Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ม.6แล้วแต่ยังอ่านอังกฤษไม่ออก

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือเราเครียดมากที่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกไม่ว่าจะพยายามท่องยังไงก็จำไม่ได้สักทีจนตอนนี้จะเข้ามหาลัยอยู่แล้วยังอ่านไม่ออก เลยอยากถามว่ามีทุกคนมีเคร้ดลับในการจำยังไงคะ

แสดงความคิดเห็น

>

27 ความคิดเห็น

เมโลดี้ที่รักสายลม 7 พ.ค. 64 เวลา 00:23 น. 1

อ่านไม่ออกนี่คือออกเสียงไม่ได้ เช่นเห็น คำว่า ridiculus แล้วไม่รู้คำอ่าน

หรือไม่เข้าใจความหมายของประโยคคะ ถ้สเป็นกรณีแรก เราว่าต้องฟังการออกเสียงบ่อยๆ ตอนเด็กเราเคยเรียนการเทียบเสียงอ่านระหว่างไทยและอังกฤษ มันอาจจะไม่เป๊ะ แต่เราว่าก็เป็นพื้นที่ดีพอจะทำให้เราออกเสียงคำได้ใกล้เคียง ที่เหลือก็ต้องฟังจากเจ้าของภาษาว่าคำนี้อ่านว่าอะไร ค่อยๆฝึก

แต่ถ้าเป็นกรณี อ่านประโยคแล้วไม่เข้าใจความหมาย ไม่รู้ว่าประโยคนั้นแปลว่าอะไร เราว่าอันนี้ต้องฝึกอ่านบ่อยๆ ลองหาพวกนิทาน หรือบทอ่านง่ายๆ มาอ่านค่ะ แรกๆอาจจะอ่านออกเสียงและแปลมันเป็นภาษาไทยก่อนทีละประโยค เจอคำไหนไม่รู้เปิดดิกชันนารีหา ห้ามจดคำแปลเก็บไว้นะ เสร็จแล้วอ่านซ้ำ แปลใหม่ถ้ามีคำที่เรายังติดอีก จำไม่ได้ก็เปิดใหม่ อ่านซ้ำเรื่องเดิมไปเรื่อยๆค่ะ โดยที่ชาเลนจตัวเอง ถ้าอ่านแปลทีละประโยคได้แล้ว ให้อ่านเฉพาะภาษาอังกฤษต่อเนื่องกันไป โดยนึกคำแปลตามในหัว จากนั้นให้อ่านในใจทำความเข้าใจจากภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องแปลกลับเป็นภาษาไทย ทำเรื่องเดิมจนคล่อง แล้วก็เปลี่ยนเรื่องใหม่ นอกจากนี้ลองค่อยๆเอาคำศัพท์ภาษาอังกฤษมาใช้ในชีวิตประจำวันค่ะ เตียงต่อจากนี้เราจะไม่เรียกเตียงแล้ว เราจะเรียกมันว่าbed ใช้คำว่าbed แทนในชีวิตประจำวันไปเลยค่ะ แรกอาจหาโพสอิทมาแปะคำศัพท์ไว้ตามข้าวของต่างๆก็ได้

ประเด็นคือ การฝึกภาษา มันต้องใช้เวลานะคะ take time ห้ามเร่ง ห้ามรีบ ต้องอดทน ทำต่อไปเรื่อยๆ ภาษาเป็นทักษะจะได้หากฝึกฝน ดังนั้น ถ้าคิดว่าจะเร่งให้ได้คล่องภายในไม่กี่วัน มันเป็นไปไม่ได้นะ


ปล.อันนี้ความรู้สึกส่วนตัว เราว่าเวลาหาคำศัพท์จากdictionary ที่เป็นเล่ม มันจำได้มากกว่าเปิดจากเน็ตนะคะ เราว่ามันทำให้เราได้ take time กับมัน แล้วระหว่างเปิดเราจะได้เห็นคำศัพท์อื่นๆผ่านตาด้วย ยังไงลองดูนะคะ


ปล.2 ท่องศัพท์ ท่องให้ตาย ถ้าไม่เอามันมาอยู่ในชีวิตประจำวันที่ต้องใช้บ่อยๆ ยังไงก็จำไม่ได้หรอกค่ะ มันไม่ได้ถูกเก็บในสมองส่วนที่บันทึกความทรงจำระยะยาว สมองส่วนนี้จะเก็บข้อมูลที่เกิดจากการฝึกฝน ทำซ้ำ ย้ำบ่อยๆ หรือเป็นสิ่งที่สะเทือนใจค่ะ ดังนั้นการท่องเฉยๆแล้วทิ้ง ไม่ได้ผลหรอกนะคะ


0
มัณทนา [สวัสดีวันสิ้นโลก] 8 พ.ค. 64 เวลา 17:08 น. 2

วิชาภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาไทยสอนแต่ Grammar เดิมๆซ้ำๆตั้งแต่ป.1-ม.6

สอนให้ท่องจำไปทำข้อสอบ

ไปเอาครูที่เป็นคนไทยที่ไม่รู้ว่าเรียนจบมาจากเอกภาษาอังกฤษจริงหรือเปล่ามาสอนเด็ก

แทนที่จะจ้างครูฝรั่งมาสอนสัปดาห์ละ 1 คาบต่อ 1 ห้องเรียน

ไม่สอนเรื่องการพูด การฟัง การอ่าน และการเขียน

นี่แหละเหตุผลที่คนไทยยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย

พอพี่กับคนอื่นๆที่เก่งภาษาอังกฤษพยายามจะพูดและพิมพ์ภาษาอังกฤษ

กลับโดนล้อเลียนสำเนียงหาว่ากระแดะ ดัดจริต และจับผิดเรื่อง Grammar

ถ้าเป็นคนต่างชาติไม่มานั่งจับผิดกันหรอก พวกเขาพยายามช่วยแก้ไขให้ด้วยซ้ำว่าผิดนะ

ทำให้ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษกันข้างนอกกับสถาบันสอนภาษาอังกฤษ

หรือไม่ก็ไปเรียนพิเศษที่โรงเรียนที่เน้นวิชาภาษาอังกฤษกับโรงเรียนที่เปิดสอนซัมเมอร์

ทั้งๆที่ไม่ใช่โรงเรียนที่ตัวเองเรียนด้วย

เล่มเกมออนไลน์ในคอมกับมือถือที่มีแต่ภาษาอังกฤษล้วนๆ

(โรงเรียนประถมเอกชนที่พี่เรียนตอนป.4-ป.6 เน้นวิชาภาษาอังกฤษ

มีเรียนพิเศษภาษาอังกฤษในวันเสาร์และปัจจุบันนี้ก็ยังมีกิจกรรมนี้อยู่

สมัยที่พี่จะขึ้นม.3 เคยมีเพื่อนจากต่างโรงเรียนมาเรียนพิเศษช่วงซัมเมอร์ที่โรงเรียนด้วย

