Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เราเกิดมาเพื่ออะไรและทำไม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ผมถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่ผมนั้นรู้สึกว่าตัวผมว่างป่าว ไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร
และอย่างไร เมื่อผมรู้สึกอย่างนี้ผมก็จะกลับไปถามกับตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเราเกิดมาทำไม
แต่ก็เคยมีคนกล่าวไวหลายนว่า ไม่สำคัญหลอกว่าเราเกิดมาทำไม ที่สำคัญคือเราเกิดมาแล้ว
ถึงจะมีคนกล่าวไวแบบนั้นแต่ผมก็ยังอนถามกับตัวเองไม่ได้อยู่ดีว่าสุดท้ายแล้วเราเกิดมาทำไม
หลายๆ คนคงไม่ได้รู้สึกแบบนี้เพราะไม่ได้สนใจตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ว่าเกิดมาทำไม
 หรือเกิดมาแล้วควรทำอย่างไร แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกอย่างมันต้องมีจุดจบของมัน เราเกิดตั้งอยู่และก็
ดับไป คำนี้เทพอย่าง โอดินน์ได้กล่าวไว แม้แต่เทพพระเจ้าก็ไม่สามารถหนีความตายพ้น
แม้จะอายุถึง 5000 ปี ก็ตามทีแม้แต่เทพอย่างพวกเขายังต้องตาบแล้วอย่างพวกเราละ
จะไม่ต้องตายรึ ไม่แน่เราอาจไม่ต้องตายก็ได้ใครจะไปรู้กันละ นั้นมันก็เรื่องของอนาคต
แต่ปัจจุบันเวลาที่ส่งผลกับเรามากที่สุดก็คือ ปัจจุบัน
 ไม่ว่าอดีตหรืออนาคตมันส่งผลกับเราแค่ความคิด แต่ปัจจุบันถึงขั้นเป็นตาย

แสดงความคิดเห็น

>

15 ความคิดเห็น

yurinohanakotoba 10 ก.พ. 64 เวลา 11:59 น. 1

"ผมถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่ผมนั้นรู้สึกว่าตัวผมว่างป่าว"

"นายว่างป่าว"
"แล้วนายล่ะว่างป่าว"
2
doubleFish 10 ก.พ. 64 เวลา 12:54 น. 2

หาอะไรทำครับ จะได้ไม่คิดมาก ลองหาเรื่องสนุก ๆ ที่เราทำแล้วเพลินและมีประโยชน์ทำดูครับ ปัญหาเช่นนี้ไม่สมควรใช้เวลากับมันมากเกินไป เอาแค่นาน ๆ ทีได้คิดสงสัยพอให้เคลิ้ม ๆ ก็พอ

0
varunyanee 10 ก.พ. 64 เวลา 13:06 น. 4

เกิดมาชดใช้กรรมเก่า สร้างกรรมใหม่ จนกว่าจะไม่เหลืออะไรหรือ เหลือใครให้ชดใช้

หลักศาสนาพุทธ ถึงหาอะไรที่ทำให้โจทย์ที่ว่านี้หมดไป ...

นิพพาน เป็นคำตอบสุดท้าย

แต่ทางมันไกล ...ต้องอดทนและให้ความพยายามสูง

////อย่าลืมว่า มีคนที่เคยไปถึงนิพพานมาแล้ว

*** เป็นหลักการของศาสนา เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ไม่มีถูกผิด ไม่ต้องรีบเชื่อเราก็ได้

0
Menomy 10 ก.พ. 64 เวลา 15:12 น. 5-1

เห็นด้วยเลยนะ

ยกเว้น "ยิ่งรู้ยิ่งทุกข์โศก"


เราคิดว่า ยิ่งรู้ ยิ่งเข้าใกล้ ความหลุดพ้นจาก ทุกข์โศก

(รู้ ที่ว่านั้น คือ รู้ในธรรม รู้ในความจริงอันประเสริฐ)

แต่ตอนแรกที่รู้ว่าทุกอย่างเป็นแค่การ "วิ่งไล่ตามลม"

มันก็ทรมานมากทีเดียว

แต่อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าเราไปผิดทางมาตลอด

จะได้ไม่ต้องไปเปลืองแรงวิ่งตามลมอีก x)


//อ่อ...มีข้อ 11 สองรอบนะคุณ :P

0
Writer level 1 10 ก.พ. 64 เวลา 13:57 น. 6

เกิดมาเพราะยังมีความต้องการ คนที่เลือกใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็เพื่อหาความสุข (เลือกทางโลก)

ถ้า จขกท ไม่เจออะไรที่เป็นความสุขในโลกนี้ก็กลับไปที่ที่จากมาดีกว่าครับ บวชแล้วก็นิพพาน

0
หยิบสิ 10 ก.พ. 64 เวลา 15:50 น. 8

เราเกิดมาเพื่ออะไรทำไม?

