Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

1 Month in Beijing China 2019

ตั้งกระทู้ใหม่
 
  
              ฮาโหลๆ กลับมาพบกันอีกแล้วน่ะจร้ หลังจากรีวิวที่ผ่านมาก็ได้แนะนำเมืองฉงชิ่งและเมืองซีอานกันไปแล้ว และในวันนี้จะขอมารีวิวประสบการณ์เมืองหลวงของประเทศจีน นั้นก็คือ “มหานครปักกิ่งนั้นเอง”       
><><><><><
 
              ขอทักทายกันอีกครั้งน่า สวัสดีค่ะ ชื่อมุก อายุ 25 ปีจ้า ครั้งนี้ก็ได้เดินทางไปแลกเปลี่ยนคอร์สระยะสั้น ณ มหานครปักกิ่ง ประเทศจีนจ้า ซึ่งเป็นเมืองขึ้นตรงต่อส่วนกลาง เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นศูนย์กลางทั้งการเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ การศึกษา และการคมนาคม เมืองปักกิ่ง ตั้งอยู่ที่ขอบเขตภาคเหนือของที่ราบหัวเป่ย ทิศตะวันตก ทิศเหนือ และทิศตะวันออกมีภูเขาล้อมรอบ ภาคตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่ราบภูมิอากาศเขตอบอุ่น ปีหนึ่งแบ่งเป็นสี่ฤดูอย่างชัดเจน ฤดูใบไม้ผลิ มีเวลาไม่นาน ฤดูร้อนมีฝนตกบ่อยๆ อากาศชุ่มชื้น ฤดูหนาวมีเวลายาวนานและหนาวจัด แต่ฤดูใบไม้ร่วงเป็นฤดูที่ดีงามที่สุด สำหรับซัมเมอร์ที่เราไปรอบนี้ไปตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายน – 24 กรกฎาคม 2019 ที่ผ่านมานี้เอง
…………………………………………………………………………
            ขอเล่าย้อนก่อนเลยว่า เมืองปักกิ่งนี้ เป็นเมืองในฝันสำหรับคนที่ชื่นชอบประเทศจีน หรือชื่นชอบบรรยากาศเก่าๆ เนื่องจากว่า เมืองปักกิ่งเป็นเมืองเก่า และเป็นเมืองหลวง เลยทำให้ทางภาครัฐของประเทศจีน ได้ทำการบูรณะอาคารบ้านเรือนให้คงสภาพเหมือนในสมัยก่อน และพอพูดถึงเมืองปักกิ่งแล้วนั้น คนไทยจะนึกถึง กำแพงเมืองจีน เป็นอันดับแรก เพราะว่ากำแพงเมืองจีน นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็จะนิยมกันไปเที่ยว, ทำการค้า หรือแม้กระทั่งไปศึกษาเล่าเรียนกัน ณ เมืองปักกิ่งแห่งนี้กัน จึงทำให้มุกสนใจที่จะไปศึกษาและท่องเที่ยว ณ เมืองแห่งนี้ ซึ่งการเดินทางของเราในครั้งนี้ ไปด้วยกัน 2 คน คือ มีมุก และน้องแฮม และในช่วงที่ไปนั้น เป็นช่วงหน้าร้อนพอดี เราลองมาดูกันซิว่า ในหน้าร้อนของเมืองปักกิ่งนั้น จะสวยงามกันขนาดไหน และวุ่นวายกันขนาดไหน
…………………………………………………………………………
               ซึ่งก่อนที่เดินทางไปเรียนที่ปักกิ่งกัน เราก็ได้ทำกันหาข้อมูลมหาลัยต่างๆ และเมืองที่ชอบว่าใน 1 เดือน มีมหาลัยที่ไหนเปิดรับสมัครนักเรียนต่างชาติกันบ้าง ซึ่งต้องขอบอกเลยว่า ช่วงเวลาที่มุกไป คอร์สเรียนหรือมหาลัยส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรับนักเรียนต่างชาติกัน เนื่องจากในช่วงเดือนมิถุนายน ถึง เดือนกรกฎาคมนั้น เป็นช่วงที่มหาลัยที่ประเทศจีนปิดเทอมใหญ่กัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลยทีเดียว ก็ยังมีบ้าง เช่น เมืองฮาร์บิ้น, เมืองฉงชิ่ง, เมืองซีอาน, เมืองต้าเหลียน และเมืองปักกิ่ง เป็นต้น ซึ่งมุกก็อยากจะไปเมืองปักกิ่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย เลยทำการค้นหาชื่อมหาลัยกันกับน้องแฮมว่ามีมหาลัยไหนบ้างที่เขารับนักศึกษาต่างชาติในช่วงวันและเวลาที่พวกเราสะดวกไป ผลปรากฏว่า มีมหาลัยหนึงที่เขาเปิดรับสมัครนักเรียนต่างชาติพอดี และเป็นมหาลัยที่มีชื่อเสียงด้านการสอนภาษาจีนให้กับนักศึกษาต่างชาติอยู่แล้ว มหาลัยนั้นมีชื่อว่า 北京语言大学(มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง) หรือ Beijing Language and Culture University หลังจากที่ศึกษาคอร์สเรียนระยะสั้นแล้วมุกกับน้องแฮมก็ได้ติดต่อไปทางเจ้าหน้าที่ของมหาลัยนี้ว่าเราจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง มีเอกสารและค่าใช้จ่ายเท่าไรต่อ 1 เดือน หลังจากติดต่อกับเจ้าหน้าที่เสร็จเรียบร้อย ทางมหาลัยก็ส่งรายการว่าเราจะต้องส่งเอกสารอะไรและจ่ายค่าเรียนเท่าไร

