Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แกงไทย....ใครบอกว่ายาก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
            สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ    วันนี้แอดจะพามาเรียนรู้กับส่วนผสมในการทำเครื่องแกงของไทยกัน   คนที่กำลังศึกษาวัตถุดิบส่วนผสมในการทำเครื่องพริกแกง หรือใครที่ยังสับสน หรือว่ายังงงอยู่กับส่วนผสมอยู่ วันนี้ท่านจะเข้าใจมากขึ้นอย่างแน่นอน                 เอาล่ะ ..... มาเริ่มกันเลยดีกว่า เมื่อเราจะต้องพูดถึงเรื่อง แกงไทยนั้น เชื่อว่าหลายคนคงอาจจะนึกถึงแกงที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมีรสชาติที่เผ็ดร้อนและมีเครื่องแกงเป็นส่วนประกอบอย่างแน่นอน ในเอกสารสำรับแกงไทย(สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมป์) ได้บอกว่า แกงไทย ยังรวมไปถึงกับข้าวที่เป็นน้ำ ซึ่งมีชื่อต่าง ๆ ตามวิธีการปรุงและเครื่องปรุง เช่น แกงจืด แกงเผ็ด แกงส้ม เป็นต้น หากจะเรียงลำดับแกงตามรสชาติจากที่อ่อนเครื่องเทศที่สุด ไปจนถึงแกงเผ็ดที่ต้องใช้เครื่องเทศหลายชนิด ต้องเริ่มจาก แกงร้อน เป็นแกงที่มีรสชาติอ่อนที่สุด มีลักษณะเหมือนหรือคล้ายกับสุกี้ยากี้อาหารของญี่ปุ่น หรือต้มจืดของจีน โดยการโขลกกระเทียม รากผักชี พริกไทยลงไปผัดจนหอมก่อนเติมส่วนประกอบอื่น จึงมีความหอมและร้อนด้วยรสชาติพริกไทย
 
            ที่มาภาพ :   https://xn--q3cp7eza.net/8/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%94/              
         1. แกงเลียง
เป็นแกงดั้งเดิมของไทยตั้งแต่โบราณ ที่มีความเผ็ดร้อนจากพริกไทยมากขึ้นและความหอมจากกระชายและใบแมงลัก ประกอบด้วยผักหลายชนิดจึงได้รสหวานจากผัก  เมื่อแกงเสร็จแล้ว จะใส่ใบแมงลักเพื่อให้ได้กลิ่นหอม ไม่เหม็นเขียวกลิ่นของใบแมงลัก จึงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแกงเลียง


ที่มาภาพ  :  https://snpfood.com/restaurant/highlightmenu/hot-sour-prawns-cha-om-soup/
 
            2.  ต้มส้ม  เนื่องจากปลานั้นมีกลิ่นคาว คนโบราณจึงหาวิธีการต้มปลาเพื่อดับกลิ่นคาว ด้วยการซอยขิงลงไปด้วยจึงเกิดเป็นตำรับ ‘‘ต้มส้ม’’ ซึ่งเป็นแกงที่มีเครื่องแกงเหมือนแกงเลียงทุกประการเพียงแต่เพิ่มขิงซอยลงไปและปรุงรสชาติด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลโดยให้มีรสเปรี้ยวนำ จากต้มส้มที่รสชาติละมุนละไม ถ้าเพิ่มความเผ็ดร้อนขึ้นมา เป็นแกงส้ม
          3. แกงส้ม แกงชนิดหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายแกงเผ็ด แต่ไม่มีการใส่เครื่องเทศและกะทิ เนื้อสัตว์ที่ใส่ลงไปจะช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับแกง นิยมใช้กุ้งแห้ง กุ้งสด หรือเนื้อปลาก็ได้ ถ้าเป็นกุ้งแห้งมักนิยมโขลกรวมกับเครื่องแกง หากเป็นกุ้งหรือเนื้อปลาสดจะนำไปต้มก่อนแล้วแกะเนื้อมาโขลกรวมกับเครื่องแกง รสชาติของแกงส้มจะมีความเข้มข้นกว่าต้มส้ม โดยมีรสเปรี้ยวนำตามด้วยรสเค็ม และรสหวานของผักสด ผักที่นิยมใส่ในแกงส้มเป็นผักพื้นบ้านที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น มะละกอ ดอกแค เป็นต้น

  
ที่มาภาพ   :  https://www.silpa-mag.com/from-the-fingertip/article_9604
                           4. แกงบวน  เป็นแกงที่รับวัฒนธรรมอาหารจากมอญ-เขมร ตั้งแต่สมัยทวารวดี ท่านผู้หญิงเปลี่ยนภาสกรวงศ์ เป็นผู้ที่กล่าวไว้ว่า “คนที่จะเป็นแม่ครัวได้จะต้องแกงบวนเป็น” แสดงให้เห็นถึงความพิเศษของการทำแกงบวน ซึ่งจะปรุงรสให้หวาน เค็ม ลักษณะของเครื่องแกงเหมือนกับแกงเผ็ดทั่วไปใช้เครื่องในหมูต้มผัดกับเครื่องแกงที่ประกอบด้วยหอมเผา กระเทียมเผา ข่า ตะไคร้ พริกไทย ต้มกับน้ำคั้นจากใบไม้ เช่น ใบมะตูม มะขวิด