โรงเรียนเอกชนทั้งสามแห่งที่พี่เรียนมาตั้งแต่อนุบาล 3-ม.3 มีเรียนซัมเมอร์

แต่น่าเสียดายที่โรงเรียนเอกชนแห่งแรกถูกยุบไปตอนเรียนจบป.3 พอดีในปีพ.ศ.2543

และโรงเรียนเอกชนแห่งสุดท้ายที่พี่เรียนจบม.3 ได้ยุบไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2561)


แม้กระทั่งพวกหนังสือเตรียมสอบข้าราชการที่เป็นส่วนวิชาภาษาอังกฤษ

ก็ยังใส่เนื้อหา Grammar มาเยอะ แต่แนวข้อสอบใส่มาแค่ 1-2 ชุดและเฉลย

แทนที่จะใส่เนื้อหาเกี่ยวกับเทคนิคการทำข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษและตะลุยโจทย์ไปเลย

มีหนังสือเตรียมสอบ ก.พ. ภาษาอังกฤษไม่กี่เล่มที่ใส่พวกตะลุยโจทย์มาให้ทั้งเล่ม


อยากเห็นหนังสือเรียนวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่ป.1-ม.6 สมัยนี้มากว่าใช้อะไรสอน

หนังสือเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่พี่ใช้เรียนตอนป.1-ม.3 มีทั้งหนังสือเรียนกับแบบฝึกหัด

ตอนประถมจะใช้หลากหลายสำนักพิมพ์ด้วย

แล้วแต่ครูว่าจะใช้หนังสือเล่มไหนสอนและใช้หนังสือแบบฝึกหัดเล่มไหนสั่งงานในคาบ

พี่เรียน 3 คาบ เช่น วันจันทร์ในคาบเช้าจะใช้เล่มนี้ วันอังคารในคาบบ่ายจะใช้เล่มนั้น

ทำแบบนี้สลับกันไป เด็กจะได้เรียนหลากหลาย

ตอนมัธยมต้นจะมีหนังสือเรียน 1 เล่มกับหนังสือแบบฝึกหัด 1 เล่มซึ่งต้องเรียนคู่กัน

บางครั้งก็ไม่ได้สั่งงานในหนังสือแบบฝึกหัด แต่สั่งงานในหนังสือเรียนและทำส่งในสมุด

พอมาเรียนมัธยมปลายก็ได้หนังสือเรียนอะไรก็ไม่รู้มาใช้ ไม่มีพวกแบบฝึกหัดสักเล่ม

1
White Frangipani 8 พ.ค. 64 เวลา 18:28 น. 2-1

สวัสดีค่ะ มัณทนา


มาวันนี้ก็รู้สึกว่าคุณอารมณ์เสียอีกแล้วนะคะ


อ่านข้อความที่คุณช่วยตอบมานี้นะคะ รู้สึกผ่านข้อความของคุณได้คล้ายๆ กับว่าคุณอารมณ์เสียค่ะ(อารมณ์ที่เสียๆ ของคุณนี้ให้ความรู้สึกว่า คุณเหวี่ยงวีนไปที่ระบบการศึกษาของไทย คือโทษระบบการศึกษาของไทย อีกแล้วนะคะhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-13.png )


เม้นต์นี้ เม้นต์เข้ามาให้กำลังใจคุณค่ะ


วิชาภาษาอังกฤษในระบบการศึกษาไทยสอนแต่ Grammar เดิมๆซ้ำๆตั้งแต่ป.1-ม.6

สอนให้ท่องจำไปทำข้อสอบ


ก็ถูกต้องแล้วไงคะ คือการเรียนรู้ Grammar (หรือ ภาษาไทย คือ ไวยากรณ์)เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ ที่ถูกต้อง ก็ถูกต้องแล้วนี่คะ


English Grammar คือ ไวยากรณ์อังกฤษ หรือ แกรมม่า ภาษาอังกฤษ ถือว่าเป็นพื้นฐานภาษาอังกฤษ ที่จำเป็นสำหรับนักเรียน เพราะถ้าไม่เข้าใจแล้ว การจะอ่านตำราภาษาอังกฤษก็จะลำบาก เพราะอ่านแล้วจะงงกับโครงสร้างของประโยค ซึ่งเป็นเรื่องของหลักไวยากรณ์ล้วนๆ ....


ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับความสำคัญของ Grammar หรือไวยากรณ์ กดอ่านได้ตามลิ้งก์นะคะ

(ขอนุญาต และขอบคุณเจ้าของเพจค่ะ)


https://ภาษาอังกฤษออนไลน์.com/grammar-%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%B2/


และนี่...

Grammar คืออะไร สำคัญจริงมั้ย

รายละเอียด ข้อมูล กดอ่านได้ตามลิ้งก์เลยนะคะ

(ขออนุญาต และขอบคุณเจ้าของเพจค่ะ)

https://englishforall101.com/is-grammar-important/


--------------


นี่แหละเหตุผลที่คนไทยยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย

พอพี่กับคนอื่นๆที่เก่งภาษาอังกฤษพยายามจะพูดและพิมพ์ภาษาอังกฤษ

กลับโดนล้อเลียนสำเนียงหาว่ากระแดะ ดัดจริต และจับผิดเรื่อง Grammar


ส่วนในเรื่องของบุคคล คือคนเหล่านี้ คุณก็ต้องเข้าใจเขาด้วยสิคะ คือด้วยที่ว่าเขาเป็นเช่นนั้น ในแบบที่เขาเป็น เขาจึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งคุณต้องแยกแยะนะคะมัณทนา


คือในเหตุนี้ ไม่เกี่ยวกับระบบการศึกษาไทย ในเรื่องของภาษาอังกฤษนะคะนั้น คือคุณต้องแยกแยะนะคะ


หากไม่แล้ว คุณก็ไม่ต่างจากคนเหล่านั้นเลยนะคะ


คือคุณเยาะเย้ย และ ตัดสินให้ระบบการศึกษาไทยเสียหายค่ะ


คือคุณต้องแยกแยะ และแก้ปัญหาให้เป็นเปลาะๆ ไปนะคะ


ปัญหาการด่าทอ เยาะเย้ย ดูแคลน ล้อเลียน ดูหมิ่นนี้ เป็นอีกเรื่อง ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาด้วยเช่นกันก็จริง แต่ เป็นปัญหามารยาทสังคมนะคะ

(แท้จริงแล้วคือเป็นปัญหาสังคมนะคะนั้น และปัญหาสังคม ดังกล่าวนี้ ก็จะโทษระบบการศึกษา หรือระบบการเรียนการสอน เพียงอย่างเดียวไม่ได้นะคะ คือ พ่อแม่ ผู้ปกครองทางบ้าน ก็คงจะต้องช่วยกันสอนเด็ก ๆ จากบ้านมาด้วยนะคะ จะให้ระบบโรงเรียน และครูทั้งหลายเขาสอนทั้งหมด นั้นคงไม่ได้ ไม่ไหวเนาะ งานเยอะนะเป็นครูน่ะ สงสารครูเขานะคะมัณทนา เอาล่ะ ปัญหามารยาทสังคมนี้นะคะ ยกไปก่อนเนาะ หากอยากดีเบท ไว้คุยกันต่อไปดีกว่านะ กระทู้นี้ มีหัวข้อเกี่ยวกับปัญหาของภาษาอังกฤษเนาะ และปัญหามารยาทสังคมนี้หนา ขึ้นอยู่ที่วิชาไรเน๊ออออ ไม่รู้ด้วยดิ เจ้าของเม้นต์นี้ ก็โง่ด้วยค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่าhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png ฮื้อ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-13.png )


