Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

ตัวอย่างตอนต่อไปของ We are from another Dimensions

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
ZONE 5
          “หยุดนะ! เทมจิน! ลูกไม่รู้ตัวว่าลูกกำลังทำอะไรอยู่ ลูกกำลังถูกปีศาจนั่นหลอกใช้อยู่นะ!”
          “ผมไม่ได้ถูกใครบงการทั้งนั้น...”
          “เทมจิน... ลูกต้องฟังแม่นะ... ลูกเป็นเด็กดีเสมอ... ลูกไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นจนคิดร้ายต่อใครๆ ลูกดีเกินกว่าที่จะถูกปีศาจสารเลวนั่น หลอกลวงให้ลูกต้องหลงผิด... มากับแม่เถอะนะ... ถ้าลูกยอมสำนึกผิดในตอนนี้น่ะ มันยังไม่สายที่ลูกจะแก้ไขสิ่งที่ทำผิดพลาดลงไป...”
            “ใครกันแน่ที่กำลังถูกหลอก! ใครกันแน่คือคนที่หลงผิด! ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ที่หลอกตัวเองไปวันๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ที่เอาแต่ยินยอมให้พวกมันอยู่เหนือเรา! เรื่องเลวร้ายพวกนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น! และถ้าแม่ยังยืนกรานที่จะปกป้องพวกมันล่ะก็...”
    เสาไม้ที่ค้ำจุนบ้านเรือนที่ค่อยๆหักโค่นลงมาเพราะเปลวเพลิงที่กัดกินสรรพสิ่งอย่างบ้าคลั่ง พร้อมๆกับการถือกำเนิดของปีศาจที่เติบโตท่ามกลางความตาย สัตว์ประหลาดสี่ขาที่มีปีกทมิฬคู่ขนาดมหึมาได้สยายออก เพื่อจะสร้างแรงลมกระโชกที่ปลุกปั่นให้ไฟลุกโหมหนักขึ้นเป็นทวีคูณ หญิงสาวผู้เป็นมารดา เมื่อได้พบกับสัตว์ประหลาดเบื้องหน้าที่เงาของมันเชื่อมต่อกับบุตรชายราวกับเป็นร่างกายเดียวกัน มันก็ทำให้เธอหวาดผวาด้วยความกลัวจนร่างกายสั่นเทาไปทั้งตัว
            “ทะ เทมจิน! อย่านะ!”
“ไม่ต้องกลัวไปหรอกครับ สำหรับแม่ผมจะตั้งใจทำให้ดีเป็นพิเศษ... มันจะเจ็บปวดน้อยที่สุด... และมันจะจบที่เร็วที่สุดก่อนที่แม่จะหลับตา... ผมสัญญา...”
    เด็กชายที่ยืนหลบอยู่ในเงามืด ภายใต้ปีกสีทมิฬของสัตว์ประหลาดสี่ขาที่กำลังกูก้องคำราม อยู่ท่ามกลางกองเพลิง ก่อนที่มันจะพ่นไฟออกมาดั่งลมหายใจ แผดเผาร่างของหญิงสาวให้มอดไหม้ไปในทันใด ไม่มีแม้แต่เสียงกรีดร้อง หรือแม้แต่เวลาที่จะแสดงกิริยาบ่งบอกความเจ็บปวด มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่หลังการโจมตี นั่นคือเศษธุลีสีเทาที่ลอยฟุ้งขึ้นไปบนฟ้า พร้อมๆกับสะเก็ดไฟที่กำลังลุกลามเผาบ้านเมืองจนวอดวายไม่มีเหลือชิ้นดี ชาวบ้านที่อยู่รอบนอก ต่างวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น บ้างก็ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง บ้างก็ถูกไฟแผดเผาทั้งเป็นอย่างทรมาน เสียงกรีดร้องโหยหวนเหล่านั้น เริ่มดังระงมอยู่ในหัวของเด็กชายจนแทบจะไม่สามารถแยกแยะทิศทางของต้นกำเนิดอันชัดเจน แต่วิธีการตอบโต้ของเขาต่อสิ่งเร้าเหล่านั้น ช่างแสนง่ายดาย โดยการผายมือทั้งสองข้างออกจนสุดวงแขนแล้วประกบทั้งสองข้างกลับเข้ามาอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงสั่งตายที่ดูดวิญญาณของเหล่าผู้เคราะห์ร้ายจากอัคคีแห่งปีศาจ ใหเข้าหลอมมารวมกันอยู่ในฝ่ามือ
            “ยังไม่มากพอ... ข้าต้องการพวกมันเพิ่มอีก...ข้าต้องการวิญญาณมากกว่านี้...”
          “อีกมากแค่ไหน...”
          “มากเท่าที่จะมากได้... การถูกจองจับมานับหมื่นปีทำให้ข้าหิวกระหายจนแทบจะหยุดไม่ได้... จงไปนำวิญญาณของเหล่าผู้อัญเชิญอสูรมาสังเวยแก่ข้า... แล้วชีวิตอมตะ... จะกลายเป็นของเจ้า...”
          “ชีวิตอมตะน่ะ... แกเอาไปเถอะ... ฉันไม่สนใจของพรรค์นั้นอีกแล้ว...”
          “แล้วเจ้าต้องการอะไรกัน... ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของข้า...”
          “สำหรับฉันน่ะ... ขอแค่ได้เห็นพวกมนุษย์ดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดแล้วกระชากวิญญาณของพวกมันออกมาทั้งๆที่ยังหายใจนั่นแหละ... คือสิ่งที่ฉันต้องการ...”
          “ถ้าเจ้าปรารถนาแบบนั้น... ก็แสดงว่าเราพูดภาษาเดียวกันแล้ว...”
          “เราจะออกล่า!”
          “พวกมนุษย์ที่นำเรามาเป็นทาส!”
          “จนกว่าโลกนี้!”
          “จะสลาย!”
    สัตว์ประหลาดกับเด็กชายผสานร่างกายเข้าด้วยกัน ก่อนจะสยายปีกออกจากแผ่นหลังแล้วบินทะยานขึ้นสู่เวหายามราตรี อันมีดวงจันทร์ของคืนวันเพ็ญ เป็นพยานต่อการถือกำเนิดใหม่ของสองดวงวิญญาณที่จะนำไปสู่ยุคสมัยแห่งการปฏิวัติครั้งใหญ่ ซึ่งในฝ่ามือของเด็กชายที่รวมดวงวิญญาณของคนตายเอาไว้ ก็ได้ปรากฏแผ่นการ์ดโปร่งใส ซึ่งไม่มีสิ่งใดถูกจารึกลงไปแม้แต่ร่องรอยขีดข่วน

 

แสดงความคิดเห็น