หลักสูตรคอร์สเรียนระยะสั้น
 
                  ส่วนเรื่องเอกสารนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ประเภทที่ 1 ส่งไปให้กับทางมหาลัยที่ปักกิ่ง เพื่อให้ทางมหาลัยทำการส่งใบตอบรับจากทางมหาลัย และประเภทที่ 2 คือ เอกสารไว้ทำวีซ่า เข้าออกประเทศจีน ส่วนเอกสารนั้นคร่าวๆก็จะมี สำเนาพาสปอร์ต, ใบทรานสคริป, ใบรับรองการเป็นนักศึกษาที่ไทย, ใบตรวจสุขภาพ, ใบกรอกวีซ่า, ใบสมัคร, รูปถ่ายทำวีซ่า เป็นต้น ซึ่งเอกสารทุกอย่างจะต้องทำเป็นภาษาอังกฤษหมด หลังจากที่เราได้ทำการรวบรวมเอกสารทุกอย่าง และส่งไปให้กับทางมหาลัยที่ปักกิ่งกันแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 2 สัปดาห์ ทางมหาลัยก็ได้ทำการส่งใบตอบรับว่านางสาวนี้ ได้เป็นนักศึกษาคอร์สระยะสั้น ในวันที่เท่าไร ถึง วันที่เท่าไร หลังจากที่ได้ไปตอบรับแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องไปทำวีซ่ากัน ซึ่งวีซ่าที่เราทำ มันเป็นวีซ่าระยะสั้น 3 เดือน เข้าออกครั้งเดียว ราคาประมาณ 1,000 – 1,500 บาท หลังจากที่ยื่นเอกสารขอทำวีซ่าแล้ว อีกประมาณ 1 สัปดาห์ วีซ่าก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย แล้วหลังจากนี้ก็จะเป็นการจองตั๋วเครื่องบิน และพร้อมบินกันแล้วจ้า…..
                                
ใบตอบรับจากทางมหาลัย


เอกสารทั้งหมดที่จะต้องส่ง
…………………………………………………………………………

 
            และแล้ววันเดินทางก็มาถึง ซึ่งวันที่พวกเราเดินทางกันคือวันที่ 26 มิถุนายน 62 ไปสนามบินตั้งแต่เวลา 06.00 น. ในครั้งนี้เดินทางไปกับสายการบินไทย ซึ่งการเดินทางไปเมืองปักกิ่งนั้น จะใช้เวลาการเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง (บินตรงเลยจ้า ไม่มีต่อเครื่อง) เวลาเครื่องออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปถึงสนามบินสนามบิน Beijing Capital International Airport เวลา 10.00 – 17:00 น. (ตามเวลาท่องถิ่น) หลังจากทำการเช็คอินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางสนามบินก็ได้ให้ใบตม.ขาเข้าในประเทศจีน และรอเวลาขึ้นเครื่องกันเลยจ้า >>>
 
