Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

เพราะความสุขของคนเรานั้นไม่เท่ากัน

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่

              การเขียนกระทู้ในหัวข้อนี้ได้เเรงบัลดาลจมาจาก คอมเมนต์หนึ่งที่บอกว่า   "วิถีคนเราไม่เหมือนกันนะครับ

บางคนมีเป้าหมายพุ่งไปหาความจริงเเท้ ไม่ได้ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับใคร เพราะเเค่นั้นมันก็เหนื่อยเกินพอที่จะไปวุ่นวายกับความสัมพันธ์เเละอารมณ์ที่ไม่สมเหตุผล

บางคนมีเป้าหมายเเค่พอใช้ชีวิตอย่างมีความสุข มีครอบครัวที่ดี

บางคนมีเป้าหมายที่จะทำให้โลกดีขึ้น การช่วยเหลือผู้อื่นคือจิตวิญญาณ

สรุปก็คือเราต้องมีชนิดคนที่เเตกต่างกันไป เพื่อพัฒนาทุก ๆ ด้านของมนุษย์  "    

(ต้องขออนุญาติเจ้าของคอมเมนต์ด้วยค่ะ).....................ซึ่งผู้เขียนก็ได้ตอบไปแล้วว่า  เห็นด้วย เพราะว่าความสุขของคนเรานั้นมันไม่เท่ากัน และยังมีต่ออีกนิหน่อยเพื่อขยายความ  แล้วคอมเมนต์นี้ก้ทำให้ผู้เขียนอยากจะเผยแพร่กระทู้นี้ออกไป
( เอาหละพูดถึงที่มาที่ไปแล้วฏ้ขอเข้าเรื่องเลยนะค่ะ)
.........ความสุข...........
คำว่า "ความสุข"  เชื่อว่าคงเป็นจุดมุ่งหมายในชีวิตใครหลายคนที่อยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแต่ว่าความสุขนั้น  เป็นคำที่ไม่ได้จำกัดความหรือนิยามไว้ว่าต้องเป็นแบบไหน แค่เราได้ทำ ได้อยู่แค่นั้น แล้วพอใจมันก้อาจจะเป็นความสุขของใครหลายๆคน
          ผู้เขียนเลยตีความว่า "เพราะความสุขของคนเรานั้นไม่เท่ากัน" คนบางคนแค่ได้ใช้ชีวิตแบบสันโดด อยู่เงียบๆคนเดียวก็มีความสุข บางคนได้พบปะกับเพื่อนแล้วมีความสุข บางคนทำงานมีเงิน มีรถ มีบ้าน แล้วมีความสุข หรือกับบางคนแค่ มีข้าวกิน มีนำ้ดื่ม มีที่นอนก็เป็นความสุข ความสุขเลยไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่อะไรเพราะเราก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งที่พยายามหาแนวทางที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข  อยุู่จึงแบบไหนแล้วเป็นสุข ทำแบบไหนแล้วเป็นสุข  แล้วถ้าเราหาเจอแล้วมันก็เป็นผลที่ดีต่อตัวเรา  
             จึงขอยกตัวอย่างเป็นตัวผู้เขียน กับคนไร้บ้านคนหนึ่ง สำหรับผู้เขียนนั้นคิดว่าความสุขของตัวเรานั้นไม่อะไรมากมาย ขอแค่ได้มีเวลาได้อยู่คนเดียวนิดหน่อย อ่านหนังสือที่ชอบ เขียนเรื่องราวต่างๆได้อยู่กับยายที่ผู้เขียนรักและเคารพ แค่นี้ก็มีความสุข แต่กับคนไร้บ้านคนหนึ่งที่วันหนึ่งเดินเข้ามาหาผู้เขียนแล้วบอกว่า ขอเงินหน่อยได้ไหม 20 บาท หิวข้าว ผู้เขียนคิดว่ามันไม่ได้ทำให้เราลำบากอะไรเลยให้ไป แล้วเมื่อเค้าได้ไปเค้าก็ยิ้มแล้วเดินออกไป เหมือนมีความสุข ผู้เขียนเลยคิดว่าคนไร้บ้านคนนี้ที่จริงเค้าก็มีทางเลือกที่จะได้ไปอยู่ในบ้านพักคนไร้บ้าน หรืออะไรต่างๆที่มีคนอยากช่วยเหลือนะ แต่ที่เค้ายังเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนี้มันก็อาจจะเป็นความสุขของเค้าก็ได้ ที่ได้ใช้ชีวิตแบบไม่ต้องกังวลอะไร ขอแค่มีข้าวกิน มีนำ้ดื่ม มีที่นอน  แค่นั้นมันก็อาจจะเป็นความสุขของเค้า จะเห็นได้ว่าความสุขของคนเรา   "มันไม่เท่ากันจริงๆ" เพราะสำหรับตัวผู้เขียนคิดว่าความสุขของตัวเองเล็กแล้ว แต่กับคนไร้บ้านคนนี้ความสุขของเค้ามันอาจจะเล็กกว่าของผู้เขียนเสียอีก   (แต่ว่า ผู้เขียนอยากจะบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์ไปว่าเค้านะค่ะว่าเป็นคนไร้บ้าน ขอข้าวคนอื่นกิน ขอนำ้คนอื่นดื่ม เป็นปัญหาของสังคม) ตัวผู้เขียนคิดว่ามันก็เป็นสิทธิ์ของเค้าที่เค้าทำแล้วเค้าอาจมีความสุข ตราบใดที่เค้าไม่ได้ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์อะไรเพราะคนให้ให้แล้วก็มีความสุข ที่ได้ทำทาน   **ผู้เขียนอยากจะผากอีกอย่างคือ  อย่ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นนะค่ะ**  
...... แล้วนี่ก็คือ ความสุขในแบบของผู้เขียนที่อยากจะบอกกับผู้อ่านทุกคนค่ะ.........
    "แล้วความสุขของคุณละค่ะ คืออะไร ความสุขในนิยามความเป็นตัวคุณคืออะไร"
                                                                                                              จบแล้วค่า  ตอนนี้ยาวมากๆ
                                                           ด้วยเป็นเรื่องที่ไม่ได้ prot  ไว้พอได้แรงบัลดาลใจก็เขียนเลยมันเลยยาวฮิฮิ
***ช่วยตอบความสุขของคุณในคอมเมนต์ด้วยนะค่ะ***

 

