Analysis of Black Clover #1 Asta X Yuno “ความเหมือนที่อยู่บนความแตกต่าง”

ดังนั้นเนื้อหาที่จะพูดหรือวิเคราะห์จะอยู่ในช่วง 25 ตอนนี้เท่านั้น
 

          Black Clover เป็นมังงะญี่ปุ่นที่เขียนขึ้นโดย Yuki Tabata ตีพิมพ์เผยแพร่ออกมาสู่โลกการ์ตูนตั้งแต่ปี 2015 แต่ผมพึ่งมีโอกาสได้หยิบขึ้นมาอ่านเมื่อไม่นานมานี้ จากการแนะนำของเพื่อนที่อยู่ในวงการคนชอบการ์ตูนญี่ปุ่นเหมือนกัน และอาจด้วยเนื้อเรื่องที่เป็นแนวแฟนตาซีผจญภัยอยู่ในโลกของเวทมนตร์เช่นเดียวกับเรื่อง Fairy Tail พออ่านครั้งแรกจึงรู้สึกชอบเรื่องนี้มาก จนกลายเป็นการ์ตูนโปรดอีกหนึ่งเรื่องที่กำลังติดตามอยู่ในตอนนี้

          หลังจากที่อ่านไปได้สักพักก็พบว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีความโดดเด่นอย่างมากด้วยการสร้างลักษณะคู่ตรงข้ามในหลาย ๆ เรื่อง เริ่มตั้งแต่ตอนแรกที่พูดถึงจักรพรรดิเวทมนตร์กับจอมปีศาจ ฐานะและบทบาทของมนุษย์ในโลกที่มีการเว้นช่องว่างระหว่างคนชนชั้นสูงกับคนชนชั้นล่าง ร่วมไปถึงการสร้างตัวละครเอกอย่างอัสตากับยูโนให้มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน

          ดังนั้นผมจึงอยากลองเขียนกระทู้เกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องนี้ออกมาบ้าง โดยมุ่งประเด็นหลักไปที่คาแรคเตอร์ของตัวละครเอก และไม่ได้หมายความว่าผมจะทิ้งเรื่อง Fairy Tail ไปแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังคิดเรื่องที่จะเขียนไม่ออก เลยอยากลองทำอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง กระทู้นี้จึงเป็นกระทู้แรกที่ผมเขียนเกี่ยวกับการ์ตูนเรื่องใหม่ที่อ่านก็ว่าได้ ยังไงขอฝากผลงานใหม่ของผมด้วยนะครับ ^^

          ประเด็นแรกที่เราจะพูดถึงลักษณะคู่ตรงข้ามของทั้งสองตัวละครคือเรื่องพัฒนาการ แม้ว่าทั้งอัสตาและยูโนจะเป็นเด็กกำพร้าเหมือนกัน แต่ทั้งคู่เติบโตขึ้นมาแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงบนโลกที่เวทมนตร์คือทุกสิ่งของมนุษย์ อัสตากลายเป็นเด็กเพียงคนเดียวที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ ในขณะที่เพื่อนสนิทอย่างยูโนกลับเป็นคนที่ใช้เวทมนตร์ได้อย่างช่ำชองจนน่าเหลือเชื่อ และกลายเป็นความหวังเดียวของคนชนชั้นล่างที่จะสร้างชื่อเสียงและยกฐานะคนระดับนี้ให้มีหน้ามีตาในวงสังคมคนชนชั้นสูงต่อไปได้

