Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

รีวิว KOSEN KMITL โคเซน ลาดกระบัง เตรียมตัว สอบ เพื่อน รุ่นพี่ สังคม แบบคราวๆ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

ข้อมูลทั้งหมดอิงจากปี 66* (อาจจะมีส่วนผิดพลาดไปบ้างนะๆๆ) **
เรื่องคือตอนเราพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับโคเซนตามเด็กดีกับพันทิป มันไม่ค่อยมีคนมารีวิวเลยย หายากมาก พอติดแล้วเลยอยากมารีวิว (แต่ยังไม่ได้เริ่มเรียน***) เผื่อรุ่นน้องรุ่นต่อๆไปๆๆสนใจ

โคเซ็น เป็นรร.ทุนญี่ปุ่น(มั้งนะ ได้ยินมาแบบนี้) เรียนฟรี มีเงินเดือนให้ 4,500 บาทต่อเดือน ค่าข้าวที่โรงอาหารก็ประมาณ 50 บาท ต้องอยู่หอทุกคน 1 ห้องนอน 2คน เตียง 2ชั้น มีระเบียง ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่าซักรีดเอง (ฟรีค่าห้อง)  แยกตึกชาย-หญิง สัดส่วนผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มี 3สาขา วิศวะmechatronic, วิศวะelectronic , วิศวะcomputer 1 สาขามี 2 ห้อง ห้องละ 24 คน เด็กทำสีผมหรือตัดผมทรงอะไรก็ได้ แต่จะเคร่งเรื่องเวลาเข้าหอมากกว่า รวมเด็กทั้งหมด 144 คน โดยพวกวิชาหลักที่เกี่ยวกับวิศวะจะเรียนกับเซนเซ เป็นภาษาอังกฤษ การเรียนจะเน้นปฏิบัติกับงานกลุ่ม ปี 1ชิวๆ ปีต่อไปก็จะหนักขึ้น มีสอบชิงทุนไปญี่ปุ่นได้แต่ต้องผ่านเกณฑ์ระดับภาษาญี่ปุ่น 3N

1. หาข้อมูล : ดูได้จากทั้งเว็บหลักโคเซน แล้วก็ช่องทางการของโคเซนเลย 


2. เตรียมตัว -- ส่วนตัวคือเรียนพิเศษอย่างเดียวเลย
O plus : วิทย์ คณิต มีเรียนสดที่สยาม กับเรียนเทป -- สูตรพื้นฐาน สูตรลัด สูตรท่องจำ แนวโจทย์ ได้มาจากที่นี่ทั้งหมด เพียงพอต่อการสอบเข้าโคเซน
คอสม.1 เทอม2, ม.2 เทอม 1, ม.2 เทอม 2, ม.3 เทอม 1, กวดเข้มเช้าเตรียม, ตลุดโจทย์ 1000 ข้อเข้าเตรียม, advanced trigonometry 

IRE Tutor - login (มีช่องยูทูปด้วย) : ฟิสิกส์(ชีตหลักง่าย ตรงไปตรงมา ชีตเสริมยากมากกกกกกก วิเคราะห์ยากกว่าโคเซน) คณิต(ชีตง่าย ตรงไปตรงมา ไม่มีชีตที่ต้องวิเคราะห์เยอะๆ) มีเคมีด้วยแต่เป็นแค่สรุป ก้บทำโจทย์ชม.สุดท้าย  --- เรียนสดที่บางพลัดดีที่สุด(มี 2สาขา ครูคนละคน ต้องที่บางพลัดเท่านั้นนน) แต่ก็มีเรียนออนไลน์คอสสอบเข้า โคเซน ลาดกระบัง ---- ตอนหาที่เรียนพิเศษเจอแค่ที่มี่ที่ติวเข้าโคเซนโดยเฉพาะ ----เขาจะติวให้ตั้งแต่รอบ 2 และรอบ 3 ก็จะมีตรวจพอตกับสัมภาษณ์จำลองให้


สรุปคือ เรียน O-PLUS เพื่อให้รู้เนื้อหาครอบคลุมทั้งหมด ยากมาก ต้องใช้เวลากว่าจะเข้าใจ(เผื่อสำหรับสอบที่อื่นด้วย) แล้วเรียน IRE เพื่อสรุปความรู้ว่าต้องใช้เนื้อหาเรื่องไหนบ้าง หาว่าเรื่องไหนที่ยังไม่คล้อง ก็ไปฝึกหรืออ่านเพิ่มในหนังสือ O-PLUS 


