กระทู้รีวิวแพทย์แม่ฟ้าหลวงชั้นพรีคลินิค By นศพ.ปี3 ที่กำลังจะขึ้นคลินิค
ตั้งกระทู้ใหม่
ก่อนอื่นเลย เล่าก่อนว่าเราเป็นเด็กซิ่วปี 60ค่ะ พอต้องตัดสินใจซิ่วเราตัดสินใจเลือกแม่ฟ้าหลวงเป็น 1 ใน 4 อันดับ กสพท เพราะคิดว่าคะแนนเราน่าจะถึงแะเหมาะสมกับที่นี่ค่ะ ซึ่งพอได้ลองหาข้อมูลแล้ว เราก็พบว่าที่นี่เหมาะกับเราในหลายๆอย่างเลยค่ะ ทุกวันนี้พอมานึกเราก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่เลือกที่นี่นะคะ
เลยอยากจะมารีวิวประสบการณ์การอยู่แพทย์ มฟล มาสามปีให้น้องๆหรือคนที่กำลังตัดสินใจฟัง เผื่อจะสนใจแพทย์ที่นี่เพิ่มขึ้นค่ะ อันนี้ก็จะรีวิวในแบบที่พี่เรียนมานะคะซึ่งแอบทราบมาว่ามีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรในปีนี้แล้วพอสมควร
>>> มาเริ่มที่ชั้นปีที่ 1 กันค่ะ<<<
>>> ชั้นปี 1 เราจะเรียนวิชา Gen-ed เรียกง่ายๆคือเรียนวิชาทั่วๆไปที่เป็นวิชาที่เราจะเรียนเหมือนๆกับนักศึกษาสำนักวิชาอื่นของมหาวิทยาลัยค่ะ ( ต้องแอบกระซิบกันก่อนว่าที่นี่ เราเรียกคณะว่า สำนักวิชานะคะ ซึ่งจะมีทั้งหมด 14 สำนักวิชา สำหรับคณะแพทย์ที่นี่ เราจะเรียกกันว่า สำนักวิชาแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงค่ะ)
ปีนี่จะเป็นปีแรกและปีเดียวที่เราจะได้เรียนร่วมกับนักศึกษาจากสำนักวิชาอื่นๆค่ะ ใครอยากมีเพื่อนหรือรู้จักสำนักวิชาอื่นๆ นี่เป็นโอกาสแล้วค่ะน้องๆ55555 ก่อนที่เราจะได้เข้าเรียนวิชาสำนักที่มีแค่เพื่อนร่วมรุ่นเรา เห็นหน้ากันแค่ 32 คนค่ะ (เรียกได้ว่าเห็นหน้ากันจนเบื่อไปเลยทีเดียว)
ปีนี้เราจะเรียนพวก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ กับอาจารย์จากสำนักวิทยาศาสตร์ค่ะ เรียกได้ว่าอาศัยกินบุญเก่าช่วงเราสอบเข้ามาเลย55555 วิชาพวกนี้ก็จะเรียกว่าเป็น Gen Phy, Gen chem, Cell bio อะไรประมาณนี้นะคะ แล้วเราก็ยังจะได้เรียนพวกวิชานกลุ่มไอที กลุ่มสังคมศาสตร์ กลุ่มกฎหมายบ้าง เล็กๆน้อยๆพอหอมปากหอมคอ ปีนี้เป็นปีที่ชิวที่สุดในสามปีของชั้นพรีคลินิคแล้วค่ะ อยากทำอะไรรีบทำเลย ก่อนที่เราจะเสียอิสระไปในช่วงปี 2 จ้า555555
ปล.ในส่วนของการดูแลนักศึกษา อาจารย์ที่นี่ให้ความเอาใจใส่เรามากๆ เรียกได้ว่าถ้ามีปัญหา เราสามารถที่จะสบายใจที่จะคุยกับอาจารย์เราได้เลยจริงๆ อาจจะเพราะว่าที่นี่เรามีจำนวนนักศึกษาน้อยด้วยอะไรด้วย การเข้าถึงหรือดูแลเลยค่อนข้างจะใกล้ชิดและทั่วถึงมากๆ
>>>ชั้นปีที่ 2<<<
