Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

จากท็อปห้อง สู่ความผิดหวัง

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

นี่เป็นกระทู้แรกของเรานะคะ ถ้าเรื่องมันงงต้องขออภัยค่ะ

เราเป็นคนที่เรียนค่อนข้างเก่งค่ะ เราจบประถมด้วยเกรดเฉลี่ย 4.00 จากรร.วัด มัธยมตอนต้น 3.91 จากรร.ขยายโอกาศ และตอนนี้เรากำลังศึกษาอยู่ ปวช.2 ที่วิทยาลัยประจำจังหวัดค่ะ

เราทำใจไว้แล้วว่าต่อจากนี้คงมีอะไรที่เราต้องเผชิญอีกมาก ไม่ได้มีแค่เราแล้วที่เก่ง คนอื่นๆที่เก่งกว่าเราต้องมีอีกเยอะแน่นอน จึงทำใจเรื่องเกรดไว้แล้วค่ะ


แต่ความภูมิใจและความคาดหวังของเราก็เกิดขึ้น เราได้ท็อปห้องทั้ง 2 เทอม เกรดเฉลี่ยสะสม 3.80

เพื่อนทุกคนต่างชื่นชมเรา รวมทั้งอาจารย์ที่ฝึกเราทำกิจกรรมต่างๆ

แต่แล้ววันที่เราผิดหวังก็มาถึง พึ่งเกิดสดๆก่อนตั้งกระทู้เลยค่ะ เราเริ่มสังเกตตัวเองมาเรื่อยๆจนถึงตอนนี้ เราเริ่มสอบไม่ผ่าน ได้คะแนนน้อย ฟังอาจารย์ไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำให้เกิด "ความผิดหวัง" ในตัวเองค่ะ

จริงอยู่ที่ว่าเราเตรียมใจไว้แล้ว ส่วนตัวเราจะไม่ซีเรียสแล้ว แต่ดันมีเพื่อนและคนในครอบครัวมาถามว่า "ทำไมทำได้แค่นี้" และโดนถามอยู่บ่อยๆ เราก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเรา ทั้งที่เราใช้ชีวิตเหมือนเดิมปกติ ตอนเรียนทำได้แต่ตอนสอบไม่ผ่านเลย

เราคิดว่าเราน่าจะไม่มีสมาธิมากพอ หรือความผิดหวังมันทับถมในใจจนเริ่มหมดไฟก็ไม่รู้

แต่หลังจากนี้เราตั้งใจว่าเราจะนั่งสมาธิทุกวันค่ะ555 ถ้าทำได้คงเป็นผลดีต่อตัวเองมาก

สำหรับใครที่อ่านจนจบต้องขอบคุณมากๆนะคะ พอได้เล่าก็เล่ายาวเลย555

ใครที่เจอปัญหาแบบนี้เหมือนกันก็มาแชร์กันได้เลยนะคะ หรือถ้าอยากแนะนำอะไรก็เชิญเลยน๊า เราพร้อมปรับปรุงเสมอค่ะ️️

แสดงความคิดเห็น

>

17 ความคิดเห็น

เข้าใจได้ 21 ก.ค. 64 เวลา 12:20 น. 1

ถ้าคิดว่ามันยากไป บางทีถอยออกมา หาอย่างอื่นทำ ก่อนได้นะคะ ถอยออกมาจากการเรียนก่อนสักพักก็ได้ พร้อมแล้วค่อยกลับไปขยันใหม่ บางทีก็เหนื่อยแหละ เข้าใจ

0
OKAY 21 ก.ค. 64 เวลา 14:40 น. 2

คำแนะนำ อย่าไปยึดติดกับเกรดมาก เรียนให้จบหลักสูตรได้ก็พอ มีและศักดิ์และสิทธิ์เท่ากัน


วุฒิ. ปวช ปกติเวลารับทำงานเขาก็ไม่ได้เน้นดูเกรดกัน จุดสำคัญคือรู้ที่เรียนและทำงานได้และมีความอดทน