แสดงความคิดเห็น

>

5 ความคิดเห็น

yurinohanakotoba 10 พ.ค. 63 เวลา 12:11 น. 1

ความสุขมีนิยาม ขณะที่เกิดความสบายใจ นั่นเรียกความสุข

บางคนแค่ฝันดี ตื่นมารู้สึกสบายใจก็เป็นความสุข

ได้เห็นคนที่เกลียดหายไปจากชีวิต เกิดความสบายใจ ก็เป็นความสุข

แต่ถ้ามันหายไปจากชีวิตแบบได้ดิบได้ดีล่ะ จะเกิดความสบายใจหรือไม่ จะเป็นความสุขหรือเปล่า

แปะเพลงบ้าง ฉันฝันถึงฝัน ความสุขสลายเมื่อตื่นมาพบว่าชีวิตฆ่าความฝันไปหมดสิ้น


2
themoon7 10 พ.ค. 63 เวลา 13:57 น. 1-1

คนเรามีมุมมองต่างกันค่ะ ซึ่งผู้เขียนก็ขอให้คุณมีความสุขในแบบของคุณค่ะแต่ว่าบางทีคนที่เราเกลียดได้ดิบได้ดี เราก็ทำอะไรเค้าไม่ได้ก็ปล่อยมันไปค่ะคิดซะว่าที่ผ่านมามันก็แค่แมลงที่่บินผ่านมาในชีวิตเราเราไม่จำเป็นต้องสนใจ สู้ๆค่ะ

0
FreudMs 10 พ.ค. 63 เวลา 16:09 น. 1-2

อย่างคห.นี้อ่านไปไม่มีสาระอะไร จึงไม่สามารถทำให้เกิดความสุขได้ แม้แต่ตัวเองก็อย่างหาความหมายของอะไรไม่เจอ ไม่มีเป้าหมายอะไรทั้งนั้น

0
themoon7 10 พ.ค. 63 เวลา 13:53 น. 2-1

ผู้เขียนเข้าใจค่ะ เพราะมุมมองของคนเรามันต่างกัน อย่างที่คุณบอกค่ะว่าความสุขนั้นมันสั้นมันเป็นแค่เวลาชั่ววูบซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วยค่ะ

0
FreudMs 10 พ.ค. 63 เวลา 16:16 น. 2-2

โปรหมด, น่าเบื่อ, ไม่ยั่งยืน จึงไม่สมควรไขว่คว้า


คห.นี้พูดถูกแล้ว เพราะหากใช่ความรักจริงจะตรงกันข้ามกับที่กล่าวมา

และนั่นจะเป็นความสุขที่ไม่หนีหายไปจากเราอย่างแน่นอนhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/bb-01.png

0
FreudMs 10 พ.ค. 63 เวลา 16:04 น. 3

ความจริงผมอยากพูดมาตั้งแต่โพสที่แล้วๆ


เป้าหมายคนระอย่างงั้นหรอ? 555555


ใครที่บอกช่วยครอบครัวหรือเล็กกว่านั้น คือเขามีความสามารถเท่านั้นไงหรืออาจจะไม่พอด้วยซ้ำ


ความจริงความสุขเกิดจากความเห็นแก่ตัว, ยอมรับความอ่อนแอหรือการให้ผู้อื่น



ความสุขในการเห็นแก่ตัว แน่นอนนั่นเป็นความชั่วและทุกข์สำหรับคนอื่น แน่ล่ะ นั่นไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เพราะสุดท้ายเราก็ไม่มีความสุขในที่สุด


เพราะฉะนั้นความสุขคือการให้ผู้อื่น เป็นความสุขที่แท้จริง เพราะยาวนาน ส่งผลต่อเนื่องตลอดไป




ต่อมาเป้าหมายของความสุขคนเราเหมือนกัน คือให้ผู้อื่นไม่ก็เห็นแก่ตัว ต่อทุกสิ่งหรือทั้งโลกใบนี้

คนที่บอกว่าสนใจเพียงครอบครัว, ตัวเองหรือสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในข้อจำกัดอะไรก็ตาม คือเขาอ่อนแอหรือไม่ก็เห็นแก่ตัวเท่านั้น


ความจริงคนเรามีเป้าหมายและความหมายของความสุขอย่างเดียวกัน




ยิ่งหากเราต้องทิ้งสิ่งที่เล็กกว่าไว้ก่อน เพื่อไปทำสิ่งที่ใหญ่ เช่น ทิ้งตัวเรา, ครอบครัว ไปช่วยประเทศหรือโลกก่อน นั่นยิ่งเป็นผู้ที่แข็งแกร่งขึ้นไปอีก

เพราะเมื่อคุณเสียสละได้หรือแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ นั่นหมายความว่าโลกต้องการและพึ่งพาคนอย่างคุณ มิใช่คนอ่อนแอพวกนั้น


คิดถึงส่วนรวม มากกว่าตัวเอง นั่นแหละคือผู้ที่สมควรถูกเลือก

และความสุขที่แท้จริงคือ การได้เสียสละ...

1
White Frangipani 10 พ.ค. 63 เวลา 16:51 น. 3-1

....

และความสุขที่แท้จริงคือ การได้เสียสละ...


ขออนุโมทนาสาธุด้วยกับเม้นต์นี้ค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-01.png


หลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่าง เล็กๆ น้อยๆ อ่า เสียสละ ละทิ้งไปบ้าง ก็น่าจะดี จะเกิดเป็นความสุขที่แท้จริงได้อย่างแน่นอน จริงด้วยสิเนาะ

https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-04.png


โมทนาสาธุ๊


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png

0
White Frangipani 10 พ.ค. 63 เวลา 19:09 น. 4

เพราะความสุขของคนเรานั้นไม่เท่ากัน


สวัสดีค่ะ


มากระทู้นี้ ขออนุญาตยกข้อความ ของคุณ ในวรรค ซึ่งอ่านแล้วนะคะ ให้ความรู้สึกราวกับว่า คุณต้องการ แบ่งปัน หรือแลกเปลี่ยน เป็นสำคัญคือ...


จุดนี้....


...แต่กับคนไร้บ้านคนนี้ความสุขของเค้ามันอาจจะเล็กกว่าของผู้เขียนเสียอีก (แต่ว่า ผู้เขียนอยากจะบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์ไปว่าเค้านะค่ะว่าเป็นคนไร้บ้าน ขอข้าวคนอื่นกิน ขอนำ้คนอื่นดื่ม เป็นปัญหาของสังคม) ตัวผู้เขียนคิดว่ามันก็เป็นสิทธิ์ของเค้าที่เค้าทำแล้วเค้าอาจมีความสุข ตราบใดที่เค้าไม่ได้ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์อะไรเพราะคนให้ให้แล้วก็มีความสุข ที่ได้ทำทาน **ผู้เขียนอยากจะผากอีกอย่างคือ อย่ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นนะค่ะ**


...นะคะ


ช่วยเม้นต์ให้ เพื่อเป็นการแลกเปลี่น แบ่งปัน มุมมอง ซึ่งอาจจะคล้าย หรืออาจจะแตกต่าง....จากของคุณนะคะ



จริงแล้ว ในส่วนลึกๆ คุณก็อยากที่จะพิพาท หรือพูดอะไรๆ เกี่ยวกับคนไร้บ้านใช่ไหมคะ?


