ว่าด้วยเรื่องของการบรรยาย
ตั้งกระทู้ใหม่
แล้วเราก็เป็นคนชอบอ่านนิยายของนักเขียนท่านอื่นๆ
พอเราอ่านแล้วรู้สึกว่า นักเขียนแต่ละท่านมีวิธีการบรรยายที่แตกต่างกัน
เราลองแต่งนิยายของตัวเองโดยพยายามเขียนบทบรรยายให้ดูไหลลื่นแต่ดูเหมือนว่ามันจะออกมาไม่ดีเท่าไหร่
เราเลยอยากจะขอคำแนะนำจากนักเขียนทุกท่านว่าแต่ละท่านมีวิธีการหรือทริคในการพัฒนาบทบรรยายของตัวเองอย่างไร เพื่อที่จะได้นำไปปรับใช้และปรับปรุงการเขียนนิยายของตัวเองให้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ขอกล่าวขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ
10 ความคิดเห็น
อืมมนึกถึงฉากหนังในหัวมั้ง
จินตนาการพรรณนาในห้วงความคิด ก่อนจะพูดบรรยายออกมา ให้เครื่องพิมพ์ตามที่พูด ก่อนจะตกแต่งประโยคให้ดูอ่านแล้วสละสลวยเข้าใจง่ายอีกนิดหน่อย
ก็ประมาณนี้…น่ะนะ ^~^
แรกเริ่ม ไม่ต้องสนใจว่าภาษาสละสลวยไหมหรอกค่ะ
นึกภาพแล้วเขียนออกมาเท่าที่เห็นก่อน แล้วทิ้งไว้สักพักค่อยลองอ่านทวนดูว่าอ่านแล้วเข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อได้ทันทีไหม ถ้าอ่านแล้วต้องทวนใหม่อีกรอบถึงจะรู้เรื่อง นั่นคือยังใช้ไม่ได้ แต่ถ้าอ่านแล้วเข้าใจได้ทันที ไม่สะดุด นั่นคือผ่านเลเวลเบื้องต้นแล้วค่ะ (บางคนคำศัพท์หรู เลี่ยงคำซ้ำ เปรียบเปรย แต่อ่านแล้วงง เราถือว่าไม่ผ่าน แต่ถ้าทั้งสวยและลื่นไหล นั่นคือสุดยอดค่ะ)
ข้อผิดพลาดอีกอย่างหนึ่งคือ มือใหม่หลายคนสลับมุมมองตัวละครไปมาจนมึน แรกๆ เขียนเรื่องที่มองผ่านมุมมองตัวละครตัวเดียวให้คล่องก่อน จะง่ายกว่ากันมาก
เลเวลต่อมา คือสื่ออารมณ์ได้ เลเวลนี้ยาก ให้หาหนังสือที่เราชอบสำนวนมาศึกษาค่ะ ว่าเขามีกลเม็ดการเล่าเรื่องอย่างไร ใช้คำแบบไหนตอนไหน
https://www.dek-d.com/board/view/3801549/
ดู ตย จากกระทู้นี้ค่ะ ไม่ต้องรีบร้อน
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ เป็นประโยชน์มากๆเลย
อ่านเพื่อเพิ่มคลังคำในหัว มีคำมากก็ทำให้การเลือกใช้คำได้หลากหลาย
ส่วนที่อ่านลื่น ๆ ส่วนใหญ่ใช้วิธีแก้แล้วแก้อีก ไม่ใช่เขียนทีแรกแล้วออกมาลื่นเลย
เป็นเรื่องของความถึกในการตรวจแก้งาน
ไม่มีอะไรมากไปกว่า .. เขียนไปเรื่อยๆ ค่ะ เขียนไปให้จบตอน แล้วอัปเลย
ทำการอ่านซ้ำในหน้านิยาย แล้วแก้แทบทุกครั้งที่อ่านแล้วรู้สึกว่าไม่เข้าใจการสื่อความในทันทีที่เจอ
หรือเมื่อเห็นว่ามันซ้ำซ้อน หรือมันวนไปมา เอาง่ายๆ ว่าแก้/ปรับ ทุกครั้งที่อ่านเจอความไม่ลื่นไหล
นิยายในดราฟแรก เขียนให้ได้ความเพื่อจะอัปลงเว็ป