0
Motica 22 ก.ค. 64 เวลา 07:47 น. 3

“อยู่อย่างมีความหวัง เเต่อย่าอยู่อย่างคาดหวัง “ ไม่มีใครเหมือนเดิมทุกวันหรอก สิ่งที่เราเคยทำได้อาจจะทำไม่ได้ในวันนี้ เเต่สิ่งที่เราไม่เคยทำได้อาจทำได้เเล้ววันนี้ อย่าไปยึดติดกับอดีตจนทำให้เราก้าวต่อไปไม่ได้ หัดชมตัวเองให้กำลังใจตัวเอง สู้ๆเดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ปล.ไม่เคยประสบกับปัญหานี้เเต่เคยให้คำปรึกษากับปัญหาที่คล้ายๆกัน

0
แมว 22 ก.ค. 64 เวลา 08:12 น. 4

บางคนอยู่ในระบบการศึกษา เรียนดี ได้เกรดเยอะ พอเรียนจบออกมา ต้องใช้ชีวิตกับสังคมภายนอก ค้นหาตัวเองไม่เจอว่าอยากทำอะไร ต้องทนใช้ชีวิตแบบไม่มีความสุข ไม่ได้ทำงานในสิ่งที่เราชอบ เกรดไม่ช่วยอะไรเลย

แนะนำว่า ตอนนี้ที่ยังมีเวลา ให้หาสิ่งที่ตัวเองชอบให้พบ แล้วไปฝึกฝน ทำสิ่งนั้นให้เก่ง แล้วชีวิตที่เหลือจะอยู่กับมันไปตลอด ทุกวันจะมีความสุข

0
Magical green forest 22 ก.ค. 64 เวลา 08:36 น. 5

จริงๆเรื่องราวของพี่มีลักษณะคล้ายๆน้องอยู่นิดนึง(มั้ย?555) จะพยายามเล่าให้ฟังให้สั้นที่สุดนะ5555 ปกติพี่จะชอบเขียนอะไรยาวๆ…. และพี่เป็น Thinking introvert ซึ่งเป็นบุคคลที่จมกับความคิด วิเคราะห์ และจินตนาการด้วย)


ตอนป.3 พี่เคยเรียนอยู่ห้องธรรมดา รร.ประถมของพี่จะไม่ใช่คิดแค่เกรด แต่จะเฉลี่ยรวมทุกวิชาให้เป็นคะแนนเต็ม 100 ด้วย พี่ได้ที่ 1 ของห้อง ทั้ง 2 เทอม(รร.ประถมพี่มีนักเรียนประมาณ 50 คนต่อห้อง)

ตอน ป.4 พี่ถูกให้ได้ไปอยู่ห้อง king พี่ได้ที่ 24 กับ 26 แต่เขาให้พี่ออกไปอยู่ห้องธรรมดา ตอนป.5 พี่ก็ยัง งงๆ5555

ป.5 พี่ได้ที่ 1 ของห้อง ทั้ง 2 เทอม จึงได้กลับมาห้อง king ตอนป.6 แต่ได้ที่ 43 กับ 39 นะ555


มัธยมต้นพี่อยู่ห้องธรรมดา ที่ไม่ใช่ทั้งห้อง king และห้องโครงการพิเศษ พี่เคยได้ที่ 1 และเคยได้ 4.00 แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งหรอก แต่ลำดับที่จะวนๆอยู่แถวที่ 1-3


มัธยมปลาย พี่เริ่มควบคุมความคิดตัวเองไม่ค่อยได้ เริ่มไม่มีสติสมาธิมากขึ้น พี่อยู่ห้อง king ที่ไม่ใช่ห้องโครงการพิเศษ พี่เคยได้เกรดน้อยสุดม.ปลาย 3.79 แต่พี่ก็พยายามถีบตัวเองมา 3.97 ในเทอมถัดไป


