Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

อยากรวย ต้องดู! เทคนิคหาเงินแบบ มหาเศรษฐี EP7 - Li Shufu (Geely Motors)

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
อยากรวย ต้องดู! เทคนิคหาเงินแบบ มหาเศรษฐี EP7 - Li Shufu (Geely Motors)


 
              cheeky วันนี้เราจะมารู้จักกับ  หลี่ ชูฝู (Li Shufu) ชายผู้เริ่มต้นธุรกิจด้วยเงิน 120 หยวนหรือ 600 บาทไทย สู่เจ้าของผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ Geely  (จี๋ลี่) ที่ติดอันดับมหาเศรษฐี 1 ใน 10 ของจีน จนสามารถมีบริษัทแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ซึ่งกว่าที่จะเติบโตและยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้บุคคลท่านนี้มีที่มาอย่างไร?! และสามารถหาเงินจนเป็นมหาเศรษฐีได้อย่างไรหลาย ๆ คน เริ่มอยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ ฉะนั้น เราไปหาคำตอบด้วยกันในบทความนี้กันเลยครับ

              สำหรับใครหลาย ๆ คน ที่ได้ติดตามข่าวสารแวดวงคนสำเร็จ ก็คงเคยได้ยินข่าวมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย ที่ว่าค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากแดนมังกรอย่าง Geely (จี๋ลี่) ที่ปัจจุบันได้เป็นเจ้าของแบรนด์รถชื่อดังแดนไวกิ้งอย่าง Volvo อยู่แล้ว ซึ่งตอนนี้ก็ได้เข้าขอซื้อหุ้น Daimler บริษัทแม่ของ Mercedes-Benz จำนวน 3-5% ด้วยมูลค่ารวม 4 พันล้านยูโร หรือประมาณ 152,000 ล้านบาท ล่าสุดยืนยันเรียบร้อยแล้วว่า ดีลนี้ได้ประสบความสำเร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  เขาเลือกที่จะซื้อบริษัทแม่ของบริษัทผลิตรถเบนซ์มาครอบครอง ฉะนั้น ประวัติของ หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  เป็นบุคคลที่มีความน่าสนใจ ถือได้ว่าเขาเป็นตัวแทนในการหาเงินของนักธุรกิจใหญ่ไปจนถึงคนรุ่นใหม่ของประเทศจีนในปัจจุบัน แต่จะมีความตื่นเต้นท้าทาย ในการเริ่มต้นของบุคคลนี้อย่างไร แนวคิดในการหาเงินของเขาสุดยอดแค่ไหน มาดูกันครับ 

            mail  เมื่อปี 1963 หลี่ ชูฝู (Li Shufu) เกิดในครอบครัวชาวนาธรรมดาในอำเภอไถโจว มณฑลเจ้อเจียง ภาคตะวันออกของประเทศจีน เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมปลาย ก็ออกจากบ้านสร้างฐานะตัวเองตามกระแสความนิยมของวัยรุ่นจีนในสมัยนั้น เริ่มแรก หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  ได้รับเงินจากพ่อของเขาในการลงทุนตอนนั้นเพียง 120 หยวน และนำเงินก้อนนี้ไปซื้อกล้องและนำมาขายต่อ จนสามารถเปิดร้านถ่ายรูป มีลูกค้ามากพอสมควร แต่เขาเองก็ไม่คิดว่าธุรกิจนี้จะเติบโตทำให้รวยเร็วได้ตามที่เขาต้องการ เมื่อเขาได้ทำธุรกิจร้านถ่ายรูปเป็นเวลา 1 ปี ก็ปิดร้านไปทำธุรกิจใหม่ และในปีนั้น หลี่ ชูฝู (Li Shufu) ได้มีอายุเพียง 21 ปี และมีทรัพย์สินทั้งหมด 2,000 หยวน