จริงแล้วนะ ในความจริงดังที่ว่า มาวันนี้ ก็เป็นวันเวลา และยุค สมัย ที่เจริญทั่วถึง ทั้งระบบสังคม วัตถุ และเทคโนโลยี่ ระบบการกิน การเป็น อยู่ นั้น เจริญทั่วถึง ทั่วหน้ากันหมดแล้วนะคะ

(จริงอยู่ที่ว่า หลายๆ แห่งทั่วโลกอาจจะยังไม่เจริญดีพอ ในเหตุ ดังที่กล่าวมา คือ คนไร้บ้าน คนยากจน คนพเนจร เกิดเป็นปัญหาสังคม หากแต่ ที่ ที่เป็นแบบนั้นมีสาเหตุ ซึ่งเป็นความผิดพลาด ด้วยมีสาเหตุมาจากผู้นำ ผู้ปรกครอง มีความล้าหลัง ขาดศักยภาพ ขาดสมรรถภาพ บ้านเมืองของเขาจึงล้าหลังเป็นธรรมดา คือ ทั้งหมดนี้ มาวันนี้ เราๆ ทุกๆ ผู้คน ส่วนใหญ่รู้ เห็น เข้าใจ กันได้หมดแล้วนะคะ)


วรรคบนของเจ้าของเม้นต์ยาวๆ รวมข้อความในวงเล็บนั้น เกริ่น เพื่อปู ให้เห็นภาพโดยรวม เพื่อเป็นพื้นฐานที่แท้จริง ในความเป็นจริง เพื่อที่จะสามารถขยายเม้นต์ให้คุณได้นะคะ



โอเค กลับมาที่ข้อความของคุณนะคะ


(แต่ว่า ผู้เขียนอยากจะบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์ไปว่าเค้านะค่ะว่าเป็นคนไร้บ้าน ขอข้าวคนอื่นกิน ขอนำ้คนอื่นดื่ม เป็นปัญหาของสังคม) ตัวผู้เขียนคิดว่ามันก็เป็นสิทธิ์ของเค้าที่เค้าทำแล้วเค้าอาจมีความสุข ตราบใดที่เค้าไม่ได้ทำให้คนอื่นเป็นทุกข์อะไรเพราะคนให้ให้แล้วก็มีความสุข ที่ได้ทำทาน **ผู้เขียนอยากจะผากอีกอย่างคือ อย่ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นนะค่ะ**


ในเหตุดังที่กล่าวมา คือ คนไร้บ้าน เขาต้องขอข้าว ขอนํ้าเพื่อประทังชีวิต และแน่นอนเป็นปัญหาสังคม


ซึ่ง ก็ไม่น่าจะให้เกิดขึ้นได้นะคะ ในยุคนี้


แต่ในความจริง ก็มีเกิดขึ้น มีทุกๆ บ้าน มีทุกๆ เมืองด้วยนะคะ


เพียงแต่บางบ้าน บางเมือง บางประเทศนั้น อาจจะมีจำนวนมากน้อย แตกต่างกันไป เท่านั้นเองค่ะ


เพราะหากเราจะนิยามว่า เป็นความสุขของเขา เป็นสิทธิ์ของเขา เป็นความพึงพอใจของเขา เราไม่มีสิทธิ์ไปว่าเขา นั้น ก็ไม่ถูกต้อง เสียทั้งหมดนะคะ


เพราะจริงแล้วน่าจะเป็นเหตุที่ตรงข้าม...คือ หากที่เราๆ จะนำมาเป็นหัวข้อสนทนา ในการพูดคุย แบ่งปัน แลกเปลี่ยน ความคิดเห็น เพื่อที่จะก่อเกิดจุดเริ่มในการแก้ไข น่าจะเห็นเป็นการสมควรมากกว่าค่ะ


คือ เจ้าของเม้นต์นี้เข้าใจว่า ในความเป็นจริงแล้ว คนทุกๆ คนนะคะ ก็เป็นคน ทัดเทียมกันหมด


และ ในธรรมชาติของคนนะคะ


โดยธรรมชาติ ในแรกเริ่มเดิมที เราๆ ทุกๆ ก็มีธรรมชาติตัวเดียวกันหมด


เช่น มีความต้องการความรัก ความสุข ความดี ความยินดี ความภาคภูมิ เราๆ ทุกๆ คน ล้วนมีอยู่ในจิตใต้สำนึก เท่าเทียมกันหมด ตั้งแต่เกิดเป็นคน


เพียงแต่ ผู้คนมากมาย เมื่อถือกำเนิด และเติบโตขึ้น หรือแม้ยังเป็นเด็กเล็ก เด็กแดง หลายๆ คนก็ อาจจะโชคร้าย พบเจออุปสรรค์ปัญหามากมาย แตกต่าง นานา ซึ่งแตกต่างวาระกันไป


เช่นบางคนเกิดมาก็ยากจน


เกิดบนความยากจน ข้นแค้น จากสาเหตุนานาประการ เริ่มจากพ่อแม่


บางคนพ่อแม่ แยกทางกัน


บางคนโชคร้าย พ่อแม่มีอันต้องตายจากตั้งแต่ยังเยาว์วัย


บางรายอาจจะเคยมั่งมี หากแต่พ่อแม่ล้มละลาย


และ ด้วยเหตุต่างๆ เหล่านี้ ทั้งหมดนี้ ทำให้เขาทั้งหลายหมดโอกาส


คือมีสาเหตุมากมาย ที่นำมาซึ่ง เหตุ ที่ทำให้ผู้คนมากมาย ยอมจำนน ที่จะเป็นคนอดอยาก ไร้บ้าน เป็นคนพเนจร เป็นคนไร้ญาติ ไร้ที่พึ่งพิง หรือเป็นคนที่ต้องอาศัย นอนข้างทาง อาศัยอยู่ข้างถนน หรือนอนข้างกองขยะ หรือการที่ต้องมีที่อาศัยใต้สะพานลอยนั้น แน่นอน ไม่มีใครต้องการเป็นเช่นนั้นค่ะ


ไม่เชื่อเราๆ ลองๆ มาหลับตาระลึกลงไป ลึกๆ สักพักนะคะว่า หากเป็นเรา เราจะเป็นแบบนั้นได้ไหม?


