Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เเชร์ประสบการณ์คนโดนบูลลี่

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
    ก็ที่ตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ขึ้นเพื่อเผยเเพร่เเชร์ต่อหลายๆคนก็เพราะว่าเห็นมาหลายโพสต์เเล้วที่กล่าวว่าตนเป็นโรคซึมเศร้าไม่มีหวัง หรือบางทีก็ลามไปถึงครอบครัวเเละอีกหลายๆปัญหา   ก็ไม่ได้บอกว่าเราโดนมาหนักกว่าหรืออะไรนะเพราะเรื่องเเบบนี้โดนกับตัวรู้ดีที่สุด   ไม่ขอดราม่านะ   ให้กำลังใจหลายๆคนที่เป้นคนที่โดนบูลลี่นะครับ   ก็รู้เเหละว่าพูดไปก็ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยคนที่ชอบเเกล้งเราได้   เเต่เราสามารถให้กำลังใจคนที่เป็นเหมือนเราได้ :)     เเละใครก็ตามที่ชอบเเกล้งคนอื่นน่ะเคยรู้บ้างไหมว่ากับใครบางคนมันเเย่ขนาดไหน   

            สำหรับใครที่หนีได้ก็ขอให้เจอสังคมที่ดีกว่าครับ เเม้จะบอกยังไงสุดท้ายมันก็ไม่มีทางไปถึงทุกๆคนข้างนอกหรอกครับ ฟังดูเเย่นะ ใช่ผมก็เป็นคล้ายๆคุณน่ะเเหละเป็นตัวโดนบูลลี่ประจำของห้อง ทุกคนเกลียดเราเสมอ เราไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนเเค่ไม่ชอบให้ใครเข้ามาปั่นในชีวิตเรา พอเราอารมณ์เสียก็บอกว่าเราเป็นคนใจร้อน เริ่มจากการที่มีคนเอาหินปาใส่เราๆก็ว้ากไปหนึ่งทีผลสรุปทุกคนตีตัวออกห่าง จะไปหาใครก็หนีหมด วิชาอะไรที่ต้องทำเป็นกลุ่มผมก็ตกหมด เเน่นอนไม่มีใครยอมทำด้วย ผ่านไปนานเข้าไอการเเกล้งก็หนักขึ้นจากการไม่คุยก็เริ่มมีพวกบอกว่าตัวเองเป็นพวกฮีโร่บราๆปราบตัวร้าย จะมีใครเป็นตัวร้ายอ่ะบุคลิกผมก็ไม่ได้เเย่นะ(หมายถึงชวนตกเป็นเป้าอ่ะ) ไม่เข้าใจไปทำอะไรผิด เเต่ก็เริ่มเข้าใจในภายหลังว่าการที่เราทำอะไรผิดเพียงครั้งเดียวก็อาจจะทำให้ทุกๆอย่างผิดเพี้ยนไปได้เลยตามความเคยชินที่มองว่าเราเป็นตัวร้าย นานวันไปก็เริ่มตั้งกลุ่มกีดกันเราบอกว่าเราเป็นอีกชนชั้น พอเราไปร้องไห้ฟ้องครูนั่นล่ะจุดเปลี่ยน มันทำให้ทุกคนบอกว่าเราไม่น่าคบเล่นกันรุนเเรงนิดหน่อยก็ไปฟ้องครู เเน่นอนถ้าวันๆเดินอยู่เเล้วโดนทุกคนตีตัวออกห่างจ้องทำร้ายตลอดเวลาเเล้วอ้างว่าเป็นเเค่การเล่นใครมันจะไปอยู่ให้โดนทำร้าย ก็ต้องหาที่พึ่งอยู่เเล้ว เเต่เเค่ไม่คิดว่าจากเเค่คำว่า 'ความเคยชิน' ของพวกมัน จะทำให้อะไรมันเเย่ลงมาจนมาถึงวันนี้ได้... ความหมายของความเคยชินในที่นี้ก็คือ เคยชินว่า "เราเเกล้งคนนี้ประจำเราก็เเค่ทำมันต่อไป มันก็เเค่การเล่น ไม่เห็นจะเป็นอะไร"