ช่วงสอบเข้ามหาลัยพี่อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ควบคุมยากขึ้น กว่าพี่จะได้อ่านหนังสือ ใช้เวลานานมาก แถมขณะอ่านก็ไม่มีสติสมาธิอีก แต่พี่พยายามมาตลอด พยายามให้ตัวเองติดทันตะ แต่พี่ไม่ติด มาติดเภสัช ซึ่งเอาจริงๆพี่ก็ชอบเภสัชมากกว่าทันตะแหละ


ช่วงมหาลัยอาการพี่แย่ลงเรื่อยๆ เครียดเรื่องเรียนเพราะเริ่มไม่มีสติสมาธิ มีอาการซึมเศร้าหน่อยๆ พี่อยู่ตัวคนเดียว เพื่อนในคณะคิดว่าพี่ชอบอยู่คนเดียว บวกกับความเข้าใจผิดต่างๆ จริงๆพี่เป็นคนสดใส ช่างพูด อยากเห็นเพื่อนๆมีความสุข พี่เคยคิดว่าเพื่อนอึดอัดเวลาอยู่กับพี่ พี่เกรงใจก็เลยปลีกตัวมานั่งคนเดียว เกรดพี่อยู่รั้งท้ายคณะ มาตลอด


จนตอนนี้ไม่ถึง 2.00 และต้องลงทะเบียนเรียนซ้ำบางวิชา


พี่เผชิญชะตากรรมแบบนี้ พี่เจ็บปวด ความมั่นใจหายสิ้นไม่มีเหลือ แม้พี่จะมีเพื่อนที่เริ่มเข้าใจพี่มากขึ้นแล้วก็ตาม พี่คิดถึงอดีตที่ดี วิตกกังวลมากขึ้น และมาถึงวันที่พี่อาการหนักขึ้นจนควบคุมความคิดตัวเองไม่ได้อีกแล้ว และมีโอกาสพี่ได้ไปหาจิตแพทย์จริงๆซักที


พี่ถูกหมอวินิจฉัยว่าเป็น โรควิตกกังวลผสมซึมเศร้า(Mixed Anxiety and Depressive Disorder : MADD)


ทุกวันนี้พี่ก็กินยาอยู่ และยังคงเรียนคณะนี้อยู่ และก็ยังวิตกกังวลเรื่องเรียนอยู่ เพราะไม่ค่อยมีสติสมาธิเรียนเท่าไหร่ แต่สติสมาธิยังมีมากกว่าตอนที่ไม่กินยาเลย มีหลับในคาบบ้างเป็นปกติ555 แต่ก็พยายามเรียนต่อไป


พี่แค่อยากจะบอกน้องว่า ทุกอย่างมันไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืน มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นธรรมดา พี่ก็เริ่มปลงกับชีวิตแล้ว แต่การปลงของพี่คือ การยอมรับ ในตัวตนแบบนี้ แล้วก็ยังคงสู้ต่อจนถึงทุกวันนี้


ขอโทษนะที่พี่อาจจะเขียนยาวไปหน่อย5555 แต่หวังว่าน้องจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้นหลังจากนี้ พี่เข้าใจความรู้สึกน้อง ยังไงพี่ก็เป็นกำลังใจให้น้องนะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-01.png


0
ม.5 22 ก.ค. 64 เวลา 08:37 น. 6

มาตรฐานการศึกษาแต่ละที่ไม่เท่ากันหรือเปล่า เพราะตอนเราเรียนประถม-ม.ต้นเกรดก็เกาะอยู่ 3.9-4.0 ตลอด แต่พอย้ายโรงเรียนตอนม.ปลาย เกรดก็ลดฮวบมาอยู่ 3.6 เพราะเรียนยากกว่า ข้อสอบยากกว่า

จขกท.ลองปรับตัวดูไหม การเรียนมันย่อมยากขึ้นอยู่แล้ว เราใช้วิธีการแบบเดิม ๆ ตอนอยู่ประถมไม่ได้หรอกนะ แล้วก็อย่าทำให้ตัวเองท้อด้วยการติดตราตัวเองว่า 'ไม่เก่ง' ลองพยายามดูสักตั้งดีกว่า

