Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เส้นทางสู่แพทย์ ฉบับเด็กโรงเรียนบ้านนอก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

สวัสดีค่ะ  เราเป็น dek63  ที่จบม.6 จากโรงเรียนบ้านนอกแห่งหนึ่ง เอาจริงโรงเรียนที่เราอยู่ก็เป็นโรงเรียนระดับอำเภอ ไม่ถึงกับบ้านนอกหรอก แต่มันไม่ใช่โรงเรียนดังในฝันของใครเท่าไหร่  ประมาณว่า 10 ปีจะมีคนสอบหมอได้คนนึง ใช่แล้ว เราก็คือนักเรียนที่สอบหมอได้ในรอบ 10 ปี  นั่นเองค่ะ


จุดประสงค์ในการตั้งกระทู้นี้ก็คือ เราอยากเป็นแรงบันดาลใจและสร้างแนวคิดค่านิยมใหม่ให้กับเด็กๆ ที่อยากจะไปอยู่โรงเรียนดังๆ ว่าการที่เราอยู่โรงเรียนไม่ดังก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เก่ง เอาเถอะ เราก็ไม่ใช่คนเก่งเว่อร์หรอก แต่ก็เก่งพอที่จะสอบหมอม.รัฐ ติดนะ   คะแนนกสพทเราได้ 67.72 ไม่เยอะไม่น้อย555 แล้วเราก็ตั้งใจว่าจะมาเล่าถึงการเตรียมตัวอ่านหนังสือของเรา จะมีประโยชน์หรือไม่ ก็ลองอ่านดูนะค้าาาา



>>>เริ่มจาก 9 วิชาสามัญ


1.ไทย
เราไม่อ่านอะไรเลย (แต่มีช่วงนึงเบื่อๆ เลยหยิบมินิไทยบุ๊คของอ.ปิงมาอ่านเล่นๆ)   เราอาศัยข้อสอบเก่านี่แหละ ทำๆ ไป ทำครั้งแรกก็ได้ 70+ แล้ว  มันจะมีแพทเทิร์นเดิมๆ อยู่ อ้ออย่าลืม ทำข้อสอบต้องจับเวลานะ  แล้วก็ควรฝนด้วย อย่ากาๆ อย่างเดียว เพราะเวลาสอบจริงเราอาจจะทำช้าก็ได้ เราไปปริ๊นกระดาษคำตอบของสทศ. มาทำเลย เค้าปล่อยให้โหลดก็จงโหลดซะ

เรียนพิเศษ : ไม่เรียน

คะแนนที่คาดหวัง : 80+ 

คะแนนที่ได้จริง :  74


หนังสือไทยเล่มโปรด



เนื้อหากระชับดี น่าอ่าน แต่ 9 วิชาไม่เน้นหลักภาษาTT



2.สังคม
เราแทบไม่แตะสังคมอีกนั่นแหละ ต้งขอคารวะในความยากของวิชานี้เลย สำหรับเรานะ อ่านไปก็ไม่ค่อยเข้าหัว เราคงขี้เกียจเองแหละ555  แต่เราก็อ่านบ้างนะ ขอแนะนำหนังสือของอ.ชัย เลย เราว่าน่าอ่านดีนะ แต่เราอ่านไ่ม่ทัน เวรกรรม แต่ก่อนสอบเราใช้อีกวิธี คือ ฟังคลิปสรุปของพี่บอลในยูทูป พี่บอลอธิบายดี ฟังง่าย ฟังได้ ฟังดี สำหรับคนขี้เกียจอ่านก็เป็นทางเลือกที่ดีเลยนะ อย่าลืมทำข้อสอบเก่า จับเวลา ปริ๊นท์กระดาษมาฝน   หาสรุปในเพจต่างๆ มาอ่านด้วยนะ (แนะนำสรุปพี่บอลอะแหละ ดีจริง) เราอ่านยันวินาทีสุดท้ายก่อนเข้าห้องสอบเลย

เรียนพิเศษ :  ไม่เรียน

คะแนนที่คาดหวัง : 50+ (ผ่านครึ่งก็บุญแล้ว) 