เดี๋ยวคงมีกระทู้ เกี่ยวกับวิชานี้ ปรากฎขึ้นมาให้เห็นแน่ๆ ค่ะ


แต่ ตอนนี้พักปัญหาดังกล่าวนี้ไปก่อนเนาะ

----------------------------------


ถ้าเป็นคนต่างชาติไม่มานั่งจับผิดกันหรอก พวกเขาพยายามช่วยแก้ไขให้ด้วยซ้ำว่าผิดนะ

ทำให้ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษกันข้างนอกกับสถาบันสอนภาษาอังกฤษ


โห คุณนะคะ รู้ดีมากๆ ขนาดนั้นเลยด้วยเน๊อออ เกี่ยวกับระบบการเรียนการสอนของต่างชาตินะ


จริงแล้ว อยากบอกคุณว่า ที่ไหนๆๆๆๆ เขาหลายๆ ประเทศ ก็มีปัญหามว๊าก ปัญหาแตกต่างมากมีด้วยเช่นกันค่ะ ในวันนี้ คุณมัณทนา(แต่อย่าให้อู๊ หรือ อย่าให้ว่าวเลยเต๊อะ พิมพ์ยาวๆ นะ อิดแต้เน่อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่นะเอามา ทั้งภาษาเหนือ และภาษาอีสานของไทย นำมาใช้ให้หม๊ด ปนๆ กันไปบ้าง สนุกดีนะ รักการเรียนภาษาน๊าาา ถือโอกาสฝึกๆ ไปด้วยเนาะ https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-02.png )

หรืออีกนัยยะหนึ่ง หน่ายยยยยนะ เป็นตาหน่าย จนไม่รู้จะใช้ภาษาอะไรดีแว๊วhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-10.png

เพราะเข้าใจด้วยว่า เกิดเป็นคนนะคะ ปัญหาต่างๆ นะ มีอยู่ เกิดขึ้นได้ทุกที่ค่ะมัณทนา เพียงแต่จงแก้ปัญหา คือจงอย่าสร้างปัญหาบนปัญหา น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่านะคะ


หรือไม่ก็ไปเรียนพิเศษที่โรงเรียนที่เน้นวิชาภาษาอังกฤษกับโรงเรียนที่เปิดสอนซัมเมอร์

ทั้งๆที่ไม่ใช่โรงเรียนที่ตัวเองเรียนด้วย


คือหาก การที่จะเก่งได้ก็คงต้องเป็นเช่นนี้ค่ะ ที่ต่างประเทศเขาก็เป็นเช่นนี้ค่ะมัณทนา


และที่สำคัญอย่างยิ่งนะคะ คือ ตัวเด็กนักเรียนเองค่ะ ที่ต้องฝักใฝ่ไขว่ขว้า เพื่อที่ตนจะเรียนได้ เรียนดี เข้าใจได้แจ่มแจ้ง และมีความสามารถ มีศักยภาพ เขาทั้งหลายต้องมีความพยายาม ด้วยตัวตนของเขาเองด้วยค่ะ


อาจจะจริงอยู่ที่ว่า เรื่องของภาษาอังกฤษบางแห่งของไทยอาจจะไม่เป๊ะๆ คืออาจจะมีหย่อนยานจากบุคคลกรบ้าง เหตุ ปัญหา มีเกิดขึ้นได้ ในสาเหตุที่แตกต่างกันไป เป็นธรรมดา แต่คุณจะโทษทั้งหมด ทั้งระบบ โต้งๆ เช่นที่เห็นนี้ ไม่ได้นะคะ


คือ คุณต้องสอนเด็กๆ ให้เขามองอีกแง่มุม เพื่อหัดแก้ปัญหา ด้วยตัวของเขาเองด้วยนะคะ ไม่ใช่สอนให้โทษ โทษ โทษระบบ นั้นไม่ถูกต้องค่ะ


เด็กๆ นะคะ สอนอย่างไร คุณจะได้เด็กๆ คุณภาพอย่างนั้นนะคะ


สอนให้เขาโทษเพียงผู้อื่น โดยที่ไม่สอนให้เขาโทษตัวเขาเอง หรือไม่สอนให้เขาพึ่งพาตนเองนะคะ เด็กก็จะไปไม่รอดนะคะ


เพราะการเรียน เขาทั้งหลายเอง ที่จะต้องเรียนรู้ และหาวิธีด้วยตัวของเขาเองนะคะ


อยากให้กำลังใจคุณว่า พยายามคิดดีๆ คิดติดบวกๆ บ้างนะคะ เกี่ยวกับระบบการเรียนการสอนของไทยนะ เพราะจริงแล้วระบบของไทย เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศแล้วก็ไม่นับแย่นะคะ


ถ้าคุณจะเปรียบกับประเทศอื่นๆ หากคุณอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ คุณจึงจะรู้ค่ะ


ในยามที่มีคำถาม...เพื่อหาทางออก เช่นในกระทู้นี้ เด็กเค้าขอคำแนะนำนะคะ


คุณจงอย่าได้ชี้ให้เขามีความคิดที่ผิดลู่ผิดทางไปสิคะ


คือเขาถามเกี่ยวกับเคล็ดลับ...เพื่อการเข้าใจ เพื่อการแก้ปัญหา ทั้งนี้ ดูเขาจะมีกำลังใจดี ที่จะหาหนทางออก เพื่อแก้ปัญหา เพื่อการเรียนรู้เพิ่มเติม เพื่อความที่เขาจะเข้าใจได้ เข้าใจดี เพื่อเดินทางเข้าสู่ม.ลัยด้วยนะคะ


แบบนี้แล้ว คือเขาสู้นะคะ คือคุณต้องชี้แนะให้ถูกเวลา และหัวข้อ หรือให้ถูกจุดประสงค์ที่เขาต้องการในขณะนั้นๆ นะคะ หากคุณมัวโทษระบบ เค้าอาจจะสับสนได้นะคะ


ใจเย็นๆ บ้าง จะทำให้คุณเห็นเหตุ ค่ะมัณทนา


ช่วยแนะนำเค้าไป ในวิธีที่เขาจะสามารถแก้ปัญหาได้ ในขณะนี้ ในขณะที่เขาต้องการความช่วยเหลือนี้ และในหัวข้อที่เขาต้องการนี้ น่าจะดีที่สุดนะคะ

(เขาเข้ามาถามเคล็ดลับเพื่อการเดินต่อ เพื่อการไปให้รอด คุณจะดึง หรือจะถ่วงเขาด้วยที่ว่าระบบการศึกษาไทยเกี่ยวกับภาษาอังกฤษนะมีปัญหามานึงนาน นั้นดูจะไม่ทันการนะคะ กว่าถั่วจะสุก งาก็พานจะไหม้ไปเสียก่อน)


กว่าถั่วจะสุกงาก็ไหม้

(สำ) ว. ลักษณะของการทำงานที่มีความลังเลใจ สับสน ทำให้แก้ไขปัญหาได้ไม่ทันท่วงทีเมื่อได้อย่างหนึ่ง แต่ต้องเสียอีกอย่างหนึ่งไป ดุจเอาถั่วกับงามาคั่วพร้อมกัน กว่าจะคั่วจนถั่วสุก งาก็จะไหม้หมดไปก่อน.