เจ้าของเม้นต์นี้ เข้าใจว่า คนส่วนใหญ่ จะไม่ยอมตกอยู่ในสภาพแบบนั้นอย่างแน่นอนค่ะ


และ เขาเหล่านี้ ในครั้งหนึ่ง เขาก็ไม่แตกต่างจากเราๆ เลย


คือไม่มีใครต้องการตกอยู่ในสภาพแบบนั้น อย่างแน่นอนค่ะ


หากแต่เขาทั้งหลายต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น และในที่สุด ก็กลายเป็นธรรมชาติของเขาไป เพราะความจำเป็น และต้องจำยอม


และในที่สุด ก็เกิดเป็นภาพลักษณ์ ที่เราๆ ทุกๆ คน จำยอมว่า คนแบบนั้นมีอยู่จริง และ เขายอมรับได้ เขาต้องการเป็นแบบนั้น


จริงแล้วไม่น่าจะใช่ แบบนั้นนะคะ


เพราะจริงแล้ว เขาเหล่านี้คงจะทุกข์ทรมานแสนสาหัส กว่าที่เขาจะตกอยู่ในสภาพจำยอม จนเกิดเหตุการณ์ที่เขาต้องยอมรับให้ได้ ดังที่เราๆ เห็นๆ ได้ ค่ะ


ซึ่ง ก็เป็นความจริงดังเช่นที่คุณกล่าวมาค่ะ


คือ เราๆ ไม่ควรที่จะว่าเขานะคะ


เพราะหากเราว่าเขา ก็คือคล้ายกับ หรือเท่ากับ เราซํ้าเติมเขาดีๆ นี้เองค่ะ


เพราะในความจริงไม่มีใครต้องการตกอยู่ในสภาพแบบนั้นค่ะ


เจ้าของเม้นต์นี้เข้าใจแบบนั้นค่ะ


ตรงข้าม เราๆ ต้องช่วยเหลือ หยิบยื่นให้ ช่วยเหลือ หากเราจะสามารถทำได้ โดยที่เราเองไม่เดือดร้อนด้วยนะคะ


การช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน ของเพื่อนมนุษยชาติ เป็นสิ่งที่ดี และควรกระทำค่ะ


การช่วยเหลือ คือการสละ จะทำให้จิตใจเกิดความเมตตา ปรานี จะเกิดเป็นสุขได้ ทั้งผู้ให้ และผู้รับ จากการช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน นั้นก็เป็นความจริงนะคะ


ซึ่งจริงแล้ว คนไร้บ้าน คนพเนจร คนอดอยาก แท้จริงเกิดเป็นปัญหาสังคม นั้นก็เป็นความจริง อย่างยิ่งยวดอีกด้วยค่ะ


แม้จะเป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสของเขาเอง และเขาที่ยอมจำนน และยอมรับได้ มีการเป็นอยู่ด้วยความอยากไร้ ทุกข์ทรมาน


หากแต่ยังเป็นปัญหาสังคม ที่ใหญ่หลวงอย่างเลี่ยงไม่ได้อีกด้วยนะคะ


คือ ปัญหาที่เห็นๆ ที่เราๆ ต้องจำนนนี้นะคะ


นั้นคือ ที่ ที่เขาจะใช้เป็นที่ปัสสาวะ อุจจาระ ที่จะกิน ที่จะอยู่ เกิดเป็นที่ ที่สกปรก เกิดเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ของสังคมขึ้น นั้นหรือ ก็เป็นที่ ที่ในสังคมของเราๆ ด้วย เช่นกัน


และแน่นอน เหตุการณ์เหล่านี้ สถานที่แบบนี้ ก็เป็นสังคมของเรา(เป็นประเทศของเรา เป็นคนของเรา) และ เกิดเป็นส่วนหนึ่งของเราๆ แบบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยนะคะ


ทำให้เป็นมุมที่ก่อเกิดให้เห็นเป็นบ้านเมือง ที่ดูไม่มีระเบียบ ไม่มีระบบ ไม่มีคุณภาพ ดูคล้ายไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาที่เห็นๆ นั้น ให้หายไปได้ หรือไม่ถูกใส่ใจ ในวันที่ทุกอย่างเจริญแล้วนี้


คือ ทำให้เห็นได้ว่าหลายๆ คนยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ให้พ้นทุกข์ภัย จากความโชคร้ายในชีวิต ในการเกิดขึ้นจากเหตุที่เขาทั้งหลายไม่ประสงค์


คือเขาเหล่านี้ จะทำให้สังคมสกปรก สังคมเกิดการขาดระบบ ระเบียบ ทำให้ทุกอย่าง ดูไม่ดี และที่แย่ๆ คือทำให้ทุกคนมีส่วนร่วม ชนิดเลี่ยงไม่ได้ เพราะวาระที่เขาตกอยู่ค่ะ


เป็นภาพลักษณ์ ที่นทำให้รู้สึกสลดหดหู่ เมื่อพบเห็น ดังภาพที่สะท้อนให้กับเราเองได้ว่า...การเกิดเป็นคนนี้ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย


บางคนมีทุกอย่าง แต่บางคนกลับไม่มีอะไรเลย เห็นแล้วก็รู้สึกว่าช่างทุกข์ทรมานแท้หนอ... และภาพลักษณ์เหล่านี้ ที่เกิดขึ้นได้ในสังคม แท้จริง ทำให้หลายๆ คนเกิดความทุกข์ทรมาน เพราะความสงสาร เวทนาได้ เมื่อเห็น เป็นธรรมดาด้วยนะคะ


ซึ่งๆ เราๆ จะโทษเขาไม่ได้จริงนะคะ ตรงข่้าม เราควรจะพูดคุย สนทนา หรือหาวิธีช่วย หรือแก้ไขนะคะ


ซึ่ง เหตุดังกล่าวนี้ จริงแล้วเป็นหน้าที่ของฝ่ายปรกครองโดยตรงด้วยนะคะ


ที่ควรสอดส่อง ดูแล และแก้ไขค่ะ


ทั้งหมดข้างบนนั้น คือความจริง ที่เราต้องจำนน เกี่ยวกับคนไร้บ้าน คนพเนจร นะคะ


----------------------------


หากแต่ ในที่นี้ มีความต่าง ระหว่าง คำว่าความสุข กับเหตุที่อาจจะก่อเกิดเป็นปัญหาสังคม นะคะ


คือ สองอย่างนี้ ดูจะแตกต่างกันนะคะ


ภายใต้เม้นต์นี้ เอาไว้เพียงเท่านี้ก่อน ยาวๆ หล่ะ


จะกลับมาช่วยเม้นต์ให้คุณเพื่อแลกเปลี่ยน นิยามของคำว่าความสุข

(ในความรู้สึก ที่เป็นส่วนบุคคล)...ในเม้นต์ ต่อไปค่ะ


ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ เพื่อการหัดคิด หัดเขียน หัดเรียบเรียง อีกกระทู้ ค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


 

0
... 12 พ.ค. 63 เวลา 10:34 น. 5

เปล่าเลยไม่เชื่อคุณก็ลองไปขอทานแบบเขาดูสิ ที่เขายิ้มเพราะมีทางรอดให้สายหนึ่งให้เขา เช่นมีคนกำลังจะโดนข่มขืน แล้วมีคนเดินผ่านมาไม่ว่าเป็นใครก็จะคว้าโอกาสนี้ไว้ เป็นธรรมดาและเมื่อรอด(ไป 1 เปราะ)ก็จะมีความสุขอย่างมากเพราะรอดตายไปจากสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก "และทำอะไรไม่ได้" (ปล.และอย่าคิดว่าคนไร้บ้านไปสถานที่ๆรวมคนไร้บ้านจะมีความสุขนะ แค่ให้คุณไปเข้าสังคมกับกลุ่มที่ไม่ได้รู้จักกันก็เกร็งอยู่แล้วเขาเลย"อาจจะ"เลือกออกมาตายดาบหน้า(ยกเว้นว่าเขาได้ไปบ้านพักมาแล้วเข้ากับคนกลุ่มนั่นได้แต่กรณีนี้เขาคงไม่มาอยู่ตรงนี้แล้ว)


และความสุขไม่ใช่ว่าคนเราไม่เท่ากัน "แต่ความสุขจริงๆ" เป็นความรู้สึกสบาย ไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่เกร็ง ตัวอย่างเช่นคุณร้อนเหนียวตัวและเพลียๆมาทั้งวัน พอไปอาบน้ำและเปิดแอร์นอนบนที่นอน ความรู้สึกเป็นสุขจึงเกิดขึ้น(ความรู้สึกเพลียหายไป/แต่ถ้าไม่หายก็ไปนอนเถอะ)โดยไม่ต้องทำอะไรมาก หรือคนที่คุณชอบ/รักมากๆ และเขาก็รักคุณมากๆ คุณก็ไม่ต้องการอะไรขอเพียงเขาอยู่ข้างๆเฉยๆ ก็สุขได้(แต่เจือด้วยกิเลศไม่ได้สบายเท่าสุขเฉยๆ)


ขณะที่หลายๆคนเข้าใจผิดสิ่งที่เรียกว่า "สุข"(ด้วยการขวนขวาย) เช่นอยากได้รถสปอร์ตจึงต้องพยายามไปทำงานเหนื่อยก็เหนื่อย(มันสุขตรงไหน?)พอได้รถมายังต้องขับเองรถก็เตี้ยขับก็ลำบากท่อก็ดัง(สุขตรงไหน?) แต่เพราะความคิด(คิดว่ามันเท่)มันบังความรู้สึกหมด(ขาดสติ)จึงไม่รู้เลยว่าทุกข์(ก่อนจะซื้อได้)และมันจะสุขก็ต่อเมื่อได้มันมา(เช่นตอนสอบได้ที่ 1 ครั้งแรก ถูกหวยรางวัลที่ 1 หรืออะไรก็ตามมันเหมือนกันคือสุขแต่เป็นสุขแบบร้อนรุ่ม(เจือด้วยกิเลศ)และเป็นสุขที่ไม่สบายตั้งมั่นไม่ได้เช่นเมื่อถูกหวยคนจึงไปกระโดดโลดเต้นและความรู้สึกนี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว)  แตกต่างกับสุขที่ได้พักผ่อนสบายๆ ไม่ร้อนรุ่ม ดังนั้นความสุขก็มีหลายระดับ สุขแบบเจือด้วยกิเลศ(เช่นถูกหวย) และสุขแบบมีเริ่มมีสติ(เช่นนั่งอยู่กับแฟนก็มีความสุข(ร้อนแต่สติตั้งมั่นได้และไม่ได้หมายถึงความรู้สึกหื่น) และสุขแบบมีสติ(เช่นนั่งเฉยๆลมพัดอากาศเย็นๆก็มีความสุข) และสุขอีกมากมาย


ดังนั้น "สุข(ตามความเป็นจริงไม่ใช่นิยาม)" มันเท่ากันนั่นแหละ อยู่ที่ว่าเป็นสุขแบบไหนที่คนๆนั้นต้องการเสพ และการเสพสุขแบบนั้นให้ผลลัพท์ต่างกัน สุขที่เจือด้วยกิเลศ(ถูกหวย สอบติด/สุขแบบนี้มักจะมีความบ้าคลั่งปนอยู่ด้วย เช่นการกระโดดโลดเต้นหลังถูกหวย หรือป่าวประกาศไปเจ็ดบ้านว่าตูข้านี่ละสอบติดแพทย์คะแนนอันดับไหน หรือจบจากที่นี่เกียรตินิยมอันดับไหน) กับสุขแบบโรแมนติค(การทำในสิ่งที่ชอบ มีสติอยู่แต่ยังไม่บริสุทธ์พอ) กับสุขแบบไม่ต้องทำอะไรมากแค่นั่งเฉยๆก็สุขได้(มีสติอยู่จากความสุขนั้น) และยังไม่นับสุขอีกมากที่สูงไปกว่านั้น(ตามหลักพุทธศาสนาแต่นี่ไม่ใช่ห้องศาสนาจึงไม่ขอพูดถึง) ดังนั้นสุขทุกคนเหมือนกันหมดแต่มันอยู่ที่ว่า "เขาจะทำให้ตัวเองสุขได้หรือเปล่าและสุขแบบไหนที่เขาต้องการ" นะครับ(และนี่ไม่ใช่การตีความแต่มันเป็นความจริงทั้งมวลที่ไปทดสอบปฏิบัติมาแล้วถึงความรู้สึกสุข)

12
FreudMs 12 พ.ค. 63 เวลา 17:27 น. 5-1

คุณพูดถูกว่าสุขทุกคนเหมือนกันหมดอย่างที่ผมบอก แต่มันไม่ใช่อะไรที่คุณพูดอย่างแน่นอน เพร่ะนั่นไม่ใช่สุขที่ทุกคนกำลังตามหา มันไม่สุข มันสั้นเกินไป มันไม่ใช่ระยะยาวและอาจทำให้ทุกข์ขึ้นไปอีก


