ตำนานผีกระสือ
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝั่งโดย Administrator | |
ตำนานผีกระสือ ผีกระสือ มีแทบทุกภาคของเมืองไทย ทางภาคเหนือ เรียกสั้นๆ ว่า ผีสือ ทางภาคใต้เรียกว่า ผีกละ ภาคอีสานเรียกว่า ผีโพง ผีกระสือนี้เชื่อกันว่า เป็นผู้หญิง และชอบเข้าสิงในกายหญิง ชอบกินของโสโครก ลักษณะเป็นดวงไฟแวมๆ ออกหากินในเวลากลางคืน ตามบ้านนอกมีความเชื่อเรื่องผีกระสือนี้มาก ถ้าเห็นแสงวาบๆสีเขียวเป็นดวงโต ก็เข้าใจกันว่าเป็นผีกระสือ และว่ามันไปแต่หัวและตับไตไส้พุง เวลาใครคลอดลูกใหม่ๆ มันได้กลิ่นความเลือดก็จะไปกินหญิงที่คลอดลูกนั้น หรือไม่ก็กินเด็กทารกเสีย ด้วยเหตุนี้จึงเกิดธรรมเนียมเอาหนามพุทรามาสะตรงใต้ถุนเรือนที่มีร่องถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ เพราะผีกระสือกลัวหนามจะเกี่ยวไส้มันผีกระสือมักเป็นยายแก่มากกว่าสาวๆ นอกจากชอบกินของสดของคาวแล้ว ยังชอบกินอาจม จึงมักเป็นกันตามถานวัด (ส้วม) เมื่อมันกินแล้วก็จะหาที่เช็ดปาก ถ้าเห็นผ้าของใครตากทิ้งไว้ ก็เอาผ้านั้นเช็ดเลย เจ้าของผ้า เมื่อเห็นรอยเปื้อนเป็นดวงๆ ก็จะเอาผ้านั้นมาต้มหรือนึ่ง ผีกระสือก็จะรู้สึกปวดแสบ ปวดร้อนมาก เมื่อทนไม่ไหวก็ต้องมาขอร้องไม้ให้ต้มผ้านั้นอีกต่อไป เรื่องหนึ่งเล่าว่า ครั้งหนึ่ง มีครอบครัวหนึ่งมีอยู่ 3 คน พ่อ แม่ ลูก คืนหนึ่ง พ่อไปเที่ยวบ้านเพื่อน แม่ได้ใช้น้ำมนต์ทาที่รอบๆคอ สักประเดี๋ยวหนึ่ง คอของหล่อนก็หลุดออกจากตัวลอยไป และก่อนที่สามีจะกลับมา หัวของหล่อนก็จะกลับมาต่อกับร่างตามเดิม เวลาที่หัวลอยไปนั้น มีคนเห็นแสงสีเหลืองที่ลำไส้ และมักจะได้ยินเสียงซู่ๆ ไล่พวกสัตว์ต่างๆ ที่พยายามจะเข้ามารบกวนลำไส้ของหล่อน คืนหนึ่งขณะที่หล่อนต้องการจะออกหากิน ลูกชายของหล่อนมาเห็นแม่เอาขวดน้ำมันมาทาที่คอ แล้วหัวก็แยกออกจากร่างไป ลูกชายก็ทดลองทำบ้างและชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียวก็ร้องให้คนช่วยเสียงหลง เสียงร้องของเจ้าหนู ได้ยินกันทั่วแต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้บ้านนั้น คงปล่อยให้ร้องอยู่จนหัวของแม่ลอยกลับมา เสียงร้องของเด็้กจึงเงียบไป จากนั้นครอบครัวนี้ก็ได้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ไม่มีใครทราบเรื่องอีกเลย |
PS. ดงบังจูเนียน่ารักมากๆ
20 ความคิดเห็น
น่ากลัวแหะ.. ตอนอ่านอยู่ ตอนใกล้จบอ่ะ ตอนเด็กร้องง่ะ อยู่ๆ หมาร้องสวนขึ้นมาเสียงอย่างดัง แอบตกใจ 555+ ร้องตอนไหนไม่ร้อง วู้ว!
เอะ แล้วเด็กเป้นไงบ้างอะ เป้นกระสือด้วยป่าว
มันวะ
เปนกระหังป่าว ผู้ชายจะเป็นกระสือได้ไง
บ้านเราก็มี
เชื่อม้ายว่ามันอ่ะโคดน่ากลัว4
บ้านเราชลุย
ไม่เห็นจะน่ากลัวเลย.......มีที่เด็ดกว่านี้ไหม....
ที่บ้านก็มีเหมือนกันค่ะ
สมัยเป็นเด็กเคยได้ยินอยู่ครับ  เเละตอนนั้นเชื่อมากด้วย  เคยเเม้กระทั่งเอาผ้าถุงเเม่ที่เปื้อนเลือดไปลองต้มดู  แม่มาเจอเข้าถามว่าทำไรกันอยู่เหรอ  ผมก็ตอบว่าต้มผ้าถุงเเม่ที่เปื้อนเลือดเพื่อจะหาว่าใครเป็นกระสือ  โดนเเม่ตบหัวและท่านก็บอกว่าเลือดที่อยู่ตรงนั้นมันประจำเดือนของแม่เอง  สรุปว่าวันนั้นโดนเเม่ด่าทั้งวัน
กลัวมากและสยองจริงๆสมัยนี้จะมีอยู่มัยนะไม่อยากเจอเลยถ้าเจอเธอเอ๋ยฉันคงขาดใจตาย(วิ่งหนีหายไป)
ยึ๊ยยยย เรื่องของชาวมลายูนี่น่ากลัวจังแฮะ
น่ากลัวจังเลย
โธ่เอ่ย แค่นี้เอง ...........( น่ากลัวววจางงงงงงง )
นุกดี < # >3
น่ากลัวเน๊ะไม่น่าเชื่อว่าปัจจุบันยังทีกระสืออยู่อีกหรอ งง103
น่ากลัวมากเลย104
เราพักอยู่ที่ มศว องค์รักษ์ จังหวัดนครนายก มีเพื่อนที่หอ 10 ชั้น5 ซึ่งอยู่ติดป่า เห็นกระสือไม่รู้จริงป่าว  วันรุ่งขึ้นไปถามคนเเถวนั้นเค้าบอกว่าเค้าเห็นกันบ่อยมากๆๆ  ไม่เชื่อไปรองของได้  เป็นป่าหลังมหาลัย สยองสุดๆๆ เด็กที่ไปเที่ยวหลัง มอ ตอนกลาง ต้องผ่าน บริเวณนี้ น่ากลัวมากๆๆ บางคนถึงขั้น พักที่นั้นเเล้วตอนเช้าค่อยกลับกัน
ไรสาระสิ้นดีเลยค่ะ  จาก อรอนินุช (เมจิ)103
มันมากมีอีกไหม
รายชื่อผู้ถูกใจความเห็นนี้ คน
แจ้งลบความคิดเห็น
คุณต้องการจะลบความคิดเห็นนี้หรือไม่ ?