ม.6แล้วแต่ยังอ่านอังกฤษไม่ออก


คือเราเครียดมากที่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออกไม่ว่าจะพยายามท่องยังไงก็จำไม่ได้สักทีจนตอนนี้จะเข้ามหาลัยอยู่แล้วยังอ่านไม่ออก เลยอยากถามว่ามีทุกคนมีเคร้ดลับในการจำยังไงคะ


เหตุการณ์ของเจ้าของกระทู้นี้กำลังยํ่าแย่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษ หากคุณมีเทคนิคดีๆ คุณก็ช่วยแนะนำ นำพา ให้เขาได้มีโอกาสเข้าม.ลัยก่อนดีกว่าไหมคะ?


เค้าอาจจะเป็นผู้ที่เข้าไปแก้ไขปัญหาระบบ...ที่คุณว่ายํ่าแย่นี้...ดังที่มีอยู่นี้ ในโอกาสต่อ ๆ ไป ก็เป็นได้ค่ะ


แบบนี้ ดีกว่าไหมคะมัณทนา


มีเหตุผลหน่อยก็ดีนะ ในยามที่คุณจะต้องแก้ปัญหา


คือคุณต้องใจเย็นๆ ไว้ค่ะ คุณจึงจะแก้ปัญหาให้ถูกจุดได้


เป็นกำลังใจให้คุณค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


0
mamiyara 9 พ.ค. 64 เวลา 08:00 น. 3

ภาษาเป็นเรื่องของการใช้งานมากกว่าการท่องจำค่ะ เห็นด้วยกับคอมเม้นแรกมากๆ ลองพิจารณาดูก่อนว่าอ่านไม่ออกนี่คือยังไงกันแน่ แล้วค่อยลองไปหาเรียนเสริมค่ะ

แล้วก็ ถ้าไม่ใช่ออกเสียงไม่ได้แต่ไม่เข้าใจประโยค ต้องคิดว่ามันคือประโยคหนึ่งค่ะ ไม่ใช่แปลเป็นคำๆอ่านเป็นคำๆ เพราะภาษาเวลาเราพูดมันมาเป็นประโยค มันมีรูปแบบของมัน ยังไงก็สู้ๆน้า

0
Nightmare 9 พ.ค. 64 เวลา 09:30 น. 5

เราเองตอนม.6ก็อ่อนภาษาอังกฤษมากค่ะ พอได้อคติกับมันแล้วครั้งนึง เลยกลายเป็นว่าไม่อยากเรียน พอพยายามก็รู้สึกอยากต่อต้าน(เราเคยถูกครูผู้สอนเหยียด บีบบังคับ เยาะเย้ยล้อเลียนในวิชาภาษาอังกฤษค่ะ)

ตอนนั้นไม่มีเวลาจะเรียนพิเศษ เพราะระยะทางจากบ้านไปโรงเรียนค่อนข้างใกล้อยู่แล้ว เลยต้องเรียนด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่เข้าหัวจนได้รู้จักกับหนังเรื่องbiligalค่ะ พอดูจบก็มีแรงฮึดขึ้นมาหลายเดือนอยู่ พอมีแรงใจอะไรมันก็ดีขึ้น เริ่มรับคำศัพท์ เริ่มอ่านจริงจัง รวมทั้งตัดสินใจเปลี่ยนแอพ เกมต่างๆให้เป็นอังกฤษทั้งหมด มันจะจำได้ไปเองค่ะ

สิ่งที่ต้องทำหลังจากนี้ก็แค่ควบคุมระดับความสนใจในภาษาอังกฤษไม่ให้ดิ่งต่ำอีกก็พอ ตอนนี้เราก็ไม่ได้เก่งอังกฤษมากนัก แต่ก็อยู่ในระดับที่ไม่น่าเกลียด และค่อนข้างดีค่ะ

ขอแค่หาแรงฮึดเจอ (จะลองดูหนังที่บอกไปก็ได้ ลองเล่นเกมที่สนใจแต่ไม่มีภาษาไทยก็ได้ ดูเคสเกมที่เป็นภาษาอังกฤษก็ได้) หาอะไรก็ได้ที่จะถีบส่งแรงฮึดเราให้สูงสุด เดี๋ยวเราก็อยากที่จะพยายามอีกสักนิดไปเอง (แต่ต้องอ่านหนังสือนะ อย่าดูหรือเล่นเกมอย่างเดียว ;))



0
ทานตะวัน 9 พ.ค. 64 เวลา 10:09 น. 6

วิธีที่เค้าใช้อยู่คือ ถ้าจำคำศัพท์ไม่ได้ก็จด จดโดยการเขียนไปเรื่อยๆ ค่อยๆสะกดทีละคำผิดๆถูกๆไป แล้วก็ดูพี่ลูกกอล์ฟในengilsh room สู้ๆนะคะ ขอแบบนี้ฝึกกันได้

0
คนที่เคยอยู่จุดนั้นมาก่อน 9 พ.ค. 64 เวลา 10:25 น. 7

เห็นแล้วนึกถึงตัวเองขึ้นมาเลยค่ะ ตอนนั้นเราอยู่ ป.6 โดนแม่บังคับสอบเข้าห้อง IEP ม.1 ทั้งที่อังกฤษเราแย่มาก อ่านไม่ออกสักตัว แถมยังโดนเพื่อนเหยียด เพื่อนล้ออีกว่าโง่อีก ไม่มีทางรอดหรอก เราไม่เสียใจแต่โกรธค่ะ อย่าให้ถึงทีเรานะ ทีนี้เราก็เลยไปหาตารางเทียบเสียงไทยกับอังกฤษค่ะ แล้วเริ่มเขียนลงสมุด เอาคำง่าย ๆ ก่อนเช่น cat ทำไมอ่านแคท อ้อเพราะ c = ค, a = แ, t = ท อ่านว่า แคท แปลว่า แมว

อีกคำนะคะ เช่น November เราก็ทำแบบนี้ค่ะ

n = น

o = สระโอ

v = ว (จริง ๆ v มันไม่ได้ออกเสียง ว นะคะ มันออกแบบ วฟ แต่อย่าเพิ่งสนออกเสียง อ่านให้ได้ก่อน)

e = สระเอ

m = ม

ิb = บ

er = สระเออ

กลายเป็น November (โนเวมเบอะ) พฤศจิกายน (ผิดพลาดยังไงก็ขออภัยนะคะ แต่ตอนเราเริ่มต้น เราทำแบบนี้จริง ๆ)

