Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แนะนำการอ่านหนังสือสอบเข้าบัญชี บริหาร!! จาก dek62->dek63

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
สวัสดีค่ะ วันนี้จะมารีวิวการอ่านหนังสือสอบเข้าคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีนะคะ ตอนนี้เราติดบัญชี5ปีของมธ.นะคะออกตัวก่อนนะคะว่าส่วนตัวแล้วเราเป็นเด็กซิ่วค่ะ ซิ่วแบบอยู่บ้านนะคะ (dek62ซิ่วมาเป็นdek63)เนื้อหาการเขียนจะแบ่งเป็น2ส่วนนะคะ 1.เกี่ยวกับการซิ่ว สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะซิ่วดีมั้ย ซิ่วแบบเรียนไปซิ่วไปหรือซิ่วอยู่บ้านเลยดี 2.การวางแผนอ่านหนังสือกับแนะนำที่เรียนพิเศษและหนังสือที่ใช้
ส่วนแรกนะคะ : เหตุผลที่ตัดสินใจซิ่ว
ขอท้าวความก่อนว่าทำไมถึงซิ่วนะคะ บอกก่อนว่าเดิมทีแล้วเราเรียนแผนวิทย์คณิตมา แล้วตอนขึ้นม.ปลายมาเราก็ทำแต่กิจกรรมของที่รร. ตอนม.4-5นี่เราแทบไม่ได้เรียนพิเศษเลย ถ้าเรียนก็แบบคอร์สสั้นๆแปปเดียวจบละก็ไม่ได้ต่อแล้วเดิมทีก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองอยากเรียนอะไร อยากเข้าคณะอะไร แต่ละคณะใช้คะแนนอะไร ระบบสอบเข้าของรุ่นพี่ก็ไม่เคยติดตามเลยว่าเขาสอบกันช่วงไหน คะแนนแต่ละอย่างเป็นยังไง ต้องใช้อะไรบ้าง พอตอนปิดเทอมขึ้นม.6ก็เพิ่งมาคิดว่าแบบเออเราอยากเรียนอะไร เพื่อนๆส่วนใหญ่ก็อยากเข้าพวกหมอ ทันตะ ไรงี้กัน ส่วนตัวแล้วตอนนั้นคิดว่าเราคงอยากเรียนทันตะ(เอาจริงๆก็คือตามเพื่อนแหละ) ก็เริ่มลงเรียนพิเศษแบบเรียนเยอะมาก เรียนทุกวันตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่กลับบ้านมาก็ไม่ได้อ่านหนังสือนะ แบบไม่ได้อ่านที่เรียนมาเลยเพราะมันเหนื่อยจากการเรียนพิเศษ พอเปิดเทอมไปเราเลยคิดว่าทันตะคงไม่เหมาะกับเรา แบบว่าลองจินตนาการการทำงานตอนโต รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่ชอบ เลยเริ่มคิดใหม่แต่ก็ยังอยู่ในแวดวงพวกวิทย์ๆอยู่นะคะ ตอนนั้นก็จบลงที่เภสัชซึ่งตอนนั้นก็ยังบ้าเรียนพิเศษอยู่ทั้งๆที่เปิดเทอม หลังเลิกเรียนก็ไปเรียนพิเศษต่อถึงแบบ2ทุ่มไรงี้ แล้วคืองานที่รร.ก็ต้องส่ง สอบที่รร.ก็ต้องสอบ หมดละ1วัน ไม่ได้แตะหนังสือเลยหรือถ้าแตะจริงๆก็แค่1-2ชม.เอง ละก็ยังคิดว่าตัวเองยังอยากเป็นเภสัชอยู่จนถึงประมาณกลางๆธันวาเลยแล้วก็มีช่วงนึงไปเห็นที่เพื่อนๆที่เรียนศิลป์คำนวณเขาเรียนพวกบัญชีกัน แล้วเราแบบเห้ยชอบ สนใจไรงี้ บวกกับที่บ้านแม่เราจบบัญชีมา(บอกก่อนนะคะว่าเดิมทีแล้วเราไม่ค่อยคุยเรื่องเรียนกับที่บ้านเลย)เลยไปลองดูที่แม่ทำงานไรงี้ก็เลยเพิ่งรู้ตัวว่าอยากเรียนบัญชีตอนนั้นซึ่งมันเกือบๆมกราแล้วว(สอบปลายกุมภา ฮรึก) ตอนนั้นเลยตั้งใจอยากจะเข้าบัญชีจุฬา