Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ปัญหาเยอะ ไม่เข้าใจตัวเอง เครียดมาก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ขอพื้นที่ระบายหน่อยค่ะ

เราอยู่ม.3 เนื่องจากผลของโควิททำให้โรงเรียนเราเลิกเร็วเลิก14.50 แต่กว่าจะออกจากโรงเรียนก็15.00พอดี แล้วเรามีเรียนิเศษตอนเย็นค่ะ(ไม่กำจัดเวลาว่าจะต้องไปกี่โมง) เราจึงบอกให้แม่มารับตอนที่เลิกงานเลย ห้าโมงเย็น ซึ่งเราก็ไปนั่งที่ร้านกาแฟใกล้ๆโรงเรียน ซื้ออะไรกินและนั่งทำการบ้านรอค่ะ 

คือเราไม่อยากให้แม่ทิ้งงานมารับเรา เรารู้สึกตัวเองเป็นภาระ จริงๆอยากลับเองด้วยซ้ำแต่ไม่มีใครให้ทำเลยค่ะ แต่พอแม่เรารู้ว่าเราทำอย่างนี้ ก็ตีโพยตีพายไปเลยว่าเราอยากนั่งล่นโทรศัพท์นานๆทั้งที่จริงๆเรานั่งทำการบ้านค่ะ แล้วก็บ่นยาวเลยว่าทั้งบ่นว่าเหนื่อย งานเยอะ แล้วต้องมารับมาส่งเราอีก แล้วก็บอกว่าเลิกเล่นโทรศัพท์ได้แล้ว เล่นมากไม่ลืมหูลืมตา แล้วเราเป็นพวกที่ว่าไม่ค่อยโต้ตอบใครจึงเลือกนั่งเงียบๆ แต่ในใจคืออยากตะโกนบอกไปว่าตัวเองทำอะไรบ้าง แต่เอาจริงๆไม่กล้าเลยค่ะ

เราเข้าใจว่าแม่เหนื่อย ท่านกรอกหูเราทุกวัน จนเราไม่อยากฟัง จริงๆเราสนิทกับแม่นะ แต่ยิ่งโตก็ยิ่งไม่โอเครวมทั้งไม่ไว้ใจค่ะ คือเราพูดอะไรออกไปหวังจะให้รับฟัง แต่ที่ได้เรามาคือคำถาม ทำไม อะไร แล้วชอบเราเรื่องของเราไปพูดให้คนอื่นฟัง คนอื่นๆที่ไม่ใช่ญาติยังรู้ค่ะ พ่อเพื่อนที่เรียนพิเศษก็รู้! แถมยังชอบเราเรื่องลูกคนอื่นมาเล่าให้ฟังอีกต่างหาก มีครั้งหนึ่งเราพูดออกไปเลยว่าไม่รู่ ไม่อยากรู้ ก็ทำเหมือนว่าเราพูดอะไรตลกๆออกมา แล้วไม่สนใจสิ่งที่เราพูด พวกเขาเห็นเราเป็นเด็กๆ ซึ่งเราก็รู้ค่ะว่าในสายตาพ่อแม่ก็เห็นลูกเป็นเด็กวันยังค่ำ

ซึ่งบางครั้งเราก็ไม่ชอบค่ะ รุกร้ำความเป็นส่วนตัวมาก!

ที่บ้านเราไม่มีพื้นที่ส่วนตัวค่ะ บ้านเรามีสามห้อง เรานอนรวมกับพ่อแม่ อีกห้องหนึ่งห้องป้า แล้วอีกห้องหนึ่งเป็นห้องพระ ส่วนสถานที่ที่ให้ความเป็นส่วนตัวได้มากที่สุดคือห้องน้ำ เราชอบเข้าไปในนั้นแล้วคิดอะไรเรื่อยเปื่อยทำให้เราอาบน้ำนานมาก พอออกมาแม่มักจะถามว่าทำอะไรทำไมนานจัง เราก็ชอบคิดแบบว่าจะไม่ให้ความเป็นส่วยตัวเลยหรือไง คือแม่เราเป็นพวกถามไปเรื่อยค่ะ เรานั่งเล่นโทรศัพท์ก็ถามว่าทำอะไร เล่นคอมก็ถามว่าทำอะไร แล้วถ้าเราตอบว่า "เล่นโทรศัพท์/คอม ไง" นางก็จะประชดเราว่าแค่ถามนิดถามหน่อย นิสัยเหมือนพ่อจริงๆ ซึ่งเราเกลียดคำนี้มากค่ะ เราไม่ได้แย่เหมือนเขาขนาดนั้นสักหน่อย ซึ่งแม่กับป้าเราชอบบ่น นินทาเขาให้เราฟังตั้งแต่เด็ก ถึงจะไม่มีจุดประสงค์ให้เกลียดพ่อตังเอง แต่เราก็อดไม่ได้ที่จะไม่ทำนิสัยเหมือนเขา (ที่บ้านเราชอบพูดว่าเรานิสัยเหมือนพ่อ ส่วยพี่นิสัยเหมือนแม่) พอเป็นแบบนี้แล้วเราก็พลานเกลียดคำพูดพวกนี้ไปเลยค่ะ 