ในเพลง 'ก่อนตาย' ของบิ๊กแอสได้กล่าวไว้ว่า... เราทุกคนก็คงรู้วันเกิด แต่มีสักกี่คนที่รู้วันตายก่อนทุกอย่างของฉันจะสายเกินไป แม้อะไรดีดีมีไม่เท่าไหร่แต่จะขอใช้สักวัน


และในท่อนฮุกกล่าวไว้ว่า.... ยินดีให้เธอรับไป ภูมิใจให้เธอรับฟัง ได้เกิดมาหนึ่งครั้งฉันยังได้ทำในสิ่งนี้ ถ้าหากพรุ่งนี้ฉันตายก็คงจะไม่เสียที ชีวิตฉันถึงมันไม่ค่อยรักดี วันนี้ฉันยังได้รักเธอ


ถึงแม้จะทำไปแล้ว.. จะผิดหวัง แต่ในเพลง 'อย่างน้อย ของวงบิ๊กแอสวงเดียวกัน ก็กล่าวไว้ว่า...

อย่างน้อยฉันเคยได้รักเธอ รักด้วยการไม่หวังอะไร ก็รู้ฉันเองก็ยังไม่ใช่ ไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น อย่างน้อยฉันได้เรียนรู้ ได้เข้าใจ ทุกนาทีที่ฉันมีเธอ รักคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ และมีความหมายมากมายจริงๆ


เราเกิดมาเพื่ออะไรทำไม? สำหรับเรา..เราคิดว่า เราเกิดมาเพื่อทำอะไรบางอย่าง 'ก่อนตาย' ที่จะไม่รู้สึกเสียดายที่หลัง เพราะว่า 'อย่างน้อย' เราก็ได้ทำมัน


ซึ่งบางอย่างนั้นก็คือ การเป็น 'นักเขียน' นี่แหละ ที่เป็นไปตามเพลง'อย่างน้อย' ที่ท่อนหนึ่งว่าไว้ว่า อาจจะเหนื่อยบางครั้ง อาจจะเจ็บบางที แต่ก็ยิ้มได้เรื่อยมา อาจจะต้องผิดหวัง ก็ไม่เป็นไร


เพราะทุกนาทีที่ได้ทำมัน การเขียนคือความสุขที่ยิ่งใหญ่ และมีความหมายมากมายจริงๆ :)


หาอะไรทำเถอะ


0
New Member 01 10 ก.พ. 64 เวลา 16:41 น. 9

ถ้าแนวพุทธ

ลองไปเรียนพระอภิธรรมดูค่ะ จะพบว่ามันลึกซึ้งมาก

เราไม่ได้ถ่องแท้นะคะ ท่านว่าชั่วขณะจิตของคนเราเร็วมาก

ปัจจุบันขณะจิตของเราเร็วมากเช่นกัน

ทุกชั่วขณะจิตของเราก่อเกิดภพชาติมากมาย

อาจจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น ทำไมจึงเกิด

คำว่าเกิดในที่นี้ ถ้าเราตายไป คือเราไปเกิดในภพภูมิอื่น

เราไม่ได้หายไป เกิดเป็นคน ตายจากความเป็นคน

เกิดเป็นผี ตายจากความเป็นผี เกิดเป็นเทวดา ตายจากความเป็นเทวดา

เค้าเลยเรียกว่า เวียนว่ายตายเกิด ลองไปหาเรียนดูอ่ะค่ะ มันลึกจนเราซึ้งเลย

2
New Member 01 10 ก.พ. 64 เวลา 21:39 น. 9-2

อยากให้ไปลงเรียนดู พระพุทธเจ้าท่านแบ่งประเภทจิตเป็น 9 แยกย่อยเป็น 89 แบบพิศดารอีก 121 ที่เค้าว่าชั่วดีดนิ้วมือ จิตเราเกิดดับไปแล้วแสนขณะจิต เกิดแล้วดับ ทุกอย่างไวมาก 