  พอการเรียนการเเสดงออกไม่ดีพ่อเเม่ก็พลอยเกลียดเราไปด้วย ทำให้ครอบครัวผิดหวัง เป็นจุดด่างพร้อยของครอบครัว พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ ขอย้ายโรงเรียนก็ไม่มีใครให้บอกว่าเป็นคนเพ้อฝัน พอพยายามเเยกตัวก็กลายเป็นโดนรุมครูก็เข้าข้างเด็กส่วนมากอยู่เเล้ว ครั้งหนึ่งเเม่เคยรักเราเคยอยู่กับเรา สุดท้ายก็ยังอยู่นะแต่อยู่เพราะพ่อ มองหน้ากันไม่ติด เเม่บอกว่าเราเป็นโรคจิต พ่อไม่ได้กล่าวอะไรมากดูเป็นปกติที่สุดเเต่ก็ชอบตอกย้ำเรื่องเก่าๆให้เราดูเเย่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนข้างนอก เพื่อนเหรออย่าเรียกพวกมันว่าเพื่อน ครั้งหนึ่งมันเคยถึงจุดต่ำสุดที่เรายิ้มไม่ได้ ไม่มีเสียงหัวเราะ มองอะไรก็ผิดอยู่ตรงไหนก็มีปัญหา ถ้าเราคุยเราจะโดนซ้อมถ้าเราหัวเราะเราจะโดนต่อย ถ้าเรายิ้มเราจะโดนทำร้าย ถ้าเราปฏิเสธเราจะตาย
  เคยเทลาะกันหนักจนถึงจุดเเตกหักที่เคยจะเอามีดเเทงกันจริงๆ เเต่สุดท้ายเราก็โดนพวกเขาทำร้ายอยู่ดี จบลงที่ว่าผมเกือบโดนพักการเรียนเพราะว่าใช้อาวุธ เเต่ว่าไม่ได้ทำร้ายใครเเน่นอนเขาไม่มีใครบาดเจ็บมีเเต่ผมนี่ล่ะ จะว่าผมเป็นคนเลวก็ได้นะถ้านั่นทำให้พวกคุณพอใจ จำได้ดีถึงวันที่มันจับหัวโขกกับพื้น เวลามีงานอะไรที่เป็นงานกลุ่มก็จะเป็นเรานี่ล่ะที่ต้องรับกรรม เเน่นอนคำปรามาสน่ะมีอยู่เเล้ว เเต่ไม่ใช่ไอเห้ หรือสัตว์เเน่นอน เเต่มันเป็นคำประเภทที่ว่าเราน่ะขวางโลก เป็นสิ่งผิดพลาดที่ไม่ควรมีชีวิตอยู่ เเกทำให้พ่อเเม่ผิดหวัง เมื่อไรจะตายไปสักที สวะ อย่าไปใกล้มันนะเดี๋ยวเราจะอับโชค คุณอาจจะคิดว่าสุดท้ายมันก็ต้องมีฮีโร่เข้ามานั่นเเหละ เเน่นอนมันมีเเต่มันไปช่วยคนที่ทำร้ายเราไงล่ะ ชื่นชมภูมิใจกันนักหนาเมื่อเห็นคนที่อ่อนเเอกว่าจมอยู่ที่พื้นใต้ตีนพวกมัน ผู้หญิงผู้ชายก็เหมือนกันผมไม่เคยเห็นว่าพวกเขาต่างกันตรงไหนเพราะสุดท้ายพวกเขาก็ทำกับเราเหมือนเราไม่ใช่คนเราไม่มีสิทธิของมนุษย์ เราไม่มีสิทธิที่จะอยู่เเละปฏิเสธมัน ไปที่ไหนก็มีเเต่คนเกลียด เพื่อนต่างห้องพี่น้องตีตัวออกห่างมองหน้าเหมือนเราเป็นตัวอะไรสักอย่างบ้างกรี๊ดเมื่อเห็นเราอยู่ใกล้ๆ เราผิดเหรอที่มีชีวิตอยู่ เคยเป็นความคิดหนึ่งเหมือนกัน เเม่เคยร้องไห้ตบหน้าเราถามว่าเมื่อไรจะเลิกเพ้อเจ้อเรื่องพวกนี้ ช่วงชีวิตที่ดำมืด 8 ปีเเละจุดตกต่ำอีกสองปีที่คิดฆ่าตัวตาย มันเลวร้ายขนาดที่ว่าตอนนี้เราเองก็ยังสงสัยว่ามันผ่านไปตั้งนานเเล้วเเต่ทำไมความรู้สึกยังชัดอยู่