          การสร้างตัวละครอัสตาให้แตกต่างจากคนทั่วไปที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ หรือมีพัฒนาการที่ด้อยกว่ายูโนก็ตาม ทำให้เห็นว่าตัวละครดังกล่าวคือความแปลกแยกของสังคม และอาจจะเกิดคำถามตามมาว่าในโลกที่เวทมนตร์คือทุกสิ่ง แล้วคนที่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้จะอยู่ต่อไปในสังคมเพื่ออะไร? คำถามนี้อาจยังตอบไม่ได้ในทันที แต่ความแตกต่างที่เคลือบแฝงอยู่บนความเหมือนกันของตัวละครก็ทำให้เราเห็นว่า บางครั้งเวทมนตร์ก็อาจไม่ใช่ทุกสิ่งที่ทำให้เราแข็งแกร่งและคนรอบข้างต่างภูมิใจ สิ่งเหล่านี้ชดเชยได้ด้วยความมุ่งมั่นพยายาม และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ในโลกที่เวทมนตร์คือทุกสิ่ง คนที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้อย่างอัสตาสามารถกลายเป็นคนที่ทุกคนต่างพึ่งพาอาศัยได้เหมือนกัน

          ความแตกต่างของตัวละครเรื่องต่อมาคือ ความสามารถ การที่ยูโนเป็นคนที่ใช้เวทมนตร์ได้อย่างชำนาญ ทำให้เขาได้รับกริมัวร์โคลฟเวอร์ 4 แฉก ที่แตกต่างจากคนอื่น ส่วนอัสตาที่ไม่มีเวทมนตร์ได้รับกริมัวร์โคลฟเวอร์ดำ 5 แฉก ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งตามความเชื่อของคนญี่ปุ่นโคลฟเวอร์ 4 แฉกหมายถึงความโชคดี ยูโนจึงเป็นตัวละครที่น่าสนใจว่า ความโชคดีที่เขาได้รับจะช่วยทำให้ได้เป็นจักรพรรดิเวทมนตร์คนต่อไปได้หรือไม่ ขณะที่โคลฟเวอร์ดำ 5 แฉก ของอัสตา น่าจะเป็นความหมายใหม่ที่คิดขึ้นมา ซึ่งหมายถึงปีศาจ เพื่อสร้างให้เป็นคู่ตรงข้ามกับความโชคดีของยูโน สิ่งที่น่าสังเกตก็คือคนที่จะได้รับกริมัวร์ต้องเป็นคนที่มีพลังเวทมนตร์เท่านั้น แต่ทำไมอัสตาจึงได้รับกริมัวร์โคลฟเวอร์ดำ 5 แฉก เล่มนั้น? ตรงนี้อาจสันนิษฐานเอาไว้ก่อนว่า คงไม่ใช่กริมัวร์โคลฟเวอร์ธรรมดา และอาจเป็นสิ่งต้องห้ามในโลกของคนที่ใช้เวทมนตร์

          การสร้างให้ยูโนเป็นเจ้าของกริมัวร์โคลฟเวอร์ 4 แฉก ซึ่งหมายถึงความโชคดี และสร้างให้อัสตาเป็นผู้ถือกริมัวร์โคลฟเวอร์ดำ 5 แฉก ที่หมายถึงปีศาจ อาจเป็นการสร้างคู่ตรงข้ามให้เชื่อมโยงไปสู่ตอนแรกของการ์ตูนที่พูดถึงจักรพรรดิเวทมนตร์กับจอมปีศาจ ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นตัวแทนของแต่ละฝ่าย และเป็นการปะทะกันระหว่างความดีกับความชั่ว โดยมีความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนเป็นเครื่องเดิมพัน

          แต่ประเด็นนี้อาจถูกลบล้างได้ด้วยความตั้งใจของทั้งคู่ที่ต้องการเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์เหมือนกัน ซึ่งทำให้เกิดคำถามใหม่ว่า ถ้าอัสตาได้เป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ ความโชคดีที่ยูโนได้รับอาจไม่ใช่สิ่งที่กำหนดชะตาชีวิตของมนุษย์อีกต่อไป แต่เป็นความชั่วร้ายที่ให้มนุษย์ได้หยิบยืมนำไปใช้ เพื่อพัฒนาความสามารถของตัวเองให้ไปสู่เป้าหมายได้เช่นกัน ซึ่งเท่ากับว่าความโชคดีเป็นเพียงแค่เรื่องเพ้อฝันเท่านั้น สิ่งที่ทำให้มนุษย์ประสบความสำเร็จควรเป็นความพยายามและมุ่งมั่นตั้งใจมากกว่า

