Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เรียนต่อป.ตรีที่อังกฤษ หรือ อเมริกาใช้เอกสารและสอบอะไรบ้างคะ

ตั้งกระทู้ใหม่
เท่าที่รู้ก็พวก ielts tofel sat ต้องสอบอะไรอีกไหมคะ แล้วทุกคณะใช้แค่นี้รึเปล่าคะหรือต้องมีสอบอะไรตามคณะด้วย

แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

Yay 27 เม.ย. 63 เวลา 01:09 น. 1

ปล. เราไม่ได้เรียนอินเตอร์ที่ไทย ต้องเรียนอะไรไหมคะ (ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากเรียนน่ะค่ะ)

0
Loli 27 เม.ย. 63 เวลา 08:41 น. 2

ควรจะหาข้อมูลของมหาวิทยาลัยที่จะไปนะคะว่าเค้าขอเอกสารอะไรบ้าง อีกอย่างอย่าลืมยื่นวีซ่า เผื่อไม่ผ่านจะได้ไม่ต้องเตรียมเอกสารเก้อ

0
WataThep 27 เม.ย. 63 เวลา 10:34 น. 3

อเมริกาใช้

- toefl

- sat (บางที่ใช้ sat subject ด้วย)

- ทรานสคริปต์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ตั้งแต่ม.3

- college essay

- letter of recommendation

- กิจกรรมเยอะๆ


ส่วนเรื่องวีซ่า ต้องติดและenrollก่อนถึงจะได้เอกสารมาขอวีซ่าได้ นึกออกแค่นี้

2
Yay 27 เม.ย. 63 เวลา 14:50 น. 3-1

ต้องเรียนให้ได้วุฒิอะไรไหมคะ พอดีเห็นว่าถ้าต่ออังกฤษต้องเรียน a level ไม่ก็ foundation ก่อน

0
Bigmum 28 เม.ย. 63 เวลา 02:59 น. 4

ถ้าอยากจะเรียนต่อที่อังกฤษ ต้องลองถามตัวเองดูก่อนว่าใจสู้มั๊ย ? เพราะสิ่งที่คิดกับชีวิตจริงเรียลๆมักสวนทางกันเสมอ คนที่นี่ส่วนมากไม่ค่อย friendly อย่าง ออสเตรเลีย ไม่ Open เหมือนอย่างอเมริกา ถ้าแทบไม่ได้ภาษา การหาเพื่อนการใช้ชีวิตก็อาจจะเครียดบ้างในช่วงที่มาใหม่ๆ แต่ถ้าตัดสินใจแล้วว่านี่คือวิถีของช๊าน ก็หาข้อมูลไว้เลยว่าอยากเรียนอะไร มหาลัยไหน แล้วหลักสูตรมีเงื่อนไขอย่างไร แต่ละคณะต้องการคะแนนไม่เท่ากัน เช่น เรียนสายวิทย์อาจต้องการ 6.5 เรียนกฎหมายอาจต้องการ 7-7.5 วุฒิม.6 เมืองไทย เทียบเท่าแค่ GCSE ประมาณม.1 หรือเด็กอายุ 13 จึงต้องเรียน sixth form หรือ A Levels ก่อน การสมัครเรียน sixth form ก็ดูตามโรงเรียนมัธยมปลาย บางโรงเรียนจะให้ไปสอบที่ British council ใช้เวลาเรียน 2 ปี ส่วน A Levels ก็สมัครไปตาม College ที่มีเปิดสอน จบผ่านเกณฑ์แล้วจึงจะเอาคะแนนไปใช้สมัครเรียนต่อมหาลัยได้


เอกสารหลักๆก็ใช้


1.ผลการเรียน กิจกรรมทั้งหมดที่ผ่านมา เช่น ทรานสคริป, ใบประกาศ ฯลฯ ( ถ้าเป็นเอกสารทางราชการต้องแปลและรับรองเอกสารเป็นภาษาอังกฤษ)


2.จดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ (จำเป็นมาก เพราะต้องใช้ตั้งแต่ขอวีซ่าจนสอบเข้ามหาลัย)


3.จดหมายรับรองจากอาจารย์ที่ปรึกษาหรือผู้อำนวยการโรงเรียน พร้อมลายเซ็น ตราประทับโรงเรียนเป็นภาษาอังกฤษที่เขียนตามแบบฟอร์มเหมือนหนังสือทางราชการ


4.ผลคะแนนการสอบ IELTS ล่าสุด และคะแนนสอบต่างๆทั้งหมดและเอกสารส่วนตัว เช่น หนังสือเดินทาง วีซ่า ฯลฯ ไปจนถึงเอกสารอื่นๆ ตามที่คห.3บอก


ป.ล : ถ้าให้เชียร์ระหว่างอเมริกากับอังกฤษ โหวตอเมริกาแบบไม่ลังเล เพราะระบบน่าจะไม่วุ่นวายเท่าที่นี่ อังกฤษนี่สุดยอดของความยาก ขนาดป้าแค่แต่งงานเข้าบ้านสามียังต้องสอบวัดระดับภาษาให้ผ่านตั้งแต่ขอวีซ่าเข้าประเทศ ยันสอบ Life in UK https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-03.png

0