่ละคนมีหน้าที่หลักอยู่ ถ้ายังเรียนอยู่เราว่ายังไงเรื่องเรียนก็สำคัญที่สุดนะคะ อย่าคิดมากเลยค่ะ ทำใจให้สบายแล้วค่อยๆ กลับมาเขียนค่ะ
ขอบคุณนะคะ แง
จากประสบการณ์ตรง มันก็มีทั้ง 2 กรณีล่ะครับ
- กรณีที่ไม่ว่างจริง ๆ
อันนี้เป็นบ่อยมาก บางทีก็เจองานโถมจนไม่มีเวลาว่าง พอจะมีเวลาว่างก็เอามาใช้อย่างอื่น เช่น กวาดห้องถูห้องล้างส้วม ซักผ้ารีดผ้า ถ้าเหลืออีกนิดก็เล่นเกมผ่อนคลาย ถ้าเหลืออีกก็นอน... ก็ถ้างานเยอะจัดจริงก็ต้องทำใจครับ งานต้องมาก่อน ถ้ามีเวลาว่างบ้างก็เจียดมาวางโครง มาใส่นั่นนี่รอไว้ เวลาว่างมาแต่งจะได้เดินเครื่องได้ง่าย มีทิศทางในตอนหน่อย จะเพิ่มสปีดตอนเขียนได้อีกเยอะเลย จากนั้นก็มาดูกันว่าว่างเมื่อไหร่แล้วพร้อมไหม
- กรณีว่างแต่อู้
บางจังหวะที่งานเบาลงแล้ว หรือเคลียร์งานหมดแล้ว แต่ไม่อยากเขียน มันก็มีเหมือนกันครับ
ยังไงซะนิยายมันก็มีความติสท์อยู่แล้ว คือถ้าบรรยากาศ อารมณ์ไม่พร้อม ก็ไม่อยากแต่ง/แต่งไม่ออกเหมือนกัน
นอกจากนิยายแล้ว ผมก็เขียนบทความ วิเคราะห์เกมฟุตบอลลงที่กลุ่มในพันทิปเหมือนกัน อยากจะบอกว่า การเขียนน่ะครับ ถ้าจับทางได้ ข้อมูลพร้อม ประเด็นมีล่ะก็ จะด้นสดก็ไหวครับ ไม่ออกทะเลและหาทางจมลงสวย ๆ แบบประเด็นครบด้วย (เพียงแต่ต้องฝึกให้คุ้นชินพอตัวเหมือนกัน) บทที่ไฟมา โดยเฉพาะจังหวะทีมชนะนี่ หลังเกมจบปุ๊บ ผมใช้เวลาสัก 2 ชม. ปั่นได้ยาวพอ ๆ ครึ่งหรือหนึ่งตอนนิยายที่เขียนได้สบายเลย อย่างว่า... มันกำลังอารมณ์ดี
แต่ในทางกลับกัน ถ้าเกมนั้นพลาดเสมอหรือแพ้นี่... ผมปิดคอมนอนเลยนะ โดยเฉพาะช่วงเกมดึกที่เริ่มเที่ยงคืน หรือตีสอง... คือจะเขียนก็เขียนได้ครับ แต่มันเฟลมาแล้ว ก็ไม่อยากฝืนเขียนแบบที่ไม่สนุก ก็ให้ปล่อยเวลาผ่านไปสักคืน หรือ 2 วันพอให้หัวโล่ง บรรยากาศเพจสงบก็ค่อยมาเขียนเก็บตกทีหลัง
อะไรประมาณนี้ได้
สำหรับนิยายนั้น ก็แนะนำว่าลองวางเป้าไว้ก่อนครับ ว่าสัปดาห์หนึ่งอยากแต่งให้ได้เท่าไหร่
ในเกณฑ์พื้นฐานแล้ว 1 ตอนก็ยังดี ไม่ให้เว้นช่วงไปนาน สกิลจะได้ต่อเนื่อง คนอ่านเองก็จะได้จับจังหวะตามได้เรื่อย ๆ แต่ถ้าเครื่องติดดีแล้วจะมากกว่านั้นก็ยิ่งดี
เวลาตันก็พยายามวางโครงไว้ก่อน แต่งสะสมไว้ก็ยังดีครับ
อย่างน้อยเวลากลับมาสานต่อจะมีโอกาสปิดจ๊อบตอนนั้นได้มากขึ้น
เรื่องไม่มีเวลานี่ผมว่าเกิดขึ้นได้ครับ การจัดการเองก็แล้วแต่วิธี ความถนัดและวิถีชีวิตแต่ละคนไป
ยังไงซะนิยายก็คืองานอดิเรกครับ ถ้ามันกระทบงานหรือการเรียนก็คงไม่ดี
แต่ถ้าแยกได้และคุมจังหวะอยู่ อีกหน่อยเราจะจับทางและแต่งต่อเรื่อย ๆ ได้เอง แม้บางช่วงจะไม่มีเวลาก็เถอะครับ (อย่างน้อยก็อาจจะจบแค่เลทลงไปแค่ 1-2 อาทิตย์ แล้วกลับมาต่อได้)
เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ขอบคุณมากๆ ค่ะ มีประโยชน์มากเลย แล้วก็พิมพ์ยาวมากด้วย ฮือ ได้อะไรเยอะเลยค่ะ เราจริงจังจนบางทีก็ลืมไปว่ามันคืองานอดิเรกที่เราทำเพื่อคลายเครียด แต่ก่อนก็เป็นแบบนั้น พอเวลาผ่านไป เหมือนเราจะลืมไปว่าเริ่มแรกเราลงมือเขียนเพราะอะไรด้วย ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
ไม่จริงค่ะ ช่วงที่งานยุ่งก็คือไม่สามารถหาเวลามาเขียนได้จริงๆ ค่ะ
ร่างกายเราเหนื่อยล้ามากเกินกว่าที่จะสามารถทำได้จริงๆ ค่ะในบางช่วง
เพราะแค่ทำงานก็ดึกดื่นมากแล้ว ต้องตื่นเช้า เราไม่มีเวลาก็คือไม่มีจริงๆ ค่ะ
อันนี้ก็จริง เราไปเรียนนั่งรถขาไปขากลับนานมาก ทั้งเพลียทั้งเหนื่อย ใช้สมองเรียนอีก บางทีอ๊องๆ ในคาบด้วย แหะๆ มันไม่มีแรงจะไปเปิดคอมเลยค่ะ ฮ่าๆ กับบางคน ถ้างานเข้ากะดึกมากงี้ แค่ตื่นนอนยังไม่อยากตื่นเลย อยากจะพักมากกว่า ขอบคุณมากๆ นะค้า
ไม่ค่ะ คนที่ยุ่งจริงๆ ภาระชีวิตเยอะแยะ จนไม่ได้เขียนนิยายมีจริงค่ะ
แต่คนที่จัดสรรเวลาได้ ทั้งที่ค่อนข้างยุ่งก็มีจริงนะ บางทีไม่ใช่เรื่องจัดสรรเวลา แต่เป็นเรื่องแรงใจขับเคลื่อนในการจะต้องเขียนให้ได้ก็มีค่ะ
แต่ถ้ายุ่งจนเหนื่อยจะตัดอะไรทิ้งไปบ้าง มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดนี่หน่า
อื้มหืมมม ก็จริง ไม่ผิดนี่นา ฮือ ขอบคุณมากๆ นะคะ
อืม
ถ้าการเขียนยังไม่ใช่อาชีพหลัด เลือกทำในสิ่งที่สำคัญตามลำดับดีกว่าค่ะ
เหนื่อยก็พัก
อ๊ากกกกกกกกกกกก พอซักที
คำว่าไม่มีเวลา ไม่มีอยู่ในหัวของเราเลยค่ะ ตอนสมัยเรียนมัธยม เรามักจะหาช่วงพักกลาง มาแต่งนิยายค่ะ พอมาตอนทำงาน เราก็ทำงานตามปกตินะ แต่ถ้าว่างๆจริงๆ จึงจะแว๊บมาเขียนบ้าง ตามเวลาที่เรากำหนด ได้สักสองสามชั่วโมงก็ยังดี แล้วค่อยปิดนอน พักผ่อน แต่บางทีทำงานมาเหนื่อยๆมาก ก็จะปิดนอนเลยก็มี มันขึ้นอยู่ที่เรา ว่าจะหาเวลาไหนเหมาะสมมากกว่าค่ะ
เรื่องแบ่งเวลาที่เหมาะสมสินะคะ ขอบคุณมากๆ นะคะ
ไม่ใช่จัดสรรเวลาไม่เป็น แต่เพราะไม่จัดสรรเวลามาให้ต่างหาก ถ้าคุณยังอยากเขียนจริงๆ ยังไงคุณก็จัดเวลามาได้ แต่ที่เป็นๆอยู่เนี่ยหลายๆคน(แม้กระทั่งตัวผมเอง) ล้วนถูกสิ่งอื่นๆดึงความสนใจไป ใจจดใจจ่อกับอย่างอื่นมากกว่า ไม่ได้กลับมามองที่นิยายว่า เฮ้ย มันสำคัญนะ เราอยากแต่งนะ ผลสุดท้ายก็คือการไม่ได้สนใจหรือลืมนั่นแหละ ประเด็นต่อมาคืออารมณ์และจิตใจเองก็มีส่วน ต่อให้หาเวลามาได้ แต่สมองไม่เดิน มันก็เท่านั้น บางทีการไปสนใจอย่างอื่นก็เป็นการหาไอเดียใหม่ๆได้เช่นกัน แต่บางคนก็ความขี้เกียจล้วนๆ 555
