Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ความรู้เรื่อง จูบ

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ผู้ที่ตกอยู่ในวังวนแห่งรักต่างมีคำตอบที่ผิดแผกแตกต่างกันไป สำหรับฉันแล้ว มิใช่พียงการชิดใกล้ สัมผัสมือ หรือรวมกาย ทั้งหมดทั้งมวลรวมกัน ยังไม่อ่อนหวานและวาบหวามเท่า 'การจูบ' แม้แต่น้อยนิด

Kristi Sandlin
ผู้เขียนบทความ The Benefits of Kissing กล่าวไว้ว่า "ถ้าดวงตาเสมือนประตูแห่งจิตวิญญาณ ริมฝีปากสมควรประหนึ่งที่ทางแสดงออกของจิตใจ" นั่นเอง เมื่อเรายอมให้สายตาของเรามองใครคนหนึ่งด้วยความรัก เราก็ปรารถนาจะเปล่งเปรยให้อีกฝ่ายล่วงรู้ นอกจากจะเอ่ยวาจาผ่านริมฝีปากแล้ว เรายังฝากรอยรักนั้นไว้ด้วยรอยจูบ จึงไม่แปลกเลยที่การจูบจะมีอายุยาวนานพอๆ กับประวัติศาสตร์แห่งรักของมนุษยชาติ

จูบอันเกิดจากความเสน่หา เปิดตัวเองครั้งแรกประมาณ 1,500 ก่อนคริสต์ศักราช ตามการค้นคว้าของ Vaughn Bryant อาจารย์หัวหน้าภาควิชามานุษยวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Texas ซึ่งให้ข้อมูลไว้ในผลงานเรื่อง Chicago Tribune ว่า ครั้งแรกแห่งจูบรื่นรมย์นั้นเกิดขึ้นที่ประเทศอินเดีย ทว่าก่อนหน้านั้น ไม่พบหลักฐานการจูบเลยสักชิ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพผนังถ้ำ หรือการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
การจูบแบบปลายจมูกแตะสัมผัสกัน Bryant สืบค้นพบว่าเป็นที่นิยมในยุคนั้น หากแต่พวกเขายังไม่รู้จักการจูบแบบแลกลิ้น หรือ French Kiss ที่กลายเป็นการจูบที่ถูกยกให้เป็นการสัมผัสกันของริมฝีปากและลิ้นที่ดูดดื่มที่สุดในปัจจุบัน

จูบมอบความขวยเขินให้หนุ่มแรกสาวรุ่นที่หลงใหลในรักมาตลอด และจูบยังต่างจากการกิน การนอน ที่เราทุกคนรู้จักและปฏิบัติได้ดีไม่ต่างกัน...ทว่าจูบไม่ใช่ ต่อให้คนคนเดียวจูบสักร้อยครั้ง ความรู้สึกและรสจูบนั้นไม่มีวันออกมาจากพิมพ์เดียวกันได้ ทุกคราที่รอยจูบเกิดขึ้น มันจึงกลายเป็นสมบัติหนึ่งเดียวของโลกที่ไม่มีใครลอกเลียนได้เหมือนใคร ฉะนั้น จูบจึงไม่ใช่รูปถ่ายที่สามารถอัดล้างก๊อป X  หากแต่คืองานศิลปะที่วาดด้วยมือ และมีเพียงชิ้นเดียว William Cane ได้เขียนหนังสือ The Art of Kissing เพื่ออธิบายถึงศิลปะหนึ่งเดียวแขนงนี้ และถูกแปลไปกว่า 19 ภาษาทั่วโลก จะเพราะอื่นใดได้อีกเล่า ถ้ามิใช่เพราะจูบกลายเป็นกิริยาสากลของโลกไปแล้ว

จูบปรากฏนามอยู่ในบทกลอนของกวีชื่อก้องโลกมากมาย บ้างถูกเปรียบดั่งกุหลาบ บ้างเป็นยาพิษร้ายในนิทานอมตะของฝั่งตะวันตกหลายต่อหลายเรื่อง จูบก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน เช่น เรื่องเจ้าชายกบ ที่จูบของเจ้าหญิงกลายเป็นมนตร์วิเศษ เปลี่ยนร่างให้กบหน้าตาน่าเกลียดกลายเป็นเจ้าชายรูปงามได้ในบัดดล ในโลกแห่งจินตนาการ จูบเปี่ยมพลังถึงขั้นชุบชีวิตมนุษย์ เช่น ในเทพนิยายกรีก เรื่อง Pygmalion และ Galatea หรือนิทานเรื่อง เจ้าหญิงนินทรา ตัวเอกของเรื่องล้วนกลับมามีลมหายใจได้เพราะรอยจูบทั้งสิ้น

ในทางวิทยาศาสตร์ เมื่อริมฝีปากของเราแตะสัมผัส กระทั่งบดประทับกับใครสักคน สมองจะสั่งให้เกิดการหลั่งฮอร์โมน Oxytocin ซึ่งเป็นสารที่ให้ความรู้สึกมีความสุขพอๆ กับยามร่างกายหลังสารอะดินารีน กลุ่มนักจิตวิทยาและอายุรแพทย์ชาวเยอรมันให้ข้อมูลว่า คู่สามีภรรยาที่จูบกันทุกเช้าจะมีอัตราการลางานเนื่องจากป่วยไข้น้อยกว่าคู่ที่ไม่เคยจูบอรุณสวัสดิ์กันเลย แถมยังประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไปทำงานน้อยกว่าคู่รักในกลุ่มหลัง