ถึงเราตอนเด็กๆนิสัยเอาแต่ใจมากค่ะ อะไรก็ต้องได้ - ไม่เอาคนอื่นพอโตขึ้น เราเริ่มเปลี่ยนตัวเองไม่ค่อยตามใจตัวเอง พยายามไม่พูดอะไรให้คนอื่นไม่พอใจ เข้าหาคนอื่นมากขึ้น แต่เราพูดไม่เก่ง ไม่ค่อยมีรสนิยมเหมือนคนอื่นทำให้เราเข้ากับคนอื่นยากค่ะ ทำให้มีเพื่อนน้อย แล้วอีกอย่างหนึ่งเรากลัวสายตาของคนอื่นด้วย คือแบบพอโดนใครมองเยอะๆมองเรารู้สึกแปลกๆ มีครั้งหนึ่งเราร้องไห้เลยค่ะ

ตอนนั้นครูที่เข้ามาสอนให้ทำงานค้างขึ้นมาทพ เราก็นั่งทำชีทคณิตแล้วมีข้อนึงไม่เข้าในเลยถามเพื่อนข้างๆ แล้วครูก็เดินมาจากไหมไม่รู้พูดเสียงดังๆประมาณว่า เธอลอกงานเพื่อนเหรอ (จริงๆเราจำไม่ได้หรอกค่ะว่าพูดอะไร พอครูเขามาพูดกับเรา เราสติหลุดไปเลย) เพื่อนบางคนก็หันมองค่ะ บางคนก็ไม่สนใจ จริงๆครูเขาเหมือนชอบแกล้งเรา(แกล้งเล่นไม่ได้ตั้งใจประมาณนี้)เพราะ เราเป็นคนเงียบๆ ซื่อๆ เรียบร้อย ในสายตาเขา แล้วเรามีปมกับครูพละด้วย เราเล่นกีฬาไม่เก่งมักโดนเขาแกล้งประจำ เราครูคนนี้ก็อยู่หมวดพละยิ่งจี้ปมเราใหญ่เลย ในตอนนั้นเราสติหลุดไปเลยจนเพื่อนข้างๆต้องเรียกเราแล้วลากไปห้องน้ำให้เราล้างหน้า คือพอถึงห้องน้ำแล้วไม่มีใครอยู่เท่านั้นแหละ น้ำตาเราไหลออกมาแบบไม่รู้ตัวเลยค่ะ คือเพื่อนคนนั้นเราค่อนข้างสนิทกันมากๆเลยค่ะ มันก็ปลอมเรา ซึ่งหลังจากนั้นเราก็ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร รู้อย่างเดียวคืออายมาก อายจนอยากตายเลย

ไม่รู้ว่าชอบอยู่คนเดียวหรือเปล่าทำให้เราเข้ากับคนอื่นไม่ได้เลย ยิ่งพอมีปัญหามากๆเราก็ชอบคิดคนเดียวไม่ปรึกษาใคร ซึ่งเราก็คิดว่า เราไม่เอาปัญหาของเราไปลงที่ใคร คนอื่นก็ต้องเอาปัญหามาลงที่เหมือนกัน แต่มันผิดกับที่เราคิดไว้ค่ะ แม่ชอบบ่นเรื่องงาน กรอกหูเราอยู่เรื่อยเลยว่าต้องเรียนวิทย์-คณิตนะ แล้วเกรดรวมเราแค่3.1กว่าๆเอง ไม่ถึง3.4ด้วยซ้ำ! (วิชาหลังคณิตไม่ถึง3 อังกฤษไม่ถึง 3.5) คือเราเรียนไม่เก่ง! แต่ท่านคาดหวัง! เรากดกันมากค่ะ รวมทั้งติวเตอร์ที่เรียนพิเศษก็กดดันด้วย