ดราฟสอง อ่านเองเอาแบบนักอ่าน เมื่ออ่านสะดุดจะแก้ทันที
ดราฟสาม อ่านอย่างจับผิดเนื้อหาและตัวสะกด ที่อาจสะกดผิดเอง อาจผิดเพราะพิมพ์จากโทรศัพท์ปุ่มมันเล็ก บ้าง ก็แก้อีกทันทีที่เห็น
การแก้หลักๆ มี 3 ครั้ง
แต่ถ้าวันไหนว่างแล้วเข้ามาอ่าน เจออะไรที่ไม่พอใจ อาทิ สำนวน การใช้คำ หรือ การเว้นวรรค ฯลฯ ก็จะแก้อีกไปเรื่อยๆ ค่ะ
แบบนี้นี่เอง เราไม่เคยทำเลย
ขอบคุณนะคะ จะเอาไปปรับใช้อย่างแน่นอนค่ะ
ตามเมนต์บน ๆ นะคะ เราว่าควรที่จะยึดและฝึกหัดให้สามารถบรรยายเพื่อสื่อสารให้คนอ่านเข้าใจได้ก่อนเป็นอันดับแรก
อันดับต่อมาคือการเลือกหยิบคำมาใช้ให้เหมาะสม เช่น ระดับภาษาจะบ่งบอกตัวตนของตัวละคร ว่าใครพูดกับใครได้เลย
อันดับสุดท้าย ความลื่นไหลและความสวยงาม บางคนเขียนภาษาออกมาได้ดีจริงอ่านแล้วเคลิ้มซึ่งมันต้องหัดน่ะค่ะ ซึ่งอันสุดท้ายนี้สิ่งที่จำเป็นคือสกิลค่ะ
อันนี้ก็อปของเก่ามา
การจะเขียนออกมาให้มีภาษาดี ลื่นไหล ไพเราะสละสลวยนั้นคุณจะต้องเก็บค่า Exp. (ค่าประสบการณ์) ด้วยการเพิ่มคลังคำให้ตัวเองยิ่งมากยิ่งดี ก็เหมือนกับนอกจากเพิ่มค่า Hp ตัวเอง หลอด Mp/Sp ก็ต้องอัพให้เยอะด้วย ทีนี้เรามาดูกันว่าแต่ละค่าพารามิเตอร์แต่ละค่าเราจะเพิ่มกันยังไง
STR ค่านี้สำหรับเราคือ การเขียนภาษาไทยให้เป็นภาษา หมายถึงเขียนรูปประโยคให้ถูกต้องสะกดคำถูก แน่นอนใช้คะ/ค่ะ/นะคะ/จ้ะ/จ๊ะ ถูก สกิลทางภาษานี้มันอยู่ที่ความใส่ใจล้วนๆ นอกจากที่ตั้งใจเรียนในห้องคือหมั่นสังเกต การใช้ หมั่นเปิดเช็ดจากพจนานุกรมด้วยว่าที่สะกดถูกเป็นอย่างไร คำนี้ใช้อย่างไร เราว่ามันสำคัญเป็นพื้นฐานเลยค่ะ
INT ค่านี้คือ คลังคำที่ได้จากการเก็บเกี่ยว ยิ่งอ่านมาก ศึกษามาก ยิ่งได้มาก เคยไหมเวลาอ่านนิยายที่ใช้ภาษาสวยๆ เราจะหาสมุดมาจดวรรคทอง ประโยคเด็ดมาไว้อ่านซ้ำๆ ก็เช่นเดียวกันค่ะ สะสมไว้เป็นคลังคำ
AGI ค่านี้คือ นอกจากการใช้คำให้ถูกสะกดถูก เราจะเรียบเรียงคำอย่างไรให้สวยงาม มีจังหวะจะโคน เคยไหมคะที่อ่านหนังสือ อ่านบทสนทนาแล้วรู้สึกเหมือนมีจังหวะ ลองอ่านออกเสียงดูสิคะ หรือนึกถึงคลิบพี่หมื่นแร็พในบุพเพฯก็ได้ค่ะ อันนี้เวลาเขียนเสร็จลองอ่านออกเสียงดูค่ะว่าเป็นยังไง
VIT ค่านี้คือ การที่รู้จักเลือกคำมาใช้ให้ถูกสถานการณ์ค่ะ ฉากแต่ละฉากต้องการอารมณ์ต่างกัน คำที่มีความหมายเดียวกันแต่การเลือกใช้คำไวพจน์ต่างกันในซีนอารมณ์มันจะเสริมแต่ละซีนให้เด่นขึ้น เช่นเวลาฉากพลอดรัก ทั้งที่อยู่กันแค่สองคนไม่มีใครอยู่ด้วย ทำไมเขานิยมใช้การกระซิบข้างหูแทนที่จะตะโกนใส่กันอ่ะเนอะ (เคยคิดว่ามีอยู่แค่ 2 คนจะกระซิบทำไม?) แต่พอเขียนให้มันกระซิบรู้สึกถึงความนุ่มละมุนในอารมณ์มากกว่า อันนี้ต้องพึ่งจินตนาการนิดนึง