ในปีนี้เป็นไฮไลท์เลยสำหรับชั้นพรีคลินิค ปีนี้เราจะเริ่มเข้าสู่การเรียนวิชาแพทย์ในขั้นแรกๆ เราจะมีโอกาสได้เจอเพื่อนๆสำนักวิชาอื่นๆน้อยลง เราจะเห็นหน้ากันแค่เพื่อนๆในรุ่นเรานี่แหละ ก็วิชาเด็ดๆตามที่น้องๆเองก็คงจะเคยได้ศึกษามาบ้างแล้วสำหรับการเรียนแพทย์ นั่นก็คือออออ "กายวิภาคศาสตร์" หรือวิชา Gross Anatomy นี่แหละ จริงๆมันจะมีวิชา "สรีรวิทยา " หรือ Physiology ที่เราจะต้องเรียนควบคู่กันไปด้วยอีกตัวหนึ่ง ทั้งสองตัวนี้เราก็เรียนในสภาวะ Normal ของร่างกายเป็นพื้นฐานกันไปก่อนที่จะไปเรียนแบบ bnormal หรือผิดปกติในปีสาม ซึ่งในส่วนของกายวิภาคศาสตร์ เราจะเรียนถึงว่าร่างกายของเรามีโครงสร้างอย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง มีกล้ามเนื้อเท่าไหร่ มีอะไรบ้าง มีเส้นประสาทกี่เส้น ซึ่งเราจะเรียนแบบนี้ในทุกๆระบบของร่างกายเลย เรียกได้ว่า จำกันไม่หวาดไม่ไหว และอีก 1 ไฮไลต์ในการเรียนกายวิภาคศาสตร์นี้คือการเรียน Gross คือการผ่าอาจารย์ใหญ่นั่นเอง ในส่วนนี้ก็สนุกสนานมากเลยทีเดียว คงต้องให้น้องๆได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง หลายๆคนก็คงจะถามพี่ว่า น่ากลัวไหม ก็ต้องขอตอบเลยว่า ไม่น่ากลัวเลย นศพ.ทุกคนจะรู้สึกว่าอาจารย์ใหญ่เป็นผู้ที่เสียสละร่างกาย อุทิศร่างกายของตัวเองมาให้นศพ ได้เรียนรู้เพื่อที่จะสามารถมีความรู้ ความเข้าใจในการไปใช้ประกอบอาชีพ เป็นหมอที่ดีในอนาคต นศพ ทุกๆคนจึงรู้สึกไม่กลัว และยังมีความเคารพอาจารย์ใหญ่มากๆเลยล่ะค่ะ นอกเหนือไปจากการเรียน Gross anatomy เพื่อรู้โครงสร้างของร่างกายมนุษย์แล้ว เรายังต้องเรียน Physiology หรือวิชาสรีรวิทยา ซึ่งก็คือการศึกษาว่าร่างกายมีกลไกอย่างไร ทำงานอย่างไร ควบคู่กันไปด้วย เรียกได้ว่าเป็นการเรียนที่หนักและค่อนข้างเข้มข้นมากๆสำหรับนศพ ปี 2 มาถึงตรงนี้คงจะมีคนสงสัยแล้วว่าแล้วเรายังทำกิจกรรมได้มั้ย ดูท่าทางการเรียนจะหนักมากๆ เรายังไปทำอย่างอื่นได้มั้ย พี่ก็ขอตอบเลยค่ะว่าโอกาสในการทำกิจกรรมยังเปิดกว้างเสมอสำหรับทุกๆคนที่สนใจ ในปีนี้น้องๆจะได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งในทีมงานของสโมสรนักศึกษาในการวางแผนและดำเนินการจัดกิจกรรมให้กับน้องๆชั้นปีที่ 1 (เหมือนที่เราได้ผ่านการเข้าร่วมมาแล้วในชั้นปีที่ 1 นั่นเอง) คำถามต่อๆมาคือถ้าเราเข้าไปทำแล้วเราจะได้ทำงานกับใครบ้าง คำตอบก็คือ เราจะมีพี่ๆชั้นปีที่ 3 ที่จะมาดูแลและให้คำปรึกษา