              ซึ่ง ณ เวลานั้น ตู้เย็นถือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีขายจำนวนน้อยมากและราคาสูงในประเทศจีน จึงทำให้เขามีไอเดียที่อยากจะขายชิ้นส่วนตู้เย็น และเห็นว่า เทคโนโลยีของตู้เย็นไม่ซับซ้อน สามารถที่จะประกอบเองได้ หลี่ ชูฝู (Li Shufu) ก็เลยสร้างโรงงานผลิตตู้เย็นขึ้นมา ปรากฏว่า ธุรกิจนี้ขายดีมากจนทำให้ยอดขายภายใน 1 ปีทะลุถึงประมาณ 50 ล้านหยวน หรือประมาณ 250 ล้านบาท และนั่นคือธุรกิจเมื่อ 30 กว่าปีก่อน   enlightened

              ต่อจากนั้น รัฐบาลจีนปรับปรุงโครงสร้างการผลิต มีการออกนโยบายที่สั่งปิดโรงงานผลิตขนาดเล็กที่ก่อให้เกิดมลพิษค่อนข้างมากจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมถึงโรงงานผลิตตู้เย็นของเขาด้วย ฉะนั้น เขาจึงจำใจที่จะต้องปิดโรงงานและไปเรียนต่อที่เมืองเซินเจิ้นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ของจีน โดยเรียนสาขาวิชาการบริหารเศรษฐกิจ และในขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่นั้น เศรษฐกิจจีนกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ประชาชนจีนรวยขึ้น และพากันซื้อบ้านใหม่ ตกแต่งบ้านใหม่ หลี่ ชูฝู (Li Shufu) ไม่รอช้าเห็นถึงโอกาส ในการค้าวัสดุก่อสร้าง จึงรีบตั้งโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้างขึ้นมาอีกครั้ง และอีกไม่นานโรงงานของเขาก็ได้ผลิตแผ่นอลูมิเนียมโค้งแบบแรกของจีน

              เมื่อปี 1994 หลี่ ชูฝู (Li Shufu) ก็ได้สังเกตเห็นว่า ทั่วประเทศจีนมีโรงงานผลิตรถจักรยานยนต์ทั่วไปจำนวนมาก แต่ไม่มีการผลิตรถจักรยานยนต์ระดับหรูก็เลยตัดสินลงทุนในด้านนี้ จนมาถึงจุดเริ่มต้นในการทำธุรกิจที่ใครก็คาดไม่ถึง นั่นก็คือ การจัดตั้งกลุ่มบริษัท จี๋ลี่ (Geely) จนถึงปี 1998 เขาสามารถผลิตรถจักรยานยนต์ 350,000 คันต่อปี นอกจากครองตลาดจีนแล้ว ยังส่งออกไปจำหน่ายยัง 28 ประเทศ และสร้างกำไรอย่างมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว   yes


ขอบคุณเครดิจภาพจาก https://www.magcarzine.com/zhejiang-geely-history/

              ปี 1999 หลี่ ชูฝู (Li Shufu) มีการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สร้างโรงงานผลิตรถยนต์เอง และกำหนดราคาประมาณ 30,000 หยวน หรือประมาณ 150,000 บาท ซึ่งนับเป็นข่าวใหญ่ของสังคมจีนในเวลานั้น เพราะรถยนต์ที่วิ่งตามถนนทั่วประเทศจีนในตอนนั้น ส่วนใหญ่เป็นรถต่างประเทศ และมีราคาสูงมาก และเป็นความโชคดีที่ปี 2001 จีนยื่นเรื่องขอเข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกสำเร็จ ราคารถยนต์ต่างประเทศในจีน รถยนต์ร่วมทุนที่ผลิตในจีน ตลอดจนรถยนต์ที่จีนผลิตเอง ต่างลดราคาลงเป็นจำนวนมาก ทำให้ประชาชนจีนรู้ว่า เมื่อก่อนที่รถยนต์คันหนึ่งขายในราคาหลายแสนหยวน ปัจจุบันมีราคาที่ลดลงจากเดิมทำให้คนจีนได้มีความคิดที่เปลี่ยนไปและมีความคิดที่ว่า รถยนต์หลายหมื่นหยวนก็ใช้ได้ดีเช่นกัน ซึ่งเป็นราคาที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ซื้อได้