 
เคาน์เตอร์เช็คอิน






…………………………………………………………………………..
หลังจาก 5 ชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดเราก็มาถึงเมืองปักกิ่งเป็นที่เรียบร้อยจ้า ขอบอกเลยว่าตอนลงจากเครื่อง เพื่อที่จะไปรับกระเป๋าและไปด่านตม. คนเยอะมากจริงๆ  หลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ก็เดินทางไปยังมหาลัยกันต่อเลย เราใช้เวลานั่งรถจากสนามบินไปมหาลัย ประมาณ         45 – 50 นาทีได้ ซึ่งพวกเราได้นั่งแท็กซี่ไปลงหน้าประตูมหาลัยกันเลย
…………………………………………………………………………..
ในที่สุด! พวกเราก็มาถึงมหาลัยกันแล้ว มหาลัยนี้มีชื่อว่า 北京语言大学 มหาวิทยาลัยภาษาและวัฒนธรรมปักกิ่ง หรือ Beijing Language and Culture University ซึ่งก่อนจะไปถึงที่เมืองปักกิ่ง มุกได้ทำการหาพี่ๆคนไทยที่เขาเรียนที่นั้น ติดต่อประสานกันไว้ก่อน เผื่อมีอะไรจะได้ให้เขาช่วยเหลือพวกเราได้ ซึ่งวันที่ไปถึง ก็มีน้องๆคนไทยประมาณ 4-5 คน มาช่วยดูแลพวกเราในการติดต่อเข้าหอพัก, ลงทะเบียน, เปิด sim และพาเดินรอบๆมหาลัย









 
             ซึ่งหลังจากที่ถึงหอพักแล้วนั้น ก็ได้ทำการติดต่อกับเจ้าหน้าที่หอและยื่นเอกสารให้ ว่าจะเข้าพักห้องหนึง 2 คน ที่จองไว้จากไทย แต่เนื่องจากมีการผิดพลาดอะไรซักอย่าง ทำให้มุกและน้องแฮมไม่ได้นอนห้องเดียวกัน แต่มุกและน้องแฮมจะต้องไปนอนกับรูมเมทที่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งตอนแรกยังไม่รู้เลยว่าจะได้เข้าพักกับชาติไหน แต่หลังจากเข้าห้องพักแล้ว มุกได้รูมเมทเป็นคนเกาหลี มาจากกรุงโซล ส่วนของน้องแฮมนั้นได้รูมเมทคนญี่ปุ่น ซึ่งหอที่พวกเราพักนั้น เป็นหอพักนักเรียนต่างชาติ เป็นหอรวม หรือคนที่นั้นจะเรียกหอพักตึก 17 กัน ซึ่งบรรยากาศภายในหอพักสะดวกสบายมาก ภายในตึกมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง, มีร้านสะดวกซื้อคอยให้บริการ และร้านอาหารใต้ตึกหอพักก็มี และภายในหอมีห้องครัวและห้องซักผ้าคอยให้บริการกันด้วย