แชร์ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับน้องๆ รวมไปถึงมีอาจารย์ที่ปรึกษาของสโมสรนักศึกษาในการให้คำปรึกษาในทุกๆขั้นตอนไปด้วยกันนี่แหละค่ะ จริงๆน้องๆอาจจะคิดว่าเรียนก็เหนื่อยแล้วยังมาทำงานทำกิจกรรมอีก เราจะไหวมั้ย ถ้าถามประสบการณ์พี่ก็คือ ไหวค่ะ ไหวแน่5555 แต่ก็สะบักสะบอมทีเดียว แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะคะ การทำกิจกรรมให้อะไรเยอะมากๆเลย ยิ่งเมื่อเราเจอการเรียนที่หนักแล้ว บางทีเราอาจจะเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทำอะไรนอกเหนือจากการเรียนอย่างเดียวก็ได้ แต่ก็ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นกับการวางแผน แบ่งเวลาของเราเป็นหลักค่ะ ถ้าเราแบ่งเวลาได้ดี ปัญหาก็จะยิ่งเบาบางลง ยิ่งไปกว่านั้นเลยคือในส่วนของการดูแลนักศึกษาโดยอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์จะดูแลเราอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เรียกได้ว่าปี 1 เข้มข้น ใกล้ชิดยังไง ปีนี้เข้มข้นมากกว่าเดิมแน่นอน ถ้าเรามีปัญหาอะไรไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องเรียน หรือกิจกรรม เราสามารถเข้าปรึกษาอาจารย์ได้เลยจริงๆ
>>ต่อในคอมเม้นนะคะ>
6 ความคิดเห็น
>>> ชั้นปีที่สาม<<<
ปีนี้เราจะได้เรียนกับอาจารย์หมอแล้ว ปีนี้อย่างที่พี่บอกไปว่า เราจะได้เรียนในส่วนของสภาวะร่างกายที่ผิดปกติ หรือเป็นโรค รวมไปถึงการดูแลรักษาเบื้องต้น เช่น การใช้ยาหรือกลไกยาบ้างเล็กๆน้อยๆ (จริงๆก็ไม่เล็กน้อยอ่ะเนาะ555555) ซึ่งก็เป็นการต่อยอดมาจากสภาวะปกติที่เราเรียนมาในชั้นปี 2 และอีก 1 ไฮไลต์สำคัญในปีนี้คือ เราจะมีการสอบ NL หรือ National License 1 ซึ่งคือการสอบใบประกอบโรคศิลป์ขั้นที่ 1 นั่นเองงงงง
นอกจากเรียนของสำนักวิชาแล้ว เราก็ยังต้องเตรียมตัววางแผนอ่าหนังสือทบทวนเพื่อไปสอบ NL ด้วย ซึ่งส่วนนี้พี่เองก็ต้องบอกว่าการเตรียมตัวที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วค่ะน้องๆ
ในปีนี้จะมีวิชาไฮไลท์ของปี3 เลยคือ Pathology หรือที่เรามักเรียกกันว่า พาโถซึ่งเป็นการเรียนเกี่ยวกับกระบวนการที่ทำให้เกิดความผิดปกติหรือกระบวนการที่ทำให้เป็นโรคด้วย น้องอาจจะสงสัยว่าถ้าเทียบกับปี 2 เรียกว่าหนักมั้ย พี่ว่าเรียกว่าหนักไปคนละแบบดีกว่า แต่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้แน่ๆก็คือการจำค่ะน้อง