Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ยืนงงในดงน้ำมันปลา อยากบำรุงสมอง เพิ่มความจำต้องเลือกกินแบบไหนดี??

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ใครเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยเหมือนเราบ้าง ยิ่งช่วงสอบต้องใช้สมองหนักมากๆกันเลยใช่ม๊ะ เราเลยเลือกที่จะกินน้ำมันปลาบำรุงสมอง เพิ่มแรมให้กับตัวเอง 555 แต่ตอนแรกที่เราไปหาซื้อ ถึงกับต้องยืนงงในดงขวดน้ำมันปลา อิหยังวะ มีเยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่ถ้าเลือกไม่ถูก เลือกไม่ได้ เภสัชที่ร้านบอกว่าให้ดูจากความต้องการของตัวเองเป็นหลักและดูจากปริมาณ EPA และ DHA ที่อยู่ในน้ำมันปลา วันนี้เลยขอมาแชร์การเลือกน้ำมันปลาที่เหมาะกับความต้องการของแต่ละวัย ซึ่งเลือกจาก DHA และ EPA เป็นหลัก ให้เพื่อนๆ ไว้เป็นข้อมูลในการเลือกกินกันค่ะ

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับน้ำมันปลากันหน่อยดีกว่า
น้ำมันปลา หรือ fish oil คือ น้ำมันที่สกัดมาจากส่วนต่างๆ ของปลาทะเลน้ำลึกเขตหนาว เช่น ปลาแองโชวี่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
ส่วนใหญ่แล้วเราจะรู้แต่ว่าอยากฉลาดให้กินปลา หรือน้ำมันปลา เพราะมีโอเมก้าแค่นั้นใช่ป่ะ ซึ่งจริงๆ แล้ว โอเมก้าที่ว่า มันคือ กรดไขมันโอเมก้า-ที่ประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนที่สำคัญและจำเป็นต่อร่างกายอยู่ 2 ชนิด คือ EPA และ DHA แล้ว 2 ตัวนี้ก็ทำหน้าที่ต่างกันไปอีก
จำง่ายๆ เลย EPA ช่วยลดระดับไขมันไม่ดี (LDL) ในเลือด ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของระบบหลอดเลือดและหัวใจ

ส่วน DHA ช่วยเรื่องบำรุงสมอง  ความจำ และสายตา


ซึ่งน้ำมันปลาที่เห็นและคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่บ่อยๆ ก็จะเป็นน้ำมันปลา 1000 มก.หรือ Fish Oil 1000 mg. ซึ่งแต่ละแบรนด์ก้อจะมีจุดที่เหมือนและแตกต่างกัน


ใน 1 แคปซูลของทั้ง 3 ตัวนี้จะมีปริมาณน้ำมันปลาทะเล 1000 mg. โดยมีสัดส่วนปริมาณ EPA 180 mg. และ DHA 120 mg. เหมือนกันเลย แต่ต่างกันตรงที่วัตถุดิบ แหล่งผลิต มาตรฐานการผลิต และบรรจุภัณฑ์

- Blackmores ใช้ปลาแองโชวี่ ในน้ำทะเลลึกกระแสน้ำเย็น จากอเมริกาใต้ โมรอคโค นอร์เวย์ ขึ้นมาฝั่งออสเตรเลีย เป็นปลาตัวเล็กๆ ปากเล็กๆ มีโอกาสได้รับสารพิษปนเปื้อนอยู่ในตัวปลาน้อยมาก ถูกนำเข้ามาจากออสเตรเลียทั้งบรรจุภัณฑ์ในขวดแก้วทึบแสงสีชา ซึ่งผลิตตามข้อกำหนดและมาตรฐานระดับสากลที่ควบคุมโดยประเทศออสเตรเลีย และเป็นน้ำมันปลาที่ผ่านการตรวจสอบปริมาณสารปรอทและตะกั่ว

- Mega We Care ใช้ปลาแองโชวี่ที่อยู่ในแหล่งทะเลธรรมชาติ นำเข้าจากไอซ์แลนด์ ผลิตในไทยด้วยมาตรฐานยาสากลจากยุโรปและออสเตรเลีย รวมถึง GMP ของไทย และผ่านการตรวจสอบสารปนเปื้อน โลหะหนัก บรรจุภัณฑ์เป็นขวดพลาสติกทึบแสง

- Vistra  ใช้ปลาแซลมอนนำเข้าจากไอซ์แลนด์ ผลิตในไทย ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิต HACCP, GMP ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตยา เครื่องสำอาง รวมถึงอาหารสะอาด ปลอดภัย มีคุณภาพ ปราศจาความเสี่ยงที่จะส่งผลเสียต่อผู้บริโภค บรรจุภัณฑ์เป็นขวดแก้วทึบแสงสีชา


อย่างที่บอกไปตอนแรกว่าถ้าเลือกไม่ถูก ให้เลือกจากความต้องการของตัวเองและปริมาณของ EPA, DHA เป็นหลักซึ่งปริมาณที่เภสัชแนะนำให้กินสำหรับคนที่อยากดูแลตัวเองทั้งเรื่องสมองและหัวใจไปพร้อมๆกัน คือ ควรกินให้ได้  1000 mg. ของปริมาณ EPA และ DHA รวมกัน ก็ตกวันละ 3 เม็ด แบ่งกินมื้อละเม็ดหลังอาหาร 3 มื้อก็ได้

แต่ถ้าต้องการเน้นไปเรื่องใดเรื่องหนึ่งก็เลือกสูตรเข้มข้นไปเลย อ่ะงงดิงง  เชื่อว่าหลายคนยังไม่ค่อยรู้จัก ว่าน้ำมันปลามีสูตรเข้มข้นด้วยเหรอ มาๆเด๋วเราจะแนะนำให้รู้จักหลังจากไปยืนงงในดงน้ำมันปลามาแล้ว 555

ก็เป็นน้ำมันปลา 1000 mg. เหมือนกันนี่แหล่ะ แต่มีปริมาณของโอเมก้า-3 มากกว่า 300 mg.