ประตูเข้าหอพัก


ตึกหอพักจ้า




มินิมาร์ท


กุญแจเข้าหอพัก และการ์ดไว้ซักผ้า


รูมเมทคนเกาหลี
…………………………………………………………………………..
                   ในวันต่อมา พวกเราก็ได้ไปทำการลงทะเบียนเรียนและทำการเปิด sim โทรศัพท์กัน ซึ่งขั้นตอนการลงทะเบียนเรียนนั้น ค่อยข้างช้านิดหนึง เนื่องจากชาวต่างชาติมาสมัครเรียนกันเยอะ เลยทำให้ต้องรอคิวกันค่อนข้างนานหน่อย และหลังจากที่ลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อย ก็ได้ไปรับตารางเรียนและหนังสือเรียนกัน ซึ่งตอนที่ไปรับตารางเรียนนั้น ทางเหล่าซือก็ได้ให้พวกเราสอบวัดระดับห้องเรียนก่อนว่าใครจะได้เรียนห้องไหน ซึ่งมุกได้เรียนห้อง B8 และแฮมได้เรียนห้อง C ซึ่งจะวัดจากผลที่เราสอบนั้นเอง และขอเสริมหน่อยว่าหากว่าใครกลัวจะหลงว่าจะไปตึกนี้ยังไง บอกเลยไม่ต้องกลัวจ้า เนื่องจากตอนที่ได้รับใบตอบรับจากทางมหาลัยนั้น เขาได้แนบแผนที่ของมหาลัยนี้ไว้แล้ว ว่าตึกไหนอยู่ตรงไหนจ้า
 







หนังสือเรียน


กำหนดการของคอร์สเรียน


ตารางเรียน
…………………………………………………………………………..
     วันแรกของการเรียน >> ใช้เวลาเดินจากหอพักไปยังตึกเรียนนั้น ใช้เวลาประมาณ 5-8 นาที ซึ่งตามตารางเรียนคาบแรกจะเริ่มเรียนเวลา 08.00 น. จนถึงเวลา 12.00 น. ของทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ และในช่วงบ่ายจะไม่มีการเรียนจ้า ห้องที่มุกเรียนนั้น อาจารย์ทั้งหมด 3 คน 3 วิชา มี ไวยากรณ์, ฟัง พูด อ่าน เขียน ส่วนการเรียนนั้น อาจารย์จะเน้นพูดภาษาจีนเป็นหลัก แต่อาจารย์สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ และในห้องเรียนมีนักศึกษาต่างชาติทั้งหมดประมาณ 18-20 คน ซึ่งมีหลากหลายเชื้อชาติ เช่น เกาหลี, ญี่ปุ่น,อเมริกา,อิหร่าน,ออสเตรเลีย และไทย ซึ่งเราเป็นคนไทยคนเดียวในห้อง
     และในรอบนี้ มีความพิเศษอีกอย่างหนึงก็คือ ได้มีเหล่าชือคนหนึงซึ่งเขากำลังทำโปรเจคการสอนเสริมการออกเสียงคำศัพท์ให้กับชาวต่างชาติ เรียนวันละ 15 นาที เรียน 4 วัน ให้เลือกเอาเองเลย ว่าเราจะเรียนวันไหน ซึ่งเรียนตัวต่อตัวกับอาจารย์เลยจ้า และต่อไปนี้ก็จะเป็นกิจวัติประจำวันทุกๆวัน ในช่วงจันทร์ – ศุกร์ จะขอตัดไปที่ในช่วงเสาร์ อาทิตย์เลยหละกัน

 



 

 
เหล่าชือที่สอนพิเศษ


…………………………………………………………………………..
 
สถานที่ท่องเที่ยวของเมืองปักกิ่ง >>>
              และต่อจากนี้ไปจะขอเล่าทริปที่ได้ไปเที่ยวในช่วงวันหยุดกันหละนะ ซึ่งทุกๆเสาร์อาทิตย์ พวกเราก็จะท่องเที่ยวไปยังตามสถานที่ต่างๆของเมืองปักกิ่ง ซึ่งมุกได้รู้จักกับเพื่อนคนจีนคนหนึง เลยในทุกๆวันหยุด เขาก็จะเป็นไกดิ์พาท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆกัน

长城 (กำแพงเมืองจีน)
              นับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง มีประวัติศาสตร์และตำนานมากมายที่เล่าขานเรื่องกำแพงเมืองจีนและน่าจะมีเรื่องหลากหลายที่เกี่ยวเนื่องด้วยความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรมชิ้นนี้ ซึ่งมโหฬารเกินกว่าที่ใครจะเคยคาดคิด และยิ่งกว่านั้นก็คือ งานดังกล่าวเป็นผลงานที่สั่งสมผ่านระยะเวลาอันยาวนานนับศตวรรษ  ในราชวงศ์หมิง กำแพงเมืองจีนเริ่มต้นที่ปากแม่น้ำยาลู ผ่านไปทางตะวันตก ถึงภูเขาฉีเหลียนซาน มีความยาวทั้งสิ้น 7,300 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนมีหลายด่านมาก แต่ละด่านก็มีความสวยงามแตกต่างกันไป จุดที่นักท่องเที่ยวจะมามากที่สุดก็คือ ด่านปาต้าหลิง (Badaling) เพราะเป็นด่านที่ทันสมัยที่สุด เดินทางง่าย มีรถสาธารณะคอยรับ-ส่งด้วย ทั้งกระเช้า รถราง ร้านอาหาร ไปจนถึงอินเทอร์เน็ตไร้สาย เป็นจุดที่มีความสูงชัน สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยๆ ได้รอบด้านอีกด้วย