แต่เดิมทีเราเตรียมเลขมาน้อยมากบวกกับที่ว่าไม่ได้เป็นคนเก่งเลขขนาดนั้น ตั้งแต่อ่านหนังสือหรือทำข้อสอบช่วงก่อนหน้านั้นเราไม่เคยทำPAT1เลยด้วยซ้ำ หลังจากนั้นก็คือเตรียมตัวไม่ทันอะแหละ สุดท้ายแล้วก็คือไปไม่สุดซักทางทั้งสายวิทย์สุขภาพหรือสายพวกบัญชีบริหารเพราะตัดสินใจไม่ไปสอบความถนัดแพทย์ ตอนนั้นแบบตัดสินใจไม่ไปสอบก่อนถึงวันสอบแบบไม่กี่วันก่อนอสอบเลย สุดท้ายแล้วคะแนนก็คือเน่าจ่ะ PAT1 46 คะแนนถ้วนจ่ะปีแรก เลขสามัญได้ 30 ถ้วนT^T ก็ยื่นแล้วติดคณะที่ไม่ได้อยากได้เลยตัดสินใจซิ่วค่ะ ตั้งแต่รู้ผลเลยว่าซิ่วแน่ๆ ตอนนั้นคิดแค่ว่ามันไม่ใช่คณะที่เราอยากเรียน แต่ตอนนั้นก็คิดนะว่าซิ่วแบบอยู่บ้านเลยดีมั้ยหรือไปเรียนซักเทอมแล้วดรอปเพราะเอาจริงๆก็อยากเข้ามหาลัยพร้อมเพื่อนคนอื่นๆ อยากรับน้อง อยากเจอเพื่อนใหม่ๆ ลังเลอยู่นานมากจริงๆ ก็เลยไปคุยกับพี่คนนึงมาพี่เค้าถามกลับมาว่าแบบถ้าสมมติว่าเรียนเทอมนึงแล้วดรอปอะ ถ้าสมมติว่าปีหน้ายังไม่ได้ที่อยากได้ จะกลับมาเรียนอันเดิมที่ติดมั้ย คำตอบเราตอนนั้นก็ชัดมากว่าไม่แน่นอน ก็เลยแบบเออคิดได้ว่างั้นจะเรียนไปทำไมเทอมนึง แล้วมอที่เราติดก็ไกลด้วยส่วนตัวแล้วที่บ้านก็ไม่ให้อยู่หอ ก็เลยคิดว่าระหว่างเรียนคงจะแบบเหนื่อยเดินทาง ระหว่างเรียนก็มีงานมีสอบ ไม่ต่างจากตอนม.6เลยหรืออาจจะหนักกว่าด้วยซ้ำ ไหนจะเงินที่ต้องเสียอีกเพราะถ้าดรอปเทอมสองเหมือนยังต้องจ่ายค่าเทอมอยู่ แล้วไหนจะค่าเรียนพิเศษอีกไรงี้ สุดท้ายก็เลยแบบเอองั้นไม่เรียนดีกว่า อยู่บ้านก็ได้T^T มาพูดถึงการซิ่วกันน ซิ่วอยู่บ้านแบบที่เราทำอะ มีข้อดีก็คือ มีเวลาเหลือเฟือมากกกกกก(จริงๆก็ไม่ได้มากขนาดนั้นอะแต่ถ้าเทียบกับม6หรือเด็กซิ่วที่ซิ่วไปเรียนไปก็มากกว่าแน่) แบบมีเวลาอ่านทำความเข้าใจ ทบทวนอะไรงี้ เอ่อจะบอกว่านี่เป็นข้อดีข้อเดียวที่คิดได้แต่มันเป็นข้อดีที่ดีมากจริงๆนะ ส่วนข้อเสียก็คือสภาพจิตใจ เสียแบบพังมากช่วงแรก เพราะมันคืออยู่บ้านคนเดียวแบบไม่มีเพื่อนเลยอะ ชีวิตเดิมจากที่ทุกวันจะได้เจอเพื่อนแต่นี่เหมือนชีวิตเราย่ำอยู่กับที่(ในแง่ของกิจวัตรประจำวันนะที่ไม่เปลี่ยนแปลงเลยซักวัน ตื่นเช้ามาอ่านหนังสือ กินข้าว อ่านหนังสือ กินข้าว อ่านหนังสือ นอน งี้อะ) แต่ว่าเราโชคดีตรงปรับตัวได้เร็วแต่เอาจริงๆก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้น (เราตัดสินใจซิ่วตอนมิถุนา กว่าจะคุยกับที่บ้านจนเขายอมให้ซิ่วอยู่บ้านก็นานมากเหมือนกันเพราะเขาไม่เชื่อว่าเราจะมีวินัยอ่านหนังสือจนสอบติดได้ ได้ยินแบบนี้ตอนแรกก็จุกเหมือนกันนะแต่ว่าเราก็ต้องproveให้เห็นแหละว่าเราทำได้นะแบบขอให้เขาเชื่อว่าเราจะทำได้จริงๆ นานเลยแหละกว่าเขาจะยอมรับ ปรับตัวได้จริงๆก็นู่นเลยจ้าประมาณช่วงกันยาหรือตุลานี่แหละ ก่อนหน้านั้นก็แบบอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง มันแบบไม่มีกำลังใจอ่านอะ แต่ว่าเออเราโชคดีที่มีครอบครัวกับเพื่อนที่คอยเป็นกำลังใจให้ตรงนี้แบบดีมากจริงๆ เหนื่อยเครียดไรก็พร้อมรับฟังพร้อมซัพพอร์ต) ข้อแนะนำของการซิ่วอยู่บ้านนะคะก็คือให้แบ่งเวลาชัดๆไปเลยว่าเราจะอ่านกี่โมง กินข้าวตอนไหน พักกี่โมง ถ้าวางแผนแบบนี้เราว่าจะทำให้มีวินัยมากขึ้นและอ่านหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จากการที่ทำแบบนี้เราว่ามันเวิร์คนะ แต่ว่าแพลนนี่ก็ปรับหลายรอบเหมือนกัน ไม่ได้ทำได้ตามแพลน100%หรอกนะแต่ก็ประมาณ 85%ได้อยู่อะที่ทำตามแพลนได้ ส่วนซิ่วไปเรียนไป เราว่าข้อดีก็คือได้เจอเพื่อนใหม่ๆทำให้ไม่เครียดมากแต่ว่าก็ต้องมีวินัยมากเหมือนกันในการแบบเออกลับจากเรียนต้องแบ่งเวลามาอ่านที่ซิ่วด้วย ความรับผิดชอบสูงมากจริงๆอันนี้ ส่วนข้อเสียของซิ่วไปเรียนไปก็คือเวลาน้อยกว่าซิ่วอยู่บ้านนั่นแหละ สรุปก็คือถ้ารู้ชัดเจนว่าเราไม่ชอบคณะที่เราติด(เน้นว่าคณะนะไม่ใช่มหาลัย)และไม่ชอบงานที่ต้องทำในอนาคตแบบไม่อยากอยู่กับอาชีพนี้ไปขนแก่ก็ให้คิดดีๆว่าซิ่วดีมั้ยเพราะมันเป็นอะไรที่เราต้องทำเมื่อเราเรียนจบไป ถึงแม้ว่าบางคนจะบอกว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ทำงานตรงสายที่จบมาก็ตามอย่างน้อยที่สุดเลยนะเราควรเลือกเรียนสิ่งที่เราอยากเรียน จะได้มีกำลังใจลุกขึ้นมาเรียนในทุกๆวัน หรือวันไหนเรียนท้อมากๆก็จะได้คิดย้อนกลับว่าเอ้อนี่แหละคณะที่เราทุ่มเทอ่านหนังสือเข้ามาเรียน ตอนสอบติดเราภูมิใจแค่ไหน
ส่วนที่2 : การวางแผนการอ่านหนังสือ
ที่ต้องเกริ่นส่วนแรกว่าเป็นเด็กซิ่วเนื่องจากมีผลต่อการวางแผนการอ่านหนังสือเพราะเด็กที่ซิ่วอยู่บ้านอย่างเรากับเด็กม6หรือเด็กที่ซิ่วไปเรียนไปมันมีเวลาไม่เท่ากัน ตอนเราเริ่มอ่านหนังสือจริงจังๆเลยคือช่วงกรกฎาคม ก็มารื้อใหม่หมดเลยหนังสืออะไรก็ให้คนอื่นไปหมดแล้วเพราะไม่เคยมีความคิดจะซิ่วเลยในหัว ตอนนั้น Goal ของเราตั้งไว้ว่าบัญชี มธ5ปีแต่ถ้าไม่ได้ก็จุฬาก็ได้ ได้หมด555555 เท่ากับว่าเราจะต้องเตรียมทั้ง  GAT PAT1 และวิชาสามัญ4วิชา( เลข อังกฤษ ไทย สังคม ) แต่จะเน้นสามัญหน่อยนะคะ ตอนนู้นก็เลยไปไล่หาดูคะแนนเก่าก่อนว่าใช้อะไรเท่าไหร่ ควรได้เท่าไหร่ถึงติดอะไรงี้ เราว่านะอย่างแรกที่ควรทำสำหรับการวางแผนการอ่านหนังสือเลยก็คือ Goal ต้องชัดเจน แล้วจะมีความมุ่งมั่น เขียนไว้ก่อนเลยว่าเราอยากได้คะแนนอะไรเท่าไหร่ เขียนตัวใหญ่ๆแล้วแปะไว้บนโต๊ะเลย อย่างเราอะคะแนนปี 62 GAT 250 PAT1 46 สามัญ : เลข 30 อังกฤษ 52 ไทย 68 สังคม 60 (คะแนนเน่าม้าก) เราก็ตั้งเป้าว่าปี63ที่ซิ่วนี้เราอยากได้คะแนน GAT  260+ PAT1 150+ สามัญ : เลข 65+ อังกฤษ 70+ ไทย 70+ สังคม 60+  ส่วนนี่คือคะแนนของเราปีนี้นะคะ