ดวงจิตเป็นสสารชนิดหนึ่ง คงอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์ ร่างกายเราเป็นเพียงภาชนะรองรับ รอวันสสารนี้คืนสู่ธรรมเช่นเดิม ไหลวนไม่จบไม่สิ้น เราเพียงเปลี่ยนรูปแบบไปตามผลแห่งจิตที่พระพุทธเจ้าท่านอธิบายไว้ ว่าจิตแต่ละอย่างให้ผลกับสสารเช่นเราอย่างไร ในภพภูมิต่างๆ


พอฟังอย่างงี้ เราที่ยังไม่สามารถตรัสรู้จะเกิดวิจิกิจฉา คือลังเลสงสัย แล้วยังไง ไม่มาเกิดไม่ต้องมาดับอีก อันนี้ยากเกินเราปุถุชนจะเข้าใจละ ต้องแบบที่พระท่านเรียก ดวงตาเห็นธรรม อันนี้เกินจะอธิบาย อ่านหนังสือมากมายก็ไม่เข้าใจนะ ท่านบอกมันรู้ได้เฉพาะตน


ตอนไปเรียน ชอบมาก ยากฉิบหาย ยังกะหนังไซไฟเรื่องนึงเลย สมองท่านคิดได้ไงวะ ลองไปเรียนดู สนุกสนาน ได้กินข้าวพระอาจารย์บินมาด้วย เมามันส์

0
หมาน้อย 10 ก.พ. 64 เวลา 22:27 น. 10

มันไม่มีเหตุผลตั้งแต่แรกครับ เป็นสาเหตุที่มีคนเขาบอกว่ามนุษย์หลงตัวเอง ชอบคิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลก ถึงเราจะคิดว่าเราไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่การที่คิดว่าเราเกิดมทำไม มีเหตุผลอะไรไหม นั่นคือการคิดหาเหตุผลให้ตัวเองว่า ตัวเราหรือมนุษย์มีอะไรพิเศษ มีเหตุผลที่เกิดมา แต่ความจริงเราเป็นแค่ฝุ่นผงในจักวาล แต่ไม่จำเป็นต้องคิดมากเรื่องนั้นหรอก ฝุ่นผงก็มีชิวัตของมันเอง คุณก็คือคุณไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น แค่คุณเท่านั้นครับ

0
White Frangipani 11 ก.พ. 64 เวลา 00:06 น. 11


เราเกิดมาเพื่ออะไรและทำไม


สวัสดีค่ะ


ช่วยตอบให้คุณจากหัวข้อนะคะ

(เป็นคำตอบจากส่วนบุคคลด้วยนะคะ)


เราเกิดมาเพื่ออะไรและทำไม


ก่อนอื่นอยากถามคุณว่า...เพราะอะไรคุณจึงมีความสงสัย หรือเกิดความสงสัยในเหตุดังกล่าวคะ?


หากคุณตอบได้ว่าเพราะอะไรคุณจึงสงสัย?


ก็ง่ายที่จะหาคำตอบค่ะ


ซึ่งจริงแล้วโจทย์ที่คุณถามมานี้ เป็นคำถามซึ่งจะต้องมีคำตอบเป็นนิยามนะคะ


นิยาม คือ

นิยาม

(มค. นิยาม) น. การกำหนด, ทาง, อย่าง, แบบ. ก. จำกัดความ.


คือเป็นความเชื่อ หรือการลงความเห็นต่อเหตุต่างๆ นั้น เป็นส่วนบุคคล ของแต่ละคนไปด้วยนะคะ


เพราะฉนั้น แน่นอนว่า คำตอบที่คุณจะได้จากคนอื่นๆ จากโจทย์ของคุณนี้ ก็จะเป็นคำตอบที่แตกต่างกันออกไป ตามความเชื่อ ของทุกๆ คนไป นั้น ก็จะเกิดขึ้นได้ เป็นความจริงด้วยค่ะ


ผมถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่ผมนั้นรู้สึกว่าตัวผมว่างป่าว ไม่รู้สึกอะไร ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไร และอย่างไร เมื่อผมรู้สึกอย่างนี้ผมก็จะกลับไปถามกับตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเราเกิดมาทำไม


ตอบให้คุณอีกครั้งค่ะ ว่า หาคำตอบให้ตัวคุณเองก่อนนะคะว่า เพราะอะไรคุณจึงอยากรู้ว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร?


และทำไม จึงต้องมีอันเกิดมา?