0
AnmW 22 ก.ค. 64 เวลา 08:55 น. 7

สิ่งที่ทำได้คือ หมั่นทบทวนหนังสือ หาโจทย์มาฝึกเยอะๆ บางทีที่เราแย่ลงเพราะ เนื้อหายากขึ้น แต่ไม่ทบทวนเลย ไม่ได้ฝึกทำโจทย์เลย เผลอๆครูบางท่านสอนงง มันก็แย่ไปใหญ่เลยครับ

0
Tisha 22 ก.ค. 64 เวลา 08:57 น. 8

เป็นวิชาที่เคยถนัดไหม หรือเป็นวิชาใหม่

ถ้าเป็นวิชาใหม่ อาจจะเป็นรายวิชาที่เราไม่ถนัดจริงๆ คนเรามีความถนัดแตกต่างกัน เราก็ทำพอประคองไป ส่วนวิชาไหนที่เราถนัดก็ทำเต็มที่ ถึงยังไงความเก่งก็ออกมาวัดกันตอนทำงานอยู่ดี


แต่ถ้าเป็นวิชาที่ถนัดแล้วอยู่ดีๆก็ไม่เข้าใจ อาจจะมีปัญหาอื่น เช่นทความเครียด ความกังวล ลองออกกำลังกาย และนอนพักผ่อนให้ได้ 6-8 ชั่วโมง/วัน สักสัปดาห์นึง ถ้ายังไม่ดีขึ้นต้องลองปรึกษาคุณหมอ อาจจะเกิดจากการนอนกรน ทำให้หลับลึกไม่เพียงพอ มีผลต่ออารมณ์ และการทำงานของสมอง ลองหาทางดู เป็นกำลังใจให้นะ

0
22 ก.ค. 64 เวลา 09:48 น. 9

ถ้าเรื่องทำสมาธิเป็นสิ่งที่ดีนะคะ ช่วยเราฝึกเรื่องสติ แต่จากที่เราสังเกตคือตัวคุณไม่ได้รู้สึกแย่เพราะตัวเองสอบไม่ได้จริงๆหรอก แต่เป็นความกดดันที่เกิดจากคนรอบข้างของ จขกท. ที่มาพูดใส่ ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เราอยากให้จขกท. ใส่ใจคำพูดและความคิดคนอื่นน้อยลง หันมาโฟกัสที่ความรู้สึกตัวเอง กดดันตัวเองมากไปก็ไม่ดีค่ะ ถ้าช่วงนี้ล้าๆ ก็แค่พักผ่อนและผ่อนคลาย เมื่อไรที่เราพร้อมก็ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เป็นกำลังใจให้ค่ะ เพราะเราก็เคยเป็น

0
lovelyjinny 22 ก.ค. 64 เวลา 09:55 น. 10

ยิ่งเรียน เนื้อหาจะยิ่งยากขึ้น การที่คะแนนลดลง หรือสอบตกบ้างก็ไม่แปลกค่ะ อย่าคิดมากเลย ครอบครัวที่บ่นๆ ลองถามกลับสิคะ ว่าสมัยเรียนเค้าเป็นยังไง เค้าทำได้ไหม ถ้าเค้าทำไม่ได้จะได้เห็นใจเรา แต่ถ้าเค้าทำได้ ก็ถือโอกาสปรึกษาไปเลย ว่าทำยังไงถึงเรียนได้ดีตลอด

0
OOO 22 ก.ค. 64 เวลา 10:16 น. 11

ตามมาจากโพสในเฟสบุ้คค่ะ พี่อายุ 30 แล้ว อาจจะมุมมองไม่เหมือนคนรุ่นเดียวกันเท่าไหร่ แต่คิดว่าสิ่งที่จะแนะนำน่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ ด้วยความที่พี่ก็เคยประสบปัญหาแบบนี้ (จำเป็นต้องรักษาเกรดเพื่อทุนเรียนฟรี แต่เกรดตก)

