Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เคยไหมครับ​ ที่เขียนนิยายมาแล้วก็ลบ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ตามชื่อ​กระทู้​ล้วนๆเลยครับ​ ผมมีปัญหา​คือแต่งนิยายไปเท่าไหร่ก็จะรู้สึก​ถึง​อาการอยากเปลี่ยนใจ​ แบบ​ เฮ้ย-แบบนี้ไม่ได้​ แบบนี้ก็ไม่ได้​ เปลี่ยนใจแหละ​ไม่เอาแนวนี้ดีกว่า​ คือผมเป็นบ่อยมากเลยครับ​ ถ้าเป็นยังไงก็ช่วยบอกผมด้วยนะครับ​ แล้วก็ช่วยแชร์ด้วยนะครับ

แสดงความคิดเห็น

>

9 ความคิดเห็น

ทิตภากร : กันต์ระพี 4 เม.ย. 64 เวลา 19:20 น. 1

เคยค่ะ แต่ไม่บ่อย

ล่าสุด...จากนิยายรักโรแมนติก+แฟนตาซีเล็กๆ ที่เขียนไป 2-3 บท เอามารื้อเรื่องใหม่ ปรับบททำออกมาแนวจีนเทพเซียนเขียนมาประมาณ 6 บท รู้สึกเบื่อๆ ก็หยุดพัก หันไปเขียนแนวศึกสงครามแทนได้มา 3 บท กำลังคิดว่าจะไปต่อ หรือกลับไปเขียนแนวเทพเซียน ออกแนวโลเล ซึ่งไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ จิตใจต้องมั่นคงกว่านี้ถึงจะมีสมาธิเขียนแบบทำตัวเองให้จมลงไปในเรื่องนั้น

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-06.png

1
Miran/Licht 4 เม.ย. 64 เวลา 19:27 น. 2

ไม่เคยค่ะ อาจจะเพราะเราทำงานเป็น R&D (Research & Develope) เลยติดนิสัยว่า ของที่ตอนนี้เราอาจจะคิดว่ามันไม่ดี ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ในอนาคตที่เราได้สั่งสมประสบการณ์มากขึ้นเราอาจจะปรับปรุงให้มันดีขึ้นได้


หรือไม่ต้องรออนาคต เราคิดว่า เราสามารถทำของเสียให้เป็นของดีได้ค่ะ เราเคยเจอเซลล์นิสัยแย่ที่ชอบพูดว่า บริษัทเอาแต่ของห่วย ๆ หรือของหมดอายุมาให้ขายมันจะขายได้ไง


หน้าที่หนึ่งของเราคือการทำของเสียให้เป็นของดีค่ะ บางทีลูกค้าเอาของไปด้วยการเก็บการใช้งานทำให้สินค้าขึ้นรา เน่าบูด แล้วนางก็เนียนคืนมา หน้าที่เราคือทำให้มันใช้ได้ค่ะ อาจจะนำกลับไปขายเจ้าเดิมหรือขายเจ้าใหม่ ซึ่งฝ่ายผลิตชอบมีคำพูดที่เอาเรื่องจริงมาล้อเล่นประโยคหนึ่งคือ


ทีของดี ๆ ใหม่ ๆ ไม่ติดตลาด แต่อันที่เอาของเน่า ๆ มาทำใหม่ดันขายดี ถ้าสต็อกของเน่าหมด ควรผลิตมาทิ้งให้เน่าก่อนค่อยเอามาผลิตใช่ไหม (อันนี้ก็เกินไป!) ก็ผลิตสูตรปกติสิเธอว์

0
yurinohanakotoba 4 เม.ย. 64 เวลา 19:41 น. 3

น่าจะเป็นกันหลายคนล่ะ อย่างน้อยก็เขียนโครงสร้างของเรื่องให้มั่นคงเถอะ ยึดพลอตเรื่องไว้เวลาแก้ก็ยังมีโครงเดิมให้ยึด ไม่แบบนั้นเวลาแก้มีไล่จากหัวไปหางไม่รู้จบแน่

0
หยิบสิ 4 เม.ย. 64 เวลา 20:13 น. 4

ผมเคยลองเขียนเรื่องเล่าผีครับ แต่ผมไม่กลัวผี มันเลยทำให้อินยากมาก เขียนแล้วลบใหม่เป็นว่าเล่น เพราะอ่านจบแล้ว มันไม่น่ากลัวเลยว่ะ... ก็เลยเขียนใหม่ ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเลย เพราะมันกินเวลาเกินไป แต่สักวันก็จะเขียนจนตัวเองรู้สึกว่ากลัวให้ได้


ถ้าเขียนให้คนที่ไม่กลัวผีอย่างตัวเราเองกลัวได้ มันก็น่าจะเป็นเรื่องผีที่น่ากลัว

0
babybaby1234 4 เม.ย. 64 เวลา 20:48 น. 5

เก็บไว้ครับ ไม่ลบทิ้งเด็ดขาด เพราะนิยายไม่ใช่อาหารสด นิยายไม่บูดไม่เน่า หมักๆเก็บๆไว้ วันหนึ่งอาจได้ไวน์รสเลิศ