ยํ้านะคะ


คือหากเมื่อคุณรู้ได้ว่า เพราะอะไร คุณจึงอยากรู้ ?


และ เมื่อคุณรู้ได้เมื่อไร ว่าเพราะอะไรคุณจึงอยากรู้...วันนั้น คุณก็จะมีคำตอบให้กับตัวคุณเองค่ะ


เพราะโจทย์ที่คุณถามนี้ จริงแล้วนะ คำตอบจากคำถามดังกล่าวนี้ มีอยุู่แล้วในตัวโจทย์ค่ะ จริงแล้วเป็นสิ่งเดียวกันค่ะ


เพียงแต่แก่นสาร(เหตุ ปัจจัยที่คุณจะรู้ได้) เพียงแต่มันอยู่กันคนละด้าน เท่านั้นเองค่ะ


หากอยากรู้ คุณก็หาคำตอบเล่นๆ นะคะว่า เพราะอะไรคุณจึงอยากรู้คำตอบ จากคำถาม ที่คุณถามมานี้ค่ะ


หากพบแล้ว คุณอาจจะมีคำตอบเป็นของคุณเอง โดยที่ไม่เหมือนใคร ก็เป็นได้ค่ะ


แต่ก็เคยมีคนกล่าวไวหลายนว่า ไม่สำคัญหลอกว่าเราเกิดมาทำไม


จริงแล้วนะ คำตอบ จากข้อความที่คุณถามเข้ามานี้ จะมีความสำคัญมาก จาก หรือ ต่อเจ้าของคำตอบเองเสมอ และสำคัญอย่างยิ่งยวดด้วยค่ะ


แต่ต้องไม่ลืมนะคะ ว่า คำตอบนั้นๆ มีความแตกต่างกัน...ได้เสมอ อย่างแน่นอนค่ะ


เพราะทุกคำตอบของทุกๆ คนนั้น ก็จะหนีไม่พ้น...การนิยาม...จากความรู้สึกนึกคิดของแต่ละคนไป นั้นก็เป็นความจริงค่ะ


คุณลองหาคำตอบ ก่อนนะคะว่า...เพราะอะไรคุณจึงอยากรู้ว่า เราเกิดมาเพื่ออะไรและทำไม ?


เมื่อไร คุณได้คำตอบ


คุณก็จะรู้ได้ทันทีว่า คุณเกิดมาเพื่ออะไร และ ทำไม ? ค่ะ


เข้าใจว่าคุณสับสน แต่การคิดเล่นๆ ก็สนุกดีนะคะ

(การคิดเล่นๆ สนุกๆ ได้ใช้พลังสมอง และพลังสติปัญญา เพื่อการที่จะรู้ได้ แม้จะเกิดเป็นนิยาม หรือเป็นความเชื่อ ในส่วนบุคคลก็ตามทีค่ะ)


เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


3
White Frangipani 11 ก.พ. 64 เวลา 05:53 น. 11-2

สวัสดีค่ะ


คุณคิดถึงผิดคนแน่ๆ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-10.png


จริงแล้วคนนี้คือ ลีลาวดี นะคะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

เห็นคุณเมื่อครั้งสุดท้ายนั้น...เมื่อนานมาแล้ว จริงด้วยสิ

(คิดถึงสมาชิกเก่่าๆ ทุกๆ คนด้วยเช่นกันค่ะ)


คุณสบายดีนะคะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png



0
thii-8 11 ก.พ. 64 เวลา 05:20 น. 12

เกิดมาทำไม…ไม่รู้สิ ไม่ใส่ใจกับอดีต สนใจแค่ปัจจุบันกับก้าวต่อไป และไหนๆก็อุตส่าห์เกิดมาทั้งทีก็ขอทำชีวิตให้มันมีความหมายด้วยการยอมหัก…ไม่ยอมงอ ถ้ามันจะทำให้เกิดความถูกต้องต่อสังคม อยากเห็นโลกเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นสักนิดนึง…ก่อนจะตาย

0
... 11 ก.พ. 64 เวลา 17:09 น. 13

สำหรับคำถามว่าเกิดมาทำไม ?