- ข้อจำกัดของพี่คือไม่มีเงินกวดวิชา ทุกอย่างต้องกระจ่างตั้งแต่ในห้องเรียน + ทำพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียนถึง5ทุ่ม 5วัน/สัปดาห์ (นอนน้อยมาก ทำตั้งแต่เริ่มเข้าปวช.นี่แหละ)

- ข้อจำกัดของน้องอาจจะเป็นการเรียนออนไลน์ (หลุดโฟกัสแล้วกลับมายาก) + กวดวิชาก็ไม่ได้ ถ้าได้ก็ต้องออนไลน์อยู่ดี ไม่ได้สัมผัสครูเลย

----------------------------


ด้วยความที่ตอนนี้เราต้องเรียนที่จอ ทำให้หลุดโฟกัสได้ง่ายกว่าเรียนในห้อง ไม่ใช่แต่ตัวน้อง แต่เพื่อนๆหลายคนคงจะเป็นเหมือนกัน


ลองสำรวจตัวเองก่อนนะ ว่าตอนที่เรียนเรากำลังโฟกัสอะไร กำลังคิดอะไร โฟกัสในสิ่งที่เรียนในเวลานั้นไหม

- สบายๆ ยังไงเราก็เกาะท็อปอยู่แล้ว (ชะล่าใจ)

- เราจะต้องทำให้ได้ เกรดตก=ความอับอาย (กดดันตัวเอง คิดวน ใจไม่ได้อยู่ในบทเรียน)

- การเมืองมันห่วยแตก จะรอดจากโควิดไหม ทำไมแฟนไม่ตอบแชท ทำไมแม่ต้องด่า ฯลฯ (สมาธิหลุดไปเรื่องอื่น)

**ไม่ว่าคิดอะไรที่อยู่นอกเหนือบทเรียน ก็ถือว่าหลุดโฟกัส ไม่มีสมาธิแล้ว สิ่งที่จะแนะนำก็คือเราต้องเคลียร์สมอง เคลียร์ใจให้โล่ง ก่อนเข้าเรียนค่ะ


# การนั่งสมาธิช่วยได้จริง ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามาก ทำแค่พอเรียกสติเราได้ก็ถือว่าโอเคค่ะ - หลับตาลงช้าๆ ปล่อยจิตใจให้ตั้งอยู่กับปัจจุบัน ตามความเป็นจริง หยุดคิดเรื่องอดีต ปล่องวางเรื่องอนาคต แล้วปล่อยใจให้ว่างและรับรู้แค่ขณะนี้ เวลานี้ เรากำลังจะทำอะไร จากนั้นก็ค่อยลืมตาขึ้น บอกตัวเองว่าเรากำลังทำอะไร แล้วเอาใจไปวางไว้ตรงสิ่งที่เรากำลังทำ


# จากความคิดของน้องพี่มองว่าน้องเป็นคนที่มีความเพียรพยายามมากพออยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกดดันตัวเองเกินไป (ยิ่งจับแน่นแทนที่จะเป็นถือไปได้ไกล กลับยิ่งทำให้เละเทะและต้องทิ้งถือต่อไปไม่ได้) เกรดตกก็แค่รู้ว่าตกและเริ่มต้นใหม่ให้ไว อย่าเอาใจไปผูกกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว


# ไม่รู้ว่าเรียนออนไลน์สามารถถามหรือขอให้อ.อธิบายซ้ำได้ไหม แต่ถ้าไม่ได้เราต้องหาทางเคลียร์สิ่งที่ไม่เข้าใจทันทีที่จบคลาส หรืออย่างน้อยก็ต้องภายในวันนั้น เพราะพรุ่งนี้มันจะมีสิ่งที่เราไม่เข้าใจเพิ่มขึ้น ซึ่งบางเรื่องอาจจะเป็นเพราะเกี่ยวเนื่องจากเรื่องก่อนหน้าที่เรายังไม่เข้าใจ อย่าสะสมไว้เพราะมันไม่ทีทางเคลียร์ได้ไวถ้าปล่อยให้มันทับถมกัน