ตอนเริ่มต้น เราไม่สนไวยากรณ์ค่ะ ทิ้งไปก่อน ช่างหัวมัน หาคำศัพท์มาแกะอักขระเทียบเสียงแล้วอ่านจนกว่าจะจำได้ว่าแต่ละคำอ่านแบบไหน เปิดพจนานุกรมออนไลน์ฟังเสียงด้วย เพราะบางคำเราอ่านตามตัวแบบนี้ไม่ได้ อ่านพวกคำศัพท์ให้ออกก่อน จำให้ได้ว่าคำนั้นคำนี้อ่านว่าอะไร แปลว่าอะไร พอจำได้เยอะแล้วค่อยไปลุยไวยากรณ์ เริ่มจากง่ายสุดแบบพื้นฐานเด็กน้อยจ๋าเลยค่ะ แต่ต้องค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ใจเย็น ๆ สำหรับคนอื่นอาจจะแนะนำเรื่องสนทนา แต่เพราะไทยเรามันเน้นไวยากรณ์ไว้สอบเข้าโน่นนี่นั่น เราก็เลยมาเน้นตรงนี้ก่อนค่ะ เราเลยมีปัญหาเวลาพูดกับฟัง ต้องใช้เวลานึกคำศัพท์เวลาพูด ขนาดฟัง บางทีเรายังฟังไม่ออกเลยค่ะ ตอนนี้เราเลยเน้นดูหนังฟังเพลงเป็นภาษาอังกฤษเพื่อพัฒนาส่วนนี้ ส่วนพูด ด้วยความที่ไม่มีใครคุยด้วย เราเลยพูดกับตัวเองค่ะ ยังติดขัดไหม ก็ติดขัดเหมือนเดิมค่ะ แต่ก็พูดไปเถอะ พูดกับเงาตัวเองในกระจกนี่แหละค่ะ ผิดช่างมัน ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย

0
Lin_Gwyny 9 พ.ค. 64 เวลา 10:34 น. 8


ขอยกคำพูดของอาจารย์มาแล้วกันครับ แกเป็นคนญี่ปุ่นสอนภาษาญี่ปุ่นแต่สิ่งที่แกบอกผมว่าใช้ได้กับทุกภาษานะ


ภาษคือการลอกเลียนแบบและนำไปใช้งานครับ


ซึมซับมันเยอะ จากสื่อต่าง ๆ หนังเอย เพลงเอย ฟังดูวนไปเรื่อย ๆ ครับ หรือถ้าอยากคุยกับชาวต่างชาติก็ลองหาห้องดิสคอร์ดในเว็บ Disboard ดูครับ ไปใช้เรื่อย ๆ ซึมซับไปเดี๋ยวเก่งเอง ถ้าท่องหนังสือไม่เก่งก็วิธีนี้แหละครับ เห็นผลนักแล

0
Cher 9 พ.ค. 64 เวลา 10:52 น. 9

ไม่ได้แบบไม่ได้เลยเหรอคะ หรือแบบได้บ้างไม่ได้บ้าง ถ้าแบบอ่านไม่ออกแบบสะกดไม่ได้จริงๆ ลองหาคุณหมอดูนะคะ อาจจะเป็นLDค่ะ เราเคยสอนเด็กคนนึง น้องแบบสะกดไม่ได้ ลองยังไงก็จำไม่ได้ เลยให้คุณแม่น้องพาไปพบคุณหมอ สรุปเป็นLD จริงๆค่ะ เพราะพวกคณิตศาสตร์น้องเก่งมาก ติดแค่ภาษาอย่างเดียว

0
ขอแมวเธอได้มั้ย? 9 พ.ค. 64 เวลา 11:01 น. 10

ลองท่องA-Zในแบบที่ถูกต้องดูนะคะ อย่างเช่น B ไม่ออกเสียงว่า “บี” แต่เป็น “เบอะ” เหมือนเด็กรุ่นใหม่ๆจะเรียนกันแบบนี้แล้วมันก็ช่วยได้จริง


อย่าไปกังวลเรื่องสำเนียงว่าจะเหมือนเจ้าของภาษาแค่ไหน เค้าจะฟังเราออกก็ต่อเมื่อเราออกเสียงถูกต้อง เสียงขึ้นต้น/เสียงลงท้าย/โทนเสียง **สำคัญมาก อย่าเขียนคำอ่านภาษาไทยลงไปเพราะจะทำให้เราติดนิสัยอ่านเป็นสำเนียงไทย แล้วมันเป็นโมโนโทนที่ฟังยากสำหรับคนต่างชาติ(คนไทยด้วยกันมันฟังออกแต่สำหรับชาติอื่นเค้าจะงงๆนิดหน่อย) อย่าง แซลม่อน คนไทยก็อ่านแซวม่อน แต่ที่ถูกคือ แซล-เหมิ่น


อีกอย่างคือลองโหลดแอปแปลภาษามาไว้ในมือถือดูนะคะ คำไหนไม่รู้ก็กดให้เค้าอ่านให้ฟังแล้วพูดตาม การอ่านภาษาจะง่ายขึ้นถ้ามีคนนำแล้วเราทำตามค่ะ เราเองก็ฝึกภาษา3-4-5แบบงูๆปลาๆ พูดตามไปก่อนแปลว่าอะไรช่างแม่ม5555555


ถ้ารู้สึกว่างๆขี้เกียจๆก็เปิดยูทูบดูอะไรที่ฝึกทักษะเราไปด้วย เปิดเฉยๆไม่ให้มันเงียบเกินก็ได้ค่ะ เรามีช่องแนะนำเอาไว้ฟังสำเนียงนะ มีซับไทย/อังกฤษ

- Jayycrane (TH/EN) ช่องพี่จ๋า สาวไทยไปใช้ชีวิตต่างแดน คอนเทนท์ทำอาหาร/ไลฟ์สไตล์

- Smile squad skits (ENG) คอนเทนท์โรลเพลย์ตลกๆ

- I roam alone ช่องคุณมินท์สาวไทยเที่ยวทั่วโลก ได้ฟังสำเนียงของคนแทบทุกชาติเลย มีซับให้นะถ้ารู้สึกว่าบางคำฟังไม่ออกจริงๆ


ไม่ต้องกดดันตัวเองมากเกินไปนะคะ การฝึกพูดภาษาอื่นๆที่ไม่ใช่ภาษาแม่มันไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินความสามารถของคนที่ตั้งใจคนนึงจะทำได้ ทุกความพยายามไม่สูญเปล่านะคะ ถามว่าเราเริ่มพูดภาษาได้คล่องตอนไหนเราก็ตอบไม่ได้เพราะทุกอย่างมันค่อยๆซึมซับ ไม่มีใครเพิ่งเริ่มแล้วเก่งภายใน3วัน7วัน ขอแค่อย่าไปรังเกียจ ฟังเพลงดูหนังก็เท่ากับฝึกตัวเองแล้ว เริ่มตอนนี้เลยก็ได้นะคะ ทำได้อยู่แล้ววว