เราเรียนอังกฤษ(อย่างเดียว)กับติวเตอร์คนนั้นมาเกือบ2ปีแล้ว เค้าทำให้เราสอบติดโรงเรียนที่ครอบครัวเราคาดหวังได้ ทีนี่แม่เรายิ่งชอบใหญ่เลยค่ะ บอกว่าจะให้เรียนไปตลอดเลย ถ้าเค้ารับสอบมหาลัยก็จะให้เรียนด้วย ตอนแรกๆเราก็โอเคนะคะ แต่พอมาๆเราไม่ค่อยโอเคกับวิธีการสอนของเค้าค่ะ ชอบนอกเรื่องไปเรื่อย ทำให้เลิกช้า สอนไม่ตรง ชอบติวสอบแล้วให้อยู่ดึกๆ ซึ่งเราประสบมันมาแล้วค่ะ ตอนสอบม.2เทอม2 เค้านัดเรามาติว10โมงเช้า เราก็มาตามนั้นค่ะ ตอนนั้นเค้ายังทำงานของเราไม่เสร็จเลย รอยัน11โมง เค้าจึงเอาชีทให้เราทำ ซึ่งมันก็มาจากหนังสือเราล้วนๆ(เราก็เลยทำแล้วด้วย) เราก็นั่งทำจนเสร็จตอนบ่ายโมงค่ะ พอจะให้ตรวจเค้าไม่ตรวจให้ เราต้องรอไปจนถึงหนึ่งทุ่มเค้าจึงตรวจให้ แล้วมีข้อหนึ่งมันผิด ซึ่งตอนเราทำที่โรงเรียนมันถูก เรสก็ต้องนั่งแก้ไป แม่เราก็โทรตามบ่อยมากจนเราคว้างโทรศัพท์ลงพื้นเลย(โชคดีไม่มีใครเห็น)

เรามาตั้งแต่10โมงยันสามทุ่ม คือทั้งเหนื่อยทั้งหิว แล้วที่นี้แม่เรามานั่งรอกว่าจะได้ตรวจก็สี่ทุ่ม กว่าจะถึงบ้านก็ห้าทุ่ม เราทิ้งของอาบน้ำนอนเลย ไม่อ่านต่อแล้ว วันต่อมาที่เราสอบ เราไข้ขึ้นแต่ก็ฝืนไป พอสอบวิชาแรกคณิตศาสตร์เราตั้งใจมากค่ะ แต่ทำๆไปเรารู้สึกคลื่นไส้หนักมาก เหมือนจะอ้วกด้วย เราเลยรีบๆทำข้อสอบแล้ววิ่งลงไปห้องน้ำเท่านั้นแหละออกมาหมดเลย แต่โรงเรียนเราถ้ามีสอบห้องพยาบาลจะไม่เปิด เราเลยต้องฝืนไปทั้งอย่างนั้น ข้าวเที่ยงกินไปก็อ้วกออกมาหมดเลย คือวันสอบวันแรกพินาศย่อยยับมาก พอบอกแม่ว่าวันนี้ทำข้อสอบไม่ได้ ยังไม่จบประโยคเลย แม่ก็สวนขึ้นมาว่าเพราะเล่นโทรศัพท์เยอะไง

ตอนนี้คือเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่อะ ไม่มีความสุขเลยที่ต้องทนเรียน ล่าสุดเค้าเรียกเรามาบอกว่าต้องการให้เกรดอังกฤษเราขึ้น เค้าเบื่อเกรด3แล้ว เราก็พยักหน้าแต่ในใจคือบอกว่าได้แค่นี้ก็บุญโขแล้ว เราพยายามแล้วนะ แต่ทำไมไม่ลองมาดูวิธีสอนของตัวเองบางล่ะ! เราอยากเลิกเรียนกับเค้านะคะ แต่รู้สึกกลัวมากเลย แบบถ้าไม่เรียนจะได้คะแนนดีหรือเปล่าทจะถูกหาว่าเนรคุณไหม(เค้าชอบพูดว่าเหตุผลที่เราสอบได้คือเค้าติวให้)