ถ้าคุณสนใจหาคำตอบ ไปอ่านเพิ่มเติมที่เม้นผมได้:)

0
... 12 พ.ค. 63 เวลา 20:12 น. 5-2

มันเป็นแบบที่ผมบอกนั่นแหละครับ จากที่ผมไปอ่านของคุณมา สุขโดยการให้นั่นน่ะ ถ้าเทียบแล้วมันยังเป็น สุขระดับมีสติเท่านั้น ยังไม่ได้สุขแบบที่สุดเพราะมันเกี่ยวกับคนให้และคนรับ(เนื้อนาบุญ) เช่นเราทำบุญให้พ่อแม่รู้สึกสุขกว่าทำบุญกับมนุษย์หรือทำบุญกับสัตว์ ซึ่งสุขหากเจือด้วยสมาธิจะเป็นสุขกว่าไม่มีสมาธิประกอบ แต่ผมไม่อยากกล่าวถึงเรื่องศาสนาเพราะคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจนั่นแหละครับ

0
... 12 พ.ค. 63 เวลา 20:16 น. 5-3

แถมครับ เพราะคุณและผมคุยกันคนละเรื่อง "ผมไม่ได้จับประเด็นถึงที่มาขอสุขนะครับที่ผมพูดคือยกตัวอย่าง" แต่สิ่งที่ผมพูดคือ "ความรู้สึกของความสุข" ว่า "สุขแบบต่างๆมันต่างกันยังไง" ซึ่งของคุณมองถึงวิธีทำให้สุข"โดยการให้" ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมพูดอยู่ดีนั่นแหละ เพราะผมไม่ได้พูดถึงเรื่องวิธีทำให้สุขนะครับ

0
FreudMs 12 พ.ค. 63 เวลา 22:07 น. 5-4

เห็นบ้านที่คุณอยู่ตอนนี้ไหม? กับบ้านที่ยังไม่ได้(อาจเป็นบ้านตรงข้ามคุณ) มันคือสิ่งเดียวกันเลย แต่ทำไมเมื่อคุณคิดว่าถ้าได้หลังที่คุณยังไม่มีถึงจะมีความสุขล่ะ? :)


ใช่ครับ มันลวงตา มันไม่มีความสุข สรุปง่ายๆ คือคุณไปเอาทฤษฏีบัณฑิตลวงโลกนี้จากที่ไหนมา

ความสุขที่เห็นแก่ตัว ล้วนเป็นความสุขปลอมที่ถูกลวงขึ้นทั้งสิ้น



ความสุขจริง คือการให้แน่นอนครับ มีสติก็ต้องสุขสิครับ หมดสติจะรู้ได้ไง? 5555


เพราะถ้าหากคุณจินตนาการว่าเอาบ้านหลังตรงข้ามไปให้กับคนอื่นได้ มันจะคนละเรื่องกับความสุขปัญญาอ่อนตอนแรกไปเลย


ผมก็ทำบุญให้คุณไง คุณจะได้มีความสุขจริงๆ กับเขาบ้าง ไม่ต้องขอบใจนะ

เอ้อ ย้ำ ความสุขที่คุณค้นพบมามันผิดนะ ถ้าหากในพจณานุกรมหรือGoogleมันบอกอย่างคุณ ผิดหมด

อาจจะถูกถ้าหมายถึง"ความสุขปลอม"


เรื่องงี้ต้องถามคนที่มีความรู้หน่อย กับพวกที่มีอายุเยอะกว่า80ปีเป็นอย่างต่ำสุด(บางทีค่าอายุอาจเพิ่มขึ้นเป็น150ปีแล้วด้วยซ้ำ) สงสัยอะไรลองไปถามเขาดู

ผมคงไม่ว่างตอบให้คุณตลอด:)

0
FreudMs 12 พ.ค. 63 เวลา 22:22 น. 5-5

เอ้อ ผมลืมตอบเกี่ยวกับการให้(ผมไม่ชอบใช้คำว่าทำบุญ)ที่พูดถึงพ่อแม่, สัตว์หรือมนุษย์ไรนั่น


ไม่ว่าหนอนหรือคนที่ชาวพุทธเรียกว่าพระอรหัน มีระดับความสำคัญเท่ากันหมด แต่มีสองอันดับความสำคัญที่เราควรตระหนักไว้ง่ายๆ เท่านั้นครับ คือ

1.ผลเมื่อให้

2.ส่วนรวม

สรุปคือ ถ้าให้แจกข้าวให้กินครบทุกคน แต่สุดท้ายทุกคนก็ยังไม่มีแรงพอที่จะมีชีวิตต่อ งั้นเปลี่ยนเป็นให้กินให้เกิดผลคือมีคนที่รอดชีวิตให้มากที่สุดก่อนดีกว่าครับ


0
... 12 พ.ค. 63 เวลา 23:43 น. 5-6

เห็นบ้านที่คุณอยู่ตอนนี้ไหม? กับบ้านที่ยังไม่ได้(อาจเป็นบ้านตรงข้ามคุณ) มันคือสิ่งเดียวกันเลย แต่ทำไมเมื่อคุณคิดว่าถ้าได้หลังที่คุณยังไม่มีถึงจะมีความสุขล่ะ? :)



ตอบ : บ้านคนอื่นไม่ใช่บ้านเรา แต่มันเป็นสิ่งเดียวกันได้(ในความหมายว่าบ้าน) แต่ยังไงบ้านคนอื่นก็ไม่ใช่บ้านเรา "และไปหามาเองเด้อผมไม่ได้คิดด้วยนะว่าได้บ้านหลังที่มีหรือไม่มีจะสุขไม่สุขไม่เกี่ยวอะไรกับบ้านทั้งสิ้นคุณมโนเอาเอง"



ใช่ครับ มันลวงตา มันไม่มีความสุข สรุปง่ายๆ คือคุณไปเอาทฤษฏีบัณฑิตลวงโลกนี้จากที่ไหนมา

ความสุขที่เห็นแก่ตัว ล้วนเป็นความสุขปลอมที่ถูกลวงขึ้นทั้งสิ้น

ความสุขจริง คือการให้แน่นอนครับ มีสติก็ต้องสุขสิครับ หมดสติจะรู้ได้ไง? 5555


ตอบ : ทฤษฏี = สิ่งที่คิดเอาเอง ความจริง = สิ่งที่ปรากฏ ดังนั้นคนที่เขาถูกหวยเขารู้สึกแบบนั้นหรือไม่ แล้วคำพูดของผมเป็นทฤษฏีหรือเปล่า ความจริงมันบอกเองอยู่แล้ว แต่ขณะที่คุณบอกว่า มันเป็นทฤษฏีลวงโลก ดังนั้นของจริง = สิ่งที่ปรากฏ ดังนั้นมันไม่เป็นของปลอมใดๆคนเราก็รู้สึกจริงๆตามที่มันเป็น มันไม่ใช่ของปลอม ดังนั้นเอาทฤษฏีลวงโลกของคุณกลับไปเมากับตัวเองได้นะครับ