0
Fairy 9 พ.ค. 64 เวลา 11:06 น. 11

จะบอกว่าพี่เป็นอีกคนนึงที่ผ่านจุดนั้นมาแล้วค่ะ เลยอยากมาแชร์วิธีการฝึกให้นะคะ


ใครอยากรู้แนวทางวิธีฝึกเลยข้ามไปที่ ได้เลยจร้า


ก่อนอื่นบอกก่อนเลยว่า พี่เป็นคนนึงที่ไม่ชอบภาษาอังกฤษมาก ๆ เรียนตั้งแต่ประถม-มัธยม ไม่ได้อะไรเลยค่ะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ทำไม่ได้เลยจริงๆ !!พี่ไม่ได้โทษครูที่สอน หรือโรงเรียนที่อยู่นะ !!แต่โทษระบบการศึกษามากกว่า ยิ่งพี่มาเรียนครูด้วยแล้ว ทำให้รู้อะไรมากขึ้น ว่าจริง ๆ ครูก็คงไม่อยากสอนในแบบนั้นหรอก (หมายถึงสอนแต่ Grammar) แต่เป็นเพราะหลักสูตรเขียนไว้ ว่าต้องสอน ต้องวัดผล ประเมินผลแบบนั้นแบบนี้ ผลเลยออกมาอย่างที่เห็น ทำให้มีเด็กบางคนที่เกิดความไม่เข้าใจจริง ๆ เรียนผ่านไปสิบกว่าปี กลายเป็นไม่ได้อะไรจากวิชานี้เลย

ด้วยความที่ว่าเรารู้ตัวเองมาตลอดว่าเราไม่ได้ภาษาอังกฤษ ไม่ได้ขนาดไหน ขนาดที่ว่า ️ครูให้เขียนตามคำบอกตอนอยู่ ป.3 แล้วได้ 0 จาก 10 คะแนน เพื่อนผช.ข้างๆนั่งหัวเราะอ่ะ (อายตรงนี้แหละ)

️ที่ ร.ร. ตอน ป.3 เคยมีให้สอบบัณทิตแนะแนว ซึ่งจะสอบ 5 วิชา หนึ่งในนั้นคือภาษาอังกฤษ เต็ม 100 ได้แค่ 7

️ตอนป.5 สอบเขียนศัพท์อังกฤษ 100 คะแนน ได้มา 50 คะแนน !!จากการขอดูจากเพื่อนที่นั่งรอบ ๆ เพราะ ครูบอกเอาไว้ว่า ถ่าใครได้ไม่ถึงครึ่งมีรางวัลให้ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากได้เลย ทำทุกวิถีทางให้ได้แค่ครึ่งเดียวก็พอใจแล้ว!

️ขึ้น ม.1 สอบอ่านอังกฤษ แอบเขียนภาษาคาราโอเกะบางๆ ไป เพราะ อ่านไม่ออกสักตัว

️ ม.2,3 มีสอบฟังเพลง และเขียนคำศัพท์จากเนื้อเพลงที่หายไป มั่วค่ะ ฟังไม่รู้เรื่องเลย

️ ม.4 สอบอ่านฉลากยา มีให้สุ่มหยิบประมาณ 5 อัน จำคนก่อนหน้าว่าอ่าน ยังไง แล้วดูว่านางวางใบนั้นไว้ตรงไหน แล้วหยิบใบนั้น เพราะ ถ้าได้ใบอื่นก็อ่านไม่ออก

️ม.6 สอบปลายภาค ในข้อสอบให้เรียงลำดับวิธีการทำไข่เจียว ประโยคอังกฤษไม่ยาวมาก แต่อ่านไม่ออก แปลไม่ได้สักตัว เลยถามเพื่อนเอาค่ะ เพื่อนก็ยืนบอก (ขอบคุณสุดๆ )

️อันนี้เป็นส่วนนึงของประสบการณ์ที่พี่เคยเจอนะ ไม่มีการเสริมเติมแต่งใดๆค่ะ เรื่องจริงที่แท้ทรู รวม ๆ ก็คือสอบอังกฤษ

ทีไร ก็จบด้วยการเดาทุกที

พอจบ ม.6 และรู้แล้วว่าได้เข้ามหาลัยไหน (พี่จบ มรภ. นะ) ตอนนั้น ม. เปิดแบบอาเซียน เปิดเดือนสิงหาคม แต่ ร.ร.จะปิดเทอมประมาณกุมภา หรือ มีนานี่แหละ ซึ่งมีเวลานานพอสมควร พี่ก็ตั้งใจไว้แล้วล่ะ ว่าต้องรื้อวิชาอังกฤษให้ได้

ถามว่าเริ่มยังไง ตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน

พี่เปิดดูยูทูปวิธีเริ่มเรียนอังกฤษตั้งหลายคลิป บางคนก็บอกว่าให้เริ่มฟังเพลง ดูหนังอังกฤษ อ่านข่าว-หนังสืออังกฤษ พยายามฟัง-พูดอังกฤษ ซึ่งมันขัดกับ lifestyle ของพี่มากๆ (พี่ชอบฟังเพลงลูกทุ่ง ดูลิเก ดูการ์ตูนบาร์บี้ อ่านนิยายไทย)

พี่ลองอยู่หลายวิธีเลยแหละ แต่สุดท้ายมาเริ่มเห็นผลตรงอ่านข่าว พี่อ่านข่าวอังกฤษจากแอป voa learning English อ่านไปเรื่อยๆ ถ้าเจอคำที่ไม่รู้ก็เขียนในสมุด เปิดคำแปล เขียนคำแปลไว้ แล้วพยายามสรุปความจากข่าวว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร เพื่อความชัวร์ก็ไปหาข่าวหัวข้อนี้นๆ ในเวอร์ชั่นไทยอ่าน แล้วก็เปิดฟังวิดิโอจากแอปข่าวนั้นแหละ เพื่อนให้รู้วิธีการออกเสียงของคำ กลางคืนก็เอาคำศัพท์ที่เขียนไปท่องก่อนนอน เช้าก็ทวนศัพท์ และมีสมุดอีกเล่ม เขียนคำศัพท์จากข่าวนั้นเองโดยไม่ดูตัว เพื่อทดสอบตัวเองว่าจากทั้งหมดเท่านี้คำ จำได้กี่คำ ทำแบบเนี้ยๆ วนไปทุกวัน เคยเอามานับข่าวเหมือนกันได้ประมาณ 100 กว่าเรื่อง (ข่าวมีหลายแนวอ่ะการเมือง สังคม บันเทิง กีฬา อุบัติเหตุ ภัยธรรมชาติ เศรษฐกิจ อ่านปนๆกันไปเลย)

เห็นผลได้ยังไง? เป็นความรู้สึกว่าเวลาเดินไปห้าง ตลาด ชื่อร้านค้า หรือเวลาเห็นป้ายโฆษณาที่มีภาษาอังกฤษแล้วเราอ่านออกและรู้ความหมายของคำศัพท์ มันทำให้เราใจชื้นและมีกำลังใจในการเรียนมากขึ้น

