พ่อบอกว่ากะเทยเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้?
ตั้งกระทู้ใหม่
คุณต้องการจะลบกระทู้นี้หรือไม่ ?
17 ความคิดเห็น
คำตอบคือเป็นได้ครับ
ส่วนคำพูดของพ่อคุณที่ว่า 'ตุ๊ดเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่ได้ ลองนึกดูว่าถ้าลูกสร้างทฤษฎีระดับโลกได้ แต่พอเผยแพร่ทฤษฎีก็ไม่มีใครเชื่อลูกหรอก เพราะขนาดเพศของตัวเองยังไม่รู้เลย นับประสาอะไรจะมาค้นพบทฤษฎีระดับโลก'
ถ้าเป็นสมัยก่อนจนถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก็ใช่ครับ เพราะสมัยนั้นคนเหยียดเพศและไม่ยอมรับเพศที่สามครับ เหมือนอลัน ทัวริ่ง หนึ่งในผู้ช่วยคิดวิธีถอดรหัสเครื่องอินิกมาของเยอรมัน ที่ตอนท้ายถูกจับข้อหารักร่วมเพศ แล้วมาได้รับการยอมรับในภายหลังครับ **แต่นี่ยุค 2020 ครับ การเหยียดเพศยังคงมีอยู่แต่น้อยลงไปมาก ดังนั้นหากคุณค้นพบสิ่งใหม่ในวงการได้จริง ทุกคนเขาก็ยอมรับในฝีมือคุณได้ครับ**
เป็นได้ค่ะ เพศทั้งทางกายและจิตใจไม่ได้ส่งผลต่อผลงานของเรา บางทีคุณพ่ออาจจะยังทำใจรับไม่ค่อยได้แต่เดี๋ยวท่านก็จะเปลี่ยนทัศนคติเอง การที่เราจะเป็นเพศอย่างไรไม่ได้ส่งผลถึงการเรียนและการทำงานเลย สำคัญตรงที่ความขยัน ความพยายาม ความใฝ่รู้ อย่าให้คำพูดนี้มาบั่นทอนจิตใจและทำให้เราเขวจากความฝันนะคะ พี่มีอาจารย์ท่านนึงเป็นนักวิทย์ตอนนี้สอนอยู่คณะวิทย์มหาลัยดังของไทย อาจารย์ก็เป็นตุ๊ดค่ะแถมยังชอบแกล้งเด็กผู้ชายในค่าย แต่ท่านเป็นคนน่ารักและน่าเคารพมากค่ะ ฉะนั้นสู้ๆนะคะ ความฝันของเราต้องมาก่อน
ป.ล. อาจารย์สอนเด็กโอลิมปิกผู้แทน IJSO ด้วยค่ะ สุดยอดมากๆ
ไม่มีกฎข้อไหนห้ามกระเทยเป็นนักวิทยาศาสตร์ครับ สิ่งที่พ่อน้องพูดคือเพื่อต้องการให้น้องกลับมาเป็นตามเพศสภาพของตนเท่านั้นแหละครับซึ่งโลกปัจจุบันเขารับเรื่อง LGBT ได้กันแล้วครับ
พ่อแค่ไม่อยากให้เป็นตุ๊ด
อย่าสนใจพ่อเลย
ตั้งใจเรียนแล้วเป็นนักวิทยาศาสตร์ให้ได้ล่ะ
ตราบใดที่มีหลักฐาน ข้อพิสูจน์ อ้างอิงสิ่งที่เจอ เขาให้ค่ากับหลักฐานอยู่แล้ว 2020 แล้วนะ อีกอย่างคุณก็รู้ตัวดีว่าคุณเป็นอะไร อย่าให้คนอื่นมาบอกว่าคุณไม่รู้จักตัวเอง
เป็นได้ค่ะ และคุณพ่อก็ไม่ควรพูดแบบนี้ด้วย คุณโฟกัสกับสิ่งที่อยากเป็นได้เลยค่ะ ไม่ต้องไปสนใจ เขาพูดเพราะลึกๆแล้วเขาผิดหวังที่คุณไม่ได้เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น เพศสภาพและเพศในจิตใจของคุณไม่ส่งผลต่อการทำงานหรอกค่ะ อย่าไปฟังเขาเลยนะคะ