เพราะถ้าหากคุณจินตนาการว่าเอาบ้านหลังตรงข้ามไปให้กับคนอื่นได้ มันจะคนละเรื่องกับความสุขปัญญาอ่อนตอนแรกไปเลย

ผมก็ทำบุญให้คุณไง คุณจะได้มีความสุขจริงๆ กับเขาบ้าง ไม่ต้องขอบใจนะ

เอ้อ ย้ำ ความสุขที่คุณค้นพบมามันผิดนะ ถ้าหากในพจณานุกรมหรือGoogleมันบอกอย่างคุณ ผิดหมด

อาจจะถูกถ้าหมายถึง"ความสุขปลอม"


ตอบ : ของจริงไม่ต้องจินตนาการ ความรู้สึกมันเป็นยังไงมันก็เป็นอย่างงั้น ขณะที่ตรรกศาสตร์ของคุณ = มโนขึ้นมาลอยๆ และบอกด้วยว่าความรู้สึกเป็นของปลอมทั้งๆที่มันรู้สึกจริงๆ คุณนี่ชอบหลอกตัวเองดีนะครับ ผมถึงได้ว่าคุยกับคุณไม่รู้เรื่อง เพราะว่าคุณชอบมโนเอาความคิดตัวเองมาทับกับความเป็นจริง คุณถึงได้บ้าๆบอๆคุยไม่รู้เรื่องแบบนี้แหละ และคุณทำบุญให้ผมไม่ได้หรอก เพราะคุณโชคร้ายหน่อยที่ไม่อยู่กับความจริง ดังนั้นคุณไม่มีความสุขกับผมในการคุยตั้งแต่แรกแล้ว



เรื่องงี้ต้องถามคนที่มีความรู้หน่อย กับพวกที่มีอายุเยอะกว่า80ปีเป็นอย่างต่ำสุด(บางทีค่าอายุอาจเพิ่มขึ้นเป็น150ปีแล้วด้วยซ้ำ) สงสัยอะไรลองไปถามเขาดู

ผมคงไม่ว่างตอบให้คุณตลอด:)


ตอบ : ผมไม่จำเป็นต้องถามคุณแต่แรกแล้วคุณคิดว่าผมอยากฟังความเห็นจากการคิดเอาเองของคุณ? พอคุณไม่รู้จะตอบอะไรคุณก็โยนให้ไปถามคนอื่น หรือคุณก็แถไปเรื่อยเพราะลำพองว่าตนเก่ง ทั้งๆที่คุณยังไม่รู้จักสุขแบบนี้เลย(ที่คุณอ้างว่าปลอมแต่มนุษย์ทุกคนรู้สึกแบบนี้)แล้วคุณจะรู้จักสุขแบบของจริง(ที่คุณอ้างแต่ผมกลับพบว่ามันเป็นสุขปกติที่ไม่ได้ขาดสติ)แค่นั้นเอง



ดังนั้นแล้วผมก็ไม่ได้ว่างตอบคุณตลอดนะครับ และผมจะไม่ไปบอกให้ถามใครด้วย เพราะมนุษย์ "รวมถึงคนแก่ๆส่วนใหญ่เขายังไม่รู้ความรู้สึกตัวเองเลย" ถึงได้มีมนุษย์ป้า และคนแก่ที่ไม่รับฟังความเห็นของใครเลย แบบที่คุณกำลังเป็นอยู่นั่นแหละครับ

0
FreudMs 13 พ.ค. 63 เวลา 01:05 น. 5-7

เอาคำแนะนำจากผมไปใช้นะ แล้วมันจะเป็นประโยชน์ขึ้นแก่ตัวคุณเอง^^


แล้วแน่นอน เอาตรรกะปัญญาอ่อนของคุณเขวี้ยงไป....หวังว่าคงจะไม่โง่เอากลับมาใช้นะ



คุณคือไอโง่Tunkobหรือเปล่า ถึงได้โง่เหมือนกันจัง?

ไม่ขอบคุณไม่ว่า รู้นะว่าเขิน แต่ขออย่างหนึ่ง ช่วยใจเย็นเวลาพูดหน่อยนะ พิมพ์ร้อนรนไปหมด ใจเย็นๆ แลกเปลี่ยนกัน

ผมไม่อยากให้คุณขายหน้าเขาไปกว่านี้แล้วรู้มั้ย

ฟังผมหน่อยก็สิ้นเรื่อง


นี่ผมได้ความสุขอีกแล้วนะ:)

0
White Frangipani 13 พ.ค. 63 เวลา 04:45 น. 5-8

คห.ที่5-7 ค่ะ


สวัสดีค่ะ

อ่านเม้นต์ของคุณแล้ว ก็รู้สึกถึงคติพจน์ สามวรรคนี้ขึ้นมาค่ะ


"อย่าดึงฟ้าให้ตํ่า"

"อย่าทำหินแตก"

"อย่าแยกแผ่นดิน"


แปลกมากๆ เลยด้วย


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-03.png

อ่านเม้นต์ของคุณ ภายใต้เม้นต์นี้แล้วนะคะ ก็รู้สึกเป็นห่วง เป็นใย ในเพื่อนร่วมบอร์ดขึ้นมาในทันใด


อยากบอกคุณว่า


ในคราวที่วัน เดือน ปี ผันผ่าน...