คำตอบนี้คือ "คุณและทุกคนๆทุกๆสิ่งในโลกไม่มีวันตายจริงๆ มีแต่แปรสภาพจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่งเท่านั้น" ดังนั้นคำตอบนี่จึงไร้สาระ เพราะฉะนั้นทางที่เลือกคือต้องอยู่หรือจะเกิด แบบไหนให้มีความสุข สบาย และไม่มีทุกข์ หรือหากจะเลือกไม่เกิดต้องทำแบบไหน


ส่วนคำว่าเกิดขึ้น/ตั้งอยู่และดับไปนั้น ใช้กับสรรพสิ่งที่แปรแปลี่ยนได้ไม่สามารถคงตัวได้ แม้กระทั่งจิต ก็ไม่สามารถคงตัวเองไว้ได้ เช่นหากคุณระลึกชาติได้หรือหากไม่ได้แต่ความจำดีคุณจะจำได้ว่า "พอคุณรู้ตัวอีกทีมันก็มาอยู่ที่นี่แล้ว" หรือหากคนที่สติดีจะรู้ว่ามันเกิดสภาวะ/อาการ "ไม่รู้"(อวิชชา) มาก่อนจึงจะเกิดเช่นดับ/หลับ(แต่หลับบางคนจะมีสติได่้เช่นฝัน) ดังนั้นแม้เทพเจ้าจะมีจริงก็มีกาย(ทิพย์/กายละเอียดปรมณูหรือจิตที่ละเอียดกว่า)อะไรที่เป็นกาย/รูปจะสูญสลายไปตามกาลเวลา อะไรที่เป็นอรูป/สสาร ก็เปลี่ยนแปลงสภาวะ/สภาพ ได้ตามกาลเวลาเช่นกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยดับสลายไปไหนคือ "ญาณ"(หยั่งรู้/สภาวะที่รู้เช่นลมพัดมาเฉยๆคือโดนตัวเราจะรู้หากบางคนสติไม่ดีจะรู้ต่อเมื่อลมโดนตัวแล้วหรือแย่กว่าคือไม่รู้สึกถึงลมเลยเช่นเวลาเล่นเกมเป็นต้น)แต่รู้/ญาณสามารถโดนบังได้ด้วยอวิชชา/ไม่รู้หรือโดนบังด้วยการเพ่งหรือโดนบังด้วยการจิต/อารมณ์ของจิตหรือจะโดนบังด้วยความคิด


ส่วนที่จขกท บอกว่า ปัจจุบันส่งผลต่อเราที่สุดนั้นใช่ "แต่คุณไม่ใช่ปัจจุบันและคนเกือบ 95% บนโลกไม่เคยมีปัจจุบันจริงๆ" เพราะปัจจุบันที่แท้จริงต้องพ้นความคิด พ้นอารมณ์ และพ้นจากตนทั้งหมด เพราะอารมณ์ทำให้เกิดกาลเวลา เช่นอารมณ์ดีเวลาผ่านไปเร็ว หรืออารมณ์ว่างหากไร้สติเราจะพบว่าเรารู้สึกว่าเวลายิ่งผ่านไปเร็วยิ่งขึ้นแบบไม่รู้ตัวเลยแต่หากเราทุกข์ความรู้สึกว่าเวลาจะผ่านไปช้า


ดังนั้นผู้ที่จะ "เป็นและอยู่กับปัจจุบันขณะได้โดยแท้จริงนั้น ต้องเป็นคนแบบไหนหรือต้องมีสติขนาดไหนถึงจะทำได้หากทำได้อีกไม่กี่ก้าวคือใกล้เข้าถึงนิพพานแล้วและที่สำคัญคือยิ่งเข้าใกล้ความจริงยิ่งต้องสุขมากขึ้นเพราะอารมณที่ทุกข์ผู้ที่ฝึกปฏิบัติธรรมมาดีจะไม่เอาและลดลงเสีย ไม่อย่างงั้นทำไมพระอริยะสมัยพุทธกาลเป็นถึงเจ้าชาย พระราชา หรือแม้กระทั่งผู้ที่มีแต่ความสุขอยู่แล้วกลับไปบวชแทนเพราะเขา "เจอความสุขที่ยิ่งกว่า" ในพระไตรปิฏกยังพูดไว้ว่ามีพระองค์นึงไม่อาจฝึกได้เพราะมัวแต่คิดถึงสาวสวยที่รออยู่บ้านพระพุทธเจ้าท่านเลยพาไปเจอนางอัปสรซะเลยพระท่านนี้เลยเลิกคิดถึงสาวแถวบ้านเร่งความเพียรเพื่อจะได้ฝึกจนมีอภิญญาไปจีบนางอัปสรเสีย แต่พอท่านนี้บรรลุแล้วนางอัปสรก็ไม่เอาแล้วเพราะสุขที่ได้รับมันยิ่งกว่าเป็นสุขที่ในโลกไม่อาจเทียบได้ แต่เป็นสุขที่พ้นจากตน(ความรู้สึกตัว)และอารมณ์(ความรู้สึกของจิต) ตัวอย่างเช่นหากเรามีความสุขจะรุ้สึกตัวเบาตัวลอย แต่สุขของพระพุทธเจ้าต้องพ้นจากความเป็นตนและไปด้วยสติเท่านั้น(เอกายมัคโค/ทางสายเอกทางสายเดียวเท่านั้น)