# ถ้าตอนเรียนเข้าใจแต่ตอนสอบทำไม่ได้ ก็ต้องทำการบ้านมากขึ้นค่ะ ฝึกมือด้วยการนั่งทำโจทย์ซ้ำไปซ้ามา หรือหาโจทย์ใหม่ๆก็ได้ถ้าหาได้


# ไม่ว่าจะประสบกับอะไรมาก็ตาม อย่าเอามาคิดทำให้ใจร้อนรุ่มในตอนเรียนค่ะ

-----------------------


สิ่งที่สำคัญที่ทำให้เรามีสมาธิมากขึ้นคือ เราต้องเคารพในความสามารถตัวเองนะคะ เราเก่งแล้ว เราทำได้แน่ๆ สร้างความมั่นใจให้ตัวเองด้วย


ออกกำลังกายทุกเช้า ถ้าทำได้จะดีมากเลยค่ะ สมองปรอดโปร่งตั้งสมาธิได้ไวขึ้น


* ถ้าฝึกมองหาข้อดีในปัญหาที่เผชิญ เราจะมีแรงในการแก้ปัญหามากขึ้นค่ะ


ขอบคุณที่อ่านจนจบและหวังว่าจะช่วยให้น้องผ่านมันไปได้นะคะ

1
kxni_mn 31 ก.ค. 64 เวลา 01:05 น. 11-1

ฮีลใจสุดๆเลยค่ะ ขอบคุณพี่มากๆๆเลยนะคะ (ตามมาจากโพสต์ไหนหรือคะ หนูรู้สึกว่าเขียนในนี้ที่เดียว)https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-13.png

0
FB:Anyavee Thansamai 22 ก.ค. 64 เวลา 10:56 น. 12

เราแข่งกับตัวเองค่ะ คิดแค่ว่าฉันเรียนเพื่อเพิ่มความรู้ให้ตนเอง เกรดจะดีหรือไม่มันก็เป็นของฉันอย่าไปเปรียบตนเองกับคนอื่นเลยค่ะ ยิ่งเปรียบเทียบตัวเองก็จะยิ่งท้อ ตั้งสติ ถามตัวเองก่อนนะคะว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ และต้องแก้ไขมันยังไง ค่อย ๆ กลับมาค่ะสู้ ๆ นะคะ

0
ใช้ชีวิตให้สนุก 22 ก.ค. 64 เวลา 11:22 น. 13

เรียนเอาแค่จบ เอาแค่รอด ก็พอแล้วครับ ตอนผมเรียน ม.ปลาย เกรดไม่เคยแตะ 3 สอบตกเป็นว่่าเล่น สอบผ่านแบบคาบเส้นก็บ่อย แต่ก็ต้องพิสูจน์ให้คนรอบตัวเห็นแล้วว่าเราเอาตัวรอดได้ เราทำงานได้ พอเขาเห็นแบบนั้นเดี๋ยวเขาก็ปล่อยให้เราใช้ชีวิตเองแหละครับ

0
snp 22 ก.ค. 64 เวลา 13:48 น. 14

เราเคยเป็นเหมือนกันค่ะ 

ด้คะแนนดีมาตลอด ยิ่งช่วงสอบ ถ้าเราบอกเพื่อนว่าเครียด เพื่อนก็จะบอกว่า อย่างแกมีอะไรต้องเครียด ยังไงก็ได้คะแนนดีอยู่แล้ว จบที่ไม่มีใครให้บ่นหรือให้ปรึกษา จนเครียดและกดดันไปเองแบบไม่รู้ตัว 

มาเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่ปกติเรื่องอารมณ์ ไม่มีสมาธิ เดิมอ่านหนังสือ ไม่วอกแวกได้ 2-3 ชม. แต่พอเป็นคือ ทุก 15 นาทีต้องเป็นจับโทรศัพท์ เลยไปหาจิตแพทย์

หมอวินิจฉัยว่าเป็น panic และซึมเศร้า

ได้ยามากินอยู่ประมาณ 5 ปี ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ

.