GAT PAT1ได้เกินกว่าที่ตั้งใจไว้ส่วนสามัญได้น้อยกว่าที่ตั้งใจไว้แต่โดยรวมสำหรับเราถือว่าพอใจอยู่ค่ะ

ต่อมาจะแนะนำการอ่านหนังสือคร่าวๆแยกเป็นรายวิชานะคะ
อังกฤษ : อังกฤษเป็นวิชาแรกเลยที่เราแตะแล้วต้องแตะสม่ำเสมอนะคะ อย่าขาดช่วงไปเพราะเราเคยขาดช่วงไปประมาณ เดือนนึง นี่แทบกรี้ดเลยค่ะตอนกลับมาทำ ทำไมคะแนนฮวบแบบนี้ เวลาที่ใช้ทำก็อย่างเยอะ เราเริ่มจากการลองทำข้อสอบปี ล่าสุดก่อนเพื่อดูแนวข้อสอบว่าออกประมาณไหน แล้วลอง  คะแนนว่าทำได้ประมาณเท่าไหร่แล้วค่อยแยกฝึกเป็นพาร์ทๆทำ แบบนี้ทั้งGATและวิชาสามัญเลยนะคะ ส่วนศัพท์นี่ไม่ได้ ท่องเลยค่ะ เน้นเก็บบางคำจากข้อสอบที่ทำ นอกนั้นเดาๆเอา+แปล จากcontextรอบข้าง แต่ไม่มีแบบท่องวันละกี่คำๆไม่มีนะคะเพราะเคย ลองแล้วไม่เวิร์ค ส่วนตัวแล้วศัพท์ใหม่มาศัพท์เก่าบิน ออกจากหัวไปตอนไหนก็ไม่รู้ค่ะ555555 แต่ถ้าบางคนท่องได้ก็ดีนะคะ ยังไงรู้ศัพท์เยอะก็ได้เปรียบกว่าแน่นอน
ถ้า GAT เราเริ่มฝึก errorก่อนเลย ส่วนตัวแล้วerrorใน GAT เราว่าควร ได้ 4/5 หรือ 5เต็มไปเลยนะเพราะเป็นอะไรที่เก็บได้ง่าย  กว่า VOCAB เริ่มจาก errorเล่มเขียวอ่อน  เล่มนี้เฉลยอ่านเข้าใจมากอะ มีerrorหลากหลายแนว ซึ่งดีมากจริงๆ
แล้วก็ทำ error identification practice ถ้าจำไม่ผิดมี2ชุดนะ errorอะ ของเพจ GAT ENG THAILAND เพจนี้ดีมากกกกกก กอไก่ล้านตัว เพจนี้มีขายหนังสือด้วยก็คือเป็นหนังสืออีกเล่มที่เราใช้ทำ GAT ชื่อหนังสือ GAT ENG COMPLETE สอบถามการสั่งซื้อได้ทางinboxของเพจเลย  เล่มนี้เป็นตัวอย่างจำลองข้อสอบ GAT ENG มี5ชุดนะคะ เราว่าความยากง่ายพอๆกับข้อสอบจริงบางปีเลย มีเฉลยละเอียดด้วย  ถ้าผิดหรือไม่เข้าใจตรงไหนอ่านเฉลยก็จะเก้ตและเคลียแน่นอน ด้านหน้านี่มีเนื้อหาให้อ่านด้วยนะแบบ ศัพท์ที่ออกสอบบ่อย สำนวนพาร์ท conver ไรงี้ เล่มนี้ครบถ้วนมากจริงๆ แล้วก็ทำข้อสอบเก่าทุกปีเท่าที่หาได้เลยนะคะ ทำแล้วก็โน๊ตคะแนนด้วยค่ะ
ส่วนอังกฤษสามัญเราเริ่มฝึกจาก reading ก่อนเลยเพราะสัดส่วนคะแนนในส่วนนี้ของวิชาสามัญค่อนข้างเยอะ และ speed testกับความยาวของบทความในข้อสอบนี่พูดแล้วอยากร้องไห้ ไม่เคยทำทันจนได้ทวนเลยค่ะT^T โดยเราใช้ เล่ม CU TEP Reading เป็นเล่มฝึกนะคะ เราว่าบทความเขาไม่สั้นไม่ยาวเกินไป ต้องจับเวลาทำด้วยนะจะได้รู้ว่าเฉลี่ยแล้วบทความๆนึงเนี่ยเราใช้เวลาทำประมาณกี่นาที นับ ข้อแล้วทดคะแนนไว้ด้วย จะได่กลับมาดูพัฒนาการของตัวเอง ถ้าระยะแรกทำเวลาได้ไม่ดีหรือคะแนนไม่ค่อยดีก็อย่าเพิ่งเครียดนะคะ หลังๆจะเริ่มดีขึ้นเองค่ะ เล่มนี้เราทำครบทุกบทความเลย ทำหมดเล่มอะว่าง่ายๆ 