0
ตะวัน อัศวิน 11 ก.พ. 64 เวลา 22:00 น. 14

ก่อนอื่นผมขอเป็นกำลังใจให้นะครับถ้าคุณรู้สึกสับสนหรือว้าเหว่กับชีวิต ลองทำกิจกรรมคลายสมอง เช่น ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ฯลฯ หรือไม่ก็ไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ๆ


แต่เท่าที่ผมอ่านมานี่มันให้ความรู้สึกเป็นบทกวีสะท้อนชีวิต/ความรู้สึก ซึ่งเมื่อได้เห็นแฮ็ชแท็ก #ช่วยวิจารณ์ที ก็เลยคิดว่าต้องใช่แน่ ๆ ดังนั้นผมจึงขอทำตามนั้นนะครับ


ผมเข้าใจเนื้อความของบทกวีนะครับ แต่เอาเข้าจริง ๆ มันไม่ค่อย make sense เท่าไหร่ เหมือนกับได้อ่านคำคมที่พยายามจะสื่อความหมายที่หนักแน่น หากแต่ว่างเปล่าในเรื่องหลักการทางความเชื่อที่สอดคล้อง

คุณอ้างถึงเทพเจ้า/โอดินซึ่งผมก็พอจะเข้าใจ แต่ผมเชื่อว่าผู้อ่านส่วนใหญ่ไม่อิน เพราะว่าทฤษฎีของเทพปรณัมนอร์สไม่ได้มีบทบาทอะไรในชีวิตประจำวันของมนุษย์ในปัจจุบันเลย แตกต่างจากกลุ่มศาสนาหลัก ๆ หรือวิทยาการซึ่งมีบทบาททางสังคมที่ชัดเจน ดังนั้นบทกวีสะท้อนชีวิตนี้จึงไม่ให้ความรู้สึกเรียลเท่าไหร่ ดูเป็นนิยายเกินไป


ถ้าถามว่าเราเกิดมาทำไม/เพื่ออะไร มันก็มีคำตอบมากมายให้เราเลือกที่จะเชื่อครับ ไม่มีสิ่งไหนผิดถูกเพราะมันตั้งอยู่ในเรื่องความเชื่อ คุณอาจเชื่อวิทยาศาสตร์ เชื่อในศาสนาหรือไม่เชื่ออะไรเลย แต่สำหรับบางคนก็เชื่อเรื่องความบังเอิญ (ซึ่งผมไม่เชื่อ เพราะไม่มีอะไรบังเอิญเกิดมาได้สวยงามและน่าเศร้าได้มากขนาดนี้)


แต่ถ้าว่ากันตามหลักของศาสนาคริสต์ที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่ง คุณจะรู้ความหมายของสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่อ่านพระคัมภีร์บทแรกเลยซึ่งก็คือบทปฐมกาล ทั้งต้นกำเนิด​ของ​โลก​และ​ของ​มนุษยชาติ การ​เนรมิต​สร้าง​และ​การ​ตกใน​บาป และพระประสงค์ขององค์พระบิดา ซึ่งผมจะไม่ขอกล่าวถึงเนื้อหาภายในหนังสือ


เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากเขียนอะไรแนวนี้และอยากถ่ายทอดออกมาจริง ๆ ผมว่าคุณต้องอ่านเยอะ ๆ ครับ โดยเฉพาะอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องความเชื่อ เพื่อให้คุณเข้าใจมุมมองชีวิตได้หลากหลาย

0
นิก 2 ต.ค. 64 เวลา 17:04 น. 15

เพื่อชดใช้กรรม อยู่เพื่อสร้างกุศลความดี เเละ ต้องจากไป เหมือนเดิม มันคือธรรมะ ธรรมชาติ!!!

0