ฝึกอันบทความข่าวสั้นๆ ไปเรื่อยๆ และอัพสกิลมาอ่านหนังสือการ์ตูน นิยายอังกฤษ ของ winx club, oxford book worms ตอนนี้อ่านได้หลายเรื่องเลยค่ะ

ต่อมาพออ่านข่าว/ฟังข่าวแบบมีตัวหนังสือไปสักพัก เริ่มอยากฝึกการฟัง พี่จินตนาการว่าพี่เป็นเด็กเลย เริ่มจากดูการ์ตูนเด็ก micky mouse/ Peppa pig อื่นๆ ความยาวประมาณ 4-5 นาที ฟังๆไป หลายรอบมากค่ะ แรกๆไม่รู้เรื่อง ได้ยินเป็นคำๆ หลังๆ จะรู้เรื่องไปเอง

ด้วยความที่ชอบดูบาร์บี้ตั้งแต่เด็ก เวอร์ชันไทยนะคะ ดูเกือบทุกเรื่อง จำได้เกือบทุกฉาก ว่าตัวละครพูดอะไรกัน เลยเริ่มอัพสกิลเริ่มมาดูเวอร์ชั่นอังกฤษ แล้วเข้าใจไปเลยว่าสิ่งที่นางพูดอังกฤษ เป็นประโยคแบบนี้ในเวอร์ชั่นไทย จำประโยคสำเร็จรูปมาใช้ มาดัดแปลงเลยค่ะ !ปัจจุบันดูหลายเรื่องแล้วค่ะ การ์ตูนดิสนีย์ด้วย บางเรื่องดูครั้งแรกไม่เข้าใจ ดูหลายๆครั้งรู้เรื่องไปเองค่ะ

พยายามดูคลิปอะไรก็ได้ content ที่เราสนใจจาก YouTuber ที่เป็นฝรั่ง เพราะบางทีเราจะได้คำศัพท์ที่คนใช้กันจริงๆ ที่เราไม่เคยรู้ ครูไม่เคยบอก คำแสลง พวกเนี้เยอะเลยค่ะ *เป็นจุดเริ่มต้นที่อยากมีแฟน

ฝอด้วยแหละ 5555*

เขียน/พูด ก็เหมือนกัน พี่จินตนาการว่ามีแฟนฝรั่ง ฝึกเขียนจดหมายถึงนาง จิตนาการว่าพูดกับนาง และพี่ก็ฝึกพูดกับฝาแฝดของพี่ด้วยค่ะ พูดถูก/ผิด ไม่สนใจอ่ะ เข้าใจกัน ถือว่าโอเค

ถามว่าตอนนี้พี่เก่งมั้ย ตอบว่าไม่ค่ะ ก็พัฒนาไปเรื่อยๆ ไม่ได้อ่านออกทุกคำ ไม่ได้ฟังได้ทุกคำ ไม่ได้พูดแบบไฟแลบ แต่พี่ถือว่ามันดีขึ้นกว่าเก่ามาพอสมควร

จากเด็กคนนึงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้ชอบอังกฤษมากๆ เคยได้ไปแลกเปลี่ยนฝึกสอนที่อินโดนีเซีย 1 เดือน, สอบโทอิคผ่านตามเกณฑ์, ตอนนี้ช่วยติวอังกฤษให้เพื่อน, พอฟัง-พูดอังกฤษรู้เรื่อง ถือว่าดีมากๆ แต่ก็ต้องพยายามต่อไปค่ะ


ขอบคุณสำหรับทุกคนที่มาอ่าน เขียนยาวมากค่ะ

แนวทางที่บอกนำไปปรับได้ค่ะ !แต่ละคนให้แนวทางที่ต่างกัน เอาไปปรับให้เหมาะกับตัวเอง ดีที่สุดค่ะ

โฟกัสที่ผลลัพธ์นะคะ อย่าโฟกัสที่เวลา ไม่ต้องถามว่านานแค่ไหน คนเราพื้นฐาน และความรวดเร็วในการเรียนรู้ไม่เหมือนกัน เวลาไม่เท่ากันแน่นอนค่ะ

ทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวและความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะ

️ใครมีอะไรอยากรู้เพิ่มถามได้นะคร้ะๆๆๆ

สู้ๆๆๆ ค่ะ


F.












1
Fairy 9 พ.ค. 64 เวลา 11:13 น. 11-1

จริงๆ พี่ใส่ไอตอนการ์ตูนให้อ่านง่ายนะ แต่พอโพสต์หายหมดเลย อ่านยากเลยทีนี้

0
Aaaa 9 พ.ค. 64 เวลา 12:34 น. 12

-วิธีเราคือดูในยููทูปแต่ไม่ใช่ที่เขาสอนภาษาตรงเลยแต่เป็นเหมือนvlogพูดกันเป็นภาษาอังกฤษแล้วมันจะมีซับให้ อันนั้นสำหรับเรามันค่อนข้างช่วยเราก็ได้ฟังการออกเสียงได้เห็นว่าคำนี้มันเขียนยังไงแล้วบางที่ก็จะมีสอดแทรกความรู้เล็กๆให้ด้วย เราว่ามันสนุกกว่าการดูแบบการสอนแบบในห้องเรียนสำหรับคนเบื่อง่ายแบบเรา

แนะนำช่องที่เราดูPeachii, Loukgolf's english room และอื่นๆอีกมากเยอะ

ลองๆปดูคลิปหลายคนแล้วดูว่าใครถูกจริตสุด

-วิธีนี้เป็นวิธีที่เราทำบ่อยสุดจัดรายการเหมือนมีคนสัมภาษณ์ตัวเองในหัวเป็นภาษาอังกฤษถ้าอยู่กับคนเยอะ ถ้าอยู่คนเดียวก็พูดมันออกมาเลยยย

ปล.ดูหนังเป็นซับไทยเสียงอังกฤษก็ช่วยนะ

ปล.สู้ๆค่าเราก็เคยอ่านไม่ค่อยออกพูดไม่ค่อยได้เหมือนกัน พูดก็แบบงูปลาๆ แต่ตอนนี้ก็พัฒนาขึ้นมาแล้ววว


0
Zinnestizia 9 พ.ค. 64 เวลา 12:39 น. 13

ถ้าเป็นอ่านไม่ออกแนะนำว่าให้ลองผสมพยัญกับสระดูค่ะ อย่าง R (ร, ล) + i (อิ) = ริ/ลิ อะไรประมาณนี้อะค่ะ บางทีสระตัวนึงอ่านออกเสียงได้มากกว่า 1 คำ อยากให้ลองดูค่ะ ;w;

0
สตาร์ดัสท์ 9 พ.ค. 64 เวลา 15:15 น. 14

อาจจะไม่ค่อยได้อ่านหรือเปล่าคะ ลองหาหนังสือเด็กมาอ่านค่ะ เริ่มจากเด็กเล็กก่อนเลย แล้วก็ขยับไปเรื่อยๆ หาอ่านในเว็บก็ได้ค่ะ อ่านพวกข่าวที่เราพอรู้อยู่แล้ว ข่าวดาราเคป๊อปที่เป็นภาษาอังกฤษก็ได้ ถ้าอ่านข่าวรู้เรื่อง เรียนอังกฤษต่อในมหาวิทยาลัยได้ค่ะ