เราเรียนพิเศษเกือบทุกวันเลยค่ะ บางทีเราก็อยากออกไปเที่ยวบ้าง ล่าสุดเราไปเที่ยวกับลูกพี่ลูกน้อง เราปิดโทรศัพท์ไว้ พอเปิดมาแล้วเจอว่าเค้าโทรตามแล้วทักไลน์มาถามว่าทำไมไม่มาเรียน ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเราทำไปเพื่ออะไร เราคว้างโทรศัพท์ทิ้งแล้วร้องไห้ ลูกพี่ลูกน้องเราก็ตกใจคิดว่าเราเป็นอะไร เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆเรารู้สึกกลัวแล้วอยากลบช่องทางการติดต่อทั้งหมดทิ้งมากเลย

ไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าตอนการอะไร ทำไปเพื่ออะไร รู้สึกว่าอนาคตเรามืดมนมากเลย ไม่อยากเรียน ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น เพื่อนเราบอกว่าเราควรเปิดใจคุยกับพ่อแม่บ้าง เอาจริงๆแค่นั่งกินข้าวด้วยกันเรายังไม่อยากเลย

ตอนพิมพ์รู้สึกเหมือนได้ระบายสิ่งที่เก็บมาทั้งหมดออกมาเลยยาวหน่อย แต่ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ





แสดงความคิดเห็น

>

4 ความคิดเห็น

ค้างนก 12 ก.ค. 63 เวลา 22:25 น. 1

เอิ่ม คือเราอ่านแค่ย่อหน้าเดียวอะ แต่เราเห็นปัญหาแรกเลยก็เลยอยากช่วยตอบให้ว่า


ก็หันไปบอกพ่อแม่สิว่า ว่าหนูนั่งทำการบ้านอยู่ จะไปเปิดกล้องวงจรปิดที่ร้านดูไหม

ทั้งเรื่องเรียนติวเตอร์อังกฤษอะไรนั่น เธอไม่พูด ใครมันจะไปรับรู้ส่วนของเธอหล่ะ

เรียนพิเศษมากไป อึกอัดมากก็บอกพ่อแม่นะ


ลองดูฮอร์โมนก็ได้ เอาให้พ่อแม่ช่วยดู ฉากที่ดาวเธอกรี๊ดร้องและละทิ้งทุกอย่างไป


ปัญหาแรกในครอบครัวคือ การไม่พูด และไม่ฟังกันนี่แหละ แน่นอนว่ามันคงแก้ไม่ได้ในวันสองวัน หมายถึง คงทำให้พ่อแม่รับฟังเราไม่ได้ในวันสองวัน และเธอเองก็คงต้องพูดมากกว่าแค่ครั้งสองครั้ง เพราะนี่คือชีวิตเน้อ ชีวิตคือการที่เราต้องมาเผชิญอะไรแบบนี้นี่แหละ และฝ่าฝันไปให้ได้ สู้ๆนะครับ เข้มแข็งไว้ และหัดสื่อสารความรู้สึกออกมา น้ำตามีไว้เพื่อบอกทุกคนรอบข้างว่า ฉันไม่ได้โอเค จะพอได้รึยัง

0
เป็นกำลังใจตะงิว 13 ก.ค. 63 เวลา 08:38 น. 2

บอกแม่ค่ะ อย่าเก็บไว้คนเดียว บางเรื่องไม่พูด ไม่สนใจก็ได้ แต่บางเรื่อง ไม่พูด พ่อแม่ไม่รู้ค่ะ พูดนิดเดียวแล้วเขาสวนหรือเขาว่าเถียง แล้วเราเลยเงียบ อย่างนี้เรียกว่ายังไม่(ทันได้)พูดนะคะ