DEX ค่านี้คือ การเลือกใช้คำที่เข้าใจได้ง่ายใช้คำตรงจุด อันนี้ต้องหมั่นเขียนหมั่นใช้จะรู้ว่าควรหยิบคำไหนมา
CRT ค่านี้คือ รู้จักใช้คำเพื่อเน้นย้ำอารมณ์ บางครั้งใช้คำซ้ำ หรือการรู้จักเว้นช่องว่างระหว่างคำให้คนอ่านหายใจและลุ้นไป อันนี้หมั่นสังเกตอารมณ์จังหวะเรื่องจากนิยายหลายๆ แนวดูค่ะ
โห อันนี้มาเป็นเหมือนเกมเลย แต่เราเข้าใจค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ ได้ความรู้มากๆเลยค่ะ เราจะเอาไปปรับใช้นะคะ
ขอตอบตามตรงว่าผมก็ยังอ่อนประสบการเรื่องนี้มาก แล้วพึ่งกลับมาเริ่มเขียนนิยายไหม่ แต่ก็พอจะแนะนำได้บ้างครับ
1.เราลองบรรยายสิ่งที่เห็นตรงหน้าก่อน เช่นเราไปนั่งๆ ที่ที่หนึ่งในโรงเรียนแล้วเขียนบรรยายสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวออกมาให้เห็นภาพ แล้วลองไปถามเพื่อนว่ามันคือมุมไหนของโรงเรียน ยิ่งถ้าไม่ได้เป็นพื้นเจาะจงเช่นสนามบาศหรือสนามบอล แล้วเพื่อนตอบได้หรือเพื่อนเห็นภาพก็ถือว่าผ่านขั้นที่หนึ่งแล้ว
2.ลองเอาบทบรรยายที่ตัวเองเขียนมานั่งอ่านทบทวนคำซ้ำ คำเชื่อม ฝึกตัดทอนคำที่ไม่จำเป็นออกไป เพื่อเพิ่มความลื่นไหลให้เนื้อหา
3.อ่าน อ่าน อ่าน นิยายเรื่องต่างๆ ให้มากครับ ยิ่งนิยายแปลบางเรื่องสามารถทำให้เราเห็นภาพออกมาได้เหมือนในหนังเลยครับ เช่น เรื่อง mortal engine (หนังตัดฉากต่างๆ ออกไปเยอะมากแต่ภาพในความคิดก็ยังตรงกันซะส่วนใหญ่) เมื่ออ่านแล้ว เราลองเอานิยายที่ชอบมาบรรยายในมุมมองของเราดูครับ ลองอ่านทบทวนที่ตัวเองเขียนแล้วเพิ่มรายละเอียดเข้าไปเรื่อยๆ จนเราพึงพอใจ อ่านแล้วไม่น่าเบื่อ
4.เขียน เขียน เขียน เขียนเยอะๆ ก็ยิ่งเพิ่มประสบการณ์ครับ ลองเขียนเรื่องสั้น ฉากนิดๆ หน่อยๆ แล้วให้คนมาวิจารก่อนก็ได้ครับ
5.การมีภาพในหัวที่แน่นอน คือเราต้องมันคงว่าในฉากๆ นั้นจะมีอะไรบ้าง สีแสงเป็นอย่างไร แล้วอยากให้คนอ่านเห็นภาพแบบไหน ค่อยลงมือเขียนครับ ถ้าเป็นคนที่วาดรูปได้แนะนำให้วาดออกมาก่อนได้ยิ่งดี แล้วคิดฉากไปล่วงหน้ายาวๆ ก่อนเลยว่าจะให้ตัวละครเจอกับอะไรบ้าง สภาพแวดล้อมรอบตัวเป็นแบบไหน
ถ้าทำ 5 ข้อนี้ได้งานจะออกมาเพอร์เฟ็กเลยครับที่สำคัญคือหาคนช่วยวิจารงานเราบ่อยๆ จะยิ่งทำให้เราพัฒนานะครับ สู้ๆครับ เป็นกำลังใจให้
ขอบคุณนะคะ
เป็นกำลังใจให้เหมือนกันค่ะ เรามาสู้ไปด้วยกันนะคะ