แต่ช้าก่อน ความหัศจรรย์ของการจูบยามเช้ายังไม่หมดแค่นี้ มันยังช่วยต่อลมหายใจ ให้เราอายุยืนขึ้นอีกห้าปีเสียด้วย Dr. Arthur Sazbo หนึ่งในนักจิตวิทยาชาวเยอรมันอธิบายถึงเหตุผลที่ซ่อนอยู่หลังความโชคดีนี้ว่า การจูบยามเช้ากับคนที่เรารัก จะสร้างทัศนคติแง่บวกให้แก่คนผู้นั้น และการมองโลกในทางที่ดีนั่นเอง ที่ทำให้เราดำเนินชีวิตได้ราวกับโชคดีบังเกิดขึ้นในชีวิตตลอดเวลา

จูบก่อเกิดอีกหลายความรู้ และอีกหลายสถิติ ที่ทำให้เราต้องมาถามกันว่า รู้หรือไม่ว่า...? นั่นสิ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า ตามหลักกายวิภาค ในการจูบครั้งหนึ่ง เราใช้กล้ามเนื้อถึง 20 ส่วน รู้หรือไม่ว่า จูบในจอภาพยนตร์ที่ยาวนานที่สุดอยู่ในหนังเรื่อง Kids in America โดย Gregory Smith และ Stephanie Sherrin จูบของเขาและเธอกินเวลานานถึงหกนาที รู้หรือไม่ว่า วันที่ 15 กันยายน ปี 1990 ในเทศกาล Minnesota Renaissance ชายที่ชื่อ Alfred Wolfram ตระเวนจูบผู้คนในงานถึง 8,001 คน ในหนึ่งชั่วโมง รู้หรือไม่ว่า ตลอดทั้งชีวิตของ Don Juan (ดอน ฆวน-ต้นตำรับหนุ่มเจ้าชู้) จูบหญิงสาวในหลากหลายเชื้อชาติ และอาชีพ เฉลี่ยทุกๆ 53 วินาที และรู้หรือไม่ว่า ในแถบตะวันออกกลาง ผู้ชายสามารถทักทายเพศเดียวกันด้วยการจูบได้อย่างไม่ถูกครหาว่าเบี่ยงเบนทางเพศอย่างในประเทศฝั่งตะวันออก

จูบยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้กล่าวถึงไม่รู้จักจบสิ้น และสิ่งนี้คงจะเป็นสัจจะไปจนกว่าความรักจะมลายหายไปจากโลก เพียงค้นหาคำว่า Kissing ในอินเตอร์เนท เรื่องของจูบในทุกแง่ จะกรูเกรียวเข้ามาจากทุกมุมโลก ทว่าโอกาสในการจูบใครสักคนไม่ได้เกิดขึ้นง่ายราวใช้นิ้วคลิกหา จูบคือการกระทำศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้น ด้วยความรักเท่านั้น จูบจึงจะบังเกิดในชีวิตเราได้
จูบเถอะ เมื่อคุณรู้สึกมีความรัก

ที่มาจาก
http://www.pooyingnaka.com

แสดงความคิดเห็น

>

7 ความคิดเห็น

เราเอง 55+ 25 ม.ค. 50 เวลา 18:59 น. 2

จูบเพื่อนแปลกๆไปป่ะ ? ไม่รุ้ดิ 55+

เราเคยแต่จูบกะแฟน มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ^^

แต่อย่างที่เค้าว่าแหล่ะ จูบเฉพาะตอนมีความรักเถอะนะ

ไม่งั้นมันจะไร้ค่า...

0
bunnyprincess 25 ม.ค. 50 เวลา 19:37 น. 3

เปนความรู้สึกที่ดีมากๆเลยล่ะ


PS.  - + - ก็เราเปนแค่ลูกกะต่ายตัวเลกๆ ที่อยากรู้ทุกเรื่องราว ทุกเช้าทุกเยน อยากจะขอให้ใครมาเหนและดูแล - + -
0
... 25 ม.ค. 50 เวลา 19:40 น. 4

เราไม่เคยจูบใครหรอก แต่มีครั้งนึง ตอนปีใหม่นี่เอง เราเอาพู่อ่ะไปห้อยๆไว้ที่ตึกนะ ก็อยู่บนเก้าอี้อ่ะ แล้วล้มก็

จุ๊ฟ!!

เลยอ่ะ -///-

(มันชอบเราด้วยมันจะคิดไงเนี่ย)

เราแปลงฟันจนปากหอมมม เลย

0
+*~bloody sakura~*+ 25 ม.ค. 50 เวลา 19:52 น. 5

เรายังไม่เคยเสีย First kiss อิอิ


PS.   รัก P' GOLF & P' MIKE มากๆ ร๊ากสุดๆเลย ไม่สามารถรักใครได้นอกจากพี่กอล์ฟพี่ไมค์อีกแล้ว ร๊ากกกก
0