Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

หนัง "พุทธประวัติ"งบ 200 ล้าน ..ดูกันแล้วหรือยัง??

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่



เข้าไปดูภาพยนต์ตัวอย่างได้ที่  : http://www.thelifeofbuddha.net/



อัลเบิร์ต ไอสไตน์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต

 

 มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง " The Human Side " ซึ่งนักฟิสิกส์ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้ ได้กล่าวทิ้งท้ายให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า

 

The  religion  of  the  future  will  be a cosmic religion. It should transcend personal God and avoid dogma and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things natural and spiritual as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that could cope with modern scientific needs it would be Buddhism. (Albert Einstein)         

 

"ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่)   ศาสนานั้นเมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ  จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนาที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง  คือ  ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย    พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้

....ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา"

 

              อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์

          นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฏีสัมพัทธภาพ

 

คำพูดของไอสไตล์นั้นมีความนัยที่สำคัญซ่อนอยู่และรอคอยการค้นพบ และทฤษฎีเอกภาพหรือทฤษฎีสรรพสิ่งที่ต้องการค้นหานั้น ที่จริงพระพุทธเจ้าได้ตอบให้เบ็ดเสร็จก่อนหน้านั้น 2500 ปี

 

[1954, from Albert Einstein:The Human Side, edited by Helen Dukas and Banesh Hoffman, Princeton University Press] 

 http://en.wikipedia.org/wiki/Albert_Einstein

http://www.mlahanas.de/Privat/quotations.htm       http://members.shaw.ca/sanuja/buddhismquorts.html


แสดงความคิดเห็น

>

6 ความคิดเห็น

มันตะเสวี 4 พ.ย. 50 เวลา 18:27 น. 1

เจ้าชายสิทธัตถะ ประสูติแล้ว ดำเนินได้ ๗ ก้าวจริงหรือ

                ปรากฏการณ์พิเศษต่างๆ เหล่านี้ ท่านว่า เป็น "ธรรมดา" ของพระโพธิสัตว์  มิใช่เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ใด ๆ ก็ต้องไล่ต่อไปว่า  พระโพธิสัตว์คือใคร 

                พระโพธิสัตว์ คือ บุคคลผู้บำเพ็ญบารมีจนเต็มเปี่ยมแล้ว พร้อมที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านจึงมีธรรมดาที่ไม่เหมือนคนอื่น เช่น เกิดมาแล้วพูดได้ เดินได้ทันที   ไม่ใช่เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์แต่อย่างใด   เหมือนธรรมดาของนกย่อมบินได้   ธรรมดาของปลาอยู่ในน้ำทั้งวัน   นาน ๆ  จะโผล่ขึ้นมาหายใจที ฉันใดฉันนั้น

                กินเนสบุ๊กบันทึกเกี่ยวกับเด็กชายสองคน  ผมจำได้คนหนึ่งชื่อ
คริสติน ไฮเนเกน  เกิดมาสองชั่วโมงพูดได้  อายุสี่ขวบพูดได้เจ็ดภาษา   เจ็ดขวบแสดงปาฐกถาเรื่องอภิปรัชญาแก่ประชุมนักปราชญ์โลก เป็นที่ทึ่งไปตามๆ กัน

                กินเนสบุ๊กคงไม่โกหกเรา   อย่างน้อยสมัยนี้ สมัยที่เราสามารถสืบหลักฐานได้ เด็กเกิดมาแล้วสองชั่วโมง พูดได้ก็มีแล้ว    เทียบกับสมัยโน้น   เจ้าชายน้อยพระองค์หนึ่งเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว ทันทีที่ประสูติก็พูดได้ เดินได้ เวลาห่างกันเพียงสองชั่วโมง  ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับบุคคลผู้มีบุญญาธิการ มีบารมีเต็มเปี่ยมอย่างพระโพธิสัตว์ ที่เกิดทันทีพูดได้ เดินได้ 

                อนึ่ง ที่พูดได้ เดินได้หลังประสูติ เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วขณะเท่านั้น จากนั้นก็นอนแบเบาะให้เขาเลี้ยงเหมือนเด็กอื่นๆ ทั่วไป


ดูต่อที่ :  http://www.tlcthai.com/club/list_topic.php?club=buddhism&club_id=1278&table_id=1&cate_id=788

0
จอย 10 ธ.ค. 50 เวลา 22:52 น. 3

ขอบคุณแทนทุกคนกับสื่อดีๆแบบนี้..หากมีโอกาสช่วยทำ"พระมาลัยสูตรด้วยครับ&nbsp เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้คนกลัวบาปมากขึ้นครับ

0