  เราเกลียดตัวเอง เหลือเเค่ความรู้สึกเกลียดชัง เคียดเเค้น เศร้า เเละนิ่งเรียบ ยิ้มไม่ได้หัวเราะไม่ได้ ไม่คุยกับใครเลยทั้งวัน จำได้ว่าทำร้ายตัวเองบ่อยมาก หมดความเชื่อในทุกๆสิ่งเเม้กระทั่งครอบครัว ร้องไห้เก่งมากทุกวิชาทุกวันทั้งคืน เหมือนกับว่าเราไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรอีกเเล้ว พยายามเลี่ยงไม่ไปโรงเรียนไม่อยากนอน มันเหมือนกับว่าครอบครัวบังคับให้เราไปนรก น้องๆที่เราไว้ใจก็หายไปหมดพวกเขาหลอกให้เราทำอย่างนู้นอย่างนี้เพื่อเขาหลอกใช้ให้เราขายหน้า ครูเคยชี้หน้าบอกว่าเราเป็นคนที่ไม่ควรคบพูดเสียงดังให้ทุกคนสนใจ ชี้หน้าดูถูกอย่างชัดเจน มันไม่รู้สึกอะไรเเล้วจริงๆนั่นเเหละตอนที่พวกเขาหัวเราะ มันไม่เจ็บ เเต่มันคือความเงียบเเละหนาวเย็นเหมือนฝนตกตลอดเวลานั่นเเหละ มันอาจจะฟังดูเหมือนฉากในหนังที่มานั่งกอดเข่าร้องไห้กรีดร้องเเบบไม่มีเสียงถ้าพวกเขาได้ยินเสียงเรา เราจะตายทั้งเป็น... มันเหมือนมีมีดที่กรีดลึกทั่วร่างนั่นเเหละ กลับถึงบ้านก็โดนครอบครัวว่าด่าอีก เราไม่มีความรู้สึกอะไรเเล้วจริงๆนั่นเเหละ ด้วยความที่เคยเป็นเด็กสดใสซื่อบริสุทธเวลาใครให้ทำอะไรเราก็จะทำตามโดยไม่ถามเพราะเราเคยเชื่อ เเต่ตอนนี้มันไม่เหลือเเล้วไม่เหลืออะไรเเล้วจริงๆ จนบางทีผมก็ชอบกลางคืนมากกว่ากลางวัน มองความเงียบของห้อง มีความเงียบเป็นเพื่อนสนิทเพราะความเงียบมันไม่เคยทำร้ายเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด
(มีเคสหนึ่งในตอนนั้นตอน ป.4 อาจเรียกได้ว่าโง่มากในตอนนั้นที่มันชี้กันให้ดูชั้นในผู้หญิงเเล้วบอกให้เราพูดเเต่เราก็ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไรคือไม่ได้รู้เรื่องเพศจน ม.2 นั่นเเหละ สุดท้ายมันหลอกให้ตูพูดไม่งั้นตูจะโดนกระทืบอีกพอพูดออกไปทุกคนในที่นั้นก็เงียบกริบเราไม่เข้าใจว่าเราทำอะไรผิดรู้ตัวอีกทีไอตัวที่สั่งให้พูดก็บอกว่ากุลามกไปบอกครูบราๆเเล้วก็บอกให็ผู้ชายคนอื่นล้อมไม่ให้หนีโดนลุมทึ้งอยู่ดี สุดท้ายสายตารังเกลียดของพวกผู้หญิงอาจจะเรียกว่าโง่เองก็ได้เคสนี้ โดนครูจ้องเเบบไม่รู้สิ -*-)
  ...หลายๆคนอาจจะบอกว่าถ้าเป็นฉันนะฉันจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ฉันจะไม่ทำตัวเองหรอก ก็ถ้าโดนจริงๆก็ขอให้ทำได้เเล้วกันผมไม่เถียง เพราะผมก็คงพูดอวดดีเหมือนกันว่าก็ถ้าโดนเเบบนั้นเเค่วันเดียวมันก็คงจะไม่เป็นอะไรเเต่ถ้านั้นเป็นช่วงเวลาตั้งเเต่ ป.3 ถึง ม.6 คุณจะรู้สึกยังไงความรู้สึกคุณความสดใสนั้นจะยังเหลือไหม ทำไมไม่เอาเรื่อง? ทำไปเเล้วผมจะได้อะไร พวกเขาใหญ่พวกเขามีเส้นสาย พวกเขามีทุกอย่างที่เหนือเรา มีเเต่ตอกให้ตัวเองตกลึกลงไปอีกซึ่งเเน่นอนผมเคยพยายามเชื่อเเละทำมันนะ เเต่มันไม่เหลือเเล้วจริงๆนั่นเเหละ