ต่อมาก็ ClOZE TEST อันนี้เราง่อยมากจนเครียด ทำยังไงคะแนนก็ไม่ดีขึ้นเลยไปหาคอร์สลงค่ะ สรุปแล้วลงคอร์สตะลุย9สามัญ ENG 80 UPของพี่โอห์ม Forward English บอกเลยว่าดีมากกกกก จับจุดได้เยอะขึ้นมากๆแล้วก็เราว่าcloze test เป็นพาร์ทที่ควรเก็บคะแนนมากๆ ห้ามทิ้งเด็ดขาด 
ต่อมาก็ลองซื้อหนังสือ9สามัญอังกฤษของ Life balance มาทำ เล่มนี้มีข้อสอบจำลองทั้งหมด5ชุด เราว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่ไม่ยากมากนะคะ แต่ทำแล้วตอบได้เลยว่าตัวเองอ่อนพาร์ทไหนอะไรอย่างนี้ เฉลยละเอียดมากด้วย อ่านเข้าใจ อันนี้ก็ทำทั้งเล่มเหมือนกันค่ะ พอช่วงใกล้สอบก็ทำข้อสอบเก่าค่ะ ทำทุกปีเท่าที่หาได้เลยนะคะ เวลาทำผิดให้อ่านเฉลยจนกว่าจะเข้าใจแล้วทิ้งไว้ซักอาทิตย์แล้วค่อยกลับมาทำใหม่ เวลาจะตอบข้อไหนให้ตอบเพราะเข้าใจนะคะไม่ใช่เพราะจำคำตอบได้ ห้ามนับคะแนนจากข้อที่เดาด้วยค่ะ เพราะดวงวันที่ทำกับดวงวันสอบนี่อาจจะไม่เหมือนกันนะคะ เดาที่บ้านอาจะถูกแต่เดาในห้องสอบอาจจะผิดแล้วถ้านับคะแนนข้อที่มั่วจะทำให้เราไม่รู้ว่าจริงๆแล้วที่เราทำได้จริงๆนี่ได้คะแนนเท่าไหร่

ต่อมาคือวิชาเลข เลขนี่เป็นวิชาที่ช่วงแรกๆเราไม่อยากแตะเลยค่ะแบบไม่อยากทำ พอนึกว่าต่อไปจะทำเลขนะร่างกายก็ไม่activeทันที55555 แต่ช่วงหลังๆชอบมากนะคะ ชอบจนไม่อยากแตะวิชาอื่นเลย อยากทำแต่เลข เราเริ่มจากเก็บเนื้อหา ทำโจทย์แยกบท แล้วทำข้อสอบจริงนะคะ (ทั้งหมดทำจากเว็บ Rathcenter ทั้งหมดเลย) ส่วนที่เรียนพิเศษนะคะ เลขนี่เราเรียนทั้งหมด2ที่ ที่แรกคือ   พี่ปั้น  Smartmathpro ของพี่ปั้นนี่เราเรียนตั้งแต่dek 62แล้วค่ะ พอมา63ก็กลับไปเอามาเปิดอ่านทวนเนื้อหาอีก+เรียนซ้ำบ้างบางบท พี่ปั้นคือสอนดีมากกกก ไปแบบไม่ช้าไปสำหรับเด็กพื้นฐานดีแล้วก็ไม่เร็วไปสำหรับเด็กที่พื้นฐานไม่แน่นเท่าไหร่ ที่สำคัญคือราคาคอร์สจับต้องได้ไปอีกค่ะ แล้วก็สงสัยตรงไหนสามารถถามพี่เขาได้ พี่เขาจะตอบมาเป็นว้อยนะคะซึ่งแบบพี่เขาใส่ใจดีมากจริงๆ อธิบายละเอียดมาก ก่อนหน้านี้เรามีความคิดว่าเออเวลาทำเลขผิดแล้วไม่เจอคนสอนแบบตัวต่อตัวแบบอธิบายต่อหน้าจะเข้าใจหรอแต่พี่ปั้นคือลบความคิดเดิมเราไปเลย พี่เขาอธิบายได้เข้าใจ เคลีย หายงงหายสงสัยเลยค่ะ ช่วงวันธรรมดาที่น้องๆเปิดเทอมอะ เราเคยทักไปถามโจทย์พี่ปั้น พี่ปั้นตอบเร็วมากกก แบบดีมากจริงๆ นอกจากนี้บางคนเคยได้ยินมั้ยคะว่าพี่ปั้นอะเป็น #ติวเตอร์ที่เป็นมากกว่าติวเตอร์ อันนี้ต้องยกให้พี่เขาจริงๆ เป็นมากกว่าติวเตอร์จริงๆ ตั้งแต่ตอนสมัครสอบ สมัครแบบนี้คือสมบูรณ์แล้วใช่มั้ยคะพี่ปั้น 1อาทิตย์ก่อนสอบควรทำอะไร ก่อนสอบมีเตือนอีกว่าตรงไหนควรระวังบ้าง พิมพ์มายาวหลายสิบข้อเลย ไม่พอๆหลังสอบมีแบบจำลองยื่นสำหรับเด็กจะเข้าพวกคณะบัญชีบริหาร แถมปีล่าสุดเพิ่มเศรษฐศาสตร์เข้ามาอีก สุดปัง ต้องเรียนแล้วแบบนี้!!!