คะแนนที่ได้จริง :  54    


หนังสือสังคมเล่มโปรด



หนังสือสังคม อ.ชัย

คลิปติวสังคมพี่บอล :   https://www.youtube.com/channel/UCwxWBcNhAuYSw1-jDBFVO6A



3.ภาษาอังกฤษ
เราเรียนเก็บแกรมม่ามาตลอด + ท่องศัพท์มาเรื่อยๆ (แนะนำศัพท์ 4 หน้าของคุณครูสมศรีนะ) อิ๊งเป็นวิชาที่เรากะจะถอดใจไปแล้ว เพราะทำยังไงคะแนนก็ไม่เคยเกิน 65 เลย เฉลี่ยแต่ละปีได้ 50 กว่าเอง รู้สึกได้ว่าเราโง่อิ๊งมาก เราทำข้อสอบเก่าปรากฏว่าพาร์ทที่เราได้น้อยคือ reading เราก็เลยไปซื้อหนังสือของดร.ศุภวัฒน์มาทำ และฝึกโจทย์จากหลายๆ แห่ง แต่ความพยายามก็ไม่สัมฤทธิ์ผล เราได้คะแนนเพิ่มจากเดิมน้อยมาก ไม่ถึงเป้า 65+ อยู่ดี แล้วก็ใกล้สอบแล้ว   อ่านก็ไม่ทัน คือเครียดอิ๊งมากๆ แต่หลังจากสอบคณิตเสร็จ ไฟลุกฮึดเลย555 กลัวคณิตที่คาดหวังจะน้อย เลยมาตั้งใจกับอิ๊งที่ไม่เคยหวังเลย จนในที่สุดเราก็ทำได้ ประมาณว่าแปลรีดดิ้งไรออกเกือบหมด ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเราอ่านไม่รู้เรื่อง อ่านแทบไม่ทัน (แต่ตอนจับเวลาทำก็ทำทันทุกครั้งนะ เรามีสกิลทำเร็ว แต่ไม่ได้มีสกิลทำถูกน่ะสิ) แต่พอเข้าไปในห้องสอบจริง เหมือนมันมีความตั้งใจอะ แล้วเราก็จับทริคการทำรีดดิิ้งได้ตอนสอบจริงเลย เมื่อก่อนเราจะรีบทำพาร์ทอื่นให้เสร็จแล้วมาทำรีดดิ้ง โดยเราจะอ่านทั้งหมดเลย แล้วทำ ซึ่งช้ามาก จากนั้นเราก็เปลี่ยนวิธีเป็นอ่านคำถามก่อนแล้วไปหาคำตอบ เราก็ลนจนตาลายไปหมด ตอนสอบจริงเราใช้วิธีผสม คือเราอ่านคำถามข้อที่มันจะตอบได้ทันที เช่นถามหาอะไรซักอย่างในพารากราฟแรก เราก็สแกนหาคำตอบก่อนเลย ส่วนข้อที่ถามถูกผิด เราข้ามเลย เพราะมันต้องเสียเวลาอ่านนาน ยิ่งเราสแกนคำตอบช้า อ่านช้า เราก็ไม่ควรจะเสียเวลานะ เอาเวลา 15 นาทีสุดท้ายค่อยย้อนกลับมาทำก็ยังทัน ตอนนั้นความกดดันจะลดลง แล้วเราก็จะทำได้ พาร์ทที่ควรเก็บได้มากๆ ทำให้เร็ว ก็คือ conversation กับ เรียงประโยคด้านหลัง เพราะมันง่ายที่สุดแล้ว อิ๊งต้องบริหารเวลาให้ดีเลยนะ

เรียนพิเศษ : คุณครูป้าสม (คุณครูสอนแถวบ้านเรา เป็นคุณครูที่ทำให้เราเก่งแกรมม่าได้ ถ้ารุ่นน้องที่โรงเรียนมาอ่านพี่แนะนำคุณครูป้าสมนะ ไปเรียนกันเยอะๆ)

คะแนนที่คาดหวัง : 60+  (เรารู้สึกว่าเราทำได้ เลยหวังสูง ปกติเราได้ 50 กว่าเอง)

คะแนนที่ได้จริง :  75 (ดีใจมาก ความเครียดตอนสอบทำให้เราตั้งใจจริงๆ นะ555)


หนังสืออิ๊งเล่มโปรด


     ชอบของ ดร.ศุภวัฒน์ ทุกเล่มนั่นแหละ แต่ชอบ 3 เล่มนี้เป็นพิเศษเลย 

ส่วนเล่มคอนเวอร์ของอ.ทีวี เสริมความรู้ได้เยอะดี น่าอ่านมากจ้าา



4.คณิตศาสตร์

บอกเลยว่าเราไม่เก่งคำนวณ แต่นี่คือวิชาที่เราชอบมากที่สุด แต่เราก็ทำข้อสอบเก่าได้ประมาณ 60-70 กว่าๆ นั่นแหละ ไม่ได้เยอะขนาดนั้น เราอ่านเก็บมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ม.4  แนะนำหนังสือของอ.ธนวัฒน์ 6 เล่ม หาซื้อยากมากก แต่ของเค้าดีจริงๆ นะ ละเอียดมากเว่อร์ เราทำสรุปสูตรคณิตไปพลางๆ ตอนอ่านรอบแรก    อ่านรอบสองก็อ่านสรุปตัวเองไม่ก็อ่านสรุปของเว็บคณิตในเน็ต (มันดีมากจ้าเดี๋ยวแปะลิงค์ให้นะ)  จากนั้นช่วงใกล้สอบเราก็ทำข้อสอบในหนังสือของพี่ณัฐแค่ 3 เล่ม (ก็คนมันขี้เกียจ นี่นา) เราทำจาก syntax--->vaccine--->crack ตามลำดับจากง่ายไปยาก จับเวลาทำจริงหมดนะ ข้อที่ทำไม่ได้ห้ามเดานะ เราทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ เราจะนับข้อที่ทำได้จริงๆ เท่านั้น เราว่าหนังสือพี่ณัฐข้อสอบยากกว่าข้อสอบจริงนะ ทำได้เกิน 60 ก็เก่งแล้วจ้า ช่วงใกล้สอบเราก็ลุยข้อสอบเก่าเลย ทำมันให้หมดลูก ทำปายยยย เมื่อถึงวันสอบ เราก่ายหน้าผาก อยากจะร้องไห้ ทำไม้ทำไม ข้อสอบยากเว่อร์ (หรือเรามันโง่เอง555)  ไม่เหมือนปีก่อนๆ เลย (ปี 60 61 62 เราว่าง่ายนะ) ออกจากห้องสอบมาก็เครียดอะ เลยทุ่มเทกับอิ๊งมาก (อิ๊งสอบหลังจากคณิตจ้า)