ซึ่งถ้าเน้นบำรุงสมอง  เพิ่มแรม ช่วยเรื่องความจำได้ดีขึ้น แต่ถ้าในชีวิตประจำวันไม่สามารถกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ หรือกินปลาเข้าไปเพื่อที่จะได้รับ ปริมาณโอเมก้า-3 ให้มากพอที่จะไปเสริมสร้างบำรุงการทำงานของสมองได้ทุกวันแบบเรา ก็เลือกน้ำมันปลาสูตรเข้มข้นที่มีสัดส่วนของ DHA สูง ที่เราเห็นมีอยู่ 2 ตัวนี้ ของ Blackmores กับ Vistra ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ มีโอเมก้า-3 อยู่ 600 mg. สัดส่วนปริมาณ DHA 500 mg. และ EPA 100 mg. เหมือนกัน ต่างกันตรงที่วัตถุดิบ และกลิ่น 

-Blackmores ใช้ปลาแองโชวี่และนำเข้าทั้งบรรจุภัณฑ์จากออสเตรเลียเหมือนเดิม ที่เพิ่มเติมคือไม่มีกลิ่นคาวเลย พราะเป็นสูตร odourless หยิบมาดมยังได้ แล้วด้วยความน่าเชื่อถือที่มีมานานนม ขึ้นแท่นยี่ห้อแรกๆที่นึกถึงในเรื่องอาหารเสริม เราเลยสอยตัวนี้มากินจ้า

- Vistra ใช้ปลาทูน่า นำเข้าจากไอซ์แลนด์ ผลิตในไทย แต่แอบมีกลิ่นคาวแรงพอสมควร
สำหรับคนที่อยากดูแลหัวใจให้แข็งแรง ช่วยเรื่องควบคุมระดับไขมันในเลือด ลดความเสี่ยงในการอุดตันสูงไม่ต้องรอให้แก่แล้วค่อยบำรุง คนที่มีไขมันเลว หรือไตรกลีเซอร์ไรด์เยอะ เพราะชอบกินของมันๆ ทอดๆ แล้วไม่ออกกำลังกายก็มีความเสี่ยงในโรคนี้อยู่มาก จัดไปกับสูตรเข้มข้น เน้นเลือกแบบที่มีสัดส่วนของ EPA สูง ที่เราเห็นมีอยู่ 2 ตัวนี้ของ  Mega We Care กับ Blackmores ใครมีตัวอื่นแนะนำกันมาได้จ้า ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ มีปริมาณน้ำมันปลา 1000 mg. เท่ากัน แต่ต่างกันตรงที่

-Blackmores มีโอเมก้า-3 630 mg. มีสัดส่วนปริมาณ EPA 420 mg. และ DHA 210 mg.

-ส่วน Mega We care มีโอเมก้า-3 700 mg. มีสัดส่วนปริมาณ EPA 350 mg. และ DHA 250 mg. 
ที่เอามาเขียนเล่าให้เพื่อนๆฟังนี่เราจำมาจากคำแนะนำของเภสัชตอนที่เราไปซื้อน้ำมันปลาผ่านมาก็เป็นเดือนๆแล้วนะ สมองคงเต็มไปด้วย DHA แน่ๆ 555 หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่กำลังมองหาน้ำมันปลามากิน จริงๆมันมีประโยชน์มากกว่าเรื่องบำรุงสมอง แต่มันยังมีเรื่องบำรุงหัวใจ และปริมาณสารสำคัญของ EPA และ DHA ให้เลือกกินที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นจะเลือกตัวไหน แบรนด์อะไร อย่าลืมเน้นใส่ใจเรื่องความน่าเชื่อ ความปลอดภัยเป็นสำคัญกันด้วยนะคะ

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

HUNG​ Shade​ 30 มี.ค. 63 เวลา 02:18 น. 1

น้ำ​มัน​ปลา​เน้นไปบำรุง​น้ำในไขข้อ​มากกว่า

บำรุง​สมอง​ ถ้า​บำรุง​ร่างกาย​ก็​ใบ​แปะก๊วย​

ถ้า​บำรุง​สมอง​ละ​ก็​ ต้อง​ให้​สมอง​อยู่​ใน​สภาวะ​เอ็นดอร์​ฟีน​ หรือ​ ช่วง​ที่​คน​เรา​มี​ความ​สุข​ไง​ครับ​ อ้างอิง​จาก​วางสาร​แพทย์​

Washington DC. โดย​มี​เพื่อน​เป็น​คนแปล​ให้​อ่าน​ ชึ่ง​เพื่อน​ผม​เรียน​แพทย์​ แต่​ผม​ไม่​ขอ​พาด​พิง​สิทธิ​ส่วนบุคคล​ครับ​

0
somkeiz 31 มี.ค. 63 เวลา 13:06 น. 2

กินมาหลายยี่ห้อแล้ว เพราะแม่ซื้อให้กินตลอดเลย เราว่าแบลคมอร์สโอเคสุดมีให้เลือกเยอะ หลายแบบ แล้วมันกินได้เพราะไม่คาวด้วย 555 ของราเน้นบำรุงสมอง จะกินที่ DHA สูงหน่อย สูตรโอเมก้า ดีเอชเอของแบลคมอร์ เลยซื้อบ่อยอยู่เหมือนกัน

0