          ประเด็นสุดท้ายของตัวละครที่จะพูดถึงคือ บทบาทในฐานะหน่วยอัศวินเวทมนตร์ ความสามารถด้านการใช้เวทมนตร์ที่โดดเด่นของยูโน ทำให้เขาผ่านการทดสอบเข้าเป็นกองกำลังอัศวินเวทมนตร์ และยูโนก็ได้เลือกอยู่หน่วยรุ่งอรุณสีทอง ซึ่งเป็นหน่วยชั้นแนวหน้าของกองกำลังอัศวินเวทมนตร์ทั้ง 9 หน่วย ในขณะที่อัสตาก็สามารถผ่านการทดสอบเข้าเป็นกองกำลังหน่วยอัศวินเวทมนตร์ได้เช่นกัน และยามิ ซึเคะฮิโระ หัวหน้าหน่วยกระทิงดำ ซึ่งเป็นหน่วยชั้นต่ำสุดของกองกำลังอัศวินเวทมนตร์ได้เลือกเขาเข้าเป็นลูกทีม ทำให้การอยู่ในเส้นทางหน่วยอัศวินเวทมนตร์ของยูโนกับอัสตา เกิดช่องว่างความท้าทายครั้งใหม่ขึ้นมาบนเส้นทางของตัวเอง

          หนทางที่ยูโนได้เลือกให้แก่ตนเอง ถือเป็นหลักประกันสำคัญอย่างหนึ่งว่า บนเส้นทางนี้จะทำให้เขาสามารถเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ได้ แต่เส้นทางของอัสตากลับมองไม่เห็นวิธีการที่จะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงขึ้นมาได้เลย การสร้างคู่ตรงข้ามในฐานะหน่วยอัศวินเวทมนตร์ด้วยกัน จึงทำให้เห็นว่ามนุษย์มีทั้งโอกาสที่สามารถทำให้เข้าใกล้ความฝันของตัวเองได้ แต่ในอีกมุมหนึ่งบางครั้งมนุษย์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกโอกาส เพื่อทำให้เข้าใกล้ความฝันของตัวเองเช่นกัน

          ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่าเราจะใช้โอกาสที่ได้มาทำให้ฝันของตัวเองเป็นจริงได้หรือเปล่า แล้วโอกาสที่เราไม่ได้รับ แต่อาศัยความพยายามเข้าช่วย จะสามารถทำให้ความฝันเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด ความแตกต่างของบทบาทในฐานะหน่วยอัศวินเวทมนตร์ของตัวละครทั้งคู่ จึงเป็นบททดสอบสำคัญเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า ตำแหน่งของจักรพรรดิเวทมนตร์คนต่อไปจะเป็นพื้นที่ของ “คนเก่งที่มีความสามารถ” หรือ “คนเก่งที่ใช้ความพยายาม” กันแน่

          บทสรุปของตัวละครอัสตากับยูโนจะเป็นอย่างไร เราในฐานะผู้อ่านและแฟนการ์ตูนคงต้องติดตามกันต่อไปว่า สิ่งที่เราคิดและวิเคราะห์ออกมา จะเป็นไปตามเรื่องเล่าเหล่านั้นหรือเปล่า หรือผู้เขียนเองยังซ่อนทีเด็ดอะไรเอาไว้อีกบ้าง ไม่แน่เราอาจยิ่งกว่าร้องว้าว!เลยก็ได้ ใครจะไปรู้?

ใครมีความคิดเห็นอย่างไรมาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ ยินดีรับฟังเสมอ ^^
 

เครดิตรูปภาพ : https://animeslayers.ru/2016/12/18/new-anime-black-clover/