เรียนพิเศษ :  คอร์สเอ็นของอ.อรรณพ  (ไม่เรียนอะไรมาก่อนเลย อ.เตือนแล้วก็ไม่ฟัง แต่แน่นอน คนมันไม่ยอมแพ้ แม้จะยากก็เรียนไป ได้เทคนิคเยอะแยะ ไปเรียนกันนะทุกคน)

คะแนนที่คาดหวัง : 50+  (ก่อนสอบหวัง 70+ เพราะปีก่อนๆ เราทำได้ประมาณนั้นอะ  เฟลจริงจัง555)

คะแนนที่ได้จริง :  60 (เป็นคะแนนที่อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน สำหรับเราที่เฟลคณิตคือเยอะมากแล้วจ้า)



หนังสือคณิตเล่มโปรด


หนังสือ อ.ธนวัฒน์ 6 เล่ม





หนังสือข้อสอบ 3 เล่มที่ควรมี

เว็บคณิตอันทรงคุณค่า :   http://www.rathcenter.com/




5.ฟิสิกส์

เป็นวิชาที่เมื่อเห็นข้อสอบปี 62 ก็ทำให้ท้อแท้ไปไม่น้อย (ปี 62 ยาก อยู่ๆ ก็เปลี่ยนแนวเฉยเลยนะ สทศ.) เราอ่านเก็บฟิสิกส์มาเรื่อยๆ ทำสรุปสูตร แนะนำหนังสือของ hi-ed  เราอ่านเล่มนี้บ่อยสุด มันดีมาก มีโจทย์เยอะ  แต่มันจะไม่ค่อยมีเนื้อหาละเอียดเท่าไหร่ เน้นข้อสอบ เพราะงั้นการเตรียมฟิสิกส์ฉบับคนขี้เกียจคือ ดูข้อสอบเยอะๆ ช่วงใกล้สอบ แน่นอน เราก็ทำข้อสอบเก่าตลอด จับเวลา ฝน ย้ำหลายรอบละ555 ตอนทำจริงก็รู้สึกว่าข้อสอบแนวเดียวกับ 62 แต่ง่ายกว่า เป็นบุญมากค่ะ   คะแนนก็ประทับใจอยู่ สำหรับคนที่มองว่าฟิสิกส์ยาก  เราจะบอกว่าไม่ต้องกลัวนะ เมื่อก่อนเราก็ทำไม่ได้เลย ตีโจทย์ไม่ออก ตัวแปรเต็มไปหมดเลย งง แต่เราก็พยายามแก้ไข อ่านมันเข้าไป ฝึกมันเข้าไป จนเราเริ่มทำได้   และจับทางได้ในที่สุด

เรียนพิเศษ : คอร์สปรับพื้นฐานก่อนเอนและคอร์สตะลุยโจทย์สอบเข้าแพทย์ applied physics (ข้ามคอร์สเอนไปเพราะเรียนไม่ทัน และขี้เกียจเพราะต้องนั่งรถเข้าไปเรียนในเมือง ไกลมาก)

คะแนนที่คาดหวัง : 80+  (เคยทำข้อสอบเก่าได้มากสุด 88 เลยแอบหวังสูง)

คะแนนที่ได้จริง :  72 (เฟลนิดนึง เพราะไฟฟ้าเยอะเกิน เราโง่ไฟฟ้าน่ะสิ แถมยังเดาไม่ถูกบ้างเลย งอนคะแนน555)


หนังสือฟิสิกส์เล่มโปรด





หนังสือของ hi-ed



6.เคมี

มาถึงวิชาที่ถนัดที่สุดซักที แน่นอนว่าวิชานี้เราเตรียมตัวดีที่สุดเลยด้วย เราไม่อ่านหนังสือเคมีนะ เราอาศัยเรียนพิเศษเอา เพราะตอนม.4 เทอม 1 เราโง่มาก ที่โรงเรียนเรามีเหตุสุดวิสัยบางประการที่ทำให้คุณครูเคมีไม่สามารถสอนได้ตามปรกติสุข ดังนั้น ทางเลือกของเราก็คือการเรียนพิเศษ แรกๆ เราไ่ม่ยอมเรียน ตั้งใจอ่านเอง อ่านหนังสือในห้องเรียน ของสสวท. เค้าก็เขียนดีนะ  อย่าคิดว่าหนังสือของโรงเรียนจะไม่น่าอ่านล่ะ แต่หลังจากไปเรียนคอร์สปรับพื้นฐานของ อ.อุ๊ 3 วัน เราก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาทันที แต่ก็ไม่ทันการ ตอนนั้นเราก็ไปสอบเคมีโอลิมปิกค่าย 1 สมัยม.4 แต่ไม่ติด (ความโง่ยังอยู่) จากนั้นเราก็เริ่มเรียนพิเศษอย่างจริงจัง  จนในที่สุดเราก็สอบติดค่ายโอลิมปิกเคมีค่าย 2 ได้สำเร็จ  พอจบเรื่องค่ายก็ทิ้งเคมีไปนานเลย เริ่มมาจับตอนช่วงใกล้สอบ อ.อุ๊ก็เปิดคอร์ส 100 บาทติวโค้งสุดท้าย เราก็ได้สิทธิ์ไปเรียน ทบทวนแป๊บเดียวก็ฟื้น จากนั้นก็วนลูปทำข้อสอบเก่าต่อไป