วิชาพาโถก็ยังต้องเข้าใจและจำอย่างแหลกลาญต่อไป (ก็แน่ล่ะสิเนาะ วิชาชั้นพรีคลินิค เราเรียนก็เพื่อเป็นพื้นฐานนำความรู้ไปใช้ดูแลคนไข้ในชั้นคลินิคต่อไปนี่นา) แต่ว่าปีนี้ส่วนใหญ่ทุกคนจะเริ่มปรับตัวกันได้แล้ว เราก็อาจจะรู้สึกว่ามันไม่ได้หนักหนาเท่าปีที่2 เท่าไหร่ นอกจากวิชาพาโถแล้ว เรายังจะได้เรียน Microbiology หรือที่ปีสามชอบเรียกกันว่า micro ซึ่งเป็นวิชาที่ต้องอาศัยการท่องจำสุดๆ วิชานี้เราเรียนกันในส่วนของเชื้อโรคหรือสิ่งมีชีวิตที่ก่อโรคให้เราได้ ก็จะมีทั้ง เชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส หรือโปรโตซัวและ พยาธิ เรียกได้ว่าปี 2 ว่าจำเยอะแล้ว ตอนนี้ขอระเบิดตัวเองเลยดีกว่า 555555 แต่ว่าทั้งนี้การเรียนวิชานี้ก็จะมีความเชื่อมโยงไปทั้งกับวิชาที่เราจะเรียนโรคติดเชื้อ และ ยังมีความเชื่อมโยงกับวิชาพาโถที่พี่กล่าวไปก่อนหน้านี้อีกต่างหาก รวมไปถึงยังมีผลไปยังการเรียนในระบบต่างๆของร่างกายอีกด้วย เรียกได้ว่าใครชอบวิชานี้ถือว่าได้เปรียบสุดไปเลย ในส่วนของการทำกิจกรรมปีนี้ ปี3 ก็ยังสามารถทำกิจกรรมได้นะคะสำหรับน้องๆที่ชอบทำกิจกรรม แต่เราก็จะลดบทบาทลงเป็นที่ปรึกษาของน้องๆชั้นปีที่ 2 อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆเป็นหลัก ยกเว้นแต่ว่าน้องๆอยากจะทำเต็มรูปแบบก็จะมีในส่วนของตำแหน่งนายกสโมสรนักศึกษา หรืออุปนายกฝ่ายนอก ( ไว้ติดต่อสื่อสารกับคณะแพทย์อื่นๆ) ที่จะยังเป็นหน้าที่ของปี 3 อยู่ และก็ยังมีส่วนของปี3 ที่อยากดูแลน้องๆอย่างใกล้ชิด เราก็ยังสามารถลงทำงานเป็นคณะกรรมการสโมสรนักศึกษาได้ค่ะ แต่อย่างที่พี่บอกไปว่า พอยิ่งปีสูงขึ้นอะไรๆมันก็จะหนักขึ้น การแบ่งเวลายิ่งสำคัญมากๆเลย ในส่วนสุดท้ายที่พี่อยากจะมาแชร์ให้น้องๆฟังก็คือ ที่นี่จะมีความโดดเด่นในแง่มุมของเวชาศาสตร์ชุมชนค่ะ เราจะได้มีโอกาสลงชุมชน สัมผัสชุมชนตั้งแต่ชั้นปีแรกๆ และได้ลงชุมชนในทุกๆปีค่ะ อาจจะเรียกได้ว่า เป็นส่วนของรายวิชาที่มาผ่อนคลายเราลงบ้างหลังจากการเรียนอย่างดุเดือดและเข้มข้นในวิชาต่างๆ
ในส่วนของการสอบในชั้นพรีคลินิกเราจะสอบกันเป็นบลอกๆค่ะ ก็คือพอเราเรียนจบปุ๊บ เราก็จะมีสอบเลยนั่นเอง ซึ่งนั่นก้เท่ากับว่าเป็นการบังคับกลายๆให้เราต้องอ่านหนังสือ ทบทวนก่อนและหลังเรียนทุกๆวันเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบนั่นเอง เฉลี่ยแล้วก็จะสอบประมาณ2-3 สัปดาห์ ครั้ง แต่ก็ทั้งนี้ก็แล้วแต่ความยาวหรือเนื้อหาในแต่ละบลอกด้วยนะคะ เป็นยังไงกันบ้างอันนี้ก็เป็นรีวิวคร่าวๆสำหรับการเรียนในสามปีนี้ ก็เป็นประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่พี่อยากจะมาแชร์ให้น้องๆได้รู้เกี่ยวกับการเรียนแพทย์แม่ฟ้าหลวง ท้ายที่สุดแล้ว พี่อยากจะฝากถึงน้องๆทุกคนที่อยากจะเรียนแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ที่ไหนก็ตาม ตอนนี้เราก็คงต้องอาศัยการมีใจรักในวิชาชีพนี้ ทั้งความพยายาม ความอดทน อะไรหลายๆอย่าง ตั้งแต่การสอบเข้ามาจนถึงการเรียนจนจบ สำหรับคนที่สนใจเรียนแพทย์ แม่ฟ้าหลวงก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ ก็ขอแนะนำ :))
พี่ก็ขอให้น้องๆทุกคนโชคดีนะคะ
อยากให้รีวิว ช่วงชั้นปีที่4ด้วยค่ะ
กระทู้ใหม่มาแล้วค่า
อยากให้พี่ทำvlogที่แม่ฟ้าหลวงจังเลยค่ะ กำลังรอสมัครโควต้าแพทย์ปีนี้ ทำvlogแบบไม่เห็นหน้าก็ได้ค่ะ อยากรู้การใช้ชีวิตในมอ การเรียน การเดินทาง การrelax ถ้าทำให้จะเป็นพระคุณมากๆเลยค่าา
อยากรบกวนสอบถามค่า พอดีเห็นในใบระเบียบการต่างๆของที่จะสมัครแพทย์ เค้าบอกว่าปี1-3จะเรียนที่แม่ฟ้า แต่ปี4-6จะย้ายมาที่โรงพยบาลำพูนอะค่ะ คือเราต้องย้ายมาอยู่ที่ลำพูนเพื่อเรียนเลยใช่มั้ยคะ จะไม่ได้อยู่ที่แม่ฟ้าแล้ว แอบสงสัยนิดนึงอะค่ะ
ใครติดแพทย์แม่ฟ้าหลวง รอบ 2 โควตา 9 จว.ภาคเหนือตอนบน ชั้นคลินิก ปี 4 - ปี 6 ต้องเรียน ฝึกปฏิบัติงาน และพักอาศัยอยู่ในโรงพยาบาลลำพูน คือ ต้องย้ายมาอยู่ในโรงพยาบาลลำพูนเลยเพื่อเรียนและฝึกปฏิบัติงานด้วย จะไม่ได้อยู่ที่ ม.แม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงรายแล้ว
ปี4-6 ถ้าเป็นรอบโควตาย้ายมาลำพูนค่ะ รอบกสพทอยู่กท
ปกติแล้วปี4-6 กลับมาเรียนที่มฟลทุกปีเกี่ยวกับการลงชุมชน ปีละประมาณ1เดือน
ไม่แน่ใจว่าพอเปลี่ยนระเบียบแล้วยังต้องกลับมาเรียนชุมชนไหม
ยังกลับมาลงชุมชนที่โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัดเชียงราย ปีละ1 ครั้งเหมือนเดิมค่ะ สำหรับชั้นคลินิค
แล้ว ต้องไปฝึก รพ.สุโขทัย เปล่าครับ
ขอสอบถามหน่อยค่า เวลาเรียนนี่เรียนเป็นภาษาอังกฤษมั้ยคะ ได้ยินมาว่าทุกคณะเรียนเป็นภาษาอังกฤษหมดเลย
พี่คะอยากสอบถามเรื่องแพทย์ แม่ฟ้าหลวงพอจะมีช่องทางติดต่อไหมคะ
สวัสดีค่า นศพ ปี4 กำลังจะเป็นปี 5 หมาดๆ กลับมาแล้ว กระทู้ใหม่มาแล้วนะคะ ใครสนใจจิ้มไปติดตามกันต่อได้เลยนะคะ https://www.dek-d.com/board/view/4056562
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?