อันที่จริง ทุกคนน่าจะมีแอบขี้เกียจกันบ้าง แต่ความอยากแต่งมีมากกว่า เขาเลยเขียนต่อได้ อะไรแบบนี้สินะคะ ฮ่าๆ ข้อนี้เห็นด้วย ขอบคุณมากค่า
เห็นด้วยกับหลาย ๆ คนที่ตอบค่ะ การเขียนของเรา ถ้าหากไม่ได้ทำเป็นอาชีพและไม่ได้มีรายได้เป็นกอบเป็นกำ + มองเป็นแค่งานอดิเรก > ถ้าอย่างนั้นก็ควรทำสิ่งที่สำคัญในชีวิตจริงก่อนค่ะ ต้อวเรียงลำดับความสำคัญให้ถูก เพราะสุดท้าย ต่อให้คุณทุ่มเทกับการเขียนแต่ต้องแลกมาด้วยสิ่งของในชีวิตจริงที่มีค่ามากกว่า อันนี้คิดว่าไม่คุ้มค่ะ
แต่อีกวิธีการหนึ่งที่จะวิน ๆ กันทั้งสองฝ่าย เราคิดว่าตามที่คุณจั่วหัวกระทู้เลยค่ะ คือการจัดสรรเวลา แต่ก่อนจะจัดสรรเวลาก็ต้องมานั่งคิดคร่าวๆ ค่ะว่าเดือนนึงจะเขียนสักกี่ตอนเป็นต้น เอาให้พอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป ทีนี้จากงานเขียนที่เกิดจากงานอดิเรกของคุณ > ก็จะสามารถพัฒนาเป็นงานที่คุณรัก และเป็นอาชีพเสริมอาชีพหนึ่งได้ แค่นี้เองค่ะ เนอะ
ขึ้นอยู่เป้าหมายที่เราทำแหละเนอะ จากที่เราอ่านมาแล้ว ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า ถ้าเขียนเป็นงานอดิเรก ก็ไม่ควรเครียด แล้วก็ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ควรมาก่อน อย่างที่คุณ จขม.พูดเลย ส่วนถ้ามีเป้าหมายอีกแบบ จะทำเป็นงานเสริม มีรายได้เข้ามา ก็ควรจัดแบ่งเวลาเขียนไปด้วยเนอะ ขอบคุณมากๆ เลยค่า
ยินดีค่าาา ตอนนี้ก็เป็นเหมือนกัน อยากเขียนนิยายให้จบสักเรื่องในชีวิต แต่อันนี้มองว่าเป็น Goal ส่วนตัวของตัวเองแล้วค่ะ เลยเป็นกึ่ง ๆ งานอดิเรก + อาชีพเสริมล่ะมั้งค่ะ เน้น fulfill ตัวเองค่ะ ลองหาดูนะคะว่าคุณอยากจะ Balance งานเขียนยังไง?
งานอดิเรก : เครียดไม่เยอะ เขียนแล้วมีความสุข
มองเป็นอาชีพเสริม : เครียดเยอะ เหมือนกันการทำงานทั่วไปที่ต้องมีเรื่องเครียด
เพื่อจุดมุ่งหมายของตัวเอง : ทั้งสนุกและผสมกับเครียดด้วยละค่ะ แต่น่าภูมิใจมากนะคะ
เว้นแต่ ส่วนประกอบของงาน+งานแล้วเต็ม24ชม.พอดี ส่วนประกอบของงานคือพัก
หากเราไม่พัก เราจะเหน็ดเหนื่อยกับชีวิต ไม่มีความสุขกับงาน กดดันและเกิดผลเสียต่อสุขภาพ
เอ้อ แล้วก็ไม่มีเวลาให้กับครอบครัวด้วย
แย่จริงๆ ตายซะดีกว่า
โอ้ยย ใจเย็นๆ นะคะ เอาจริงๆ สุขภาพสำคัญแหละเนอะ ถ้าเหนื่อย ถ้าไม่มีเวลา ถ้าเราต้องโฟกัสกับงานหลักหรือเรื่องเรียนที่เข้ามาก่อน ก็ไม่เป็นไร ว่างๆ หรือพักเต็มที่แล้วค่อยมาเขียนก็ได้ เพราะมันคืองานอดิเรกที่เราชอบนี่เนอะ ขอบคุณมากๆ นะคะ
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?