เรียนพิเศษ : คอร์สปรับพื้นฐาน  3 วันของอ.อุ๊ + คอร์ส ม.ปลายทุกคอร์ส ยกเว้นคอร์สเอนกับคอร์สตะลุยโจทย์ของอ.อุ๊ +     คอร์สติวโค้งสุดท้าย 100 บาท ของอ.อุ๊         (แฟนคลับอ.อุ๊555)

คะแนนที่คาดหวัง : 80+  (ไม่หวัง 90+ เราไม่ขยันขนาดนั้น)

คะแนนที่ได้จริง :  82 


หนังสือเคมีเล่มโปรด...หนังสืออ.อุ๊ ทุกเล่ม ^_^





7.ชีวะ

เป็นวิชาที่อ่านเยอะมาก ถ้าไม่นับเคมีนะ(เคมีอ่านของมหาลัยตอนไปค่ายโอไง)  เราอ่านสะสมๆ ขอแนะนำหนังสือที่โด่งดังต่างๆ นานา ไ่ม่ว่าจะเป็น เล่มเต่าทองของพี่หมอเต๊นท์ เล่มปู  เล่มนกยูงของติวเตอร์พอยท์ก็ดีนะ ภาพสวยสุดยอด (แต่มีพิมพ์ผิดบ้างพอสมควร แต่ไม่เป็นไรให้อภัยได้) เราอ่านหลายๆ เล่มเลย เพราะแต่ละเล่มเนื้อหาบางบทจะดีกว่า ถ้าอ่านเล่มไหนไม่เข้าใจก็อ่านเล่มอื่น ผลัดๆ กัน นอกจากนี้เราก็อ่านหนังสือคอร์ส ICU ของเจ๊บีมด้วยนะ เราไม่ได้เรียนเด้อ(ขี้เกียจอีก55) แต่พี่สาวคนสวยของเราให้มาอ่าน  พออ่านได้ที่คิดว่าตัวเองฉลาดแล้วก็ไปเรียนคอร์ส COMA ของเจ๊บีมต่อ ใกล้สอบก็อ่านสรุปของตัวเองและ art beam shortnote (เจ๊บีมทำสรุปไว้สวยมากกก) สลับกับทำข้อสอบเก่า  แนะนำ ถ้าอยากฝึกเรื่องเวลาก็ลองทำข้อสอบชีวะปีเก่าๆ ดู มันจะมี 100 ข้อ เวลา 90 นาที โหดดีนะ  ช่วยให้เราทำข้อสอบได้เร็วขึ้น 

เรียนพิเศษ : คอร์ส COMA  Bio-Beam  หมอพิชญ์  (เราขี้เกียจก็เลยเรียนคอร์สรวบยอดไปเลยไง ประหยัดด้วย อ่านเองบวกเรียนสรุปมันเวิร์คนะ)

คะแนนที่คาดหวัง : 75+ (หวังสูงเพราะปี 62 ง่ายมาก) 

คะแนนที่ได้จริง :  60 (เฟลคะแนนสุดๆ ไม่คิดว่าจะมาได้แค่นี้ ตอนสอบคือมั่นใจมาก แต่ดู T-score ก็พอใจอยู่นะ ถือว่าเกิน 2sd มา เลยทำใจได้บ้าง 555T555T555)


หนังสือชีวะเล่มโปรด



ดีทุกเล่มเลยจ้า




>>>มาต่อกันที่วิชาเฉพาะแพทย์นะค้าาา

เราเน้น 9 วิชาเยอะกว่าความถนัดมากกกกก  ความถนัดเราอ่านช่วงมกราหลังจากเก็บเนื้อหา 9 วิชาสามัญเสร็จสัปดาห์นึง ช่วงหยุดปีใหม่นั่นล่ะ  จากนั้นก็อ่านก่อนสอบวันนึง (ไม่ถึงอะ ก่อนสอบอ่านวิชาไรก็ไม่รู้ อ่านความถนัดตอนเย็นๆ ด้วยซ้ำ555) แต่เราเคยทำจำลองข้อสอบนะ ได้ 20.8 

พาร์ทเชาว์  เราขี้เกียจสุดๆ ทำแบบฝึกในหนังสือไปงั้นๆ แล้วก็ไปหาจำลองข้อสอบมาทำ

พาร์ทจริยธรรม เราว่าสนุกดี ก็ทำผ่านๆ ไม่จริงจัง (ดูดิ ขี้เกียจขนาดไหน แต่ว่าเวลาตอบก็ต้องพยายามเป็นนางฟ้านะ)  

พาร์ทเชื่อมโยง เราหาไฟล์ข้อสอบเก่ามาทำนะ แต่ทำแค่ปีเดียวเอง (ก็ขี้เกียจอ๊ะ 55)

สรุปว่าความถนัดแพทย์เราแนะนำไม่ได้เลยเพราะขี้เกียจเกิน แต่ก็ขอซักนิดละกัน แนะนำว่าให้เน้นพาร์ทเชื่อมโยงให้ได้เยอะๆ เอาเต็มไปเลย  พาร์ทจริยธรรมก็แล้วแต่ความดีและบุญเก่าของเราละกันนะ ส่วนเชาว์ก็ฝึกทำโจทย์ ถ้าไม่มีเวลาหรือขี้เกียจก็ทำโจทย์ประเภทที่เราถนัดก็ได้ เชาว์มีหลายรูปแบบ ตอนทำข้อสอบก็ไปเก็บตรงที่ง่ายๆ ก่อน บริหารเวลาให้ดีๆ