3. การสอบ 3 รอบ 
- รอบที่ 1 สอบปลายปี 65 (20 พ.ย.) : รอบนี้คือจะใช้ข้อสอบเดียวกับ MWIT (มหิดล ม.4) ปกติรอบนี้ยากสุด (แต่ปี 66 ข้อสอบมันง่ายลงกว่าปกติ) ถ้าผ่านรอบนี้ได้รอบต่อไปก็ค่อนข้างชิวๆแล้ว เพราะคนสละสิทธิ์กันเยอะมากก ข้อสอบจะเป็นแบบชอยส์ 5 ตัวเลือก เติมเลข แล้วก็ unseen ส่วนของรอบนี้ น่าจะมีคนเล่าไว้เยอะแล้วจะข้ามไปนะ(จำไม่ค่อยได้ด้วย แหะๆ ^^)
- รอบที่ 2 ต้นปี 66 ( 14 ม.ค.) : สอบในตึก คณะวิศวะ ลาดกระบัง ข้อสอบ รอบนี้คือวิเคราะห์หนักมาก รู้สึกว่ามันไม่ได้ใช้ความรู้แบบเกินหลักสูตรเท่าไหร่ มีแต่ต้องประยุกต์ความรู้ที่มี (ไม่ออกชีวะ)
เคมี 20 ข้อ -- ชอยส์ 5 ตัวเลือก (จำไม่ค่อยได้แล้วว่าออกอะไรบ้าง แต่รู้สึกว่าข้อสอบกลางๆ ไม่ยากมาก)
ฟิสิก 30 ข้อ -- บางข้อใหญ่มีหลายข้อย่อย เติมเลขทั้งหมด (ซึ่งก็คือต้องใส่เครื่องหมาย +,- ด้วย) ; ข้อง่าย ก็ง่ายเลย ยากก็คือไม่รู้เลย(ส่วนตัวไม่เก่งฟิสิกส์ด้วยแหละ) ออกไฟฟ้าไปประยุกต์กับความร้อน กระจกพื้นฐาน(ให้รูปแล้วถามว่าให้ภาพอะไร) การหักเหแสง(ให้ภาพปริซึม 3 เหลี่ยมมุมฉาก มุม 45 แสดงรังเสแสง แล้วถามว่าแสงหักเหยังไง เลือกตัวเลือก ) การต่อวงจรไฟฟ้า
คณิต 27 ข้อ -- บางข้อใหญ่มีหลายข้อย่อย เติมเลขทั้งหมด (ซึ่งก็คือต้องใส่เครื่องหมาย +,- ด้วย) ; มีข้อง่าย(เช่นให้เส้นขนาน มีเส้นตัด ถามมุม) กลาง ยาก(มีรูป 3D ในหลาย view ซึ่งจากมุมมองด้านนั่นๆ ทำให้เห็นความด้านไม่เท่ากัน แล้วถามหาด้านของวัตถุจริง) ชัดเจนมาก ออกพาลาโบล่า รูป 2D 3D เยอะ ตอนออกมาคือทำไม่ทัน เพื่อนคนอื่นๆก้ไม่ค่อยทันกัน
- รอบที่ 3 ปลายก.พ.(25 ก.พ. แล้วประกาศผล 8 มี.ค.) : เป็นรอบสัมภาษณ์ เป็นภาษาอังกฤษ(แต่ได้ยินมาว่าถ้าไม่ได้จริงๆก็พูดไทยเลย) ไม่มีกำหนดเวลาสัมภาษณ์กับอาจารย์ 3 คน คนไทย 2 คน คนญี่ปุ่น 1 คน แนะนำว่าให้เตรียม portfolio ไป (ทำเป็นภาษาอังกฤษ) เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมไป แล้วถ้าเราเตรียมมันจะได้เปรียบ ถ้าใครมีใบประกาศนียบัตรเยอะๆก็เอาไปให้หมดเลย ไม่ว่าจะเกี่ยวกับวิชาการหรือไม่ แล้วแยกเป็นส่วนที่จะกล่าวถึง(+ที่ยุในพอด)ตอนแนะนำตัว กับส่วนที่เหลือ ตอนเข้าห้องจะได้ยื่นให้ครูครบ 3คนพอดี 