              ทำให้ปีนั้นรถแบรนด์ จี๋ลี่ (Geely) ขายรถยนต์ 30,000 คันในจีน และต่อมายอดการจำหน่ายสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2005 แบรนด์รถยนต์ จี๋ลี่ (Geely) ขายรถยนต์ได้ถึง 300,000 คัน ยอดจำหน่าย 3,000 ล้านหยวน สร้างกำไร 200 ล้านหยวน ในปี 2006 บริษัท Zhejiang Geely Holding Group ได้ลงทุนและกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของบริษัทผู้ผลิตรถแท็กซี่ London Taxi ของประเทศอังกฤษที่มีชื่อว่า Manganese Bronze Holdings และในปี 2010  นี้เองชื่อของ หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  ก็ดังระเบิดเมื่อ Geely Holding Group เข้าซื้อกิจการผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 93 ปีอย่าง Volvo Car Corporation แต่ก็ไม่ราบรื่น เพราะปัญหาความแตกต่างเรื่องวัฒนธรรมองค์กรกับคนงานวอลโว่ที่มีอยู่กว่าสองหมื่นคน แต่ก็ใช่ว่าจะผ่านมาปัญหานี้ไปไม่ได้ จนกระทั่ง บริษัท Zhejiang Geely Holding Group ได้ใช้เงินกว่า 9,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 285,000 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นร้อยละ 9.69% ของเดมเลอร์ (Daimler) บริษัทรถยนต์ชื่อดังของเยอรมนี ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Mercedes-Benz และกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของเดมเลอร์ ซึ่ง หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  แสดงถึงความชัดเจนว่า ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเรียนรู้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าของ Mercedes-Benz ที่กำลังทำการตลาดผ่านแบรนด์ EQ ที่มีแผนจะวางตลาดรถยนต์ไฟฟ้าราว 10 รุ่นภายในปี 2022 รวมทั้งจะก้าวไปเป็นผู้นำเรื่องเทคโนโลยีแบตเตอรี่และการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตอันใกล้นี้

              และในปัจจุบัน กลุ่มค่ายรถยนต์ จี๋ลี่ (Geely) นอกจากจะเป็นเจ้าของยี่ห้อตัวเองแล้ว ยังเป็นเจ้าของแบรนด์ดังอีกมากมาย ทั้ง Volvo, Lotus, Polestar, Proton, London Taxi เป็นต้น ดังนั้นการเข้าไปถือหุ้นครั้งนี้ น่าจะทำให้ Mercedes-Benz มีโอกาสในตลาดใหญ่เพิ่มขึ้น เพราะจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจมั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีประชากรมากที่สุดในโลกนั่นเอง   wink

              เป็นอย่างไรบ้างครับ จากชายที่มีทุนจากผู้เป็นพ่อเพียง 120 หยวนวันนั้น สู่ผู้มีอิทธิพลที่มั่งคั่งในวันนี้ ผมเชื่อว่าใครหลาย ๆ คนก็คงอยากจะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่าง หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  แต่ผมต้องบอกเลยนะครับว่าเส้นทางของเขาไม่ได้มีแค่ความพยายาม และลงมือทำอย่างต่อเนื่องแค่เพียงอย่างเดียว แต่เขามีแนวคิดในการหาเงินที่ใคร ๆ ก็สามารถเริ่มทำได้เลย แต่แนวคิดนั้นจะเป็นอะไร มีปัจจัยสำคัญในการทำธุรกิจแล้วรวยเร็วแบบไหน วันนี้ผมสรุปมาให้คุณเรียบร้อยแล้วครับ

              heart 1.      มีฝันที่ยิ่งใหญ่ไม่มีอะไรมาต้านทานได้ : ถ้าหากคุณได้มีการอ่านบทความมาตั้งแต่ต้น คุณจะรู้เลยครับว่า หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  มีความฝันที่อยากจะร่ำรวยด้วยการสร้างธุรกิจเป็นของตัวเอง และมองเห็นถึงโอกาสที่จะทำให้เขาร่ำรวยได้ขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้มีอุปสรรค์ก็สามารถพลิกเหตุการณ์ร้าย ให้กลายเป็นดีได้