天安门 (จัตุรัสเทียนอันเหมิน)
        ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง เป็นจัตุรัสที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเนื้อที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร หรือ 275 ไร่ สามารถบรรจุคนได้ถึง 2 ล้านคน จัตุรัสแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง (เมื่อปีค.ศ. 1417) เดิมมีชื่อว่าเดิมว่า “เฉิงเทียนเหมิน” ต่อมาในปีค.ศ. 1651 ซึ่งเป็นสมัยจักรพรรดิซุ่นจื้อแห่งราชวงศ์ชิงมีการบูรณะซ่อมแซมใหม่และได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “เทียนอันเหมิน” มาถึงปัจจุบัน







 
北京國家體育場 (สนามกีฬาแห่งชาติปักกิ่ง)
    หรือสนามกีฬารังนก (Bird s Nest Stadium) เป็นสนามกีฬาหลักที่ใช้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ตั้งอยู่ใจกลาง Olympic Complex จะเปิดไฟสวยงามในตอนกลางคืน ภายนอกมีลักษณะคล้ายกับ "รังนก" ที่มีโครงตาข่ายเหล็กเหมือนกิ่งไม้ เพดานและผนังอาคารที่ทำด้วยวัสดุโปร่งใส




天坛 (หอสักการะฟ้า)
ถูกลงทะเบียนเป็นมรดกโลก ในปี ค.ศ. 1998 หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งในจีน สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์หมิง ค.ศ.1420 เป็นสถานที่ซึ่งจักรพรรดิแห่งราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงใช้เป็นที่บวงสรวงเทพยดา เพื่อขอพรให้ฝนฟ้าตกตามฤดูกาล ภายในมีพื้นที่กว่า 1,668.75 ไร่ (ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าพระราชวังต้องห้ามถึง 4 เท่า) อุดมไปด้วยต้นไป๋กว่า 4,000 ต้น อายุไม่ต่ำกว่าร้อยปี



北京動物園 (สวนสัตว์ปักกิ่ง)
เป็นสวนสัตว์แห่งแรกของประเทศจีนมีพื้นที่ประมาณ 90 เฮกตาร์ เลี้ยงสัตว์มากกว่า 900 ประมาณ 2 หมื่นตัว สัตว์ป่าในสวนสัตว์ได้แก่ หมี เสือโคร่ง ลิง ช้าง แพนด้าแดงสัตว์ปีก นกกระจอกเทศ นกเพนกวิน











北海公园 (อุทยานเป๋ยไห่)
ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบเป๋ยไห่ (Beihai Lake) ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของพระราชวังต้องห้าม หรือตรงข้ามสวนจิงซานนั่นเอง









北京杜莎夫人蜡像馆 (พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซส)
ถ่ายภาพร่วมกับเหล่าคนดังและดาราที่คุณชื่นชอบที่ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ ปักกิ่ง! ใหญ่ที่สุดในเอเชีย พิพิธภัณฑ์นี้เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่คุณห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวเมืองจีน











南锣鼓巷 (ถนนคนเดินหนานโหล่วกู่เซี่ยง)
เป็นถนนคนเดินที่มีขนาดใหญ่และดีงามที่สุดในกรุงปักกิ่งค่า อยู่ทางทิศเหนือของพระราชวังต้องห้าม ทั้งสองข้างทางกว่า 800 เมตรเต็มไปด้วยร้านค้ามากมาย มีทั้งร้านเสื้อผ้า เครื่องประดับ ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่าง ร้านกาแฟ ผับ บาร์ ร้านอาหาร อาคารบ้านเรือนของที่นี่มีอายุหลายร้อยปี นับเป็นตรอกซอกซอยที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงปักกิ่งเลยค่ะ แต่ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นดีมากๆ ต่อมาได้ดัดแปลงเป็นร้านค้า แต่ก็ยังคงความเก่าแก่ของแบบบ้านโบราณไว้ ระหว่างเดินเล่นเราจะได้กลิ่นอายของความคลาสสิคที่ซ่อนอยู่ รู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีตเลยล่ะค่ะ









前门  (ถนนเฉียนเหมิน)  
     เป็นถนนคนเดินที่มีความคลาสสิคมาก  ตึกรามบ้านช่องบนถนนเฉียนเหมินนี้เป็นสไตล์จีนผสมฝรั่ง  ถนนเฉียนเหมินเป็นจุดหมายนักเดินทางที่มาเที่ยวปักกิ่ง  นอกจากนี้ยังมีโฮสเทลราคาถูกอีกมากมายในบริเวณนี้  ตรงกลางของถนนเฉียนเหมินมีรางรถรางเก่า  เพิ่มความคลาสสิคเข้าไปอีก  







…………………………………………………………………………..

ก่อนจบ ขอรีวิวอาหารกันก่อนจ้า







อาหารในโรงอาหารของมหาลัย




ข้าวกล่องเวลาสั่งผ่านแอพฯ


เป็ดปักกิ่งจ้า
………………………………………………………………………..


หลังจากผ่านไปเกือบ 1 เดือนของการอยู่เมืองนี้ พวกเราก็เรียนจบคอร์สระยะสั้น และก่อนรับประกาศนียบัตรจบคอร์ส ก็ได้มีการทดสอบหลังเรียนกันจ้า








เพื่อนๆในห้องเรียน


我们是留学生

………………………………………………………………………..
ประสบการณ์ในการไปเรียน ณ เมืองปักกิ่ง ประเทศจีน
 
         ประสบการณ์ที่ได้รับตลอดระยะเวลา 1 เดือนนั้น ทำให้มุกได้เรียนรู้มากมายในการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะด้านความคิด ด้านการอยากเรียนต่อ ณ เมืองจีน และได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์กับเพื่อนต่างชาติ ก็ต้องขอขอบคุณพ่อแม่ และเหล่าชือที่ช่วยสนับสนุน และช่วยสอนภาษาในหลายๆอย่างที่เรายังไม่เคยเจอมา
          ขอฝากถึงคนที่กำลังจะหาที่เรียนซัมเมอร์ที่ประเทศจีนทั้งแบบระยะสั้น หรือระยะยาว เราขอแนะนำเมืองปักกิ่งไว้เป็นทางเลือกอีกทางค่ะ เพราะเมืองนี้อยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยมากนัก แถมยังเป็นเมืองหลวง สำเนียงฟังง่าย บรรยากาศดี ผู้คนอัธยาศัยดีมาก

 
………………………………………………………………………..

ถ้าอยากรู้รายละเอียดหรือสนใจอยากจะเดินทางไปเรียน ทำงาน หรือเที่ยวเมืองนี้ก็สามารถสอบถามมุกได้นะคะ
Line: loveperhapshours
(ขออนุญาตเพื่อนๆในการลงรูปนะคะ)
 

-มุกวลัย-
Beijing 2019
…………………………………………………………………………..
ขอฝากเพจรีวิวเมืองอื่นๆด้วยน่า…. ฝากติดตาม&ฝากแชร์กันด้วยน่า ขอบคุณค่า 
https://www.dek-d.com/board/view/3780737/#
https://pantip.com/topic/35609234
https://www.dek-d.com/board/view/3871621/
https://www.dek-d.com/board/view/3933043/

แสดงความคิดเห็น

>

2 ความคิดเห็น

..y.. 2 พ.ย. 62 เวลา 23:11 น. 2

สอบถามหน่อยนะคะ ไม่รู้มาช้าไปหรือเปล่า อยากถามเรื่อง เอเจนซี่หน่อยนะคะ ว่าไปกับที่ไหนหรือเปล่า

0