ตย.คำถาม -- พูดให้เป็นตัวเองที่สุด มองตาครูเวลาพูดบ้างจะทำให้เขาจำเราได้ดีขึ้น ไม่ต้องเครียดเลย คำถามอะไรตอบยาก ก็บอกเขาไปตรงๆหัวเราะแล้วตอบให้เป็นเรา ไม่ต้องคิดว่าต้องตอบยังไงเพื่อให้ได้เข้าเรียน ---ที่สิ่งที่เราเอาให้เขาดู เขาก็อาจจะถามต่อได้หมด
1. แนะนำตัวเอง : เราเป็นใคร สั้นๆ(พวกข้อมูลพ่อแม่พี่น้องไม่ต้องใส่มา ถ้าไม่มีส่วนกับเรื่องที่จะเล่า) เล่าที่มาที่ไปว่าทำไมต้องเป็นโคเซน แล้วแอบใส่สิ่งที่เรา value เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราเป็นคนยังไง เอ่ยถึงบุคคลหรือสิ่งสำคัญที่ทำให้เราเป็นเรา เล่าถึงความพยายามที่เราเคยทำจนสำเร็จ หรือปัญหาที่เราได้ผ่านมันมาแล้ว จนทำให้เราได้เรียนรู้ จนเป็นคนที่ดีขึ้น
2. ไอดอลของคุณ : ไม่ว่าไอดอลจะเป็นใคร เหตุผลคือส่วนที่เขาฟัง มันจะแสดงถึงว่าเราให้คุณค่ากับอะไรจริงๆ 
3. มีปัญหากับการทำงานกลุ่มไหม : โคเซนงานกลุ่มเยอะมาก (จากคำบอกเล่าของพี่ๆ)
4. คิดยังไงกับการอยู่หอ
5. คิดว่าการเรียนภาษาญี่ปุ่นจะมีปัญหาไหม
6. ถ้าเรามีคำถามอะไรก็ถามได้เลย

ตอนเราไปสัมภาษณ์อะ เราได้ไปสัมภาษณ์กับครูที่ออก YouTube บ่อยๆ เลยจำหน้าได้ เลยทักครูไปแล้วครูก็หัวเราะ เขินๆกัน บรรยากาศเลยค่อนข้างเหมือนคุยกับไอดอล รอบที่ 3 ไม่ยากเลยๆ ถ้ามี portfolio สวย, พูดอังกฤษได้จนจบ, ความตั้งใจอยากเข้าเรียน


4. เพื่อน รุ่นพี่ ผปค. ครู
เท่าที่สังเกตมานะ คือสังคมดีมากอะ เฟรนลี่มาก ตอนไปสอบรอบ 2 แล้วได้ยินพี่ๆเขาคุยกัน จำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แต่น่ารักมาก ดูไม่เครียด แล้วตอนรอบ 3 ยิ่งตลกใหญ่ คือตอนไปนั่งรอหน้าห้องสัมภาษณ์ พี่ก็ถามเพื่อนว่าเครียดไหม เพื่อบอกเครียด พี่ก้บอกว่าเครียดก็ลงไปแล้ว เพื่อนคนนั้นก็ไป push up แล้วเป้นแบบนี้หลายรอบมาก แล้วก้มีเด็กที่จะโดนสัมภาษณ์ก็โดนด้วย ตลกมาก แล้วพี่ก็ถามเราว่าเครียดไหม เราก็แบบ อ่อออ ไม่เครียดค่ะะะะ(ด้วยความที่ไม่อยากpush up) แล้วก็มีครูสัมภาษณ์ที่เข้าห้องน้ำแล้วเดินผ่านไปแล้วเขาก้เห้นคน push up เขาก็แบบใส่ แล้วรีบวิ่งไป คุยกันเหมือนเพื่อนเลออ แล้ววันมอบตัวอะ มีอะไรก็คือไปถามรุ่นพี่ กับผปครุ่นพี่ได้หมดเลย เขาช่วยมากๆๆ มีผปคเดินไปหาแม่เราถามว่ามีไรให้ช่วยไหมเพราะคิดว่ามาใหม่ด้วย รุ่นพี่คือเฟรนลี่มากจิงๆ แล้วๆๆพอมีไลน์กลุ่มที่ต้องคุยเรื่องหอ ทุน โน้ตบุ๊ค(ต้องซื้อเพราะต้องใช้เรียน ปั้นโมเดล เขียนโค้ด) ผปค.คือช่วยกันตอบมากกกก ขนาดถามคำถามซ้ำๆเดิมๆ ยังไม่มีใครโดนไล่ให้ขึ้นไปอ่านใหม่เลย แบบทุกคนช่วยกันตอบมากก ตั้งแต่ที่ดูมาก็ยังไม่มีใครแชร์เรื่องปสด.