อยากจะแชร์ว่า การสอบ/การอ่านหนังสือ ยังไงมันก็ต้องเครียดอยู่แล้วเป็นเรื่องปกติ ซึ่งถ้าตรงไหนเป็นจุดบกพร่อง เราก็พยายามแก้ไขให้ดีขึ้น แต่มันก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะเป็นอย่างที่เราหวัง เพราะฉะนั้น ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยค่ะ เราคือคน เรามีความรู้สึก 

เป้าหมายนั้นสำคัญ แต่หนทางจะไปสู่เป้าหมายก็สำคัญเช่นกันค่ะ

สุดท้่ายนี้..ถ้าเริ่มรู้สึกตัวว่ามันเปลี่ยนไปจากปกติ ลองปรึกษาจิตแพทย์ดูนะคะ สุขภาพจิตสำคัญมากๆ อย่าละเลย แม้กระทั่งวันเดียวก็ไม่คุ้มค่ะ เป็นกำลังใจให้เข้มแข็งนะคะ รักตัวเองให้มากๆ



0
ตอนนี้ตาแพนด้า 22 ก.ค. 64 เวลา 17:16 น. 15

ระดับม.ต้น ผมอยู่สายศิลป์ภาษาผมเคยสอบได้ที่ 1 ของระดับ 3 ปีติดครับ แต่ถึงกระนั้นครอบครัวก็ไม่เคยเอ่ยปากชมสักครั้ง แถมยังตราหน้าว่าโง่เพราะโรงเรียนเดิมนั้นไม่มีชื่อเสียงมากนักไม่เหมือนพี่ๆ ที่เรียนโรงเรียนดังๆ ก็เก็บความน้อยเนื้อนี้ไว้ในใจครับจนเข้าสู่ช่วงม.ปลายสอบสายวิทย์ติดโรงเรียนชื่อดัง ก็ได้รับการยอมรับมากขึ้น ตอนเข้ามาเรียนไม่ทันเพื่อนเลยครับ ตอนนั้นสอบ PreTest วิชาเคมีเป็นช้อยส์ 4 ตัวเลือก ตั้งใจทำมากแต่ได้ 0/12 เครียดมากไปนอนร้องไห้คนเดียว ในรายวิชาฟิสิกส์เพื่อนก็ตอบปากไวเป็นไฟตั้งแต่คาบแรก ผมนั่งมีแต่เครื่องหมายคำถามบนหัว ภาษาอังกฤษก็ฟังฝรั่งไม่รู้เรื่องเลย ไม่มีวิชาไหนที่ผมถนัดเลยครับ ท้อมาก ต่อมาผมได้มีเพื่อนดีๆ ที่เก่งมากๆ คอยแนะนำเสมอครับ ผมมักจะพยายามเลียนแบบเขาว่าเขาทำอะไรกันบ้าง และเพื่อนก็ชักชวนผมเข้ากลุ่มช่วยผมเรียน มาตั้งแต่เข้ามาไม่นานนัก ในบางวิชาที่ผมไม่เข้าใจเลยก็ได้อาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนฟิสิกส์ที่ดีมากๆ แถมรอบรู้ทุกวิชาจึงคอยติดตามอาจารย์ท่านนี้ให้ช่วยสอนตรงที่ไม่เข้าใจ (หลักเรียน5โมงเย็น) จนถึงม.5 ผลการเรียนดีีขึ้นมาเรื่อยๆ ครับจนแต่ต้องยอมรับว่าดีขึ้นไม่มากแบบก้าวกระโดด แต่เรียนแล้วมีความสุขมากครับ ค่อยๆ พัฒนาตัวเอง วิ่งรอบสนามแก้บนก็ท่องศัพท์ไปด้วย บางทีก็ท่องสูตรคณิตศาสตร์ ก่อนเคารพธงชาติหน้าเสาธงก็หยิบศัพท์อังกฤษไปท่องทุกวัน และเคมีที่เคยเป็นจุดอ่อนตอนนี้ก็เป็นจุดแข็งได้มีโอกาสแบ่งปันเพื่อนๆ ที่ตามไม่ทัน ได้มีกลุ่มเพื่อนที่คอยห่วงใย มีอาจารย์ที่เคารพช่วยไว้เสมอคอยสั่งสมประสบการณ์และเก็บความสุขมาเรื่อยๆ เมื่อถึง ม.6 เพื่อนในกลุ่มไปเรียนต่อต่างประเทศ ยอมรับว่าเศร้ามากที่จะต้องพึ่งตัวเอง เรียนคนเดียว แต่ผมมีไอดอลเป็นเพื่อนในกลุ่ม 2 คนนี้เรียนเก่งมากๆ ระดับแนวหน้าของชั้นเรียน ด้วยความที่ชอบเรียนและขยันของผม ผลการเรียนมันก็ตอบแทนให้เห็นได้ไม่นาน ผมจบชั้นมัธยมปลายที่แห่งนั้นด้วยตรารางวัล ส่วนเรื่องครอบครัวก็มีกดดันมาเรื่อยๆ แต่ผมคิดแค่ว่าเขาแค่อยากให้เราได้เรียนต่อที่ดีๆ สำหรับเขา ผมได้สอบเข้าคณะที่ผมอยากเข้าโดยที่พวกเขาก็สนับสนุนกัน (แม้จะชอบเหน็บแนมกันไม่หยุดก็เถอะ) อย่างน้อยใน 3 ปีมัธยมตอนปลายของผมก็ได้พิสูจน์ตัวเองว่าผมก็ทำได้เหมือนคนอื่นนะ ถ้าผมพยายาม จะมัวนั่งเศร้าก็ไม่ได้ เราต้องรีบลุกให้เร็วตามเพื่อนให้ทันครับ ผมเชื่อว่าต้องมีคนรอบข้างคอยให้การสนับสนุนเราอยู่แล้วครับ เป็นกำลังใจให้