0
Nitiyahhh 9 พ.ค. 64 เวลา 15:25 น. 15

ถ้ายังอ่านไม่ออกแนะนำให้เรียนเรื่องหลัก​โฟนิก(phonic)​ก่อนนะครับผม​ พออ่านโฟนิกคล่องแล้วค่อยไปแกรมมาร์ครับ








ส่วนตัวผมรับติวอังกฤษออนไลน์ระดับปูพื้นฐานด้วยครับแค่ชม.ละ60บาท​ เป็นติวเตอร์​หน้าใหม่เก็บประสบการณ์​สอนอยู่ครับ​ ติดต่อได้ที่

เฟส

https://www.facebook.com/niti.kaewtet.3

ไลน์​ > nitiyahhh
1
Sunshinedaisy 9 พ.ค. 64 เวลา 20:48 น. 16

ของเราเริ่มจากการแต่งประโยคเวลาเรียนแกรมม่า เรื่องละ 10 ประโยคขึ้นไป พยายามแต่งประโยคยากๆระหว่างนี้เราก็จะเจอคำศัพท์ใหม่ๆเยอะเลยแล้วส่วนใหญ่ก็จะจำได้ตลอดเพราะเหมือนเราได้ใช้คำศัพท์นั้นจริงๆเข้าใจบริบทของมัน ไม่ได้แค่ท่องจำความหมาย ทีนี้นอกจากได้คำศัพท์แล้วยังได้แกรมม่าไปในตัวด้วยค่ะ

0
Little Wiccan 10 พ.ค. 64 เวลา 04:49 น. 17

ถ้าเป็นในกรณีที่เห็นคำแล้วไม่รู้ว่าออกเสียงยังไง ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้ฟังเสียงจากเจ้าของภาษาเลยค่ะ ในยูทูปก็ได้ เพราะถ้าจะเอาคำอ่านออกเสียงที่เทียบเคียงไทย คือบางทีมันไม่เป๊ะ ยกตัวอย่างเช่น th- หรือ z- ที่ในระบบภาษาไทยจะไม่มีวิธีการออกเสียงนี้ โดยส่วนตัวแล้ว เมื่อ 3-4 ปีก่อน เราก็ไม่คล่องภาษาอังกฤษ แต่เราใจแข็ง ฝึกภาษาด้วยตัวเองโดยการอ่านและฟังแต่อังกฤษ ทั้งนิยาย บทความ ข่าว เพลง ซีรี่ส์ ทุกอย่างคืออังกฤษล้วน แรกๆ เราแทบร้อง เพราะคือไม่รู้เรื่องเลย แต่พอนานไปเราเริ่มชินหู ชินกับคำศัพท์และรูปประโยค คำไหนที่ไม่รู้ความหมายก็เปิดดิกชันนารี อาจจะจำความหมายไม่ได้ในตอนแรก แต่พอเห็นศัพท์นั้นบ่อยๆ มันจะเข้าหัวเองเลยค่ะ ทุกวันนี้เราฟังรู้เรื่อง (ยกเว้นสำเนียงถิ่นนะ อย่างออสเตรเลียนี่คือต้องฟังหลายรอบหน่อย ไม่คุ้น 555) อ่านคล่อง แกรมม่าถึงจะไม่เป๊ะ 100% แต่ใช้ได้คล่องกว่าตอนเรียนมาก เพราะตอนเรียนในตำรา มันไม่ได้เอาไปใช้จริง คือแค่จำได้แต่ใช้ไม่เป็น แต่พอเจอของจริงบ่อยๆ เลยได้แล้ว 5555 สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

0
kim 10 พ.ค. 64 เวลา 10:46 น. 18

พยามยามฝึกฝนต่อไปครับ โอเค ภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ใช้งานก็ติดๆขัดๆเป็นธรรมดา

แต่ถ้าลองได้ใช้ขอให้ใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ดูซีรี่ ดูหนัง แบบไม่อ่านแปลไทย นะ ลองสักครึ่งปี

รับรองว่ามันมาแน่นอน มีคนเคยเป็น ยังงี้เยอะ พยามยามฝึกฝนไปเรื่อย เอาให้ชัวร์ไม่ต้องกดดันมากฟังมันไปลื่นๆ เดี๋ยว ก็ได้เอง what the fa holy shi ประมาณนี้ สำเนียงต้องฝึก ลิ้นเยอะหน่อย

0
OOP 10 พ.ค. 64 เวลา 15:21 น. 19

สมุดเปล่า 1 เล่ม เขียนคำที่ศัพท์ที่ต้องการจจะ จำ เขียนซำ้ แล้วก้อหัดสะกด แล้วเขียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะจำได้ พอจำได้ก้อหัดทดสอบโดยการนึกแล้วเขียน วิธีการโบรานหน่อย แต่ใช้ได้นะแล้วถ้าต้องการออกเสียงให้ถูก ก้อหัดใช้กูลเกิ้ล ทรานสเลต เข้าช่วยออกเสียง เวลานอน ก้อนึกสิ่งที่เรียนและเขียนไปมันช่วยได้ระดับหนึ่ง

0
ไม่ระบุ 10 พ.ค. 64 เวลา 15:45 น. 20

คือผมก็ไม่ค่อยเก่งเท่าไรนะ แต่อ่านได้ครับ

ขอแนะนำวิธีสวนตัวนะครับ (คิดว่าง่ายสุดแล้วครับ) "สวนตัวนะครับ"


1. ต้องทำความเข้าใจระหว่าง สระ กับ พยัญชนะ อะครับ

พอเราแยกออกแล้ว สระก็เหลื่อไม่กีตัว

2. อันนี้คือ (หนักหน่อยนะ) ต้องท่องจำให้ขื้นใจเลยว่า สระ และ พยัญชนะของ En คือสระ และ พยัญชนะ อะไรของภาษาไทยครับ

"พยัญชนะ ไม่จำเป็นต้องครบทุกตัวนะเอาแค่ตัวเดียวพอครับ เพาะเราต้องการแค่อ่าน" เช่น:

C= ฃ. ค, ฅ, ฆ (ใช้ ตัวเดียวก็พอครับ)

S= ส

T= ท

H= ฮ

(สำเนียงค่อยๆฝิกครับ)

3. ผสมครับ

-ผสมระหว่าง สระ กับ สระ , พยัญชนะ กัย พยัญชนะ แล้วเสี่ยงมันจะเปลียนรูปแบบของมันเองครับ

หนั่งสือเรี่มเรียน ABC จะมีครบครับ



#แล้วก็ฝืกอ่านครับ (อ่านแม่งทุกอยางที่ขวางหน้า เจออะไรที่ไหนอ่านให้หมด ถูกผิดช่างมัน ) ถ้าสงใสก็ใช้ Google translate ดูครับ ว่าเราออกเสี่ยงถูกมั้ย เพราะมันจะมีเสียงอ่านให้ด้วยครับ



"# ย้ำนะครับ วิธีสวนตัว ผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยด้วยครับ"

0