5. สถานที่ (กลับหอได้ในทุกวันที่ไม่มีเรียน)
อันนี้ยังไม่ได้ไปยุหอ ไม่ได้เปิดเทอม เคยไป 5 ครั้ง ก็รู็สึกว่าสถานที่ใหม่มาก ไม่โทรมเลย มี 7-11ในคณะวิศวะ ใกล้หอ โรงอาหารใหญ่ หลายที่ มีคาเฟ่ มีเป็ดด้วย ติดแค่เสียงเครื่องบินกับรถไฟบ่อยๆ กับไม่ค่อยมีที่เที่ยว(มั้งนะ ปกติแถวบ้างมีตลาดนัด กับห้างเยอะมั้ง เลยรุ้สึกแบบนั่นนน) เห้นรุ่นพี่บอกว่ายุงเยอะ หออยู่ใกล้กับตึกเรียน ตื่น 7โมงก็ทัน(ตามคำบอกเล่าจากรุ่นพี่ อักแล้วว)

ตอนสอบรอบ 1 ผ่าน เขาเอา 1,200 มีคนยืนยันสิทธิ์แค่ประมาณ 450คน แล้วเขาเอาเด็กจิงๆ 144 คน แล้วระหว่างนั่นก็คือมีคนสละสิทธิ์กันอีก ฉะนั้นถ้าใครผ่านรอบ 1 แล้วอยากเข้าโคเซนจริงๆ ก็มีโอกาศสูงมากที่จะได้เรียนๆๆ นี่คือตอนแรกอยากเข้าเตรียม แต่พอผ่านรอบแรกที่นี่ แล้วลองหาข้อมูลดู คือทิ้งเตรียมไปเลย โดนยูทูปป้ายยาขั้นสุดๆ แล้วจะบอกว่าใครเด้กสยาม(เราเรียนพิเศษสยามม)ไม่ต้องห่วงเลยว่าจะไม่ได้เที่ยวเหมือนเดิม รุ่นพี่ลงสตอรี่ไปสยามทุกอาทิตย์เลยจร้ะ 

แสดงความคิดเห็น

8 ความคิดเห็น

xswqaz 22 เม.ย. 66 เวลา 12:00 น. 1

ดีแล้ว เรียน ไป ไม่ตกงานแน่ๆ

หมดห่วงไป แล้ว

เอาเวลา หางานไป เพิ่มประสบการณ์

0
Myy sunshine 30 ก.ค. 66 เวลา 18:52 น. 2

ขออนุญาตเสริมในฐานะรุ่นพี่อีกคนนะคะ ที่เค้าเลือกมาที่นี่เพราะเค้าหนีชีวะ บวกกับไม่อยากไปเครียดตอนม.6 ที่จะต้องเข้ามหลาล้ย แหะๆ ตอนแรกก็ยังไม่ค่อยชัวร์ว่าตัวเองชอบวิศวะเท่าไหร่ แต่พอได้มาเรียนจริงๆแล้วมันสนุกม๊ากกกก เน้นการทำแลป ปฏิบัติลงมือทำจริงๆ เราจะคุ้นกับเครื่องมือต่างๆมากขึ้น สังคมที่นี่เค้าช่วยเราด้วยแหละ ในห้องเพื่อนๆก็จับกลุ่มติวให้ หรือว่าข้อไหนไม่เข้าใจถามเพื่อน ถามอาจารย์ได้เล้ออ เรียนที่นี่ต่างจากเรียนโรงเรียนมัธยมปลายสุดๆ

1
ว่าแล้วคุณต้องอ่าน 4 ส.ค. 66 เวลา 14:14 น. 2-1

มีวางแผนช่วงกลังปี 5 ยังไงไหมคะ พอดียังติดๆกับการชดทุนน่ะค่ะ เลยอยากถามคนที่เข้าไปแล้วว่าวางแผนจะต่อป.ตรีเมืองนอกกันหรือป่าว TT พอดีอยากไปทำงานวิศวะที่ usa น่ะค่ะ ไม่สะดวกตอบไม่เป็นไรค่ะ

0