Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ทัชมาฮาล (Taj Mahal) อนุสรณ์แห่งความรัก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่




ความรักชนะทุกสิ่ง เป็นคำพูดลอยๆในอากาศที่เหมือนจะจับต้องไม่ได้ ยกเว้นบทพิสูจน์ของความรักอย่างทัชมาฮาล สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคปัจจุบัน ที่นี่เป็นตัวอย่างของแรงบันดาลใจแรงผลักดันที่ก่อกำเนิดจากพลังแห่งความรัก จนกลายเป็นสุสานหินอ่อนที่ผู้คนยกย่องให้เป็นสถาปัตยกรรมแห่งความรักที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

“พระเจ้าชาห์ จาฮาน” (Shah Jahan) สมเด็จพระจักรพรรดิองค์ที่ 5 ในราชวงศ์โมกุล ทรงสร้าง “ทัชมาฮาล” เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์ทรงมีต่อพระมเหสีที่รักยิ่ง คือพระนางอรชุมันท์ ซึ่งได้สมัญญานามว่า “มุมตัซ มาฮาล” (Mumtaz Mahal) ซึ่งแปลว่า “อัญมณีแห่งราชวัง” พระนางทรงเป็นทั้งคู่คิด ที่ปรึกษา และมีส่วนในการช่วยเหลือพระสวามีในการปกครองบ้านเมืองการศึกการสงครามอีกทั้งยังทรงเป็นที่รักใคร่ของพสกนิกรทั่วไป  




ปี ค.ศ. 1631 พระมเหสีมุมตัซ มาฮาลได้สิ้นพระชนม์อย่างไม่คาดคิด หลังจากให้กำเนิดทายาทองค์ที่ 14 เพียง 1ชั่วโมง  การสิ้นพระชนม์ของพระมเหสีอันเป็นที่รักที่ครองคู่กันมาถึง 18 ปีทำให้พระองค์โศกเศร้า ทุกข์ระทมอย่างแสนสาหัสอยู่นานถึง 2 ปี จึงโปรดให้สร้าง “ทัชมาฮาล” ขึ้นมาอย่างวิจิตรอลังการตามคำขอของพระนางก่อนจากไปว่า “ให้พระองค์สร้างอนุสาวรีย์ที่ฝังศพของเธอให้โลกพิศวงด้วยเถิด”
ทัชมาฮาล” ตั้งอยู่บริเวณ ริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ในเมืองอัครา ประเทศอินเดีย ใช้เวลาก่อสร้างและตกแต่งนานถึง 22 ปี ระหว่างปี ค.ศ.1632-1654 ทุกส่วนสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวนวลบริสุทธิ์ ศิลาแลง ประดับลวดลายเครื่องเพชร พลอย หิน โมราและเครื่องประดับจากมิตรประเทศ ตามแบบสถาปัตยกรรมแนวโมกุลของอินเดีย และอาหรับเปอร์เซียนมุสลิม ใช้คนงานและช่างฝีมือร่วมในการก่อสร้างประมาณ 20,000 คน เป็นผลงานการออกแบบจากสถาปนิกนามว่า อุสตาด อาห์เหม็ด ลาเฮารี (Ustad Ahmad Lahauri) ซึ่งภายหลังถูกประหารชีวิตพร้อมกับนายช่างที่ร่วมกันก่อสร้าง เนื่องจาก พระเจ้าชาห์ จาฮาน ไม่ทรงปรารถนาให้นายช่างฝีมือเหล่านี้ไปออกแบบสถาปัตยกรรมใดๆ ที่สวยไปกว่าที่นี่อีก ซึ่งลักษณะสถาปัตยกรรมได้รับคำรับรองจากสถาปนิกทั่วโลกว่า สร้างขึ้นโดยถูกสัดส่วน มีความสมมาตรในทุกๆ ด้าน และวิจิตรงดงามที่สุด
ส่วนตรงกลางภายใต้หลังคาโดมใหญ่เบื้องหลังฉากกั้นหินอ่อนทั้งสี่ด้าน เป็นหีบพระศพจำลองของพระเจ้าชาห์ จาฮาน กับพระมเหสีมุมตัซ มาฮาลตั้งอยู่คู่กัน ส่วนพระศพจริงไม่ได้บรรจุอยู่ในหีบ หากฝังอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินตรงกับที่วางหีบศพนั้น

 ในปีค.ศ. 1658 ออรังเซบ (Aurangzeb) พระโอรสองค์หนึ่งของพระเจ้าชาห์ จาฮาน ทรงเห็นว่าพระราชบิดาใช้จ่ายพระราชทรัพย์ไปมากมายมหาศาล จึงได้ชิงบัลลังก์และจับพระราชบิดาไปคุมขังในป้อมอัครา(Agra Fort) พระเจ้าชาห์ จาฮาน จึงทำได้เพียงเขย่งพระบาทมองทัชมาฮาลผ่านลูกกรงที่คุมขังทุกวันเป็นเวลานานถึง 8 ปี และสิ้นพระชนม์ลงในปี ค.ศ.1666 แม้กระทั่งยามที่พระเจ้าชาห์ จาฮาน ถึงกาลอันใกล้จะสิ้นพระชนม์ ก็ยังคงกำกระจกบานเล็กไว้ในพระหัตถ์ เพื่อที่จะได้ทอดพระเนตรเห็นภาพสะท้อนของทัชมาฮาลในยามที่พระองค์นอนสิ้นลมหายใจสุดท้ายของชีวิต พระศพของพระเจ้าชาห์ จาฮาน ได้ถูกนำมาประดิษฐานในทัชมาฮาลเคียงข้างกันกับพระศพพระมเหสีมุมตัซ มาฮาล ตลอดกาล…

แสดงความคิดเห็น

>