  ที่มาภาพ  :   https://www.youtube.com/watch?v=4vF8pD7UU1g         
        5. แกงบอน เป็นแกงที่ต้องใช้ฝีมือเนื่องจาก ใบบอนเป็นพืชที่คัน แม่ครัวที่มีฝีมือเท่านั้นที่จะแกงบอนให้รับประทานได้โดยไม่คัน คนไทยโบราณมีเคล็ดว่า ขณะที่กำลังแกงหรือเตรียมแกง ห้ามพูดเรื่องคัน มิฉะนั้นเมื่อแกงเสร็จแล้วเวลารับประทานจะคันปาก แกงบอนจะเป็นแกงที่ทำด้วยปลาจึงมีกระชายเป็นส่วนประกอบ

  ที่มาภาพ   :  https://news.kapook.com/topics/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7          
              6.    แกงคั่ว เป็นแกงที่ใส่กะทิ เนื้อสัตว์ ที่เรียกว่าแกงคั่วก็เพราะต้องคั่วน้ำพริกแกงกับกะทิให้หอมเสียก่อน จึงใส่เนื้อสัตว์และผักโรยหน้าด้วยใบมะกรูดฉีกหรือหั่นฝอย แกงคั่วที่มีรสเปรี้ยวนำ เช่น แกงคั่วส้ม แกงคั่วมะระ

  ที่มาภาพ  :  https://www.thaistreetfood.net/food/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88-2/               
           7. แกงเผ็ด เป็นแกงที่มีเครื่องแกงคั่ว มาเพิ่มเติมเมล็ดผักชีและเมล็ดยี่หร่าคั่วลงไปโขลกกับเครื่องแกงจะได้เครื่องแกงเผ็ด ถ้าเป็นแกงเผ็ดเนื้อ จะนิยมใส่ลูกจันทร์ลงไปด้วย แต่ถ้าเป็นแกงเผ็ดปลา โดยเฉพาะปลาดุกจะเติมกระชายและถ้าเป็นแกงเผ็ดปลาไหลจะเติมเปราะหอมแห้งเป็นส่วนประกอบด้วย

             ที่มาภาพ  :  https://almocooking.com/2019/09/15/%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88/

            8.   แกงเขียวหวาน มีเครื่องแกงเป็นแกงเผ็ด แต่ใช้พริกสดสีเขียวแทนพริกแห้ง จะได้แกงชนิดใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า น้ำพริกแกงเขียวหวาน สีเขียวได้มาจากเนื้อพริก แต่ถ้าต้องการให้สีของแกงเขียวแต่ไม่เผ็ด จะใช้ใบพริกโขลกลงไปด้วยเพื่อเพิ่มสีเขียว เนื้อสัตว์ที่นิยมใส่ในแกงเขียวหวานอาจจะใช้ทั้งเนื้อไก่หรือเนื้อวัว


  ที่มาภาพ  :  https://xn--q3cp7eza.net/8/%E0%B8%9E%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9-%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%93/            
               9.   พะแนง เป็นแกงที่มีน้ำขลุกขลิกที่ใช้เครื่องแกงเหมือนแกงเผ็ด แต่เพิ่มถั่วลิสงคั่วป่นลงไป น้ำแกงมีลักษณะข้น ลักษณะของแกงที่ผสมถั่วนี้เป็นวัฒนธรรมอาหารของอินเดียตอนเหนือ ซึ่งไทยรับมาโดยดัดแปลงใส่กะทิแทนนมหรือนมเปรี้ยว พะแนงเป็นแกงที่ใส่เฉพาะเนื้อสัตว์ ไม่ใส่ผัก ต้องเคี่ยวให้เนื้อสัตว์เปื่อยก่อนจะโรยใบโหระพา

        ที่มาภาพ  :  https://craftlog.com/th/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3/ext-%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B9%88-fFQT             
               10. แกงมัสมั่น
ใช้เครื่องเทศเช่นเดียวกับแกงเผ็ด แกงมัสมั่นเป็นแกงที่มีการใช้เครื่องเทศจำนวนมาก แต่ไม่ใส่ผิวมะกรูด มีการเผาหอมและกระเทียม คั่วข่า ตะไคร้ รากผักชีก่อนนำไปโขลก ใส่เครื่องเทศที่คั่วให้หอมก่อนแล้วแยกโขลก ประกอบด้วย ลูกกระวาน ดอกจันทน์ อบเชย กานพลู จากนั้นจะนำมาผสมกับเครื่องแกงที่โขลกไว้เดิม
 
               จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่าแกงไทยมีหลากหลายรสชาติ หลายระดับความเผ็ดร้อน ขึ้นอยู่กับ ชนิดของเนื้อสัตว์ ชนิดและปริมาณผักที่ใช้ และที่สำคัญคือ ส่วนประกอบของเครื่องเทศที่จะทำให้เครื่องแกงแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน   ซึ่งแต่ละประเภทสามารถสรุปเครื่องพริกแกงได้ดังนี้



ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก เว็บไซต์   ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน 
ขุมทรัพย์ของแผ่นดิน. ม.ป.ป. ตำรับแกงไทย สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชูปถัมป์. สืบค้นเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2563, จาก   http://valuablebook2.tkpark.or.th/document_thaicurryrecipe.html?fbclid=IwAR0782WsCDCGbuJFS7iFvCUiCOKFJ8FhmLC1pcPIKdhy21qrixl5UWOXiNw

แสดงความคิดเห็น

>

1 ความคิดเห็น