ต่อมาที่2นะคะ เราเรียนตัวต่อตัวกับพี่พลค่ะ พี่พล   คือเก่งมากกกกกก แบบมากจริงๆ อันนี้เพื่อนเราแนะนำมาอีกทีนะคะอันนี้   พูดเลยว่าเลขเราดีขึ้นมากหลังเรียนกับพี่เขา ส่วนตัวเราว่าเหมาะกับคนที่พอมีพื้นฐานแล้วนะคะเพราะพี่เขาสอนไปไวมากแต่ เอาจริงๆก็สามารถแอบบอกพี่เขาระหว่างเรียนได้ว่าช้าลงหน่อยได้มั้ยคะ หรือถ้าไม่เข้าใจพี่เขาก็จะอธิบายซ้ำจนกว่าจะเข้าใจ  พี่เขามีเทคนิคการทำโจทย์เยอะมากกกกกกกกกกก แบบที่พอไปเรียนแล้วแบบโห้ มีอะไรแบบนี้ด้วยหรอ ก่อนหน้านี้เราไปอยู่ไหนมาทำไมไม่รู้555555555555  ทำให้เราทำโจทย์ได้ดีขึ้นและไวขึ้นมากจริงๆ แต่แอบบอกนิดนึงว่าการบ้านพี่เขาเยอะมาก55555แต่เราว่าเยอะในแบบที่ทำ ไหวนะคะ เวลาทำโจทย์อยู่บ้านแล้วสงสัยก็ถามพี่เขาได้ตลอดเวลา 5ทุ่มพี่เขาก็ตอบนะ เราเรียนทั้งหมด15ครั้ง ครั้งละ2ชม. 13 ครั้งแรกเรียนแยกบทซึ่งก่อนหน้านี้ที่เราจะมาเรียนกับพี่เขา เราทวนเนื้อหากับทำโจทย์แยกบทไปบ้างแล้ว บทไหนที่เราทวนเองแล้วไม่เข้าใจหรือยังไม่ได้ทวนก็จะให้พี่เขาสอน ส่วน2ครั้งสุดท้ายเป็นสรุปเนื้อหารายบทแบบย่อๆ ไปแบบไวๆ เก็บตกบางส่วนที่ ยังไม่แม่นหรือไม่เข้าใจกับบทที่ไม่ได้เรียนกับพี่เขาก็ให้พี่เขาสอนแบบไวๆ ได้เทคนิคแต่ละบทมาแบบอย่างเยอะเลยค่ะ เซฟเวลาการทำข้อสอบได้เยอะมาก  เนื่องจากเราเรียนตัวต่อตัว ราคาเลยอาจจะแรงนิดนึงแต่เหมือนเห็นว่ามีแบบเรียนเป็นกลุ่ม ด้วยนะคะแต่อันนี้เราไม่ทราบรายละเอียดกับราคานะคะ ถ้าสนใจสอบถามโทรติดต่อได้ตามเบอร์นี้ได้เลยนะคะ เราเรียนกับพี่พลจบประมาณต้นธันวาค่ะหลังจากนั้นก็ทำแยกบท บทที่ยังไม่แม่นจนถึงถึงต้นมกราเลยค่ะแล้วหลังจากนั้นก็ทำ ข้อสอบย้อนหลังทุกปี ปีหลังๆมีทำซ้ำ2รอบบ้างนะคะทั้ง PAT1ทั้งสามัญเลยนะคะ ย้ำนะคะว่าให้ทำโจทย์ครบทุกปี เพื่อดูแนวโจทย์ที่เคยออกข้อสอบมา ค่ะ บางแนวออกซ้ำแล้วซ้ำอีก พวกนี้ต้องเก็บให้ได้นะคะ ห้ามทิ้งเด็ดขาด  รูปข้างล่างนี้เป็นเบอร์ติดต่อของพี่พลนะคะ ลองโทรไปสอบถามรายละเอียดได้ค่ะ

ส่วนรูปนี้เป็นสถานที่เรียนพี่พลนะคะ อยู่สีลม ลงบีทีเอสศาลาแดง 
จริงๆแล้วเราแอบจับจุดได้ว่าคนที่ทำข้อสอบได้คะแนนเยอะอะเขาไม่ได้ทำครบทุกข้อนะ(ไม่รวมคนอยากได้เต็มนะคะ อันนั้นต้องทำครบทุกข้อ) ทำข้อสอบครบกับทำข้อสอบเป็นนี่ไม่เหมือนกันนะคะ  ทำข้อสอบเป็นหมายความว่าอะไร คนทำข้อสอบเป็นคือคนที่รู้ชัดแล้วว่าเขาจะเก็บเรื่องไหน เรื่องไหนจะทำก่อนเรื่องไหนเอาไว้ทำท้ายๆ เรื่องไหนที่เขาจะทิ้งไม่ทำ หรือจะทำถ้ามีเวลาเหลือ ถ้าเจอข้อนี้จะไม่แช่ทำนานๆ จะเดาข้อไหน เฉลี่ยช้อยยังไง ต้องมีแพลนในหัวตั้งแต่ก่อนเข้าห้องสอบเลยนะ สำหรับเราอะก็ยอมรับเลยว่าไม่ใช่คนบริหารเวลาเก่งอะไรเวลาทำข้อสอบเราจะนับก่อนเลยว่าถ้าเราอยากได้คะแนนเท่านี้เราต้องทำกี่ข้อ พาร์ทแรกทำกี่ข้อ พาร์ทหลังจะทำกี่ข้อ พอเข้าห้องสอบไปก็ไล่เปิดดูข้อสอบให้ครบทุกข้อก่อน ( Skimข้อสอบคร่าวๆ)แบบดูว่าเอ้ยข้อนี้เราน่าจะทำได้นะ ข้อนี้เราน่าจะใช้เวลานาน ข้อนี้เราจะไม่เก็บ พอskimเสร็จเราก็จะติ้กข้อที่จะไม่ทำเพราะงั้นเวลาเจอข้อที่ติ้กเราก็จะข้ามก่อนเลย แบบมันคือข้อที่เลือกแล้วว่าเราจะทำทีหลังถ้ามีเวลาเหลือหรือถ้าทำไม่ได้จริงๆก็จะเดา แต่อย่าติ้กเยอะนะเดี๋ยวข้ามหมด55555555 ส่วนข้อที่ไม่ได้ติ้กอะเราจะพยายามทำให้ได้ทั้งหมดเลย ถ้าข้อไหนไม่แน่ใจก็จะวงกลมไว้ วิธีนี้จะทำให้เราอะรู้คะแนนคร่าวๆของเราได้ทันทีหลังสอบเสร็จ แล้วก็วันสอบอะเราขอแนะนำว่าให้เข้าห้องสอบ ส่วนการแบ่งเวลานี่ควรแบ่งตั้งแต่ก่อนเข้าสอบเหมือนกัน อย่าง PAT1อะ เราจะทำข้อที่เราไม่ได้ติ้กให้ครบภายใน2ชมแรก ส่วนชม.สุดท้ายจะแบ่งเป็น 50 นาทีแรกทำข้อที่ติ้กไว้กับทวนข้อที่ทำไปแล้วแต่ไม่มั่นใจ ให้คิดซ้ำ แล้วก็เราจะเหลือ5-7นาทีสุดท้ายไว้เดาข้อสอบค่ะ หลังฝนข้อสอบครบให้ตรวจทานข้อสอบกับกระดาษทดค่ะเพราะเราเคยตอบถูกแต่ฝนผิดค่ะ เสียดายมากกกกกกก ส่วนเลขสามัญนี่โหดจริงๆ  speed test  ของแท้ เลขอาจจะไม่ได้ยากเท่า PAT1นะคะแต่ต้องแม่นนิยาม บางข้อคิดวิธีตรงอาจจะคิดยาวจนทดเลขทับโจทย์เลยก็มีเพราะงั้นคิดดีๆว่าจะใช้วิธีไหนแก้โจทย์ไหน  เราแบ่งเวลาแบบ20นาทีแรกทำพาร์ทแรกให้ครบทุกข้อเพราะตั้งใจไว้ว่าพาร์ทแรกจะไม่หลับมาทวนอีกเบยต้องให้เวลาเยอะ นิดนึงแล้วก็ตั้งใจว่าพาร์ทแรกจะทำทุกข้อ ส่วนพาร์ทหลังทำเหมือน PAT1เลยคือ skimแล้วติ้กข้อที่จะไม่ทำ เราแพลนเวลาไว้  50นาทีที่จะทำข้อที่ไม่ได้ติ้ก ส่วนเวลาที่เหลือทำข้อที่ติ้กไว้ ทวนข้อที่ไม่มั่นใจ แล้วเหลือเวลาซัก4-5นาทีไว้เดาข้อสอบกับเช็ค ช้อยว่าฝนตรงกับที่ตั้งใจจะตอบจริงมั้ย  เลขมันยากก็จริงแต่มันไม่ได้ยากทุกข้อ ระหว่างทำถ้าทำไม่ได้อย่าเพิ่งถอดใจ เปิดหน้า ต่อไปจ้า ข้างหลังยังรอเราทำอยู่ อย่าเพิ่งถอดใจๆๆๆๆๆๆ ข้อนึงบางทีเปลี่ยนคณะหรือมหาลัยเราได้เลยนะคะ ฮึดต่อให้สุดอย่า ให้ความพยายามของเราทั้งหมดมันสูญเปล่าเพราะถอดใจในห้องสอบนะ