  เราหมดความหวังไปนานเเล้ว จนวันหนึ่งก็ได้เจอจริงๆนั่นเเหละ คนที่เขามาช่วยเราเเล้วฉุดเราขึ้น ในเวลานั้นผมก็ยังเป็นเเบบเดิมเงียบไม่พูดอะไรหลบตาทุกคนที่สบ มันติดเป็นนิสัยไปเเล้วเวลาใครเข้ามาใกล้เราก็จะเลี่ยงเเละเรามั่นใจว่าเขาก็รู้ตัวกันนั่นเเหละ มันอาจดูเป็นคนที่ไม่มีมารยาทไม่มีใครสั่งสอน เเต่เราไม่สนเพราะเราไม่อยากกลับไปเจออะไรเดิมๆอีก เเละเราไม่อยากที่่จะเจอใครด้วยเพราะใครก็ตามที่เราพยายามคุยด้วยสุดท้ายก็จะย้ายไปอยู่กับพวกมันเเล้วเอาเรื่องที่เราเคยคุยกันไปล้อกันจนสนุกปากอีกนั่นเเหละ เเละอีกเรื่องคือเรากลัวว่าเขาจะเข้ามาทำร้ายเรากลัวว่าจะโดนต่อยเตะลงไปกองอยู่ที่พื้นอีกจนเป็นโรคจิตจริงๆนั่นเเหละระเเวงตลอดเวลา
  ช่วงเวลาของความรักอ่ะนะอะไรๆก็ดีขึ้น เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด สุดท้ายก็หลุดจากวัฏจักรเดิมๆ เริ่มเป็นคนที่ปริปากคุยบ้างเพียงเเค่จำเป็นมียิ้มบ้างเเต่มันก็ยังติดอยุ่ในหัวเวลาที่เรายิ้มเราจะเห็นพวกมันตามมาหลอกหลอน หนึ่งปีที่มีค่าที่ดันเราขึ้น ผมมั่นใจว่ามีคนไม่มากหรอกที่จะโชคดีเเบบนี้ ผู้หญิงอะไรสวยเรียนดีเลือกผู้ชายต่ำเตี้ยเเย่ทุกอย่างในสายตาทุกคน เเต่เเล้วเรื่องก็เกิดอีกเมื่อเรารุ้ว่าเขาทำไปเเค่เพื่อให้ตัวเองดูเป็นคนดีช่วยเหลือผู้คน พอเราไปถามตรงๆคำตอบก็ชัดเจนภาพผู้หญิงอารมณ์ดีเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน สรุปก็คือเรียกได้ว่าเงียบไปอีกหนึ่งปีเต็มๆเหม่อลอยไปเลย ก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนช่วงที่คบกับเค้าพอดีช่วงนั้นได้หมอจิตมาช่วยรักษาประคองไว้บวกกับเข้าวัดเข้าวาก็เลยดีขึ้นมาเรื่อยๆกว่าสามปีละช่วง ปลาย ม.4 นั่นล่ะที่เริ่มดีขึ้นเเต่ก็ไม่ได้ดีเว่อร์ มาถึงตอนนี้ทุกอย่างที่ผ่านมาดูจะจบลงด้วยดีมั้งนะถ้าผมไม่ได้คิดไปเองอีกนั่นเเหละ เเละก็เเอบหวังว่าจะไม่ได้คิดไปเอง (ถือซะว่าความทรงจำที่ดีนั้นเป็นกำไรของเรา เพราะอย่างน้อยช่วงเวลานั้นมันก็เป็นสิ่งที่มีค่ากับเราจริงๆเเม้จะเป็นคำโกหกของใครบางคน เเต่มันก็ดึงเราขึ้นมาได้ดึงเราจากขุมนรก ก็ต้องขอบคุณเธอจริงๆนั่นเเหละ โชคดีจริงๆแต่ก็เเอบเสียใจที่มันเป็นเเค่ภาพลวงตา...)