ตั้งใจเรียน อยากทำอะไรก็ทำตามความฝันค่ะ เพื่อนพี่ในคณะวิทย์ก็เป็น เพศทางเลือกทั้งนั้น อาจารย์หลายท่านก็เช่นกัน นี่มันยุค2020 แล้ว อะไรๆก็ก้าวหน้า ความคิดคนเราก็ควรเป็นเช่นนั้นค่ะ สู้ๆนร้าา พี่เป็นกำลังใจให้
นักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่พระค่ะ เพศไหนก็เป็นได้ขอแค่มีความรู้ความเข้าใจในงานของตัวเอง ทำให้ได้ก็พอค่ะเพศสภาพไม่มีผลต่อการเรียนรู้ สู้ๆนะคะหวังว่าคุณพ่อจะเข้าใจ
เรียนจบ วทบ.นะคะ บอกเลยว่าเพศไม่ได้เกี่ยวกับการเป็นนักวิทยาศาสตร์เลยค่ะ ผู้ใหญ่ไม่ได้ถูกต้องทุกเรื่องค่ะ
สุดท้าย อย่าเชื่อใครจนกว่าจะพิสูจน์มันด้วยตัวเอง เป็นกำลังใจค่ะ
พี่จบคณะวิทย์มา ยังไงก็เป็นได้นะ เพื่อนพี่ก็เป็นเพศเดียวกับน้องเยอะแยะ สู้ๆน้า เรื่องเพศไม่เกี่ยวกีบการเรียนหรือสิ่งที่เราอยากเป็นหรอก
เป็นได้แน่นอนค่ะ พ่อแค่พยายามใช้คำพูดเพื่อเปลี่ยนใจคุณ เพราะเขาคิดว่ามันเปลี่ยนได้ ตั้งใจเรียน พิสูจน์ให้เขาเห็น เข้มแข็งมากๆ นะคะ ถ้าเป็นไปได้ ก็พยายามหางานพิเศษทำ เพื่อจะได้มีเงินใช้เอง และยืนได้ด้วยขาตัวเองโดยเร็วที่สุดค่ะ สู้ๆ นะคะ
1.ประเด็นกะเทยสายวิทย์ก่อน
เอาคำตอบง๊องแง๊ง: คณะวิทย์มีกะเทยพอๆกับผู้ชาย และบางที่ก็มีจำนวนมากกว่าผู้ชาย
เอาคำตอบจริงจังอีกนิด: ไม่มีการแบ่งเพศในการทำแล็ปและการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานฮะ มีแค่ฝีมือกับดวงอย่างเดียว อาจพ่วงอาจารย์ ทฤษฎี และศาลพระภูมิอีกเล็กน้อยค่ะ (คนผ่านคณะที่เกี่ยวกับวิทย์น่าจะรู้ว่า ใช้ศาลพระภูมิ/ศาลในมอทำไม อิอิ)
คำตอบแบบจริงจัง: ตอนนี้เพศทางเลือกอยู่ในยุคเดียวกันกับยุครณรงค์สิทธิ์ของเพศหญิง คือ มีการใช้ลักษณะเพศสภาพเพื่อหักล้างข้อมูลที่ได้จากกระบวนการที่น่าเชื่อถือ/ตรวจสอบได้ นับเป็นตรรกะวิบัติ (Fallency) อย่างหนึ่งคือ การนำอัตลักษณ์บุคคลมาใช้ประกอบการโต้แย้งในประเด็นทั่วไป ซึ่งในปัจจุบัน เกือบทั้งวงการวิทยาศาสตร์มีจริยธรรมมากพอที่ก้าวผ่านตรรกะวิบัตินี้ได้แล้ว (มันก็มีบางคนอยู่ดีอะนะ แต่วงการอื่นนี้ ไม่ทราบจริงๆ เพราะไม่ได้คลุกคลีมาด้วย) จึงทำให้การเป็นกะเทยไม่ใช่ปัจจัยหลักในการศึกษาทางวิทยาศาสตร์
2. ประเด็นความน่าเชื่อถือของผลงาน
พี่อยากให้น้องอ่านข้อ 1 นะ ตัวเหตุผลและวิธีพูด/เขียน คือข้อสำคัญในการทำให้คนอื่นตัดสินใจในความน่าเชื่อถือของคำพูด
3. ประเด็นความเป็นเทย
For me:เพราะมันเป็นทางเลือกที่ทำให้เราสบายใจ เราเป็นตัวของตัวเอง และเป็นสุขกว่าการเป็นผู้ชาย ถ้าเราเป็นผู้ชายแล้วเราไม่มีความสุข มันรู้สึกติดมาดขี้เก๊ก ต้องขรึมๆ ดูห้าวๆ สรุปคือเป็นอะไรหลายๆอย่างที่เราไม่ชอบ (ขอโทษคุณผู้ชายทุกคนน้า ตรงนี้ความเห็นส่วนตัวจริงๆ อย่าเหมารวมถึงเทยคนอื่น)
เพราะฉะนั้น คำตอบของข้อนี้ของดิคือความสบายใจในการเป็นเทย และต้องชี้ให้เห็นข้อเสียของความแมนที่เราเห็นเพื่อย้ำฝาโลงถึงความรู้สึกจริงๆของเรา (มันเป็นความรู้สึกส่วนตัว ถ้าบางคนงงว่ามันไม่สบายใจยังไง อ่านอีกที ความรู้สึกส่วนตัวนะ เธอไม่ได้สิงสู่ฉัน เธอก็รู้สึกมันไม่ได้หรอก แล้วไม่ต้องทำความเข้าใจนะ มันยากมาก อยากให้รู้ว่ามันไม่สุขเลย)
ดิคิดว่าสิทธิ์ในความสบายใจตรงนี้ ทุกคนควรมีได้ในยุคนี้ค่ะ แต่ก็เข้าใจว่าบางคนรับไม่ได้จริง ต่อหน้าคนเหล่านั้น เราก็ไม่วี๊ดว๊ายจนเกินเลยค่ะ ถือว่าให้เกียรติอีกฝ่ายด้วยความสุภาพอย่างที่สุด ถ้าไม่เป็นการก้าวล่วงจนเกินไป ในพาร์ทนี้ พี่อยากแนะนำว่า อยากให้พ่อน้องลองคุยกับกะเทยที่เคยรู้จักกันดู ไม่ใช่เพราะเอาความอาวุโสมาวัดกัน แต่น่าจะได้เหตุผลและมุมมองที่ชัดเจนขึ้นค่ะ แต่บอกเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พูดยากสุดแหละ
ไม่จริงค่ะ บอกคุณพ่อนะคะ ตัวอย่างมีให้เห็นเยอะเลยค่ะ ที่เก่งๆ ก็ตุ๊ดไปกว่าครึ่ง
ทำไมจะเป็นไม่ได้ เพื่อนก็รู้ สังคมก็รู้ เพราะฉันจะเป็นนักวิทยาศาสตร์สัญชาติไทย และคำว่าไทย แปลว่าอิสระ ฉันไม่ยอมเป็นตามคำพ่อบอกหรอกค่ะ
พี่อยู่คณะวิทย์ ม.ชื่อดังแห่งหนึ่ง คนที่เก่งสุดในคณะเป็นLGBTQ ค่ะ
เราว่าได้นา
ไม่ได้ห้ามเพศที่สาม หรือ เพศทางเลือกอื่นๆเป็นสักหน่อย เราว่าการเป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศเลยนะ
คุณพ่อต้องเปิดใจยอมรับครับว่าเพศที่สามมีอยู่ทุกที่ วิศวะก็มีแถมเก่งมากๆด้วย ความเก่งไม่เกี่ยวกัับเพศครับ อย่าง อ.ปวิน เป็นนักรัฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์ประจำ ม.เกียวโต ที่ ญี่ปุ่น ก็เป็นเพศที่สาม
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?