วิชาสังคมนะคะ เราอ่านสรุปจากเพจ P_JAX กับหนังสือสังคมอาจารย์ชัยนะคะ แล้วก็เปิดฟังคลิปพี่บอลพูดติวในยู ทูปแบบกินข้าวก็ฟังไรงี้ ฟังจนมันซึมเข้าสมอง วิชานี้เนื้อหารอบโลกจริงค่ะ  ส่วนตัวคิดว่าแตะสังคมเดือนนึงก่อนนี่กำลังดีนะคะ ก่อนหน้านี้อ่านยังไงก็ลืม พอจวนจะสอบแล้วอื้อหื้อ จำได้เฉย555555555 แต่วิธีนี้เราทดลองกับตัวเองมาก่อนหน้านี้แล้ว นะคะตอนสอบปี62ส่วนใครที่ไม่เคยลองแนะนำว่าอ่านตั้งแต่เนิ่นๆก็ดีค่ะ เผื่อใกล้ถึงวันสอบแล้วจำไม่ทันมันจะไม่เวิร์คเอานะคะ เหมือนเดิมกับเลขอังกฤษค่ะก็คือทำเราทำข้อสอบครบทุกปี
ส่วนไทยนะคะ ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นคนโง่ไทยมาก ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเลยแอบกังวลหน่อยๆกับวิชานี้แต่จริงๆข้อสอบมันไม่ยากเท่าไหร่นะคะ คะแนนนี่70-80+กันสบายๆเลย เหมือนสังคมเลยค่ะวิชานี้แตะ1เดือนก่อนสอบเหมือนกัน55555555ฟังคลิปในยูทูปค่ะแบบติวไทยสามัญไรงี้แล้วก็ทำข้อสอบให้ครบทุกปีค่ะ

หลายคนอาจจะหาข้อสอบเก่าไม่ได้นะคะ โดยเฉาะวิชาสามัญ แทบไม่มีข้อสอบเก่าให้โหลดเลย ส่วนตัวเราซื้อข้อสอบเก่าจากไอจี sheet_exam นะคะ เราซื้อGATกับ9สามัญ(ที่ในเล่มมีไทย สังคม อังกฤษ ) ราคาไม่แพง มีเฉลยช้อยด้วยนะคะแต่เราว่าเฉลยบางข้อแอบแปลกๆแต่สามารถหาเฉลยละเอียดตามเน็ตได้หมดเลยนะคะ ลองหาในยูทูปหรือกูเกิ้ลก็มีเฉลยค่ะ

ส่วนPAT1 กับเลขสามัญนี่ใช้ของ Rath center หมดเลยครบถ้วนทุกปีเฉลยเชื่อถือได้ อ่านเข้าใจง่าย 
                  ส่วนเรื่องช่วงเวลาการอ่านหนังสือนี่แล้วแต่คนเลยนะคะ ใครสมองแล่นช่วงไหนก็อ่านช่วงนั้นไปเลยย เราอะเด็กอนามัยหน่อยๆไม่เคยโต้รุ่งได้ อ่านหนังสือดึกสุดไม่เคยเกินเที่ยงคืนเลยค่ะ55555555 แต่คืนก่อนสอบนี่แนะนำให้นอนนะคะ จะได้ไม่ไปง่วงในห้องสอบ เพราะเรายังต้องใช้พลังงานในห้องสอบอีกเยอะ บางวันสอบหลายวิชา ตุนๆพลังงานไว้เยอะๆก็ดีค่ะ สุดท้ายนี้ไม่รู้ว่ากระทู้นี้จะช่วยน้องๆได้มากน้อยแค่ไหนนะคะแค่อยากจะมาเขียนไว้เผื่อเป็นประโยชน์และแนวทางให้น้องๆรุ่นหลังๆ ถ้ามีตรงไหนผิดพลาด พิมพ์วกไปวนมาหรือพิมพ์ผิดก็ขอโทษด้วยนะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนจบนะคะ ขอให้ทุกคนสอบได้คะแนนตามที่ตั้งใจและติดในคณะและมหาวิทยาลัยตามที่หวังค่า^_______________^
ช่องทางการติดต่อเพิ่มเติมนะคะ   twitter @tuesdecy
ปล.ขอบคุณรูปภาพหนังสือและที่เรียนต่างๆจากinternetนะคะ
 


 

แสดงความคิดเห็น

1 ความคิดเห็น