เรียนพิเศษ : ไม่เรียน

คะแนนที่คาดหวัง :  21+ (ประมาทเกิน)

คะแนนที่ได้จริง :   19.89  (แอบเศร้า ไม่ถึง 20 อะ แม่บอกได้เท่านี้ก็บุญแล้วลูกกก)


หนังสือความถนัดแพทย์เล่มโปรด


ส่วนตัวเราว่าของ the book ยากกว่านะ  แต่ก็ซื้อมาทำหมดนั่นแหละ


เทคนิคการเรียน ฉบับเด็กบ้านนอก

1.หาตัวเองให้เจอ ยิ่งเร็วยิ่งได้เปรียบ เว้นว่าเธอจะเป็นยอดมนุษย์ที่อ่านแป๊บเดียวก็เข้าหัว พวกนี้คือสบาย ขอคารวะ คนที่ไม่เก่งมากอย่างเราก็ต้องสู้ด้วยความขยัน ถ้าเราเริ่มช้ากว่านี้เราอาจจะไม่ทัน อย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไป วางแผนชีวิตให้ดี เด็กม.6 นี่ระยะอันตรายแล้วนะ อย่ารีรอ

2.ไม่ฝืนตัวเอง มีคนถามเราบ่อยมากว่าอ่านหนังสือกี่ชั่วโมง ทำไมขอบตาดำจัง ได้นอนมั่งป่าว จะบอกว่าเราไม่เคยนับเวลาอ่านหนังสือเลยนะ เราอยากอ่านก็อ่าน ง่วงก็นอน ไม่ฝืนทำร้ายตัวเองเด็ดขาด เคยฝืนแล้วไม่สบาย  เราเลยอ่านแบบว่าไม่นาน แต่อ่านให้เข้าใจ  ต่อให้อ่านเป็น 5 6  ชั่วโมง ถ้าไม่มีสมาธิก็ไม่เข้าหัวหรอก พอเบื่อก็ดูโดเรม่อน ก่อนนอนก็ดูโคนัน (ชีวิตมีแค่การ์ตูนสองเรื่ือง) ที่เราใช้วิธีอ่านแบบนี้อาจเป็นเพราะเราเป็นคนที่มีความสามารถอย่างนึงคือ สมาธิสูงมาก อ่านได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างไม่แคร์ใคร (รุ่นน้องที่โรงเรียนอาจจะเคยเห็นพี่เดินอ่านก็ได้555)    ในสายตาคนอื่นเราดูขยันมาก แต่ใครจะรู้ว่ากลับบ้านเราก็มากิน ออกกำลังกาย ดูการ์ตูน อยากบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องขยันเว่อร์วังจนตัวเองบอบช้ำ ใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า อย่าให้ตัวเองรับความกดดันกับการอ่านมากเกินไป  ผ่อนคลายบ้าง แต่ก็ต้องแบ่งเวลาให้ดี 

3.มีแนวทางขยันของตัวเอง   อย่างเราชอบอ่านเรื่อยๆ ทำสรุปตอนอ่านรอบแรก ฟังคลิปติวในเน็ตบ้าง เรียนพิเศษแบบสรุปๆ  ถ้าใครง่วงตอนเรียน แนะนำว่่านึกถึงหน้าพ่อแม่ไว้ อย่าหลับนะลูกเดี๋ยวหลุด  ช่วงเวลาที่เรียนเราก็เรียน ถ้าเราจะเล่นเราก็เล่น   เราจะไม่ตามคนอื่นนัก เห็นคนอื่นขยันแล้วเราพยายามมันก็ดีนะ แต่ถ้ามันหักโหมเกินไป ดูแล้วไม่ใช่สไตล์เราก็ไม่ต้องทำ ขอให้คิดแค่ว่าทำอย่างไรให้ไปถึงเป้าหมายได้โดยที่ไม่เกินกำลังเราก็พอแล้ว

4.เห็นความสำคัญของเป้าหมาย คำถามที่ว่ามีวิธีอ่านหนังสือยังไงให้ไม่เบื่อ  ทำให้อ่านได้นานๆ ขอให้มองถึงเป้าหมายของเราเข้าไว้ บอกว่าเราอยากสอบติดให้ได้ เราจะรู้เองว่าเราควร do the next right thing (ยืมอันนามาแป๊บ) ถ้าเราเห็นความสำคัญของการอ่าน เราจะพยายามเพื่อมันไปเองนั่นล่ะ

5.ทำข้อสอบเสมือนจริง การเตรียมตัวสอบ ไม่ใช่ว่าอ่านๆ ลูกเดียวนะ เราต้องมีช่วงให้ทำข้อสอบด้วย เราถึงจะขี้เกียจยังไงก็ต้องหัดทำข้อสอบเยอะๆ เป็นการลองสนาม ต้องจับเวลา ฝนจริง ตรวจแล้วก็หาสาเหตุให้ได้ว่าผิดเพราะอะไร เราเคยทำข้อสอบเคมีผิดเพราะเลินเล่อบ่อยมาก แต่เรากลับให้คะแนนตัวเอง เพราะไ่ม่อยากได้น้อย ซึ่งมันเป็นวิธีที่ผิดอย่างร้ายแรง อย่าได้ทำเป็นอันขาดนะ เพราะพอทำข้อสอบจริง ผิดก็คือผิด ไม่มีใครมาดูตอนเราทดหรอกนะ อย่ากลัวว่าได้คะแนนน้อยตอนฝึกทำ แต่กลับไม่กลัวได้คะแนนน้อยตอนสอบจริง อย่าได้เป็นแบบนั้นนะ