  ในวันนี้คุยได้ทั่วไปไม่มีอาการระเเวงหรือกลัวเวลายิ้ม ไม่ได้ไร้ความรู้สึกเเล้วเเต่ก็ยังเป็นคนที่ขาดอารมณ์ไปในหลายๆเวลานั่นเเหละ ไม่ได้เลี่ยงใครเเล้วก็พยายามเจอหน้าก้าวข้ามความกลัวของตัวเอง พยายามตั้งเป้าที่จะผลักให้ตัวเองหายนั่นล่ะ พยายามเริ่มที่จะทักทายก่อนกลับมาหัวเราะเเละยิ้มได้เเล้ว เเต่ส่วนตัวยังมีปัญหาเรื่องเข้าหาผู้คน เพราะตอนเด็กเท่าที่ฝังอยู่ในหัวมีเเต่ฉากที่ตัวเองเงียบไม่คุยกับใคร เวลาหาทางคุยด้วยเลยยังลำบากมากๆจนบางทีก็เเอบรู้สึกเเย่ในหลายๆทางที่การพยายามชวนคุยในวันธรรมดาทำให้คนอื่นตกใจหรือระเเวงเเละมองว่าเราเเปลก
  เเอบเล็กคิดน้อยว่ามันเป็นการเรียกร้องความสนใจเขารึเปล่าด้วเเหละ ก็คนมันไม่เคยคุยกับใครนี่หว่า? ไม่รู้จะต้องเข้าหาใครยังไง TwT ก็ยังมีตกค้างอยู่บ้างเรื่องเเบบนี้คงต้องให้เวลารักษาอีหรอบเดิม มีอาการตื่นกลัวอยู่ เเละก็ยังคงมองโลกในเเง่ลบอยู่ดี พูดไปพูดมาเหมือนอวดสัพรรคุณตัวเองยังไงก็ไม่รู้(ตบหน้าตัวเองไปหนึ่งที) ช่างเถอะ เอาเป็นว่าใครมีวิธีหรือเคล็ดการเข้าหาคนก็ช่วยทิ้งไว้ด้วยนะครับ สกิลคอมมุนิเคตข้าพเจ้าเเย่ติดดิน

  ใครก็ตามที่หนีไม่ได้เเบบข้าพเจ้าก็ขอให้อย่าหลุดจากความหวัง เเบบที่ผมได้เดินมาเลยนะ เพราะมันเเย่ขึ้นเรื่อยๆจริง เเละอาจจะกลับไปไม่ได้เเล้วด้วยถ้าไม่โดนผู้หญิงคนนั้นหลอกต้มเปื่อยไป อย่ายอมเเพ้จ้าพูดได้คำเดียวเรื่องน่ะมันมีมากกว่านี้เยอะเลยนะที่โดนเเต่เล่ายังไงไปเท่าไรก็ไม่จบเพราะมันคือช่วงเวลาโดยรวมคือ 12 ปีที่โดนทำร้ายเเทงหลังตกเเล้วตกอีกมันเป็นช่วงเวลาที่รู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น เเต่ตอนนี้หลายๆอย่างดีขึ้นมาเเล้วเเต่ก็ยังไม่พ้นดีนัก เป็นกำลังใจให้ทุกคนๆครับ ไม่ใช่เเค่ท่านที่โดนอยู่คนเดียว มีอะไรก็พูดมันออกมาอย่าเก็บไว้คนเดียวเเล้วจมลงไปกับมัน เคยกลัวที่จะเล่าต่อเพราะจะไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้ก็ยังกลัวนะเเต่น้อยลงไปเพราะเชื่อ่ามีอีกหลายคนที่เเย่กว่าเราเเละบางคนอาจจะไม่สามารถกลับขึ้นมาก็เป็นได้เช่นกัน อยากให้ทุกคนรู้ว่าไม่ว่าจะตกลงไปเท่าไรเราก็จะยังขึ้นมาได้ไม่ว่าจะใช้เวลานานอีกเท่าไรก็ตาม ขอบคุณที่อ่านจนจบนะครับ...
  ส่วนใครที่กำลังบูลลี่เพื่อนอยู่ตอนนี้ก็ขอให้จำไว้ว่าการทำเเบบนี้เนี่ย เหยียดหรือดักทำร้ายพวกเขาบ่อยๆไปนาน มันเหมือนกับการฆ่าพวกเขาทั้งเป็นเเย่ยิ่งกว่าไปทำใครตายอีก ควรจะคิดเองได้ว่าเลิกทำมันได้้เเล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม

  ถ้าเรื่องนี้มันไปทำให้ใครรู้สึกเเย่ยอมรับไม่ได้ เเละเห็นควรว่านี่เป็นสิ่งที่ไม่ควรมีอยู่ผมก็ยินดีที่จะลบบทความนี้ เพียงเเค่เอ่ยกล่าวด้านล่างไม่ต้องไปสร้างเรื่องราวใหญ่โตนะ เกลียดปัญหา พูดตรงๆ

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น

Zucth 23 พ.ค. 63 เวลา 19:33 น. 1-1

ก็หวังว่าจะมีคนผ่านมันมาได้เหมือนเรานะ :) อย่าเพิ่งยอมเเพ้กันล่ะ ขอบคุณครับ

0