เรื่องเรียนพิเศษยิ่งต้องพูด ครูสอนพิเศษอะไรลากยาวขนาดนั้น เป็นนี่ไม่รอแล้วนะ สอนดีแค่ไหน แต่ไม่รับผิดชอบ ไม่เอาค่ะ เขามีธุระคนเดียวหรือไง บอกแม่ค่ะ แม่ให้เรียนพิเศษตลอด แปลว่าเรื่องเงินคงไม่ใช่ปัญหา หาคนใหม่ค่ะ เนรคุณคืออะไร ฝืนเรียนไป ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นค่ะ ที่ดีอยู่ตอนนี้คือตัวเองทั้งนั้น ทำไมไม่เชื่อความสามารถตัวเองล่ะ หรือถ้าเกิดเลิกไปแล้วมันไม่ดี ก็แค่ตั้งใจเรียนมากขึ้น การเรียนเรียนยังไงมันก็ไม่เก่งที่สุดหรอก มันมีอะไรให้เรียนรู้ตลอดเวลา เปลี่ยนชั้นครูก็เปลี่ยน ทำไมจะเปลี่ยนสอนพิเศษไม่ได้ เขาเป็นกาวเหรอก เราต้องไปติดเขาอะ


ไม่ได้ด่านะ นี่เรื่องปกติเลย ปกติที่ต้องรู้จักปฏิเสธอะ

0
by tan 13 ก.ค. 63 เวลา 14:03 น. 3

เป็นกำลังใจให้นะคะ เราคงจะกดดันและกลัวมากจริงๆ ตอนนี้พี่ไม่มีอะไรจะแนะนำ เพราะเข้าใจว่าการคุยกับพ่อแม่สำหรับจขกท.คงจะเป็นอะไรที่ยากมาก แต่จะขอเสนอแนวทางนิดหน่อยที่อาจจะพอช่วยได้นะคะ

1. คือพยายามเล่นโทรศัพท์ให้น้อยลง ถ้าแม่พูดเรื่องนี้บ่อยๆ แสดงว่าเราคงเล่นบ่อยจริงๆ (หรืออาจจะไม่ได้บ่อยมาก แต่ก็ขอให้ลดนะคะ) เพื่อตัดปัญหาการทะเลาะกับแม่

2. ถ้าพูดไม่ได้ แนะนำให้เขียนค่ะ การเรียนน้อยเกินไปไม่ใช่เรื่องที่ดี แต่ถ้าเรียนมากไปมีแต่จะทำให้กดดันนะ ทางที่ดีตอนนี้คือพยายามเรียนในห้องตั้งใจมากๆ เก็บความรู้ให้ได้เยอะที่สุด จนถึงจุดหนึ่งที่เราเรียนได้โดยไม่ต้องมีเขาแล้วก็ค่อยไปบอกแม่ตรงๆ (แต่เราต้องโอเคกับการเรียนในห้องก่อนนะคะ เพราะหลังจากที่เราบอกแม่ไป เขาจะดูผลการเรียนเราแน่นอน)


พี่มีแค่นี้แหละค่ะที่อยากบอก สู้ๆนะคะ ผ่านไปให้ได้นะ

2
เป็นกำลังใจตะงิว 13 ก.ค. 63 เวลา 16:21 น. 3-1

แนวทางคนนี้ดีนะ ถ้าพูดไม่ได้ ก็เขียนบอกแม่

เราก็เคยเขียนบอกเหมือนกัน (ไม่ได้บอกแม่นะ บอกผู้ใหญ่คนอื่น ซึ่งก็ได้ผลนะ)

0
by tan 14 ก.ค. 63 เวลา 20:46 น. 3-2

การเขียนดีมากๆ เลยสำหรับการคุยกับผู้ใหญ่ เพราะเหมือนเราได้กลั่นกรองคำพูดของตัวเองด้วยเนอะ

0
เจ้าตัวนุ่มนิ่ม 15 ก.ค. 63 เวลา 15:44 น. 4

เป็นกำลังใจให้นะคะ เรื่องบางอย่างถ้ามันหนักหนาเกินไปที่จะรับไหวลองบอกกับแม่ตรงๆเลยเพราะในความคิดเราเราว่าแม่เธอรักเธอนะและก็เป็นห่วง แต่วิธีที่ท่านแสดงออกอาจจะมากไป ลองคุยกับแม่ดูนะคะบอกสิ่งที่ค้างคาในใจไปว่าหนูไม่โอเคเลย ตอนนี้หนูเป็นแบบนี้แล้วถ้าสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจริงๆแม่ไม่ยอมรับฟังเราเลยต่อไปนี้ก็ไม่ต้องพูดเลยค่ะ อดทนให้ถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วไม่ต้องสนใจอะไรออกมาจากตรงนั้นเลย ไปหาทำอะไรที่มันก่อให้เกิดความสุขทางจิตใจของเราค่ะ

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของเรานะคะ

0