วิธีของเราคือ อ่านให้มากไม่ว่าจะเป็นงานเขียนประเภทไหน แล้วเราจะได้เทคนิกของการบรรยาย การใช้ภาษาของผู้เขียนมาเก็บไว้ในประสบการณ์ โดยเฉพาะงานเขียนประเภทเรื่องสั้นหรือนิยาย เพราะฉากเหมือนกันแต่ผู้เขียนจะมีกลวิธีการบรรยายต่างกัน สรุปคืออ่านให้มาก ๆ แล้วเขียนให้มาก ๆ มันจะเกิดทักษะเฉพาะตัวขึ้นเองค่ะ
สมมติอยากจะบรรยายว่า "เราจับมือกัน"
1) ใส่อารมณ์ลงไป > มือของเธอที่ฉันอยากสัมผัสและครอบครองมาแสนนาน บัดนี้ได้ตกเป็นของฉันโดยสมบูรณ์แต่เพียงผู้เดียวแล้ว ด้วยอุ่นไอรักที่แทรกซึมผ่านมือใหญ่หนาทว่าอ่อนโยนของเธอถูกส่งมาถึงฉันอย่างทะนุถนอม ทำให้ฉันเชื่อมั่นในความรักครั้งนี้ ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคใดต่อไปในอนาคตฉันไม่สนใจ เพราะในห้วงเวลานี้ฉันมีความสุขเหลือเกิน
2) ใส่ความเคลื่อนไหวลงไป > ฉันกุมมือเธอแน่นขึ้นพร้อมอิงศีรษะไปที่หัวไหล่ของเธอ เราก้าวเดินไปพร้อมกัน ไม่สิ! เธอเป็นฝ่ายปรับฝีเท้าให้ก้าวไปพร้อมกับฉันต่างหาก เพราะเธอรู้ว่าฉันตัวเล็กกว่าเธอตั้งฟุตหนึ่ง เธอช่างเป็นคนที่ละเอียดอ่อนเสียเหลือเกิน แต่เธอจะรู้ไหมว่าฉันก็พยายามเร่งฝีเท้าและพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับเธอผู้เพียบพร้อมจนได้น่ะ
3) ใส่ฉากลงไป > เบื้องหน้าเรา ดวงอาทิตย์กำลังตกดิน แต่ฉันรู้สึกราวกับว่าความรักของเรากลับสว่างสดใสประดุจแดดยามเช้า วันนี้เธอเดินไปส่งฉันที่บ้านเป็นวันแรก และฉันอยากให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป เพราะนับจากนี้ไปฉันจะได้เลิกกลัวหมาที่ชอบเห่าฉันหน้าปากซอยกับ-บึ้ก-นักเลงเจ้าถิ่นที่ชอบผิวปากแซวฉันสักที ขอบคุณนะ...ที่เธอรักฉัน แล้วสักวันฉันคงได้มีโอกาสเป็นฝ่ายดูแลเธอบ้าง
...ประมาณนี้ครับ
โห เห็นภาพเลยค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ
**สังเกต** ในขณะที่ผมไม่ได้เขียนบอกว่าตัวละคร 'ฉัน' หรือ 'เธอ' เป็นเพศอะไรอย่างชัดแจ้ง แต่ด้วยการบรรยายที่เหมาะสมก็ทำให้นึกภาพตามได้ไม่ยากเลยใช่ไหมครับว่า ฉัน (บุรุษสรรพนามที่ 1 หรือ ผู้พูด) เป็นเพศหญิง มีลักษณะตัวเล็ก แล้วก็ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไร แถวบ้านมีลักษณะเป็นอย่างไร เป็นต้น นี่ผมเขียนแบบด้นสดๆ จากคีย์เวิร์ด "เราจับมือกัน" ครับ ลองฝึกไปเรื่อยๆ ครับ สู้ๆ นะ
ถ้าพูดถึงความลื่นไหล แนะนำในอ่านนิยายของตัวเองซ้ำหลายๆรอบดูค่ะ พอมาอ่านซ้ำเราจะเจอข้อบกพร่องของตัวเองแล้วปรับแก้ภาษาได้เลย
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?