               heart  2.      ขายของทั่วประเทศ : ให้คุณสังเกตแนวคิดของ หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  นะครับ ว่าทุกธุรกิจของเขามักจะเกิดขึ้นจากการแก้ไขปัญหาของคนในหมู่มาก โดยคำนึงถึงสินค้าที่เป็นปัจจัยหลัก ๆ ที่คนต้องใช้ในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น การผลิตรถยนต์ จี๋ลี่ (Geely) ที่มีราคาถูก แต่มีคุณภาพเทียมเท่ากับรถหรู ฉะนั้น รถยนต์แบรนด์ จี๋ลี่ (Geely) จึงได้ครองใจประชนชาวจีนไปทั่วประเทศและมียอดขายที่ถล่มทลาย เพราะมีราคาที่คนจีนสามารถจับต้องได้

              heart  3.      เชี่ยวชาญการตลาด : บางคนอาจจะยังสงสัยในการตัดสินใจของ หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  ว่าทำไมถึงกล้าลงทุนกลับบริษัทข้ามชาติในจำนวนเงินมหาศาลเช่นนั้น เหตุผลหลัก ๆ ก็คือนอกจากจะอยากเรียนรู้ในการผลิตสินค้าของชาวตะวันตกแล้ว หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  ได้มีการคิดการไกลที่ว่า การซื้อหุ้นหรือบริษัทข้ามชาติในครั้งนี้หรือครั้งไหน ๆ เป็นเพราะเขานั้นอยากจะสร้างความมั่นใจและความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าทั่วโลก โดยเหตุผลที่ว่าคุณรู้จัก แบรนด์รถยนต์  Volvo คนรู้จัก แบรนด์รถยนต์ Benz แต่ยังไม่มีใครรู้จักแบรนด์รถยนต์ จี๋ลี่ (Geely) และเมื่อเขาได้ตัดสินใจซื้อและลงทุนกับบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ สื่อและคนทั่วโลกก็ต้องเริ่มให้ความสนใจเขาและเริ่มที่จะรู้จักแบรนด์รถยนต์ จี๋ลี่ (Geely) ของเขามากขึ้น นั่นเอง


ขอบคุณเครดิตภาพจาก https://marketeeronline.co/archives/209376

              blush  ดังนั้น คุณก็จะเริ่มรู้และเข้าใจในมุมของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จแล้วนะครับว่า พวกเขามักจะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งความฝันที่ยิ่งใหญ่ก็เปรียบเสมือนว่าเป็นมายด์เซ็ตขึ้นมาในหัวว่าจะต้องลงมือทำอย่างไรให้ไปถึงฝันใหญ่ให้สำเร็จ ซึ่งทุกธุรกิจที่จะทำให้คุณรวยเร็วได้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการแก้ไขปัญหาให้กับคนหมู่มากให้ได้ โดยจะต้องมีการตลาดที่เหมาะสมในธุรกิจมาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขยายฐานลูกค้าและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจคุณด้วย

              ถึงแม้ว่าในวันนี้ คุณอาจจะยังไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่าง หลี่ ชูฝู (Li Shufu) แต่ก็ใช่ว่าคุณจะทำไม่ได้เลย เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้จากความพยายามที่ต่อเนื่อง ไม่กลัวการล้มเหลว ที่สำคัญคุณต้องกล้าที่จะฝันใหญ่แล้วลงมือทำทันที หรือคุณคิดว่าอย่างไร จะเริ่มนำแนวคิดของ หลี่ ชูฝู (Li Shufu)  ในปัจจัยไหนมาปรับใช้ก่อนดี สามารถแสดงความคิดเห็นมาได้ตามคอมเมนต์ด้านล่างนี้เลยนะครับ  cheeky

=====================================================

   สำหรับใครที่อยากได้รับอรรถรสเพิ่มมากขึ้น สามารถคลิกวีดีโอได้ตามด้านล่างนี้นะครับ

แสดงความคิดเห็น

>