6.เรียนพิเศษไม่เยอะสอบติดหมอได้มั้ย...ได้สิ คนที่ไม่ได้เรียนเยอะติดคณะแพทย์ก็มี มันอยู่ที่สไตล์การเรียนมากกว่า เราชอบอ่านเองแล้วมาเรียนพิเศษคอร์สสรุป เรามองเห็นข้อดีของการเรียนพิเศษนะ คือ เราจะได้รับการป้อนมาเอง ไม่ต้องลำบากแสวงหาความรู้ ถ้าเราหาความรู้ไม่เก่ง หรือโรงเรียนสอนไม่มากพอ เราก็ควรหาที่เรียนพิเศษดีๆ ที่เหมาะกับตัวเอง 

7.อย่าน้อยเนื้อต่ำใจว่าตัวเองไม่เก่ง อยู่โรงเรียนบ้านๆ สู้เด็กในเมืองไม่ได้ เราตั้งกระทู้นี้เพื่อการนี้เลย ตอนเราอยู่ ม.3 เราสอบเข้าโรงเรียนดังๆ ในจังหวัดได้ แต่เราสละสิทธิ์ และเลือกอยู๋โรงเรียนเดิมของเรา มีแต่คนถามว่าทำไมไม่ไปอยู่ที่อื่น นั่นเพราะเราอยากพิสูจน์ว่าเราไม่ต้องไปเรียนโรงเรียนดีดีก็ติดหมอได้ เพราะสมัยนี้ีมีโรงเรียนกวดวิชาเข้าถึงในหลายๆ ที่แล้ว เราแสวงหาความรู้ได้ทุกที่  อินเตอร์เน็ตก็มี  ถ้าเราตั้งใจจริงเราก็จะพยายามใฝ่รู้ด้วยตนเอง

8.อย่าประมาท อย่าคิดว่าตัวเองเก่ง เราเป็นที่หนึ่งของโรงเรียน ไม่ได้หมายความว่าเราเก่งแล้ว คนที่เก่งกว่าเรามีอีกเยอะ ต้องขยันเข้าไว้ เราอ่านมากแค่ไหนก็ไม่เคยมองว่าตัวเองขยันนะ เวลาทำข้อสอบได้น้อย นั่นแหละรู้เลยว่าเราไม่ขยัน 

9.เวลานอยด์ตอนทำข้อสอบแล้วได้คะแนนน้อย เราก็อย่ามัวแต่เสียใจ เราเคยเป็นนะ แบบว่าทำอิ๊งยังไงก็คะแนนไม่ขึ้น แต่เชื่อเถอะว่าเวลาที่เรามีแรงผลักดันอย่างแรงกล้า เราจะทำมันได้ดีแน่นอน ยกตัวอย่างคะแนนอิ๊งเราเป็นกรณีศึกษา

10.ตั้งคะแนนเป้าหมายตลอด แล้วเอาไปคำนวณเสมอ ได้เท่าไหร่ ติดหมอมั้ย ตอนก่อนสอบเราคิดว่าได้ 60 กว่าพอให้ติดหมอคณะที่ต้องการก็พอ แต่พอทำจริงก็ได้เยอะกว่าที่คิดไว้(ดีใจ) เพราะงั้น อย่าลืมดูคะแนนของเรา เรื่องการสมัครสอบอะไรก็อย่าให้พลาดเชียวนะ  


แม้เราจะไม่ใช่คนเก่งและขยันมาก แอบขี้เกียจนิดๆ ติดการ์ตูนหน่อยๆ  และติดพ่อมากๆ เราก็หวังว่ากระทู้นี้อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ข้อคิดข้อธรรมมะ?  และหวังว่าจะมีประโยชน์กับใครๆ ที่จะสอบเข้าแพทย์กันนะค้าา 

แสดงความคิดเห็น

>

33 ความคิดเห็น

nutpurich2 18 เม.ย. 63 เวลา 13:09 น. 1

ยินดีด้วยนะคะที่พี่สอบติดหมอ พอได้อ่านกระทู้ของพี่แล้วรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเลย พี่กลายเป็นแรงบันดาลใจของหนูเลย ️

1
NackyJung 18 เม.ย. 63 เวลา 20:19 น. 1-1

ขอบคุณจ้า ดีใจที่กระทู้ของพี่มีประโยชน์ต่อน้องๆ นะคะ

0
กัลย์ 18 เม.ย. 63 เวลา 13:27 น. 2

เป็นเด็กเก่งมากๆ เรียกว่าเป็น ช้างเผือกในป่าใหญ่ เขียนรายละเอียดได้ดีมาก

ครบทุกวิชาที่จะใช้สอบแพทย์ บอกทั้งวิชาที่เรียนพิเศษ พร้อมสำนักติว วิชาที่ไม่เรียนพิเศษ เช่น ไทย สังคม ความถนัดแพทย์ หนังสือเล่มโปรดรายวิชา คะแนนความหวังหรือเป้าหมาย พร้อมคะแนนที่ได้จริง อีกทั้งเทคนิคการเรียน ฉบับเด็กบ้านนอก ซึ่งสามารถเป็นแรงบันดาลใจ เป็นตัวอย่างที่ดี และมีประโยชน์สำหรับเด็กต่างจังวหวัด ในชนบท ที่จะสอบเข้าแพทย์ ได้อย่างมาก