ก็จงให้มีสติรู้ว่า...มันผ่านไปแล้วนะคะ


และความสำคัญยิ่ง ซึ่งเกิดจากผล...จากวันเวลาผันผ่าน...นั้นหรือ ก็เป็นโอกาสให้มนุษยชาติได้ ทดสอบ หรือทดลอง การใช้ การฝึกฝนสติ และปัญญาของตน ทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง การพัฒนา ในทุกๆ ด้าน และ ไม่น้อยไปกว่า สติ และปัญญา...ในหลายๆ คน หรือในคนส่วนใหญ่ ก็มีการพัฒนา ซึ่งมีอยู่ เกิดขึ้น ให้เห็นได้มากมาย ในวันนี้ค่ะ


คืออยากจะบอกคุณว่า หลายสิ่ง หลายอย่าง เจริญก้าวหน้ามามากมาย แล้วนะคะ


เจริญด้วยสติ ด้วยปัญญา จากผลงาน ซึ่งเป็นความคิด อ่าน...และผ่านการปฎิบัติ ผ่านการทดลอง ผ่านการกระทำ...ของมนุษยชาติ


ขอเพียงคุณเปิดใจสักนิด คุณก็จะเห็นได้ว่า มาวันนี้หลายสิ่ง หลายอย่าง เจริญมากแล้วนะคะ


แม้การใช้ภาษา เราๆ ก็มีภาษา ที่ไพเราะ เหมาะสม มีการกาละ เทศะ ซึ่งเราจะสามารถนำมาใช้รวมกันได้...ให้เกิดเป็นสิ่งจรรโลงใจ และสามารถเกิดการสื่อสารต่อกัน และกันได้ ที่จะสามารถนำความเข้าใจ ในกันและกันได้ เป็นอันดี สามารถเกิดเป็นความสุข เป็นความสุขสรรค์ หรรษามาสู่กัน และกันได้ด้วยค่ะ


หรรษ- หรรษา

มีความหมายว่า

[หันสะ- หันสา] น. ความรื่นเริง ความยินดี.


คือเม้นต์นี้ ตั้งใจเม้นต์เข้ามาให้กำลังใจคุณนะคะ


อยากแนะนำให้คุณพยายามสงบบ้าง


และพยายามใช้สติบ้างนะคะ


คือว่าอ่านข้อความของคุณแล้ว รู้สึกได้ราวกับว่าคุณไม่เป็นสุขได้ หากแต่คุณกลับเดือดร้อน เดือดดาน และดิ้นรนค่ะ


คืออ่านเม้นต์สุดท้ายของคุณนี้ โดยรวมๆ แล้ว รู้สึกได้ราวกับว่าคุณหลงยุค และทุกข์ทรมานค่ะ


และ หากคุณต้องการอยากที่จะมุดดินนะคะ อยากบอกคุณว่า มาวันนี้เทคโนโลยี่ก้าวไกลแล้วค่ะ


หากคุณจะขุดดินนะคะ คุณลองๆ ใช้สติปัญญา มอง รอบๆ ตัวคุณดูนะคะ คือมาวันนี้ มีเครื่องมือที่จะสามารถขุดดินได้ผลเร็วมาก มากกว่าการตะกาย...ด้วยมือเปล่า ด้วยความความโง่เขลานะคะ


คืออยากบอกคุณว่า มาวันนี้ แม้มีสมอง และสองมือ ก็ไม่ทันกินแล้วค่ะ


ต้องใช้สติ และปัญญา และต้องเปิดใจ ด้วยนะคะ คุณจึงจะประสบความสำเร็จได้เร็ววัน และนั้นจักช่วยให้คุณพบความดี และสุขสันต์ เมื่อคุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการค่ะ


ความสุข...อยู่ที่ใจ ใจที่มีสติ ที่เบิกบาน และตื่นรู้ค่ะ


ไม่ว่า คุณจะทำอะไรอยู่ หรือตกอยู่ในสถานะใด ใจที่เป็นสุขได้ คือใจที่อยู่ภายใต้การมีสติ... และตื่นรู้ เบิกบาน แจ่มใส ในทุกๆ วินาทีค่ะ


ได้เห็นความทุกข์ทรมานของคุณ ผ่านเม้นต์ที่เห็น ก็เข้าใจได้ว่า คุณขาดสติค่ะ


เม้นต์นี้ เม้นต์เข้ามาด้วยความเมตตานะคะ


และนี่...


คำสั่งสอน ซึ่งเป็นบทเพลง ข้างล่างนี้ ที่อยากจะแนะนำให้คุณรับฟังบ่อยๆ หรือ ทุกเมื่อที่คุณมีโอกาสนะคะ


บทเพลงนี้ จะช่วยให้สติปัญญาของคุณตื่นรู้ และเบิกบานได้ หากคุณเข้าใจ ในความหมายของเพลงค่ะ


สิ่งดีๆ ที่พบเจอ อยากบอกต่อค่ะ


ขอให้คุณมีความสุข ด้วยเช่นกันค่ะ


https://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-02.png


0
FreudMs 13 พ.ค. 63 เวลา 04:51 น. 5-9

5-8 เป็นคอมเม้นที่ไร้ที่ติ ฉลาด เลิศเลอ ถ้อยคำเรียบเรียง มีความหมายที่สวยงามจริงๆ


นี่แหละคือคห.ที่ผมกำลังตามหาล่ะhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/yy-06.png

0
White Frangipani 13 พ.ค. 63 เวลา 04:59 น. 5-10

หากเป็นความจริง


ดังที่คุณตอบรับเข้ามานะคะ


ขออนุโมทนาสาธุ ด้วยกับคุณค่ะ





0
... 13 พ.ค. 63 เวลา 06:05 น. 5-11

คุณจะคิดยังไงก็เรื่องของคุณนะครับ เพราะความคิดของเด็กน้อยมันเอาใช้กับความจริงไม่ได้ "มันเลยทำให้คุณต้องดิ้นรน ที่จะทำให้คุณไม่ขายหน้า แม้ความจริงจะอยู่ตรงหน้าก็ตาม



"ดังนั้นแล้วผมจะบอกให้นะครับ คุณซวยมากที่ดันค้านผม" ซวยสุดๆเลยด้วย หลังจากวันนี้ไป "ความจริงจะไม่อยู่กับคุณอีกแล้ว ทุกคำพูดของคุณจะไม่เกี่ยวกับความจริงเลย และคำพูดของคุณจะเห็นผิดไปจากความจริง(คลาดเคลื่อน)ทั้งหมด และจะมีคนเข้ามาค้านคุณตลอดหากคุณไปแสดงความเห็นที่ผิดจากความเป็นจริง


และผมไม่ใช่ TunKob นะครับส่วนคุณอยากเดาว่าผมเป็นใครก็แล้วแต่คุณนะครับ

0
FreudMs 13 พ.ค. 63 เวลา 09:22 น. 5-12

เจ้าโง่Tunkob เฮ้ ดีใจที่ได้เจอ!


เป็นไงบ้างกับการฝึกฝนที่จะฉลาดขึ้นและคิดจะเอาตัวเองมาเทียบชั้นกับคนอย่างผม ไม่เอาน่า เรื่องแบบนี้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเพื่อน แม้มันจะหมายถึงไม่มีวันเป็นไปได้เลยก็ตาม^^



โทษนะ แต่อยากแนะนำนายอีกเรื่อง...ดูเหมือนนายกำลังต้องการจิตแพทย์นะ

นายน่าจะลองไปดูบ้าง ไม่ใช่เรื่องน่าอาย:)

0