0
Momo._.Hime 4 เม.ย. 64 เวลา 20:48 น. 6

ทางนี้คือเป็น ปัจจุบันก็ยังเป็นค่ะ แต่ก็มีหลายครั้งที่ก้าวผ่านมันมาได้ คือแทนที่เราจะคิดว่ามันไม่ได้ ก็ปั่นต่อไปทั้งอย่างนั้น ฝืนไปก่อน ทีแรกหัวอาจจะตื้อๆ อึดอัด แต่พอเราเขียนไป มันจะทำใจ และคิดว่ามันมาไกลเกินกว่าจะถอย สุดท้าย อา... เราก็ตายกลางทางซะงั้น

0
IzaBelle 4 เม.ย. 64 เวลา 21:56 น. 7

เราไม่เคย เราตัดสินชัดเจนว่าเรื่องนี้คือแนวนี้ เรื่องหน้าคืออีกแนว ก็คือตัดสินตั้งแต่ทีแรกไปเลยว่าแก่นเรื่องจะเอาแนวไหน อยากเพิ่มแนวสงครามหรือรักโรแมนติกเข้ามาก็ไม่มีปัญหา แต่...สิ่งสำคัญอย่างไรก็คือการวางพล็อตให้มีโครงสักแปดสิบถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ โครงที่เราหมายถึงคือการกำหนดทิศทางของนิยายให้ชัดเจนในทุกๆ ด้าน อยากเพิ่มแนวนั้นแนวนี้เข้ามาก็ย่อมได้แต่ก็ต้องคิดถึงความสมเหตุสมผลด้วย ไตร่ตรองให้ชัดเจนว่าหากเพิ่มเข้ามาก็จะสามารถเขียนให้กลมกลืนกันในหลายๆ แนวได้เช่นกันถึงแม้ว่าอย่างไรในนิยายเรื่องนั้นๆ ก็จำเป็นต้องมีแนวหลักอยู่ดีค่ะ

0
M. quacay 7 เม.ย. 64 เวลา 16:30 น. 8

เป็นบ่อยมากค่ะ บางครั้งแต่งไป 40 กว่าบทแล้ว พอมาลงเว็บก็ไล่อ่านหาคำผิด สุดท้าย เฮ้ย สำนวนแบบนี้มันไม่ได้ ดำเนินเรื่องแบบนี้มันเปิดเผยปมเกินไปแล้วนะ! บลาๆๆ และสุดท้ายก็มีคนมาบอกว่าการที่ย้ำคิดย้ำทำมันอาจจะทำให้ผลงานเราแย่กว่าเดิม เราเลยรีไรท์ใหม่แล้วให้คติกับตัวเองว่าต่อไปนี้ไม่ย้ำคิดย้ำทำละ อาจจะมีบ้างที่เปลี่ยนนู่นนี่นั่น แต่จะพยายามไม่เปลี่ยนเยอะนัก

0
Amasu 10 เม.ย. 64 เวลา 03:18 น. 9

ปกติ


เขียนห้าหน้าลบห้่าหน้า เขียนสิบหน้าลบสิบหน้า หนักสุดคือเขียนยี่สิบหน้าลบยี่สิบหน้า วนลูปอย่างนี้สักปีสองปี อย่างดีก็สักครึ่งปีเดี๋ยวก็ชิน


การเขียนนิยายเนี้ย มันไม่มีใครเหมือนกันหรอก บางคนใช้เวลาแค่วันเดียวต่อตอน บางคนใช้สองวันต่อตอน บางคนอาจจะไม่เขียนอะไรเป็นปีๆลองผิดลองถูกจนเขียนมันออกมาได้สักตอนหรือสักเรื่อง


โดยส่วนตัวเราก็เป็น เป็นหนักมากๆด้วยแต่สุดท้ายก็เขียนมันออกมาจนได้ จากความเห็นของเราว่ามันเป็นเรื่องของการบ่มเพาะตัวเอง หาสิ่งที่เรารู้สึกว่า "-นี่ก็ไม่เลวนะ", "เจ้านี้น่าจะต่อยอดได้" หรือไม่ก็ "ฉันชอบโครงเรื่องนี้ เรามาพัฒนาหรือมองมันในมุมกลับบ้างดีกว่า" อะไรทำนองนั้น


ไม่ก็หยุดเขียน ช่างหัวแม่ง ไม่เขียนก็ไม่เขียน อย่าไปฝืนมันเด็ดขาด ฝืนมันก็เหมือนกับคนจมน้ำพยายามไม่เกาะห่วงยาง


เคล็ดลับในการเขียนนิยายออกมาสักเรื่องคือ อ่านเยอะๆกับออกไปใช้ชีวิต พอตกผลึกมันแล้วก็เอามาเขียนก็ได้


มั้ง! คิดว่านะ

1