ความดีนี้ จะส่งผลให้ประสบความสำเร็จ เป็นว่าที่นิสิต/ นักศึกษาแพทย์ ไม่เกิน TOP 5

1
NackyJung 18 เม.ย. 63 เวลา 20:24 น. 2-1

ขอบคุณนะคะ ดีใจมากเลยค่ะที่เข้ามาอ่่านกระทู้หนู เพิ่งตั้งกระทู้ครั้งแรกเลยค่ะ อาจจะยังไม่ดีนัก แต่หนูก็ตั้งใจที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้น้องๆ ค่ะ

0
Wongwipa Tah 19 เม.ย. 63 เวลา 10:19 น. 3

เก่งมากๆเลย ต้องใช้ความพยายามมากกว่าเด็กในเมืองที่ปัจจัยเอื้ออำนวยมากกว่าหลายเท่า


1
Pornsin 19 เม.ย. 63 เวลา 23:02 น. 6

เยี่ยมมากค่ะลูก

แม้ลูกจะเตรียมตัวในการเอนทรานซ์ช้าไปหน่อย


แต่เพราะมีการวางแผนการเรียนที่ดี ไม่หักโหมกับการอ่านหนังสือมากเกินไป มีการพักผ่อนอย่างเพียงพอ และยังรู้จักผ่อนคลายอารมณ์ ด้วยการแบ่งเวลาไปออกกำลังกาย ดูการ์ตูน และอยู่ร่วมกับพ่อแม่ มันทำให้ลูกไม่เครียดกับการเตรียมตัวสอบมากเกินไป


ความสุข ทำให้ลูกมีทั้งสติ และปัญญาที่ดี ทำให้ลูกสามารถคิด จำ และทำในสิ่งที่ดีที่สุดได้ ตามที่ลูกต้องการ


ซึ่งในอนาคตที่ลูกต้องไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แม่ก็ม้นใจว่าลูกจะสามารถก้าวต่อไปได้ด้วยดี เช่นวันนี้ อย่างแน่นอน


ที่สำคัญ

...ลูกต้องมั่นใจในตนเอง

...มั่นใจในความสามารถของตน

...กล้าหาญที่จะก้าวต่อไป ด้วยใจที่เข้มแข็ง และอดทน

...ลูกจะต้องไม่หวาดหวั่นต่ออุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า

ขอให้ลูกก้าวต่อไปอย่างมั่นคง


ขอแถมท้ายสักนิด...

ในโอกาสครบรอบวันเกิด...

อายุครบ 18 ปี...ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นอายุที่ลูกจะมีวุฒิภาวะมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง กึ่งจะเป็นผู้ใหญ่

แม่จึงขอให้ลูกเติบโตเป็นเด็กดีเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีของสังคมในอนาคต และขอให้ลูกประสบความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาตามเจตนารมณ์ของลูก ขอให้ความดีคุ้มครองลูกให้ปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง

.จาก..แม่..ที่รักลูกเสมอ

3
NackyJung 20 เม.ย. 63 เวลา 09:46 น. 6-1

ขอบคุณกำลังใจจากคุณแม่เสมอมานะคะ ตามมาเม้นลูกด้วยแบบนี้ ลูกเขินนะคะเนี่ย

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-big-06.png

0
ผปค 30 เม.ย. 63 เวลา 11:28 น. 6-3

เป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอดครับ ที่คุณแม่มาแสดงความรู้สึกด้วย ครอบครัวอบอุ่นมากครับ Where there is a will,there is a way.

0
Wichit.p 20 เม.ย. 63 เวลา 07:31 น. 7

เขียนดีมากครับ ไม่ต้องเรียนพิเศษมาก อาศัยความตั้งใจและไม่ประมาทก็จะสำเร็จ

1
โสภา พิทักษ์ธรรม 20 เม.ย. 63 เวลา 08:02 น. 8

ยิิิิิิิิิิิินดีด้วยค่ะ เก่งมากเลยลูก ได้อ่านบทความนี้แล้วดีจัง สำหรับคนที่ต้องการสอบเข้าเรียนหมอต้องห้ามพลาดที่จะอ่านเลยแหละมีประโยชน์มาก

1
NackyJung 20 เม.ย. 63 เวลา 11:15 น. 9-1

ลงจ้า เราติดหมอรอบสอง 2 ที่จ้า แพทย์ PI กับโควต้าภูมิภาค

0
Abcnut 22 เม.ย. 63 เวลา 20:36 น. 9-2

หนูอยากทุ่มไปรอบสองเพราะไม่อยากสอบ กสพท พี่มีคำแนะนำมั้ยคะ

0
NackyJung 29 เม.ย. 63 เวลา 22:28 น. 9-3

สอบกสพท น้องหมายถึงสอบความถนัดแพทย์ใช่มั้ย น้องควรสอบไว้ก่อนนะคะ เผื่อน้องหลุดรอบ 2 จะได้ไปต่อรอบ 3 ได้ รอบ 3 ใช้ 9 วิชาสามัญกับความถนัดแพทย์ค่ะ

หรือถ้าน้องหมายถึงไม่อยากไปรอบ 3 อยากได้หมอรอบ 2 เลย ก็ต้องศึกษาว่าแต่ละมหาลัยใช้เกณฑ์คะแนนอะไรบ้าง แม้ว่ารอบ 2 จะแข่งขันน้อยกว่ารอบ 3 แต่หากจะสอบแพทย์ก็ต้องขยันอ่านทุกๆ วิชาอยู่ดีจ้า ถ้าน้องหลุดรอบ 2 ไปเข้ากสพทในรอบ 3 ก็ไม่เป็นปัญหานะ เพราะน้องจะได้มีทางเลือกไปเรียนได้อีกหลายๆ ที่เลย