0
มือลั่น 23 ก.ค. 64 เวลา 21:43 น. 16

เกรดดีก็เป็นรางวัลอย่างนึงในช่วงวัยเรียน แต่ยังมีอย่างอื่นอีกมากมายที่เราสามารถภูมิใจได้นอกจากเกรด ลองหาสิ่งที่ชอบหรืออยากทำดู จะช่วยลดความเครียดลงด้วย

0
ใบสน 24 ก.ค. 64 เวลา 00:58 น. 17

จากใจคนได้เกรด 3.80 - 4.00 และเคยสอบตกได้คะแนน 0.5 เต็ม 20 มาแล้ว

1.เลือกก่อนเลยว่าเราจะดีลกับสิ่งที่เกิดขึ้นยังไง จะทำใจสบายๆ ปล่อยเรื่องเกรดไป หรือจะฟิตเพื่อเอาเกรด ตัดสินใจให้แน่ก่อน

2.ถ้าจะฟิตเอาเกรด ลองดูดีๆ ว่าคะแนนทั้งหมดมันมาจากการสอบหรือเปล่า มีอีกหลายวิธีที่จะเอาคะแนนมา ตั้งใจทำงานส่งเนี๊ยบๆ คะแนนก็มา และได้ทบทวนเนื้อหาที่จะใช้สอบไปในตัว


สู้ๆ ทางที่ดีที่สุดคือหาตัวเองให้เจอ รู้ว่าตัวเองมีวิธีเรียนแบบไหน ประหยัดแรง ประหยัดเวลาขึ้นเยอะค่ะ //อ้อออ พักผ่อนให้พอ และไปเล่นสนุกด้วยนะ

0