0
วราภรณ์ 20 เม.ย. 63 เวลา 16:43 น. 11

ยินดีด้วยค่ะ และชื่นชมในการเขียน share วิธีการเรียนแบะเตรียมตัวอย่างละเอียด เป็นประสบการณ์ให้กับผู้อื่น และให้แรงบันดาลใจที่ดีกับผู้อื่น /


พี่โรงเรียน จบปี 2528 ค่ะ

1
Beau 21 เม.ย. 63 เวลา 08:54 น. 12

ยินดีด้วยนะคะ กระทู้นี้น่าจะเป็นแนวทางและสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ อีกหลายคนค่ะ

1
Apnfs 21 เม.ย. 63 เวลา 15:43 น. 13

เขียนดีมากค่ะมีประโยชน์มาก หนูเป็นเด็กตจว.ที่อยากเข้าทันตะ แต่ชอบนอยกับตัวเองบ่อยๆเพราะไม่ค่อยมีที่เรียนพิเศษ แล้วก็ไม่ใช่รร.ดังๆ พออ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจ หนูจะทำได้เหมือนพี่มั้ย

1
NackyJung 21 เม.ย. 63 เวลา 19:28 น. 13-1

ดีใจที่กระทู้นี้ทำให้น้องมีกำลังใจมากขึ้นนะคะ ถ้าน้องขยันบวกกับมีเป้าหมายที่แน่วแน่ น้องต้องทำได้แน่จ้า

0
ครูน้อง ลักขณา 22 เม.ย. 63 เวลา 13:34 น. 15

เขียนได้ละเอียดดีมากค่ะ อ่านแล้วสามารถนำไปใช้ได้เลย เป็นนักเล่าเรื่องที่ดี สิ่งที่เขียนมาเป็นแนวทางให้ครูสามารถนำไปปรับปรุงการเรียนการสอนเพื่อพัฒนารุ่นน้องต่อไปได้ด้วย ขอให้หนูประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกประการ ...เป้าหมายชัด วิธีการมาเอง จึงมีวันนี้ของหนูเป็นกำลังใจให้ตลอดไปค่ะ

1
NackyJung 22 เม.ย. 63 เวลา 15:14 น. 16-1

พี่เก็บมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ ม.4 เลยจ้า (แต่อ่านแบบผ่านๆ มากนะ พอให้เข้าใจก่อน) แล้วเริ่มอ่านจริงจังก็ตอนม.6 เทอม 1 เริ่มอ่านคณิตก่อน ตามด้วยฟิสิกส์ ชีวะ ภาษาอังกฤษ อ่านสลับๆ กัน จะได้ไม่เบื่อ ช่วงนี้พี่ทำสรุปไปด้วย พอขึ้นม.6 เทอม 2 พี่ก็อ่านทวนที่เคยสรุปไว้ แล้วก็ทำข้อสอบจากหลายๆ ที่ ประมาณช่วงปลายปี 62 พี่ก็ค่อนข้างแม่นเนื้อหาของ 9 วิชาแล้ว (ยกเว้นไทย สังคมนะ อันนั้นพี่อ่านก่อนสอบไม่กี่วัน อยากได้คะแนนดีๆ อย่าเลียนแบบนะ555 ส่วนเคมีพี่ก็มาทวนทีหลัง เพราะพี่ไปค่ายสอวน.เคมี ก็เลยค่อนข้างถนัดวิชานี้อยู่แล้ว) ช่วงปีใหม่ 63 พี่ก็เริ่มเตรียมตัวพวกความถนัดแพทย์ หลังจากนั้นก็ทำข้อสอบจริง จับเวลา ฝน ต่างๆ นานา555 เอาจริงพี่ว่าพี่เตรียมตัวช้านะ เพราะช่วงม.6 พี่ยังมาเก็บเนื้อหาอยู่เลย พี่ก็แนะนำน้องได้แค่นี้ล่ะนะ ทางที่ดีคือน้องต้องหาวิธีการของตัวเอง และไม่ต้องกดดันตัวเองเกินไปนะคะ ️

0
6666 22 เม.ย. 63 เวลา 18:09 น. 17

ยินดีด้วยครับน้องรุ่นmed48 ขอต้อนรับสู่รั้ว med psu นะครับ ช่วงปี 1 เทอม 1 ที่เราจะว่างหน่อย (ถ้าเขายังใช้หลักสูตรเหมือนกับปีที่แล้วนะ 55555)

1

ความคิดเห็นนี้ถูกลบ

ถูกลบโดยเจ้าของความเห็น

NackyJung 29 เม.ย. 63 เวลา 16:28 น. 19-1

ม.สงขลานครินทร์ พี่เอารอบสองเลยจ้า เพราะใกล้บ้านดีจ้า

0
LadyPimnara02 29 เม.ย. 63 เวลา 14:29 น. 20

โอโห เก่งมากๆเลยค่ะ เขียนละเอียดมากๆ สามารถเป็นแรงผลักดันให้เด็กต่างจังหวัดที่อยากสอบหมอได้มากอย่างแน่นอนเลยค่ะ เป็นกระทู้ที่ดีและมีประโยชน์มากๆ ขอให้สนุกกับการเรียนหมอนะคะ

1